ประวัติศาสตร์มวยไทย

ประวัติศาสตร์มวยไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอพยพของประชากรที่อาศัยอยู่ในมณฑลยูนนาน บนฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง ของประเทศจีน โดยตามตำนานของไทย เชื่อว่ามีผู้คนจำนวนมากที่เดินทางออกจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน มาสู่ประเทศไทย เพื่อค้นหาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์สำหรับการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการโยกย้ายของพวกเขา ชาวไทยกลุ่มนี้ได้ถูกโจมตีโดยโจรและสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีโรคต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญ เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันร่างกายและจิตใจ, การรับมือกับความทุกข์ยาก ชาวไทยสยามจึงได้คิดค้นวิธีการต่อสู้ โดยในเบื้องต้น ได้มีการเรียกกันในชื่อฉุปศาสตร์[1]
แม้ว่าการจัดเก็บเอกสารตำราทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะสูญหายไปเมื่อครั้งที่ถูกกองทัพพม่าทำลาย และขับไล่ออกจากเมืองอยุธยาในสมัยสงครามพม่า-ไทย (พ.ศ. 2302–2303) แต่เราก็ยังสามารถพบได้จากบันทึกของพม่า, กัมพูชา และจากชาวยุโรปเมื่อครั้งมาเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก รวมถึงจากบันทึกเหตุการณ์ของล้านนา หรือเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน[1][2]
สมัยสุโขทัย[แก้]
เมืองหลวงของประเทศไทยในช่วงนี้ตั้งอยู่ที่เมืองสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 1781 ถึง พ.ศ. 1951 ตามรายการที่บันทึกไว้ในศิลา สุโขทัยมีความขัดแย้งกับหลายเมืองที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมักจะเผชิญหน้ากับข้าศึกจากภูมิภาคต่าง ๆ ดังนั้น ทางเมืองสุโขทัยจึงมีคำสั่งให้มีการฝึกฝนในกองทัพ รวมถึงการใช้ดาบ, หอก และอาวุธอื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ นอกจากนี้ การฝึกต่อสู้โดยใช้ร่างกายมีประโยชน์มากในยามบ้านเมืองไม่มีสงคราม ทักษะการต่อสู้ด้วยการใช้หมัด, เข่า และศอก ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกซ้อมของกองทัพสุโขทัย[2][3]
ในยามสงบ การฝึกมวยไทยจะเป็นกิจกรรมแบบไม่แบ่งชนชั้น โดยบรรดาชายไทยวัยหนุ่มจะได้รับทักษะการต่อสู้และป้องกันตัว ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมล่วงหน้าก่อนเข้ารับราชการทหาร[2] ศูนย์ฝึกซ้อมส่วนใหญ่จัดขึ้นที่บริเวณรอบเมือง โดยเฉพาะสำนักสมอคร ในแขวงเมืองลพบุรี รวมถึงมีการสอนตามลานวัด โดยมีพระภิกษุเป็นผู้ฝึกสอน[3]
ในช่วงเวลานี้ มวยไทยได้รับการยกย่องเป็นศิลปะชั้นสูงทางสังคม และนำมาใช้จริง ในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายแก่นักรบ, การสร้างความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญต่อผู้ปกครองบ้านเมือง[2] พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของสุโขทัย ทรงเชื่อมั่นในประโยชน์ของมวยไทย จึงส่งราชโอรสสองพระองค์ไปยังสำนักสมอคร เพื่อเตรียมความพร้อมในการสืบทอดราชบัลลังก์ ระหว่างปี พ.ศ. 1818 ถึง 1860 พ่อขุนรามคำแหงทรงนิพนธ์ตำหรับพิชัยสงคราม ที่มีการกล่าวถึงมวยไทย เช่นเดียวกับทักษะการต่อสู้อื่น ๆ[3]
สมัยกรุงศรีอยุธยา[แก้]

สมัยกรุงศรีอยุธยา อยู้ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 1988 ถึง พ.ศ. 2310 ในช่วงนี้มีสงครามจำนวนมากระหว่างไทย, พม่า และกัมพูชา[2] จึงได้มีการฝึกพัฒนาทักษะด้านมวยไทยเพื่อการป้องกันตัว อาจารย์ผู้ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้นี้ให้แก่ชาวไทยไม่ได้มีจำกัดเฉพาะในพระบรมมหาราชวังดังเช่นก่อนหน้านี้[3] โดยมีสำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่ได้รับความนิยมในสมัยนี้ มีนักเรียนหลายคนเข้ามาเรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย พวกเขาฝึกวิชาดาบ และการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยดาบหวาย จากการเรียนรู้การต่อสู้โดยไม่ใช้อาวุธของทหารนี้เอง ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้มวยไทยโบราณ ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมของมวยไทย โดยสำนักมวยไทยในยุคนั้น ได้เริ่มถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่ประชาชน[2]
สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. 2133–2147)[แก้]
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงให้ความสำคัญต่อมวยไทยอย่างยิ่ง โดยให้การฝึกแก่บรรดาชายหนุ่ม เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านมวยไทยทั้งในแง่ของความกล้าหาญและความเชื่อมั่นในตนเอง พวกเขาได้รับคำสั่งให้เรียนรู้การต่อสู้ด้วยอาวุธทุกชนิด นอกจากนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชยังทรงแต่งตั้งกองเสือป่าแมวมอง ซึ่งเป็นหน่วยรบแบบกองโจร[2] โดยกองทหารเหล่านี้ สามารถกอบกู้เอกราชของประเทศไทยจากประเทศพม่าได้ในช่วงเวลาดังกล่าว[3][4]
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2147–2233)[แก้]
ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงที่ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุข จึงทำให้มีโอกาสในการพัฒนาสังคม, เศรษฐกิจ และการทหารแห่งราชอาณาจักร สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงให้การสนับสนุนและส่งเสริมกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมวยไทย ที่ได้กลายเป็นกีฬาประจำชาติ ในช่วงเวลานี้ ได้มีค่ายมวยเกิดขึ้นหลายแห่ง[2] ซึ่งมีการพัฒนาพื้นที่ในการฝึกโดยเฉพาะ โดยการสร้างสังเวียนมวยและลานดิน ซึ่งมีเชือกเพียงเส้นเดียวกั้น และมีกฎกติการการแข่งขัน ในบริเวณสี่เหลี่ยมจัตุรัส[3] นักมวยจะใช้ด้ายดิบชุบแป้งหรือน้ำมันดินให้แข็งเพื่อพันข้อมือ วิธีการเช่นนี้จึงได้รับการเรียกกันในชื่อคาดเชือก (การใช้เชือกพัน) หรือที่รู้จักกันในชื่อมวยคาดเชือก (การต่อสู้กันโดยมีเชือกพัน)[2][3]
ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 "The History of Muay Thai" (ภาษาอังกฤษ). muaythai-fighting.com. February 2008. สืบค้นเมื่อ 27 January 2013.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 2.8 "History and Traditions of Muay Thai" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2014-04-14. สืบค้นเมื่อ 27 January 2013.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 "Histoy of Muay Thai and Muay Thai Tranning" (ภาษาอังกฤษ). tigermuaythai.com. 2013. สืบค้นเมื่อ 27 February 2013.
- ↑ "The Historical Origin of Muay Thai" (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-22. สืบค้นเมื่อ 23 January 2014.
บรรณานุกรม[แก้]
- Roza, Greg (2012). The Rosen Publishing Group (บ.ก.). "Muay Thai Boxing": 48. ISBN 1448869684. สืบค้นเมื่อ 23 January 2013.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - Delp, Christoph (2012). Blue Snake Books (บ.ก.). "Muay Thai Basics: Introductory Thai Boxing Techniques": 211. ISBN 1583941401. สืบค้นเมื่อ 23 January 2013.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help)