ภาษาแมนจู
ภาษาแมนจู | |
---|---|
ᠮᠠᠨᠵᡠ ᡤᡳᠰᡠᠨ | |
วลี Manju gisun ในอักษรแมนจู | |
ประเทศที่มีการพูด | ประเทศจีน |
ภูมิภาค | แมนจูเรีย |
ชาติพันธุ์ | ชาวแมนจู 10.7 ล้านคน |
จำนวนผู้พูด | ภาษาแม่ 20 คน[1][2] (2007)[3] มีผู้พูดภาษาที่สองประมาณพันกว่าคน[4][5][6] |
ตระกูลภาษา | ตุงกูซิก
|
ระบบการเขียน | อักษรแมนจู |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | จีน พื้นที่ปกครองตนเองของชาวแมนจู |
รหัสภาษา | |
ISO 639-2 | mnc |
ISO 639-3 | mnc |
ภาษาแมนจู (แมนจู:ᠮᠠᠨᠵᡠ
ᡤᡳᠰᡠᠨ; อักษรโรมัน: manju gisun; จีน: 满语; พินอิน: mǎn yǔ, หมาน อวี่) เป็นภาษากลุ่มตังกูสิตใกล้สูญพันธุ์ซึ่งมีผู้พูดทางภาคเหนือของประเทศจีน เป็นภาษาแม่ของชาวแมนจู แต่ปัจจุบัน ชาวแมนจูส่วนมากพูดภาษาจีนกลาง และมีผู้พูดเป็นภาษาแม่และพูดได้บ้างน้อยกว่า 70 คน จากผู้มีเชื้อสายแมนจูรวมเกือบ 10 ล้านคน แม้ภาษาซิเบที่มีผู้พูด 40,000 คน แทบเหมือนกับภาษาแมนจูในทุกด้าน แต่ผู้พูดภาษาซิเบ ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกไกล มีเชื้อสายแตกต่างจากชาวแมนจู ปัจจุบัน มีผู้พูดภาษาแมนจูเป็นภาษาที่สองประมาณพันกว่าคนผ่านการศึกษาระดับประถมศึกษาของรัฐบาลหรือชั้นเรียนฟรีสำหรับผู้ใหญ่ในห้องเรียนหรือทางออนไลน์[4][5][6]
ภาษาแมนจูเป็นภาษารูปคำติดต่อ เขียนจากบนลงล่าง คาดว่าพัฒนามาจากภาษาจูร์เชน มีคำยืมจากภาษามองโกเลียและภาษาจีนจำนวนมาก มีอักษรเป็นของตนเองเรียกว่าอักษรแมนจู ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับอักษรมองโกเลีย โครงสร้างประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา
ระบบการเขียน
[แก้]ภาษาแมนจูเขียนด้วยอักษรแมนจูที่พัฒนามาจากอักษรมองโกล ซึ่งเป็นรูปแบบการเขียนในแนวตั้งของ อักษรอุยกูร์ในยุคก่อนได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลาม, ภาษาแมนจูมีการเขียนด้วยอักษรโรมัน ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Paul Georg von Möllendorff, บรรพบุรุษของชาวแมนจูคือชาวจูร์เชนประดิษฐ์อักษรจูร์เชนขึ้นใช้ โดยพัฒนามาจากอักษรคีตัน ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างอักษรแมนจูกับอักษรจูร์เชน
ชื่อ
[แก้]ราชวงศ์ชิงเรียกภาษาแมนจูว่า "ชิงเหวิน" 清文[7] หรือ "ชิงอวี่" 清語 ("ภาษาชิง") และ "กว๋ออวี่" 國語 ("ภาษาแห่งชาติ")[8] ซึ่งเป็นชื่อที่ราชวงศ์ก่อน ๆ ที่ไม่ใช่ราชวงศ์ฮั่นใช้เรียกภาษาของตัวเอง คำว่า "กว๋อ" ("ชาติ") มักใช้เรียกภาษาในเอกสารแมนจูว่า "กว๋อเหวิน" 國文 หรือ "กว๋ออวี่" 國語[9] ในสนธิสัญญาเนียร์ชินสก์ฉบับภาษาแมนจู คำว่า "ภาษาจีน" (Dulimbai gurun i bithe) ใช้กล่าวถึงสามภาษาคือ ภาษาจีน ภาษาแมนจู และภาษามองโกล โดยไม่ได้ใช้เรียกแค่ภาษาเดียว[10] ปัจจุบัน คำว่า "กว๋ออวี่" หมายถึงภาษาจีนกลาง
ประวัติและความสำคัญ
[แก้]ภาษาแมนจูเป็นภาษาสำคัญในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ชาวแมนจูกลับหันมาใช้ภาษาจีนมากขึ้น และเริ่มสูญเสียภาษาของตนเอง และต้องมีการอนุรักษ์ภาษา ใน พ.ศ. 2315[11] จักพรรดิเฉียนหลงพบว่าข้าราชการชาวแมนจูจำนวนมากไม่เข้าใจภาษาแมนจู จักรพรรดิเจียกิง (พ.ศ. 2325 – 2363) กล่าวเช่นกันว่าข้าราชการไม่เข้าใจและเขียนภาษาแมนจูไม่ได้ เมื่อราว พ.ศ. 2442 – 2443 พบว่าในเฮย์หลงเจียงมีชายชาวแมนจูที่อ่านภาษาแมนจูได้เพียง 1% และพูดได้เพียง 0.2% ในราว พ.ศ. 2449 – 2450 ราชวงศ์ชิงได้จัดให้มีการศึกษาภาษาแมนจู และใช้ภาษาแมนจูเป็นคำสั่งทางทหาร
การใช้ภาษาแมนจูในสถานะภาษาราชการในสมัยราชวงศ์ชิงลดลงเรื่อย ๆ ในช่วงต้นของราชวงศ์ เอกสารที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองหรือเป็นหัวข้อทางการจะเขียนเป็นภาษาแมนจูไม่ใช้ภาษาจีน[12] บันทึกลักษณะนี้ยังคงเขียนต่อมาจนถึงปีท้าย ๆ ของราชวงศ์ที่สิ้นสุดใน พ.ศ. 2455 เอกสารภาษาแมนจูยังถูกเก็บรักษาในฐานะเอกสารสำคัญสมัยราชวงศ์ชิง ในปัจจุบัน ตัวเขียนภาษาแมนจูยังเห็นได้ในสถาปัตยกรรมของนครต้องห้าม สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์จะเขียนทั้งในภาษาแมนจูและภาษาจีน ภาษานี้ใช้ในการออกคำสั่งทางทหารจนถึง พ.ศ. 2421
นักวิชาการชาวยุโรป
[แก้]นักวิชาการชาวยุโรปในพุทธศตวรรษที่ 23 ที่ไม่สามารถอ่านภาษาจีนเพราะระบบการเขียนที่ซับซ้อนเลือกที่จะแปลจากภาษาแมนจูหรือใช้รูปแบบที่มีภาษาแมนจูคู่ขนานอยู่ด้วย โดยกล่าวว่าภาษาแมนจูเป็นหน้าต่างในการเข้าไปศึกษาวรรณคดีจีน นักวิชาการด้านจีนชาวรัสเซียได้ศึกษาภาษาแมนจูเช่นกัน หลังจากที่มาจัดตั้งนิกายรัสเซียนออร์ธอดอกซ์ในปักกิ่ง มีการแปลเอกสารจากภาษาแมนจู และทำพจนานุกรมภาษาแมนจู-จีน มีการสอนการแปลภาษาแมนจูในอินกุตส์ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 23 และสอนต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ชาวยุโรปได้ใช้การถอดคำในภาษาจีนด้วยอักษรแมนจู เพื่อช่วยในการออกเสียงภาษาจีนซึ่งนิยมใช้มากกว่าระบบที่ใช้อักษรโรมัน
สถานการณ์ปัจจุบัน
[แก้]ในปัจจุบันมีผู้พูดภาษาแมนจูเหลือน้อยมาก โดยในแมนจูเรียไม่มีผู้พูดภาษานี้แล้ว หันมาพูดภาษาจีนกันทั้งสิ้น กลุ่มผู้ใช้ภาษาแมนจูเป็นภาษาแม่เหลืออยู่ในหมู่บ้าน Sanjiazi ในเฮย์หลงเจียง[13] และมีผู้พูดภาษานี้อีกเล็กน้อยในตำบลไอฮุย ในเขตปกครองตนเอง Heihe
จริง ๆ แล้วรูปแบบสมัยใหม่ของภาษานี้คือภาษาซิเบของชาวซิเบที่อาศัยในซินเจียง และอพยพมาอยู่ในจักรวรรดิชิง เมื่อ พ.ศ. 2307 ภาษาซิเบสมัยใหม่ใกล้เคียงกับภาษาแมนจู แม้ว่าจะมีความแตกต่างบ้างในการเขียนและการออกเสียง ภาษาซิเบมีการสอนเป็นภาษาที่สองในวิทยาลัยครูอีลีในจังหวัดปกครองตนเองชนชาติคาซัคอีหลี มณฑลซินเจียง[14] มีการออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งคราวด้วยภาษาซิเบ ประมาณสองครั้งต่อสัปดาห์ มีหลายแห่งในประเทศจีนที่สอนภาษาแมนจู หลายโรงเรียนในเฮย์หลงเจียงเริ่มมีการสอนวิชาภาษาแมนจู[15][16][17]ในมหาวิทยาลัยเฮย์หลงเจียงมีศูนย์วิจัยภาษาแมนจู[18] และมีความพยายามฟื้นฟูภาษาแมนจู
สัทวิทยา
[แก้]ภาษาเขียนของภาษาแมนจูจัดเป็นภาษาพยางค์เปิด เพราะมีเสียงตัวสะกดได้เสียงเดียวคือ /n/ ซึ่งคล้ายกับภาษาจีนกลางในปักกิ่ง และภาษาญี่ปุ่น คำดั้งเดิมในภาษาจึงลงท้ายด้วยเสียงสระทั้งหมด ลักษณะเช่นนี้พบได้ในทุกสำเนียง แต่พบมากที่สุดในสำเนียงใต้ที่กลายมาเป็นภาษาเขียน
สระ
[แก้]ระบบสระของภาษาแมนจูมีสระเป็นกลาง (([i] และ [u]) ที่มีอิสระที่จะปรากฏกับสระใด ๆ ก็ได้ สระหน้า [e] จะไม่ปรากฏร่วมกับสระหลัง ([o] และ [a]) สระ [ū] จัดเป็นสระหลัง แต่บางครั้งก็ปรากฏร่วมกับสระ [e] ได้ ส่วนในภาษาซิเบจะออกเสียงเป็น [u]
การเปลี่ยนเสียงสระ
[แก้]การเปลี่ยนเสียงสระในภาษาแมนจูอธิบายได้ด้วยหลักของอี้จิง โดยสระหน้าเป็นพยางค์หยิน ส่วนสระหลังเป็นพยางค์หยาง ซึ่งเป็นเพราะคำที่ใช้สระหน้ามักเป็นเพศหญิง และคำที่ใช้สระหลังมักเป็นเพศชาย จึงมีคู่ของคำในภาษาที่เมื่อเปลี่ยนสระจะเปลี่ยนเพศของคำด้วย เช่น hehe (ผู้หญิง) และ haha (ผู้ชาย) หรือ eme (แม่) และ ama (พ่อ)
คำยืม
[แก้]ภาษาแมนจูมีคำยืมจำนวนมากจากภาษาจีน มีสัญลักษณ์พิเศษที่ใช้แสดงสระของคำยืมจากภาษาจีน และสัญลักษณ์สำหรับพยัญชนะที่ใช้เฉพาะในคำยืมจากภาษาจีน นอกจากนั้นยังมีคำยืมจากภาษามองโกเลียด้วย
ไวยากรณ์
[แก้]ประโยค
[แก้]คำคุณศัพท์นำหน้าด้วยคำนามที่ขยาย การเรียงประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา มีการใช้สัญลักณ์การกควบคู่กับปรบท เช่น
bi tere niyalma+i emgi gene+he
ฉัน คนนั้น+GEN กับ ไป+PAST
ฉันไปกับคนนั้น
สองประโยคต่อไปนี้สามารถรวมเข้าด้วยกันด้วย converb ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงการกระทำรองเข้ากับการกระทำหลัก เช่น
tere sargan boo ci tuci+ke
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นออกมาจากบ้าน
tere sargan hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นไปในเมือง
tere sargan boo ci tuci+fi, hoton de gene+he
นั้น ผู้หญิง บ้าน ABL ไป.ออก+PAST.CONVERB, เมือง DAT ไป+PAST.FINITE
ผู้หญิงคนนั้นที่ออกจากบ้าน ไปในเมือง
คำนาม
[แก้]คำนามในภาษาแมนจูแบ่งเป็นการกจำนวนมากดังนี้
- การกพื้นฐาน
- การกประธาน - ใช้สำหรับประธาน ไม่มีปัจจัย
- การกกรรมตรง ใช้สำหรับกรรมตรงของประโยค ใช้ปัจจัย -be.
- การกแสดงความเป็นเจ้าของ ใช้บ่งชี้ความเป็นเจ้าของ ใช้ปัจจัย -i หรืออนุภาค ni ถ้าตามหลังคำที่ลงท้ายด้วย -ng ตัวอย่างเช่น wangni moo (ต้นไม้ของพระราชา)
- การกสถานที่และเวลา ใช้บ่งชี้ตำแหน่ง เวลา สถานที่ หรือกรรมรอง ใช้ปัจจัย -de.
- ablative – ใช้บ่งชี้กำเนิดของการกระทำ หรือพื้นฐานสำหรับการเปรียบเทียบ ใช้ปัจจัย -ci.
- การกเครื่องมือ ใช้บ่งชี้จุดกำเนิดของการกระทำ แสดงโดยอนุภาค deri ใช้มากในภาษาแมนจูคลาสสิก
- การกใช้น้อย:
- initiative – แสดงจุดเริ่มต้นของการกระทำ ใช้ปัจจัย - deri
- terminative – ใช้แสดงจุดสิ้นสุดของการกระทำ ใช้ปัจจัย - tala/tele/tolo
- indef. allative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นมาถึงสถานที่นั้น ใช้ปัจจัย- si
- indef. locative - ใช้แสดงสถานที่ เหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำนั้นเกิดขึ้นที่สถานที่นั้น ใช้ปัจจัย - la/le/lo
- indef. ablative – ใช้ระบุ มาจากที่ มาจาเหตุการณ์ที่ไม่รู้เมื่อการกระทำมาจากสถานที่ที่แน่นอนใกล้ ๆ กันนั้น ใช้ปัจจัย - tin
- distributive – ใช้แสดงสิ่งหนึ่งในบางอย่าง ใช้ปัจจัย - dari
- formal – ใช้แสดงความคล้ายคลึง ใช้ปัจจัย - gese
- identical – ใช่แสดงความเหมือน ใช้ปจจัย- ali/eli/oli
- orientative – ใช้แสดงการเข้าไปสู่ แสดงตำแหน่งและแนวโน้ม ใช้ปัจจัย - ru
- revertive – ใช้แสดงการกลับหรือต่อต้าน ใช้ปัจจัย - ca/ce/co
- translative – ใช้แสดงการเปลี่ยนรูปแบบหรือคุณสมบัติ ใช้ปัจจัย - ri
- in. accusative – แสดงว่าการสัมผัสของการกระทำนั้นยังมาสมบูรณ์ ใช้ปัจจัย - a/e/o/ya/ye/yo
อ่านเพิ่ม
[แก้]เรียนรู้ตำราทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
- Paul Georg von Möllendorff (1892). A Manchu grammar: with analysed texts. Printed at the American Presbyterian mission press. pp. 52. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
- A. Wylie (1855). Translation of the Ts'ing wan k'e mung, a Chinese Grammar of the Manchu Tartar Language; with introductory notes on Manchu Literature: (translated by A. Wylie.). Mission Press. สืบค้นเมื่อ 1 March 2012.
- Thomas Taylor Meadows (1849). Translations from the Manchu: with the original texts, prefaced by an essay on the language. Canton: Press of S.W. Williams. pp. 54http://www.endangeredlanguages.com/lang/1205/guide/6302. สืบค้นเมื่อ 10 February 2012.
สำหรับผู้อ่านภาษาจีน
- Liu, Jingxian; Zhao, Aping; Zhao, Jinchun (1997). 满语研究通论 (General Theory of Manchu Language Research). Heilongjiang Korean Nationality Publishing House. ISBN 9787538907650.
- Ji, Yonghai (2011). 满语语法 (Manchu Grammar). Minzu University of China Press. ISBN 9787811089677.
- Aisin Gioro, Yingsheng (2004). 满语杂识 (Divers Knowledges of Manchu language). Wenyuan Publishing House. ISBN 7-80060-008-4.
วรรณกรรม
- von Möllendorff, P. G. (1890). "Essay on Manchu Literature". Journal of the China Branch of the Royal Asiatic Society for the Year ..., Volumes 24-25. The Branch: 1–45.
- Wade, Thomas Francis (1898). Herbert Allen Giles (บ.ก.). A catalog of the Wade collection of Chinese and Manchu books in the library of the University of Cambridge. University Press.
- Cambridge University Library (1898). A Catalogue of the Collection of Chinese and Manchu Books Given to the University of Cambridge. The University Press.
- James Summers, บ.ก. (1872). Descriptive catalogue of the Chinese, Japanese, and Manchu books.
- Klaproth, Heinrich Julius (1822). Verzeichniss der chinesischen und mandshuischen Bücher und Handschriften der K. Bibliothek zu Berlin (ภาษาเยอรมัน). Paris: In der Königlichen Drunerel.
อ้างอิง
[แก้]- ↑ https://web.archive.org/web/20170930050650
- ↑ "Redirected". 19 November 2019.
- ↑ ภาษาแมนจู ที่ Ethnologue (18th ed., 2015) (ต้องสมัครสมาชิก)
- ↑ 4.0 4.1 抢救满语振兴满族文化 (ภาษาจีน). 26 April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 November 2017. สืบค้นเมื่อ 14 May 2020.
- ↑ 5.0 5.1 China News (originally Beijing Morning Post): Manchu Classes in Remin University (Simplified Chinese)
- ↑ 6.0 6.1 "Phoenix Television: Jinbiao's 10-year Manchu Dreams". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-05. สืบค้นเมื่อ 2022-02-04.
- ↑ Saarela, Måten Söderblom (2014). Benjamin A Elman (บ.ก.). The Manchu Script and Information Management: Some Aspects of Qing China's Great Encounter with Alphabetic Literacy. Rethinking East Asian Languages, Vernaculars, and Literacies, 1000–1919. BRILL. p. 169. ISBN 9789004279278.
- ↑ Elliot, Mark C. (19 January 2006). Pamela Kyle Crossley; และคณะ (บ.ก.). Empire at the Margins: Culture, Ethnicity, and Frontier in Early Modern China. University of California Press. p. 38. ISBN 9780520230156.
- ↑ Rhoads, Edward J. M. (2000). Manchus and Han: Ethnic Relations and Political Power in Late Qing and Early Republican China, 1861–1928. University of Washington Press. p. 109. ISBN 9780295980409.
- ↑ Zhao, Gang (January 2006). "Reinventing China: Imperial Qing Ideology and the Rise of Modern Chinese National Identity in the Early Twentieth Century" (PDF). Modern China. Sage Publications. 32 (1): 12. doi:10.1177/0097700405282349. JSTOR 20062627. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 March 2014. สืบค้นเมื่อ 23 May 2014.
- ↑ Yu, Hsiao-jung. "Manchu Rule over China and the Attriion of the Manchu Language" (PDF). University of California, Santa Barbara. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-12-23. สืบค้นเมื่อ 2019-10-24.
- ↑ Lague, David (17 March 2007). "Manchu Language Lives Mostly in Archives". The New York Times.
- ↑ Lague, David (18 March 2007). "Chinese Village Struggles to Save Dying Language". The New York Times.
- ↑ "Welcome to Ili Teacher's College". Study In China.org. 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 March 2016.
- ↑ "29 Manchu Teachers of Huanren, Benxi Are Now On Duty" (ภาษาจีน). Liaoning News. 20 March 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 January 2013. สืบค้นเมื่อ 1 June 2013.
- ↑ "A High School Opens Manchu Class in Liaoning" (ภาษาจีน). China News.com. 29 October 2011.
- ↑ "Manchu Class Comes Into A Middle School Class of Jilin For the First Time" (ภาษาจีน). Sina Education. 22 March 2012.
- ↑ Johnson, Ian (5 October 2009). "In China, the Forgotten Manchu Seek to Rekindle Their Glory". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 5 October 2009.
ข้อมูล
[แก้]- Gorelova M., Liliya (2002). Manchu Grammar (PDF). Leiden; Boston; Köln.: Brill Academic Publishers. ISBN 90-04-12307-5.
- Elliott, Mark (2013). "Why Study Manchu?". Manchu Studies Group.
- Fletcher, Joseph (1973), "Manchu Sources", ใน Leslie Donald, Colin Mackerras and Wang Gungwu (บ.ก.), Essays on the Sources for Chinese History, Canberra: ANU Press
- Haenisch, Erich. 1961. Mandschu-Grammatik. Leipzig: VEB Verlag Enzyklopädie (ในภาษาเยอรมัน)
- Hauer, Erich (1930). "Why the Sinologue Should Study Manchu" (PDF). Journal of the North China Branch of the Royal Asiatic Society. 61: 156–164.
- Li, Gertraude Roth (2000). Manchu: A Textbook for Reading Documents. Honolulu, Hawaii: University of Hawai`i Press. ISBN 0824822064.
- Erling von Mende. 2015. "In Defence of Nian Gengyao, Or: What to Do About Sources on Manchu Language Incompetence?". Central Asiatic Journal 58 (1-2). Harrassowitz Verlag: 59–87. https://www.jstor.org/stable/10.13173/centasiaj.58.1-2.0059.
- Möllendorff, Paul Georg von. 1892. Paul Georg von Möllendorff (1892). A Manchu Grammar: With Analysed Texts. Printed at the American Presbyterian mission Press. Shanghai. ข้อความเต็มของ A Manchu Grammar ที่วิกิซอร์ซ
- Norman, Jerry. 1974. "Structure of Sibe Morphology", Central Asian Journal.
- Norman, Jerry. 1978. A Concise Manchu–English Lexicon, University of Washington Press, Seattle.
- Norman, Jerry. 2013. A Comprehensive Manchu–English Dictionary, Harvard University Press (Asia Center), Cambridge ISBN 9780674072138.
- Ramsey, S. Robert. 1987. The Languages of China. Princeton University Press, Princeton New Jersey ISBN 0-691-06694-9
- Tulisow, Jerzy. 2000. Język mandżurski (« The Manchu language »), coll. « Języki Azjii i Afryki » (« The languages of Asia and Africa »), Dialog, Warsaw, 192 p. ISBN 83-88238-53-1 (ในภาษาโปแลนด์)
- Kane, Daniel. 1997. "Language Death and Language Revivalism the Case of Manchu". Central Asiatic Journal 41 (2). Harrassowitz Verlag: 231–49. https://www.jstor.org/stable/41928113.
- Aiyar, Pallavi (26 April 2007). "Lament for a dying language". Asia Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Manchu Swadesh vocabulary list of basic words (from Wiktionary's Swadesh-list appendix)
- Abkai — Unicode Manchu/Sibe/Daur Fonts and Keyboards เก็บถาวร 2019-06-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Manchu language Gospel of Mark
- Manchu alphabet and language at Omniglot
- Manchu Test Page
- Manchu–Chinese–English Lexicon
- online Manchu–Chinese, Manchu–Japanese lexicon (ในภาษาจีน)
- Anaku Manchu Script Creator (ในภาษาจีน)
- A Dying Language
- Contrast In Manchu Vowel Systems
- Manchu Word Of The Day, Open Source Manchu–English dictionary เก็บถาวร 2009-02-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Manju Nikan Inggiri Gisun i Buleku Bithe (Manchu–Chinese–English dictionary) [ลิงก์เสีย]
- Manchu language guide
- The Manchu Studies Group
- Tawney, Brian. "Reading Jakdan's Poetry: An Exploration of Literary Manchu Phonology". AM Thesis (Harvard, RSEA) เก็บถาวร 2016-04-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน.
- 清代满族语言文字在东北的兴废与影响 เก็บถาวร 2001-06-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน