ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ห้าแพร่ง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
กรุงศรี (คุย | ส่วนร่วม)
Noom47280 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 37: บรรทัด 37:
== งานสร้าง ==
== งานสร้าง ==
=== หลาวชะโอน ===
=== หลาวชะโอน ===
[[ไฟล์:5 แพร่ง - หลาวชะโอน.jpg|thumbnail|left|โปสเตอร์ ห้าแพร่ง ตอน หลาวชะโอน]]
หลาวชะโอน เป็นชื่อของต้นไม้ตระกูล[[ปาล์ม]]ที่มีรูปร่างสูงเรียว โดยในเรื่องนี้ได้ใช้เสาในการ "ตั้งเปรต" ใน[[ประเพณีสารทเดือนสิบ]] เป็นพิธีทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและภูติผีต่าง ๆ โดยจัดอาหารคาวหวานไว้ที่บริเวณวัด เรียกว่า "ตั้งเปรต" ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นพิธี "[[ประเพณีชิงเปรต|การชิงเปรต]]" ที่เป็นขั้นตอนการอุทิศส่วนกุศลแก่เปรต โดยลูกหลานจะแย่งอาหารมากิน ซึ่งของที่แย่งมาได้ถือเป็นของเดนชาน การได้กินเดนชานจากวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นการแสดงความรัก และสิริมงคล เป็นกุศลแก่ลูกหลาน
หลาวชะโอน เป็นชื่อของต้นไม้ตระกูล[[ปาล์ม]]ที่มีรูปร่างสูงเรียว โดยในเรื่องนี้ได้ใช้เสาในการ "ตั้งเปรต" ใน[[ประเพณีสารทเดือนสิบ]] เป็นพิธีทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและภูติผีต่าง ๆ โดยจัดอาหารคาวหวานไว้ที่บริเวณวัด เรียกว่า "ตั้งเปรต" ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นพิธี "[[ประเพณีชิงเปรต|การชิงเปรต]]" ที่เป็นขั้นตอนการอุทิศส่วนกุศลแก่เปรต โดยลูกหลานจะแย่งอาหารมากิน ซึ่งของที่แย่งมาได้ถือเป็นของเดนชาน การได้กินเดนชานจากวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นการแสดงความรัก และสิริมงคล เป็นกุศลแก่ลูกหลาน



รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:14, 11 มกราคม 2558

ห้าแพร่ง
โปสเตอร์ภาพยนตร์
กำกับวิสูตร พูลวรลักษณ์
ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
บรรจง ปิสัญธนะกุล
ทรงยศ สุขมากอนันต์
บทภาพยนตร์วิสูตร พูลวรลักษณ์
ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
บรรจง ปิสัญธนะกุล
ทรงยศ สุขมากอนันต์
วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์
โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
นิธิศ ณพิชญสุทิน
โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล
เมษ ธราธร
ฉันทวิชช์ ธนะเสวี
อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม
บุษบา ดาวเรือง จงมั่นคง
วิสูตร พูลวรลักษณ์
จินา โอสถศิลป์
ฝ่ายงานสร้าง
เช่นชนนี สุนทรศารทูล
ยงยุทธ ทองกองทุน
วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์
สุวิมล เตชะสุปินันท์
ปรานต์ ธาดาวีรวัตร
นักแสดงนำมาช่า วัฒนพานิช
นิโคล เทริโอ
วรเวช ดานุวงศ์
ชาลี ไตรรัตน์
จิรายุ ละอองมณี
กำกับภาพนิรมล รอสส์
สมบูรณ์ พิริยะภักดีกุล
นฤพล โชคคณาพิทักษ์
จิระ มะลิกุล
ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ตัดต่อธรรมรัตน์ สุเมธศุภโชค
ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ดนตรีประกอบชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์
เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน
ปกรณ์ ลัม (soundtrack)
ผู้จัดจำหน่ายจีทีเอช
วันฉาย9 กันยายน พ.ศ. 2552
ประเทศไทย ประเทศไทย
ภาษาภาษาไทย
ทำเงิน113.5 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้สี่แพร่ง
ต่อจากนี้กว่าจะเป็นรถมือสอง (ตอน รถมือสอง)
ข้อมูลจากสยามโซน

ห้าแพร่ง (อังกฤษ: Phobia 2) เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ โดยมีโครงเรื่องเกี่ยวกับผีและความกลัวเช่นเดียวกับ สี่แพร่ง แต่จะถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์สั้น 5 เรื่อง มีกำหนดฉายในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552 และมีการจัดฉายรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีการถ่ายทอดสดบรรยากาศงานผ่านเว็บไซต์ทางการของภาพยนตร์ นับเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่มีการถ่ายทอดสดบรรยากาศการจัดฉายรอบสื่อมวลชนทางอินเทอร์เน็ต เป็นหนังสยองขวัญ ที่ทำสถิติรายได้เปิดตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการหนังไทย [1] ภาพยนตร์เรื่อง ห้าแพร่ง ทำรายได้จากการเข้าฉายในประเทศไทยจำนวน 113.5 ล้านบาท (เฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล)[2]

ที่มาของโครงการ

หลังจากที่ สี่แพร่ง ประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จัก ทำให้ทางทีมงานคิดว่าน่าจะทำเป็นแฟรนไชส์ (ภาคต่อ) ที่แข็งแรงได้ และได้ทำการประชุมกันโดยที่ผู้กำกับเดิมใน สี่แพร่ง ก็ยังมีเรื่องอยู่ ที่สนุกและคิดว่าน่าจะตอบโจทย์ในแง่ความแปลกใหม่ได้ ส่วนจาก 4 แพร่ง เพิ่มเป็น 5 แพร่ง เพราะชื่อว่าปีนี้ (2552) เลข 5 มาแรง

โดยเริ่มจากผู้กำกับ 3 คนคือ บรรจง, ปวีณ, ทรงยศ และภาคภูมิกับวิสูตร ตามมาทีหลัง เริ่มประชุมกันทั้งวันทั้งคืนอยู่หลายวัน เรื่องแนวของหนัง สิ่งที่เป็นสาระที่ไม่เคยมีในหนังผีในโลกนี้มาก่อน นำเรื่องมาเสนอ 20-30 เรื่อง ขึ้นบนกระดาษแล้วนำมาต่อเนื่อง ช่วยกันคิดกัน แชร์แลกเปลี่ยนกัน โดยเรื่องที่เลือกมาเพราะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เป็นจุดสนใจของสังคม ณ ปัจจุบัน แล้วลองทำในมุมมองใหม่ ให้แตกต่าง [3]

โจทย์ของทุกเรื่องคือ ต้องเป็นหนังผี จบในตัวเอง น่ากลัว ต้องมีความแปลกใหม่[4]

งานสร้าง

หลาวชะโอน

ไฟล์:5 แพร่ง - หลาวชะโอน.jpg
โปสเตอร์ ห้าแพร่ง ตอน หลาวชะโอน

หลาวชะโอน เป็นชื่อของต้นไม้ตระกูลปาล์มที่มีรูปร่างสูงเรียว โดยในเรื่องนี้ได้ใช้เสาในการ "ตั้งเปรต" ในประเพณีสารทเดือนสิบ เป็นพิธีทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษและภูติผีต่าง ๆ โดยจัดอาหารคาวหวานไว้ที่บริเวณวัด เรียกว่า "ตั้งเปรต" ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นพิธี "การชิงเปรต" ที่เป็นขั้นตอนการอุทิศส่วนกุศลแก่เปรต โดยลูกหลานจะแย่งอาหารมากิน ซึ่งของที่แย่งมาได้ถือเป็นของเดนชาน การได้กินเดนชานจากวิญญาณบรรพบุรุษ เป็นการแสดงความรัก และสิริมงคล เป็นกุศลแก่ลูกหลาน

แนวคิดของตอน หลาวชะโอน มาจากความต้องการทำหนังผีที่หลากหลาย ให้ดูเป็นทางการ์ตูนจัด ๆ มีแนวทางในการเล่าเรื่องเยอะ ๆ มีการสร้างภาพเทคนิคพิเศษเข้ามาเกี่ยวข้อง และทดลองทำหนังผีที่เป็นแนวดราม่า[3]การคัดเลือกนักแสดง สาเหตุที่เลือกน้องเก้าเพราะ เห็นว่ามีแววตาที่ดื้อ แต่มีความอ่อนแออยู่ในแววตา[5] โดยคัดจากนักแสดง 200 กว่าคน[6]

ทำเลถ่ายทำตอนนี้คือ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี[7] และยังถ่ายทำในวัดกลางป่าที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งห่างจากถนนกว่า 3 กิโลเมตร ต้องเดินเลาะห้วยบึงเข้าไปถ่ายทำ[8]

ฉากในเรื่องของการหลอกผี ต้องการให้เหมือนในหนังผีโบราณ ที่จะดูไม่ตัดต่อเยอะ แทบจะไม่มีคัตเลย โดยนักแสดงไม่เห็นตัวผีต้องจินตนาการว่ามีผี แล้วจึงมาใส่ซีจีภายหลัง ตอนหลาวชะโอน ใช้เวลาถ่ายทำราว 7-8 วัน

ห้องเตียงรวม

ตอน "ห้องเตียงรวม" มีผู้กำกับคือ วิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่เป็นผลงานการกำกับการแสดงครั้งแรกเมื่ออายุ 50 กว่าๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า ยงยุทธ ทองกองทุนประสบอุบัติเหตุ ทางคุณจิระ มะลิกุลและผู้กำกับจีทีเอชจึงขอร้องให้มากำกับสักเรื่อง โดยในวันถ่ายทำ คุณจิระมาช่วยถ่ายกล้อง 2 และได้ ย้ง ทรงยศ ถ่ายภาพนิ่ง และเอส คมกฤษ มาช่วยเป็นแอ็กติงโค้ชให้นักแสดง[9]

ตอน "ห้องเตียงรวม" มีอยู่ 141 ช็อต ใช้เวลาถ่ายทำ 2-3 วัน ถ่ายตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงตี 2[10]

Backpacker

แนวคิดของตอนนี้ จากบทสัมภาษณ์ ทรงยศกล่าวว่าชอบดูหนังแนวทริลเลอร์ จึงต้องการเน้นให้มีเนื้อเรื่องมีทิศทางไปทางทริลเลอร์[3] เดิมที ย้ง ทรงยศ ตอนเขียนเรื่องนี้มายังไม่ได้มองว่าใครจะเล่น โดยเริ่มมองดาราในค่ายก่อน และเห็นว่าคนอื่นดูผู้ดี คุณหนู ไฮโซ กันหมด เหลือเพียงคนเดียวที่พอเป็นเด็กท้ายรถได้คือ แน็ก ชาลี ไตรรัตน์ และถือเป็นบทบาทที่แน็กยังไม่เคย เล่น ส่วนใหญ่ในเรื่องนี้จะใช้การสื่อสารทางอารมณ์มาก กว่าบทสนทนา[11]

สาเหตุการเลือกแบ็กแพ็กเกอร์เป็นคนญี่ปุ่น เดิมทรงยศคิดว่าถ้าเป็นฝรั่งจะเห็นชัดเจนกว่า แต่ต้องการให้ภาพรวมเป็นเอเชียทั้งหมด จึงลงมาที่ประเทศญี่ปุ่นที่เขาเจริญกว่าเรา[12] ตอน Backpacker ใช้เวลาถ่ายทำ 7 วัน[13]

รถมือสอง

การคัดเลือกนักแสดง ที่เลือกนิโคล เพราะมีความเป็นแม่จริง ๆ และผู้กำกับโอ๋ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ เคยเห็นนิโคลเล่น คืนไร้เงา ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเพราะบทที่เล่นในเรื่องนั้นดูเรียบ ๆ นิ่ง ๆ แต่เมื่อเล่าเรื่องเสร็จให้นิโคลฟัง ก็น้ำตาคลอเนื่องจากคิดถึงลูกตัวเอง และคิดว่าน่าจะเล่นในอินเนอร์ในหนังได้ และลองให้เล่นดูในบทสุดท้ายที่เป็นฉากที่ยากมากที่ต้องร้องไห้ ก็เลือกรับทันที[14]เต๊นท์ที่ถ่ายทำ ถ่ายที่กาญจนาภิเษก และรถพัง ๆ กว่า 50 คันในเรื่องก็ได้มาจากสถานีตำรวจที่ชนคนตาย ที่จอดทิ้งไว้ แต่หมอประจำสถานีตำรวจก็ทำพิธีให้ สำหรับฉากผีติดล้อ มีที่มาจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่เด็กโดนรถกระบะทับ[15] เรื่องเริ่มที่ นุช (นิโคล เทริโอ) กำลังแนะนำรถคันหนึ่งให้ลูกค้าที่อยากได้รถมือสอง นุชแนะนำให้ไปตกลงซื้อขายในออฟฟิศ ตอนนั้นเองก็มี ลูกค้าที่มาซื้อรถมือที่เต๊นท์ เธอบอกว่า ไหนบอกว่า รถคันนี้ ไม่เคยชนไง นุชพยายามกล่อมเธอ และให้ไปคุยกันในออฟฟิศ แต่เธอโมโหมาก แล้วเดินหนีไป หลังจากนุชก็บ่นกับช่างซ่อมรถว่า ทำไมทำรถซะเนี้ยบแล้วยังลูกค้ายังรู้ ช่างซ่อมก็บอกว่าซ่อมแบบไม่มีรอยเลยแม้แต่น้อย นุชจึงยื้นคอไปทางรถที่พังยับเยิน แล้วบอกว่า ให้ไปปล่อยที่เต๊นท์อีกแห่งหนึ่ง เย็นวันนั้นเต้ย (ด.ช.พีรัชชัย รุมพล) ลูกของนุช เอารถบังคับออกมาเล่นแล้ววิ่งเล่นไปทั่วเต๊นท์รถ ส่วนแม่ก็ต้องห่วงลูก ก็เตือนไม่ให้ลูกอย่างเคร่งครัด เริ่มมืดจึงมียามเฝ้ามาขอกลับก่อนเพราะภรรยาหากุญแจไม่เจอ นุชอณุญาตให้กลับ เมื่อยามกลับไป นุชมองในจอกล้องวงจรปิด ก็เห็นเต้ยเล่นรถบังคับ วิ่งไปที่รถหนึ่งแล้วหายไป นุชเริ่มหาลูกของเธอ ในจอภาพ และย้อนภาพไปกลับ แต่ก็ไม่เจอ นุชจึงหยิบกุญแจรถทุกคันในเก๊ะ แล้ววิ่งไปเปิดประตูรถ แต่ละคัน ไปทีละคัน ยังก็ไม่เจอ นุชพูดพลางร้องไห้ออกมาว่า เต้ยแม่ไม่เล่นแล้วนะ เต่อมาก็มีคนขายพวงมาลัยเดินเข้ามา พวงมาลัยไหม พวงมาลัย นุชก็ไล่ให้ออกไปขายข้างนอก นุชก็รีบวิ่งกลับไปดูกล่องวงจรปิดใหม่ เมื่อย้อนภาพแสดงถึงเต้ยเล่นรถบังคับไปเรื่อยๆ และหยุดที่รถสีดำคันหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ หยิบรถขึ้นมา แล้วพูดกับอะไรบางอย่าง เธอจึงรีบวิ่งไปที่รถ แต่เธอกลับหญิงคนหนึ่ง ผ่านไปด้านหลัง นุชจึงวิ่งตามหญิงคนนั้น นุชจึงบอกว่า เต๊นท์ปิดแล้ว หญิงคนนั้นหันมา ท้องของหญิงคนนั้นใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนแตกออกมา หญิงที่เป็นผี (กรุณา มอริส) คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา รถบังคับของเต้ย วิ่งผ่านหน้าเธอไป นุชก็รีบวิ่งตาม เธอเห็นเต้ยวิ่งเข้าไปในรถเธอจึงเปิดประตูรถเข้า แต่เต้ยออกไปแล้ว และล็อกประตู เธอพยายามปลดล็อกประตู เมื่อหันไปอีกข้างก็เจอผีที่ถูกไฟครอก ร้องครวญคร้าง กรีดร้อง นุชเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดประตูอัตโนมัติ ผีไฟครอก กรีดร้องหันมาหาตัวนุช นุชกรีดร้อง แล้ววิ่งออกมาจากรถ รอบกลายของเธอเต็มไปด้วย รถที่พังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี นุชทนไม่ไหว วิ่งไปที่รถของเธอ เมื่อออกข้างหลัง จึงเจอคนขายพวงมาลัยคนเดิม แต่สภาพไม่เหมือนเดิม เลือดท่วมตัว อย่างน่าสยองขวัญ นุชเปิดประตูรถ และขับรถ แต่ก็ไม่ติด จนสุดท้ายรถก็ขับออกมาได้ แต่ออกมาหน้าเต๊นท์แล้ว รถก็ชะงักหยุดอีกครั้ง บนถนนไม่มีคนเลย นุชออกมาจากรถแล้วจะวิ่ง แต่มีรองเท้าคุ่นๆ ของลูกเธออยู่ที่ล้อ เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเปิดฝากระโปรงรถออก นุชกรีดร้องดังลั่น และร้องไห้ออกมา ร่างของลูกเธอ ที่ขาด ในสภาพเลือดท่วมอยู่ในกระโปรงรถ...

คนกอง

จากกระแสตอบรับที่ดีของตอน "คนกลาง" ใน สี่แพร่ง แฟน ๆ อยากให้ทั้ง 4 คนกลับมาร่วมแสดงกันอีก จึงได้คิดเนื้อเรื่องใหม่ขึ้นมา โดยตัวละคร 4 คนไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครใน "คนกลาง" (ไม่ใช่ภาคต่อหรือภาคก่อน)[16] แต่นิสัยเหมือนเดิม ส่วนฉากกับชุด มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง แฝด คือเป็นเรื่อง แฝด ภาค 2 ที่มีฉากหลังและชุดของมาช่าในเรื่อง แฝด โดยผู้เขียนจับทางในเรื่องกระแสตอบรับที่ดีได้ในเรื่องการเสียดสีล้อเลียนให้เพิ่มมากขึ้น เหมือนล้อเลียนในแง่การทำหนังผี เหมือนเป็นการอำตัวเอง อำการทำหนัง อำการคิดหนัง เรื่องเริ่มต้นที่กำลังถ่ายหนังแฝด 2 อยู่ เมื่อมาช่าถ่ายฉากหนังเสร็จ จึงไปในห้องแต่งหน้า แล้วบ่นเกี่ยวกับเรื่องแฝด และหันไปอีกฝั่งเจอเกด (จิตรา รัศมีชวลิต) ในสภาพแต่งหน้าเป็นผี จนกระทั่งชิน (อัฒรุต คงราศรี) เดินมาสัมภาษณ์มาช่า และเดินต่อไปหาเกด ขณะสัมภาษณ์เกด เกดก็ไอ เหมือนดูถ้าจะไม่ไหว แต่เกดบอกว่าไหว ต่อมาต้องถ่ายฉากที่เกด ต้องคลานออกมาจากเงามืด แต่แล้วเมื่อปิดไฟ ปรากฎว่าเกดไม่คลานออกมา เมื่อเปิดไฟ เกดนอนสลบแน่นิ่งอยู่ ภายในกองฉุลมุนไปหมด เอ (กันตพัฒน์ สีดา) เป็นคนพาเกดไปส่ง โรงพยาบาล เกดพยายามครั้นเคร่งให้พากลับไปถ่ายต่อ (ซึ่งต่อมามีหมอมาบอกว่า เกดตาย) ในตอนนั้นในกอง ก็กำลังคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อ จึงคิดว่าต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เป็นแบบหักมุม นั้นคือแบบดราม่า มาช่าจึงต้องถ่ายฉากใหม่ เป็นฉากที่มาช่าต้องร้องไห้หน้ากระจก แต่เมื่อหันหน้ามาข้างหลัง ก็เจอเกดประจักษ์ต่อหน้ามาช่า และ ทุกคนในกอง ซึ่งนั้นจะทำให้ถ่ายต่อได้ ซึ่งชินถามถึงเอ แต่เกดบอกว่า "พาหนูไปเข้าห้องน้ำที" ชินพาเกดไปห้องน้ำ จนกระทั้งโทรศัพท์ดังขึ้น... สายพูดจากเอ "ชิน น้องเกดตายแล้ว" ชินสะดุ้ง แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดับไป และมองหน้าเกด เกดเกิดไอเป็นเลือดใส่หน้าชิน ตอนนั้นเองมาช่าก็เดินออกมา ชินยืนเกด ให้มาช่าให้พาไปเข้าห้องน้ำ ชินรีบวิ่งไปหาคนในกอง และบอกว่า เกดตายแล้ว และดันปล่อยไปกับมาช่า ต่อมาก็มีเสียงจาก วิทยุสื่อสาร เป็นเสียงของมาช่าพูดกับเกด เผือก (พงศธร จงวิลาส) ก็รีบดึงหูฟังจาก เต๋อ (ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) ทั้งหมดจึงวิ่งหนี แต่เต๋อ กับ ชินดึงเผือก ไว้ไม่ให้วิ่งไป และพูดว่า จะทิ้งพี่ช่าได้ไง จึงค่อยๆเดินไป มาช่า กับเกดเดินออกมา และถามว่าคนอื่นหายไไปไหน ต่อด้วยเกดพูดว่า เราจะถ่ายต่อรึยังคะ เต๋อ จึงพูดกับเผือกว่า ถ้าวิญญาณยังมีเรื่องที่ค้างคาเอาไว้จะไม่ไป แล้วจะติดตามไปตลอด จึงตัดสินใจถ่ายต่อ ในฉากเดิมที่ค้างไว้ แต่ก็เหมือนเกดไม่คลานออกมา ทุกคนบอกให้ เต๋อเดินไปหาเกด "ตานายแล้ว" เตอค่อยๆเดินไป... มีมือสีขาวซืดยืนออกมาจับเท้าของเต๋อ จึงรีบถ่ายต่อ เกดค่อๆคลานออกมา แล้วมาช่าก็พูดบทสุดท้ายออกไป "แกจะมาหลอกชั้นทำไม ชั้นก็ตายเหมือนกับเธอเหมือนกัน ตั้งแต่แรกแล้ว" "ค้าตตตตตตตตตตตตต" เสียงร้องคัตดังลั่น แล้ววิ่งหนีออกจากสตูดิโอ วิ่งไปที่รรถ ก่อนเจอเอ อยู่ข้างหน้า (ห่างกับรถ) เดินหรี่เข้ามา จึงรีบให้เอเข้ามาในรถ แล้วรีบขับรถเหยียบสุดขีด จนกระทั่งเต๋อคนขับรถหันรถกลับดังเอี๊ยด แล้วบอกชิน พลางชี้ไปทางนอกกระจก รถของเอในสภาพหัวของรถขาด เต๋อกับชิน วิ่งออกจากรถ ส่วนเอก็เล่าให้ฟังว่าตนเองโทรไปหาชินว่าน้องเหกดตาย แล้วเกิดทำโทรศัพท์ แล้วรถก็วิ่งไปชนเสาบอกป้าย และก็มีรถบรรทุกวิ่งเข้ามาหาเอ แต่หันเลี้ยวทัน แต่พุ่งเข้าชนรถ แล้วขับหนีไป เผือกจึงตะโกนว่าเอยังไม่ตาย และเกดอยู่ข้างหลัง เต๋อกับชินหันไปดูเจอเกดอยู่ข้างหลัง ก็วิ่งมาหารถสุดขีด แล้วขับรถ แต่น้ำมันหมด จึงบอกให้ปิดกระกระจก แต่กระฝั่งเผือกปิดไม่ได้ และหักออกมาเกดหน้าเทียบ อยู่กับกระจก"พี่พาหนูไปโรงพยาบาลที" เกดก็เล่าว่าหนีออกมาจากโรงพยาบาล ตอนนั้นก็โทรศัพท์โทรเข้ามาว่า เกดหนีออกจากโรงพยาบาล ส่วนคนที่ตายเป็นผู้ป่วยอีกคนของหมอแฝด ทั้งหมดรีบวิ่งออกมาจากรถ แล้วเห็นอีกคันวิ่งเข้า จึงโบกให้ช่วย แต่รถคันนั้นกลับวิ่งสายไปมา และกำลังวิ่งเข้าพุ่งคนทั้งหมด ผู้ที่ขับรถคนนั้นคือ มาช่า...

นักแสดง

นักแสดงจากเรื่อง ห้าแพร่ง แบ่งตามตอนต่างๆ จำนวน 5 ตอน

การตอบรับ

การวิจารณ์

สำหรับเสียงวิจารณ์ อภินันท์ บุญเรืองพะเนา จากผู้จัดการออนไลน์ เปรียบเทียบ 5 แพร่งกับ 4 แพร่งว่า "5 แพร่ง อาจไม่ใช่ศูนย์รวมแห่งความหลอนเหมือน 4 แพร่ง แต่อย่างน้อยที่สุด มันได้รวมเอารสชาติและสีสันอันหลากหลายมาไว้ในเวลาร่วม ๆ 2 ชั่วโมง"[17] ข่าวสด กล่าวเปรียบเทียบอีกว่า "มีคุณภาพระดับเดียวกับ "สี่แพร่ง" แต่มีการจัดเรียงลำดับเรื่องที่เหมาะสมกว่า" และกล่าวว่า "Backpackers ในแง่แนวคิดอาจมองได้ว่าแปลก และแหวกแนวออกไปจากเรื่องอื่น แต่หนังมีความสยองน้อยกว่าเรื่องอื่นอย่างเห็นได้ชัด"[18] สำหรับ "หลาวชะโอน" อัญชลี ชัยวรพร จากเว็บไซต์ไทยซีเนมา พูดถึงตอนนี้ว่า "ถ้า 5 แพร่งไปฉายเมืองนอก ชาวต่างชาติจะต้องถามถึงผีเปรตใน หลาวชะโอน มากที่สุด ผีที่ฝรั่งไม่เคยเห็น"[19]

ชาคร ไชยปรีชา จากนิตยสารฟิล์มแมกซ์ วิเคราะห์และวิจารณ์แต่ละตอนว่า "3 ตอนอย่าง "หลาวชะโอน" "Backpacker" และ "รถมือสอง" ดูเหมือนจะไปในทิศทางเดียวกัน คือจุดร่วมในการเดินเรื่องด้วยตัวละครผู้มีความผิดติดตัวที่ต้องมาเจอสถานการณ์ ส่วน "ห้องเตียงรวม" ไม่มีประเด็นอะไรชัดเจนในส่วนเนื้อเรื่อง เลี่ยงนำพาคนดูรู้จักกับตัวละครและมุ่งหน้าสู่การสร้างความกลัวกับคนดูล้วน ๆ กับ "รถมือสอง" ที่ยังไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้เอาใจช่วยนุชได้อย่างเต็มที่ จนส่งให้หนังกลายเป็นการวมฉากผีโผล่จำนวนมากจนเฉียด ๆ ข้ามเส้นไปสู่ความเอือมระอา กับ "Backpacker" เลือกที่จะกระจายบทไปสู่ตัวละครมากมายจนไม่สามารถยึดเหนี่ยวตัวใดตัวหนึ่งได้อย่างชัดเจน ส่วนตอนที่กระจายบทให้ทุกตัวละครได้รับการเอาใจใส่ คือ "คนกอง" ซึ่งมีตัวช่วยด้วยการมาในรูปแบบหนังผีตลก ที่คนดูยังสามารถผูกติดกับตัวละครได้โดยง่าย แต่เหนือไปกว่านั้นคือการที่ทำให้ตัวละครทุกตัวกลายเป็นที่รักได้ "[20] วิมลศักดิ์ ปัญชรมาศจากนิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ กล่าวถึง "รถมือสอง" และ "ห้องเตียงรวม" ว่า "ดูจืดไปหน่อย"[21]

รายได้และการออกฉาย

ห้าแพร่ง ทำรายได้สุทธิจากการเข้าฉายในประเทศไทย (เฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล) จำนวน 114 ล้านบาท [22]

สำหรับการออกฉายในต่างประเทศ ออกฉายที่อินโดนีเซียเมื่อวันที่ 17 กันยายน จำนวน 5 โรง ก็ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง 3 โรง และอันดับ 2 อีกสองโรง ในสิงคโปร์ออกฉายวันที่ 24 กันยายน ฉายถึง 23 รอบ ฉายทั้งสิ้น 24 โรง ติดอันดับ 2 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสของสิงคโปร์ ออกฉายในมาเลเซียเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน จำนวน 42 โรงติดอันดับ 4 ตารางบ็อกซ์ออฟฟิสของมาเลเซีย[23] และยังได้ฉายที่ฮ่องกงและไต้หวัน นอกจากนั้นยังได้รับเชิญจากงานเทศกาลภาพยนตร์ “สตอก โฮล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล” ประเทศสวีเดนด้วย[24]

เพลงประกอบภาพยนตร์

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. รายเปิดตัวสูงสุดของหนังสยองขวัญไทย
  2. โอ้ลัลล้า รายได้รวมหนังไทย 2552 (+ อัปเดตโปรแกรมฉายปี 53) deknang.com
  3. 3.0 3.1 3.2 "5 แพร่ง 5 ผู้กำกับ รสชาติ ดีกรี", นิตยสารฟิล์มแมกซ์ ฉบับเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 หน้า 99-103
  4. 5 แพร่ง @ เรื่องของเรื่อง [1/3] เรื่องของเรื่อง คลิปจากยูทูบ ตอนที่ 1
  5. เบื้องหลัง 5 แพร่ง ตอน หลาวชะโอน คลิปยูทูบ
  6. 5 แพร่ง @ เรื่องของเรื่อง [2/3] คลิปจากยูทูบ
  7. พาไปเที่ยว หลาวชะโอน ใน 5 แพร่ง
  8. สยองเกล้า! เจอผีทุกฉาก dailynews.co.th
  9. นิตยสารสตาร์พิก ฉบับแรก เดือนกันยายน 2552 หน้า 69
  10. นันทขว้าง สิรสุนทร, "ถอดแว่น GTH", หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ จุดประกาย ฉบับวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552 หน้า 1
  11. 'ย้ง' กำกับโหด 'แน็ก' น้ำตาตก dailynews.co.th
  12. นิตยสารสตาร์พิก ฉบับแรก เดือนกันยายน 2552 หน้า 70
  13. 5 แพร่ง @ เรื่องของเรื่อง [3/3] คลิปในยูทูบ
  14. นิตยสารสตาร์พิก ฉบับแรก เดือนกันยายน 2552 หน้า 71
  15. เบื้องหลัง 5 แพร่ง ตอน รถมือสอง คลิปจากยูทูบ
  16. เบื้องหลัง 5 แพร่ง ตอน คนกอง คลิบในยูทูบ
  17. อภินันท์ บุญเรืองพะเนา, (ว่าที่) หนังผีที่เจ๋งที่สุดแห่งปี!! : 5 แพร่ง/อภินันท์ ผู้จัดการออนไลน์
  18. 5 แพร่ง khaosod.co.th
  19. 5 แพร่ง thaicinema.org
  20. ชาคร ไชยปรีชา, "5 แพร่ง ภัยมืด", นิตยสารฟิล์มแมกซ์ ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 หน้า 60-62
  21. วิมลศักดิ์ ปัญชรมาศ, "ห้าแพร่ง" นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 หน้า 146
  22. อันดับหนังทำเงินไทยปี2552
  23. หนังไทยในตลาดโลก thaicinema.org
  24. '5 แพร่ง' แรงข้ามประเทศ dailynews.co.th

แหล่งข้อมูลอื่น