โซเฟียแห่งมินสก์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โซเฟียแห่งมินสก์
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
แลนด์เกรฟวีนแห่งทือริงเงิน
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
ครองราชย์1157 – 12 พฤษภาคม 1182
ก่อนหน้าเจ้าหญิงเฮเลนาแห่งสวีเดน
ถัดไปเกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย
ประสูติราวค.ศ. 1140
สวรรคต5 พฤษภาคม ค.ศ. 1198(1198-05-05) (58 ปี)
ฝังพระศพโบสถ์นักบุญเบ็นท์, ริงสเต็ด, เดนมาร์ก
คู่อภิเษกพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
ลุดวิกที่ 3 แลนด์เกรฟแห่งทือริงเงิน
พระราชบุตร
พระนามเต็ม
โซเฟีย รูลิคคิด
ราชวงศ์รูลิค
พระราชบิดาโวโลดาร์ เกล็บโบวิช เจ้าชายแห่งมินสก์?
พระราชมารดาเจ้าหญิงริเชซาแห่งโปแลนด์
ศาสนาโรมันคาทอลิก

โซเฟียแห่งมินสก์ หรือ โซเฟียแห่งโปโลสก์ (ราว ค.ศ. 1140 - 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1198) เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก จากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก และทรงเป็นแลนด์เกรฟวีนแห่งทือริงเงิน จากการอภิเษกสมรสกับลุดวิกที่ 3 แลนด์เกรฟแห่งทือริงเงิน

พระราชประวัติ[แก้]

ชาติกำเนิด[แก้]

โซเฟียทรงเป็นธิดาในเจ้าหญิงริเชซาแห่งโปแลนด์ สมเด็จพระพันปีหลวงแห่งสวีเดนจากการเสกสมรสครั้งที่สองกับบุรุษที่มีนามว่า "วาลาดอร์" หรือ "โวโลดาร์" กษัตริย์แห่งดินแดนโปโลสก์ แต่ถึงกระนั้นตัวตนของพระราชชนกของโซเฟียก็ยังไม่แน่ชัด

วัยเยาว์[แก้]

โซเฟียทรงใช้พระชนม์ชีพวัยเยาว์ในเดนมาร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระชนนีของพระองค์ประทับในช่วงที่เสกสมรสครั้งแรกกับเจ้าชายเดนมาร์กซึ่งได้ครองบัลลังก์สวีเดน และต่อมาพระนางริเชซาทรงพาพระราชธิดากลับมายังเดนมาร์กอีกครั้งเมื่อการเสกสมรสกับโวโลดาร์สิ้นสุดลง โซเฟียทรงเป็นพระขนิษฐาต่างพระชนกกับพระเจ้าคนุตที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพระโอรสที่ประสูติแต่พระสวามีองค์แรกของพระนางริเชซา คนุตได้เป็นกษัตริย์แห่งเดนมาร์กในปีค.ศ. 1146 โซเฟียและสมเด็จพระพันปีหลวงริเชซาจึงประทับในราชสำนักของกษัตริย์คนุดที่ 5

ราวปีค.ศ. 1149 พระราชชนนีของโซเฟียได้อภิเษกสมรสใหม่กับพระเจ้าสแวร์เกอที่ 1 แห่งสวีเดน เป็นการอภิเษกสมรสครั้งที่สาม พระนางจึงได้เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนอีกครั้ง จึงทรงพาพระราชธิดาโซเฟียไปประทับที่สวีเดน โซเฟียจึงทรงเติบโตในสวีเดน

สมเด็จพระราชินี[แก้]

ในปีค.ศ. 1154 ขณะมีพระชนมายุราว 14 พรรษา โซเฟียแห่งมินสก์ได้หมั้นกับพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งขณะนั้นเดนมาร์กมีกษัตริย์สามพระองค์พร้อมกันชิงบัลลังก์คือ กษัตริย์วัลเดมาร์ กษัตริย์คนุตที่ 5 และพระเจ้าสเวนที่ 3 แห่งเดนมาร์ก การหมั้นจึงเป็นการสร้างสัญลักษณ์พันธมิตรระหว่างเดนมาร์กและสวีเดน ในช่วงนั้นมีการบรรยายว่าโซเฟียเป็นเด็กสาวที่ทรงสิริโฉม[1] ในสนธิสัญญาการอภิเษกสมรส ได้ให้การรับรองสิทธิของโซเฟียในการครอบครองทรัพย์สมบัติในเดนมาร์กจำนวนหนึ่งในแปดของพระราชทรัพย์กษัตริย์คนุดที่ 5 ผู้เป็นพระเชษฐา[1]

โซเฟียเสด็จออกจากสวีเดนไปยังเดนมาร์ก หลังจากมีการหมั้นเรียบร้อยในปีค.ศ. 1154 แต่พระนางก็ไม่ทรงมีพระชนมายุมากพอที่จะเข้าพิธีเสกสมรสตามธรรมเนียมของนอร์ดิก พระนางจึงต้องประทับอยู่กับมารดาอุปถัมภ์ที่ชื่อว่า บอดิล จนกว่าพระนางจะมีพระชนมายุมากเพียงพอที่จะประทับอยู่ร่วมกับกษัตริย์วัลเดมาร์[1]

ปูนพลาสเตอร์ที่หล่อกระโหลกพระเศียรของพระนาง

พระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์วัลเดมาร์และโซเฟียถูกจัดขึ้นที่เมืองวีบอร์ก ในปีค.ศ. 1157 คือสามปีต่อมา พระนางจึงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก

ในปีค.ศ. 1157 กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ตัดสินใจที่จะแบ่งประเทศออกเป็นสามราชอาณาจักร กษัตริย์สเวนที่ 3 ได้ทำการจัดงานเลี้ยงขึ้นที่รอสคิลด์ในวันที่ 9 สิงหาคม เพื่อเชิญกษัตริย์คนุดที่ 5 พระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีโซเฟียและกษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 พระสวามีของพระนางโซเฟียมาร่วมงานเพื่อเจรจาสันติภาพ กษัตริย์วัลเดมาร์เสด็จมาพร้อมกับอับซาลอน ที่ปรึกษาคนสนิท แต่ในความเป็นจริงแล้วกษัตริย์สเวนที่ 3 ทรงตั้งพระทัยที่จะใช้งานเลี้ยงนี้สังหารกษัตริย์ทั้งสอง กษัตริย์คนุดที่ 5 ถูกปลงพระชนม์ในงานเลี้ยงโดยทหารของกษัตริย์สเวน ส่วนกษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 และอับซาลอนสามารถหลบหนีไปได้ เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า "งานเลี้ยงเลือดที่รอสคิลด์" (Bloodfeast of Roskilde) กษัตริย์วัลเดมาร์ทรงหลบหนีกลับคาบสมุทรจัตแลนด์ได้ กษัตริย์สเวนจึงรีบระดมกองทัพรุกรานคาบสมุทรจัตแลนด์ทันที ยุทธการกราเธอฮีทเกิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1157 และเป็นจุดจบของสงครามกลางเมืองเดนมาร์ก กษัตริย์สเวนที่ 3 สวรรคตในสนามรบ โดยพระองค์ถูกปลงพระชนม์โดยเหล่าชาวนาราษฎรของกษัตริย์วัลเดมาร์ ที่จับกุมพระองค์และสังหารเสียขณะที่ทรงหลบหนีออกจากสมรภูมิและม้าของพระองค์ติดอยู่ในพรุ จากเหตุการณ์นี้กษัตริย์วัลเดมาร์ทรงมีพระชนม์ชีพยืนยาวกว่าศัตรูผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ทุกคน จึงทำให้พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งเดนมาร์กเพียงพระองค์เดียว ว่ากันว่าสมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงทูลยุยงให้พระสวามีแก้แค้นกษัตริย์สเวนที่สังหารพระเชษฐาของพระนาง[2]

มีบันทึกว่าสมเด็จพระราชินีโซเฟียเป็นสตรีที่ทรงพระสิริโฉม ทรงมีพระอำนาจเหนือกษัตริย์และมีอุปนิสัยโหดเหี้ยม ตามพงศาวดารดั้งเดิมระบุว่า สมเด็จพระราชินีทรงสั่งสังหาร ฟรีลี โทเว พระสนมในกษัตริย์วัลเดมาร์ และทรงทำร้าย เคิร์ชเทน ขนิษฐาของกษัตริย์จนบาดเจ็บ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีการยืนยันตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์[3]

กษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 สวรรคตที่ปราสาทวอร์ดิงบอร์ก ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1182 ขณะมีพระชนมายุ 51 พรรษา พระเจ้าคนุดที่ 6 แห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์ได้สืบราชบัลลังก์ต่อ ทำให้พระนางกลายเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงแห่งเดนมาร์ก

บั้นปลายพระชนม์ชีพ[แก้]

ขณะทรงเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง พระนางโซเฟียทรงตอบรับคำขอเสกสมรสจากลุดวิกที่ 3 แลนด์เกรฟแห่งทือริงเงิน ในราวปีค.ศ. 1184 พระนางได้โดยเสด็จมาที่ชายแดนโดยมีกษัตริย์ผู้เป็นพระราชโอรสนำเสด็จพระราชชนนีพร้อมขบวนติดตามอย่างยิ่งใหญ่

ลุดวิกที่ 3 สิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1190 พระนางโซเฟียจึงถูกละทิ้งจากราชสำนักทือริงเงิน พระนางจึงเสด็จกลับเดนมาร์ก

สมเด็จพระพันปีหลวงโซเฟียสิ้นพระชนม์ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1198 สิริพระชนมายุราว 58 พรรษา

พระโอรส-ธิดา[แก้]

กษัตริย์วัลเดมาร์และสมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงมีพระราชโอรสธิดาร่วมกันดังนี้

  พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
- เจ้าหญิงโซเฟีย เคานท์เตสแห่งไวมาร์-ออร์ลามุนด์ ค.ศ. 1159 ค.ศ. 1208 อภิเษกสมรสกับ
ซิกฟีดที่ 3 เคานท์แห่งไวมาร์-ออร์ลามุนด์
มีพระโอรส 2 พระองค์ ได้แก่
อัลเบิร์ตที่ 2 เคานท์แห่งไวมาร์-ออร์ลามุนด์
แฮร์มันน์ที่ 2 เคานท์แห่งไวมาร์-ออร์ลามุนด์
พระเจ้าคนุดที่ 6 แห่งเดนมาร์ก ค.ศ. 1163 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1202 อภิเษกสมรส กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1177 กับ
เจ้าหญิงเกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย
ไม่มีพระโอรสธิดา
- เจ้าหญิงมาเรียแห่งเดนมาร์ก ราวค.ศ. 1165 ไม่ปรากฏหลักฐาน ไม่อภิเษกสมรส
ดำรงเป็นนางชีที่รอสคิลด์ ในปีค.ศ.1188
- เจ้าหญิงมาร์เกรเธอแห่งเดนมาร์ก ราวค.ศ. 1167 ราวค.ศ. 1205 ไม่อภิเษกสมรส
ดำรงเป็นนางชีที่รอสคิลด์ ในปีค.ศ.1188
พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1170 28 มีนาคม ค.ศ. 1241 อภิเษกสมรสครั้งที่ 1 ค.ศ. 1205 กับ
เจ้าหญิงดักมาร์แห่งโบฮีเมีย
มีพระโอรส 2 พระองค์ ได้แก่
วัลเดมาร์ยุวกษัตริย์
พระโอรสตายคลอด

อภิเษกสมรสครั้งที่ 2 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1214 กับ
เจ้าหญิงเบเรนกาเรียแห่งโปรตุเกส
มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
พระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์ก
เจ้าหญิงโซฟีแห่งเดนมาร์ก
พระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์ก
พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
บุตรตายคลอดไม่ทราบเพศ
เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส ค.ศ. 1174 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1237 อภิเษกสมรส 15 สิงหาคม ค.ศ. 1193 กับ
พระเจ้าฟีลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส
ไม่มีพระโอรสธิดา
- เจ้าหญิงเฮเลนา ดัชเชสแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค ราวค.ศ. 1180 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1233 อภิเษกสมรส ค.ศ. 1202 กับ
วิลเลียมแห่งวินเชสเตอร์ ลอร์ดแห่งลุนเอนบูร์ก
มีพระโอรส 1 พระองค์ ได้แก่
อ็อทโทที่ 1 ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค
เจ้าหญิงริเชซา สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ราวค.ศ. 1180 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1220 อภิเษกสมรส ค.ศ. 1210 กับ
พระเจ้าอีริคที่ 10 แห่งสวีเดน
มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
เจ้าหญิงโซเฟีย อีริคสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน
เจ้าหญิงมาร์ธา อีริคสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน (ถูกกล่าวอ้าง)
เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์ก อีริคสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน
เจ้าหญิงมาเรียนนา อีริคสด็อทเทอร์แห่งสวีเดน (อาจเป็นไปได้)
พระเจ้าอีริคที่ 11 แห่งสวีเดน
- เจ้าหญิงวัลบูร์กิส ดัชเชสแห่งพอเมอเรเนีย ไม่ปรากฏหลักฐาน ค.ศ. 1177 อภิเษกสมรส กับ
บอกุสเลาว์ที่ 1 ดยุกแห่งพอเมเรเนีย
มีพระโอรส 2 พระองค์ ได้แก่
ราติบอร์แห่งพอเมเรเนีย
วอร์ทิสเลาว์ที่ 2 ดยุกแห่งพอเมอเรเนีย

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 Bricka, Carl Frederik. "163 (Dansk biografisk Lexikon / XVI. Bind. Skarpenberg - Sveistrup)". runeberg.org. สืบค้นเมื่อ Jul 15, 2019.
  2. "Slaget på Grathe Hede 1157". Danmarks Historien. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
  3. Smith-Dampier, Eleanor. Danish Ballads, pp. 15-24 (Cambridge U. Press 1920).
ก่อนหน้า โซเฟียแห่งมินสก์ ถัดไป
เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งสวีเดน
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
(ราชวงศ์แอสตริดเซน)

(ค.ศ. 1157 – ค.ศ. 1182)
เกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย