ข้ามไปเนื้อหา

การให้เหตุผลโดยอาศัยแนวเทียบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การให้เหตุผลโดยอาศัยแนวเทียบ[1] (อังกฤษ: argument from analogy, false analogy) เป็นการให้เหตุผลแบบอุปนัยอย่างหนึ่งที่ลักษณะอะไรที่คล้ายๆ กันจะใช้เป็นเหตุในการอนุมานหรือเป็นแนวเทียบว่า มีอะไรอย่างอื่นอีกที่คล้ายๆ กันแต่ยังไม่เห็น การหาเหตุผลโดยแนวเทียบเป็นวิธีการที่สามัญที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ใช้เพื่อให้เข้าใจโลกและเพื่อตัดสินใจ[2] เมื่อบุคคลมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับผลิตภัณฑ์อย่างหนึ่ง แล้วตัดสินใจว่าจะไม่ซื้ออะไรจากผู้ผลิตนั้นอีก นี่มักจะเป็นเพราะเหตุผลโดยแนวเทียบ คือเพราะผลิตภัณฑ์ทั้งสองเทียบกันได้ว่ามีผู้ผลิตเดียวกัน ดังนั้น จึงมองว่าแย่ นี่ยังเป็นหลักอย่างหนึ่งของวิทยาศาสตร์อีกด้วย เช่น การทดลองโดยใช้หนูทดลองอาศัยเหตุผลว่า ลักษณะทางสรีรวิทยาที่คล้ายๆ กันระหว่างหนูกับมนุษย์ แสดงนัยว่ายังมีอะไรที่คล้ายกันอย่างอื่นอีก เช่น จะมีปฏิกิริยาต่อยาที่คล้ายกัน[3]

โครงสร้าง

[แก้]

กระบวนการการอนุมานโดยแนวเทียบ เริ่มจากการเห็นว่ามีลักษณะที่คล้ายๆ กันระหว่างสิ่งสองสิ่ง แล้วจึงสรุปว่าทั้งสองจะต้องมีอะไรที่คล้ายกันอย่างอื่นๆ[2][3][4] โครงสร้างหรือรูปแบบเช่นนี้สามารถระบุรวมๆ อย่างนี้ว่า[2][3][4]

  • ก และ ข คล้ายกันโดยลักษณะ 1, 2 และ 3
  • ก ได้เห็นแล้วว่า มีลักษณะ 4
  • ดังนั้น ข ก็น่าจะมีลักษณะ 4 เช่นกัน

การให้เหตุผลนี้ไม่ได้ยืนยันว่า สิ่งสองอย่างเหมือนกัน เพียงแต่ระบุว่าคล้ายกัน แม้การให้เหตุผลนี้อาจจะเป็นหลักฐานที่ดีสำหรับข้อสรุปนั้น แต่จริงๆ ข้อสรุปนั้น จะระบุไม่ได้ว่าเป็นความจริงเชิงตรรก (logical truth)[2][3][4] การตัดสินว่าเหตุผลมีน้ำหนักแค่ไหน จะต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆ เกินกว่ารูปแบบ (form) เพราะจะต้องพิจารณาสาระ (content) อย่างละเอียดด้วย

การวิเคราะห์การให้เหตุผลโดยแนวเทียบ

[แก้]

น้ำหนักของแนวเทียบ

[แก้]

ปัจจัยหลายอย่างมีผลเพิ่มหรือลดน้ำหนักของการให้เหตุผลโดยแนวเทียบ

  • ความสัมพันธ์กันหรือความเข้าประเด็นกัน (ไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบ) ระหว่างความคล้ายกันที่ปรากฏ กับความคล้ายกันที่ข้อสรุปได้อนุมาน[3][4]
  • ระดับความคล้ายคลึงกัน (หรือความต่าง) ที่สำคัญระหว่างสิ่งทั้งสอง[3]
  • จำนวนและความหลากหลายของตัวอย่างต่างๆ ที่เป็นรากฐานของแนวเทียบ[3]

เหตุผลต่อต้าน

[แก้]

เหตุผลโดยแนวเทียบสามารถค้านเพราะเทียบกันไม่ได้ (disanalogy) เพราะมีแนวเทียบตอบโต้ (counteranalogy) และเพราะมีผลที่ไม่ได้ตั้งใจของแนวเทียบ[2] เพื่อให้เข้าใจว่าจะวิเคราะห์เหตุผลโดยแนวเทียบได้อย่างไร ให้พิจารณาแนวเทียบเรื่องช่างทำนาฬิกาซึ่งใช้ให้เหตุผลว่าพระเป็นเจ้ามีจริง โดยอาศัยข้อวิจารณ์ของนักปรัชญาชาวสกอตแลนด์ เดวิด ฮูม

เหตุผลโดยแนวเทียบเรื่องช่างทำนาฬิกาก็คือ สำหรับสิ่งของที่ซับซ้อนและแม่นยำเช่นกับนาฬิกา กระบวนการสุ่มจะสร้างสิ่งของเช่นนี้ไม่ได้ ดังนั้น จึงอนุมานได้ว่าต้องมีผู้สร้างที่ชาญฉลาดผู้มีแผนจะใช้มัน และดังนั้น ก็พึงเทียบสรุปได้ด้วยว่า สิ่งของที่ซับซ้อนอีกอย่าง คือ เอกภพ ก็มีผู้สร้างที่ชาญฉลาดเช่นกัน[2] ฮูมให้เหตุผลว่าเอกภพและนาฬิกานั้นต่างกันอย่างสำคัญ

ยกตัวอย่างเช่น เอกภพมักจะไม่มีระเบียบและเป็นไปโดยสุ่ม แต่นาฬิกาไม่เป็นอย่างนั้น การให้เหตุผลเช่นนี้เรียกในภาษาปรัชญาอังกฤษว่า disanalogy (ไม่ใช่แนวเทียบ/เทียบกันไม่ได้) ถ้าจำนวนและความหลากหลายของความเหมือนกันอันสำคัญระหว่างสิ่งของสองสิ่ง ทำให้ข้อสรุปด้วยแนวเทียบมีน้ำหนักขึ้น จำนวนและความหลากหลายของความต่างกันที่สำคัญ ก็ควรจะลดน้ำหนักของข้อสรุปด้วยเช่นกัน[2]

เมื่อให้เหตุผลแบบ "counteranalogy" (แนวเทียบตอบโต้) ฮูมกล่าวว่า แม้วัตถุธรรมชาติบางอย่างเช่น เกล็ดหิมะ ดูเหมือนจะมีระเบียบและมีความซับซ้อน แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ผลของการกระทำที่ชาญฉลาด[2] อีกฝ่ายก็อาจเถียงได้ว่า แม้ระเบียบและความซับซ้อนของเกล็ดหิมะอาจไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาด แต่เหตุของมันก็อาจจะเป็นเช่นนั้น แม้นี้อาจปฏิเสธเหตุผลของฮูม แต่จริงๆ ก็ยังเป็นเหตุผลวิบัติแบบการให้เหตุผลเป็นวง เพราะตัวข้อตั้งเองไม่ได้ให้เหตุผลที่เป็นอิสระจากข้อสรุป

ท้ายสุด ฮูมได้ให้เหตุผลจำนวนหนึ่งโดยระบุผลที่ไม่ได้ตั้งใจของแนวเทียบ (unintended consequences) เช่น สิ่งของต่างๆ เช่นนาฬิกา มักจะมาจากแรงงานของกลุ่มบุคคล ดังนั้น ถ้าเหตุผลโดยแนวเทียบใช้ได้ พระเป็นเจ้าก็ควรจะมีหลายพระองค์ (พหุเทวนิยม)[2]

แนวเทียบเท็จ

[แก้]

แนวเทียบเท็จ (false analogy) เป็นเหตุผลวิบัติอรูปนัย (informal fallacy) หรือเป็นแนวเทียบที่ผิดๆ การใช้เหตุผลโดยอาศัยแนวเทียบจะอ่อนกำลังลงถ้าปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ไม่ดีพอ คำว่า "false analogy" มาจากนักปรัชญาชาวอังกฤษจอห์น สจวรต์ มิลล์ ผู้น่าจะเป็นคนแรกๆ ที่ตรวจสอบการให้เหตุผลโดยแนวเทียบอย่างละเอียด[3]

ตัวอย่าง

[แก้]

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ

นี่เป็นแนวเทียบเท็จเพราะไม่ได้ใส่ใจความแตกต่างที่สำคัญระหว่างระบบสุริยะจักรวาลกับอะตอม ความต่างก็คือ

  1. อิเล็กตรอนมีระดับพลังงานที่แน่นอน แต่ดาวเคราะห์ไม่มี
  2. อิเล็กตรอนสามารถได้พลังงานเพิ่ม แต่ดาวเคราะห์ไม่สามารถ
  3. อิเล็กตรอนมีแรงดึงดูดกับนิวเคลียสของอะตอมเป็นแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ดาวเคราะห์มีแรงดึงดูดกับดาวฤกษ์เป็นแรงโน้มถ่วง
  4. อิเล็กตรอนจะหมุนเป็นเกลียวเข้าไปยังนิวเคลียสเมื่อเร่งความเร็วหรือเปลี่ยนเส้นทาง แต่ดาวเคราะห์ไม่เป็นเช่นนั้น
  5. โมเดลการโคจรของอิเล็กตรอนดั้งเดิมที่ใช้ในการเปรียบเทียบ ได้เลิกใช้ไปแล้วเพราะไม่ตรงกับความจริง โดยปัจจุบันใช้เป็นเพียงโมเดลของอะตอมแบบให้อธิบายได้ง่ายๆ

เชิงอรรถและอ้างอิง

[แก้]
  1. "analogy, argument by", Longdo Dict, อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน, สืบค้นเมื่อ 2023-11-28, การให้เหตุผลโดยอาศัยแนวเทียบ [ปรัชญา ๒ มี.ค. ๒๕๔๕]
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 2.7 2.8 Baronett, Stan (2008). Logic. Upper Saddle River, NJ: Pearson Prentice Hall. pp. 321–325. ISBN 9780131933125.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 Salmon, Merrilee (2012), "Arguments from analogy", Introduction to Logic and Critical Thinking, Cengage Learning, pp. 132–142, ISBN 1-133-71164-2
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Gensler, Harry J. (2003). Introduction to Logic. New York, NY: Routledge. pp. 333–4.