ข้ามไปเนื้อหา

ไพริดอกซีน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Pyridoxine)
ไพริดอกซีน
ไพริดอกซีน
ข้อมูลทางคลินิก
ชื่ออื่นวิตามิน B6,[1] pyridoxol[2]
AHFS/Drugs.comโมโนกราฟ
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
  • US: A, C
ช่องทางการรับยาby mouth, IV, IM, subQ
รหัส ATC
ตัวบ่งชี้
  • 4,5-Bis(hydroxymethyl)-2-methylpyridin-3-ol
เลขทะเบียน CAS
DrugBank
ChemSpider
UNII
KEGG
ChEBI
ChEMBL
ECHA InfoCard100.000.548
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตรC8H11NO3
มวลต่อโมล169.180 g·mol−1
แบบจำลอง 3D (JSmol)
จุดหลอมเหลว159 ถึง 162 องศาเซลเซียส (318 ถึง 324 องศาฟาเรนไฮต์)
  • CC1=NC=C(C(=C1O)CO)CO
  • InChI=1S/C8H11NO3/c1-5-8(12)7(4-11)6(3-10)2-9-5/h2,10-12H,3-4H2,1H3
     checkY
  • Key:LXNHXLLTXMVWPM-UHFFFAOYSA-N
สารานุกรมเภสัชกรรม

ไพริดอกซีน (Pyridoxine) หรือ วิตามิน B6 หรือ ไพริดอซอล (Pyridoxol) เป็นวิตามินบี6ประเภทหนึ่ง มักพบในอาหารและอาหารเสริม[1] ใช้เพื่อป้องกันภาวะขาดแคลนวิตามินบี6, โรคเลือดจางชนิดซิเดโรบลาส, โรคลมชักจากการขาดวิตามินบี6, ความผิดปกติของเมตาโบลิซึม และ การรับประทานเห็ดพิษ[3][1] ไพริดอกซีนถูกใช้โดยการรับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ[3]

ผลข้างเคียงบางครั้งคราวของการใช้ยานี้ ได้แก่ ปวดหัว, มีอาการชา และ ง่วงนอน ยาชนิดนี้สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตรได้ ไพริดอกซีนถือว่าเป็นวิตามินบี6ประเภทหนึ่ง ซึ่งรางกายจำเป็นต้องใช้เพื่อผลิตกรดอะมิโน, คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน[3]

ไพริดอกซีนถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1934 และถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1938[4][5] ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาหลักขององค์การอนามัยโลก

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 WHO Model Formulary 2008 (PDF). World Health Organization. 2009. p. 496. ISBN 9789241547659. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
  2. Dryhurst, Glenn (2012). Electrochemistry of Biological Molecules (ภาษาอังกฤษ). Elsevier. p. 562. ISBN 9780323144520.
  3. 3.0 3.1 3.2 "Pyridoxine Hydrochloride". The American Society of Health-System Pharmacists. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
  4. Squires, Victor R. (2011). The Role of Food, Agriculture, Forestry and Fisheries in Human Nutrition - Volume IV (ภาษาอังกฤษ). EOLSS Publications. p. 121. ISBN 9781848261952.
  5. Harris, Harry (2012). Advances in Human Genetics 6 (ภาษาอังกฤษ). Springer Science & Business Media. p. 39. ISBN 9781461582649.