เจ้าจอมมารดาเลื่อน ในรัชกาลที่ 5
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
เจ้าจอมมารดา เลื่อน ในรัชกาลที่ 5 | |
---|---|
เกิด | เลื่อน นิยะวานนท์ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2418 |
เสียชีวิต | 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 (72 ปี) |
คู่สมรส | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
บุตร | |
บิดามารดา | พระนรินทราภรณ์ (ลอย นิยะวานนท์) ปริก นิยะวานนท์ |
เจ้าจอมมารดาเลื่อน ในรัชกาลที่ 5 (สกุลเดิม นิยะวานนท์; 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2418 – 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490) เป็นบาทบริจาริกาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระชนนีของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลวาดวรองค์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ท่านมีหน้าที่อ่านหนังสือถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนเข้าบรรทม เพราะมีเสียงไพเราะ แม้อ่านมายาวนานก็ยังเพราะไม่แหบแห้ง จึงได้รับพระกรุณาอยู่เสมอ
ประวัติ
[แก้]เจ้าจอมมารดาเลื่อน เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2418 ที่บ้านบางขุนพรหม จังหวัดพระนคร เป็นบุตรีของพระนรินทราภรณ์ (ลอย นิยะวานนท์) กับปริก โดยปู่ของท่านคือพระอินท์อากร (มุ่ย ไกรฤกษ์) เป็นน้องชายของเจ้าจอมมารดาอำพา ในรัชกาลที่ 2 (พระมารดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ ต้นราชสกุลกปิตถา และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ต้นราชสกุลปราโมช)
เมื่อท่านอายุได้ 9 ปี ได้เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวัง กับ เจ้าจอมมิ ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นลูกของป้าท่าน แล้วจึงถวายตัวแด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แล้วได้เป็นละครหลวง ต่อมาทรงพระกรุณาให้เป็นเป็นเจ้าจอม ประสูติพระเจ้าลูกเธอรวม 2 พระองค์ คือ
ในส่วนของเจ้าจอมมารดาเลื่อนนั้น ท่านจะมีหน้าที่ประจำ คือ การอ่านหนังสือถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเวลาเข้าที่บรรทมเป็นนิจ เพราะพระองค์ทรงพระบรรทมยาก ท่านเจ้าจอมมารดาท่านมีเสียงที่ไพเราะ อ่านได้นาน ๆ ไม่แหบแห้ง ทั้งเป็นผู้ถูกอัธยาศัย ทรงพระกรุณามาก เมื่อต่อมาพระราชโอรสทรงได้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ก็เป็นเหตุให้ทรงยกย่องเจ้าจอมมารดาเลื่อนยิ่งขึ้น ถึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 2 ครั้นพระองค์เจ้าอุรุพงษ์สิ้นพระชนม์แล้ว ปลายรัชกาลที่ 5 เจ้าจอมมารดาเลื่อนจึงถวายคืนพระมรดกของพระองค์เจ้าอุรุพงษ์ฯ ทั้งหมด
ถึงรัชกาลที่ 6 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชเงินปีเลี้ยงชีพเป็นพิเศษอีกปีละ 30,000 บาท นอกเหนือไปจากอัตราปกติของเจ้าจอมมารดาพระสนมเอก และได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 อีกด้วย
ในเวลาต่อมา เจ้าจอมมารดาเลื่อน ได้กราบถวายบังคมทูลลาออกไปอยู่นอกวัง ที่บ้านถนนพระราม 5 ( ปัจจุบันกำลังปรับปรุงอาคารให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา เพื่อเป็นหอประวัติศาสตร์พร้อมสำหรับการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองควบคู่ไปกับการจัดประชุม เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 ปี ) และดำรงชีพอยู่โดยสัมมาปฏิบัติ ต่อมาท่านได้ย้ายไปสร้างบ้านใหม่ที่ถนนเพชรบุรี ใกล้ประตูน้ำปทุมวัน แต่มีโรคเบียดเบียนในวัยชราอยู่หลายปี จนในที่สุดก็ถึงแก่อสัญกรรมลงที่บ้านถนนเพชรบุรีนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490
เจ้าจอมมารดาเลื่อน เป็นบุคคลที่มีใจเป็นบุญ ทำการบริจาคทานอยู่เสมอ ๆ เช่น สร้างศาลาอุรุพงษ์ เป็นการเปรียญใหม่ ที่วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร และปฏิสังขรณ์ พระประธานองค์ใหญ่ ประดิษฐานไว้ในศาลานั้น สิ้นเงินในการนี่ 25,000 บาท และตั้งทุนช่วยวัด ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ได้บริจาคเงิน 800 บาท ซ่อมศาลาที่บรรจุพระอังคารพระองค์อุรุพงษ์ฯ เปลี่ยนเป็นศาลาจตุรมุข ผูกเหล็กหล่อคอนกรีตทั้งหลังบริจาคสมทบทุนพยาบาลภิกษุสามเณรอาพาธในวัดเบญจมบพิตรอีกถึง 2,000 บาท และบริจาคทรัพย์อีก 2,500 บาท สำหรับเขียนภาพบรรจุช่องว่างในพระอุโบสถช่อง 1 เป็นภาพพระมหาธาตุเมืองศรีสัชนาลัย ด้วยกันกับเจ้านายและบาทบริจาริกาในรัชกาลที่ 5 และบริจาคเงินบำรุงพระภิกษุในวัดนั้นตลอดมา
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2446 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)[1]
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 2 (จ.ป.ร.2)[2]
- พ.ศ. 2463 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2)[3]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายใน, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๖๑๖, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบันฝ่ายใน, เล่ม ๒๕ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๑๐๑๕, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายใน เก็บถาวร 2022-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๗๓๑, ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๓
- พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร, หนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าจอมมารดาเลื่อน, พ.ศ. 2490