Nepenthes aristolochioides

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Nepenthes aristolochioides
หม้อบนของ N. aristolochioides
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
หมวด: Magnoliophyta
ชั้น: Magnoliopsida
อันดับ: Caryophyllales
วงศ์: Nepenthaceae
สกุล: Nepenthes
สปีชีส์: N.  aristolochioides
ชื่อทวินาม
Nepenthes aristolochioides
Jebb & Cheek (1997)

Nepenthes aristolochioides เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงถิ่นเดียวของเกาะสุมาตรา พบที่ระดับความสูง 800-2500 ม.จากระดับน้ำทะเล มีลักษณะหม้อที่ผิดธรรมดา ปากหม้อเกือบจะตั้งตรง ชื่อ aristolochioides เป็นรูปแบบจากสกุลที่ชื่อ Aristolochia และเติมภาษาละตินในตอนท้าย -oides แปลว่า "เหมือน" ซึ่งหมายถึงความคล้ายคลึงของหม้อกับดอกของ Aristolochia[1]

ประวัติทางพฤกษศาสตร์[แก้]

Nepenthes aristolochioides ถูกเก็บได้ครั้งแรกโดย วิลเลียม เมเจอร์ (Willem Meijer) ในวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1956 ตัวอย่างต้นแบบแรกที่ชื่อ Meijer 6542 เก็ยได้จากภูเขาตูจุห์ (Tujuh) ในจุมบี (Jambi) ที่ความสูง 2000 ม. มันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ในไลเดน แต่อยู่ในสภาพไม่ดีนัก[2] ตัวอย่างคู่ตัวอย่างต้นแบบเก็บรักษาไว้ที่สวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ (Bogor) ในเกาะชวา[3]

แม้ว่ามันจะถูกแปะป้ายเป็น "ชนิดใหม่?"[2] แต่ก็ไม่มีใครสนใจเป็นเวลามากกว่า 30 ปี ในปี ค.ศ. 1988 นักพฤกษศาสตร์ โจชิม เนอร์ซ (Joachim Nerz) ได้สังเกตเห็นเมื่อตอนไปเยี่ยมชมพอพรรณไม้ของมหาวิทยาลัยไลเดน[2] ชื่อ N. aristolochioides ถูกตั้งให้แก่หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ในปี ค.ศ. 1994[4] ในปีเดียวกันนั้น นักอนุกรมวิธาน เจน สเชลาเลอร์ (Jan Schlauer) ได้เขียนว่าเขาได้ตรวจสอบตัวอย่าง Meijer 7426 และพบว่าแนวยืนตรงปากหม้อดูเหมือนว่าอาจเป็นผลของกระบวนการรักษาตัวอย่างโดยกับดักถูก "บีบอัดตามแนวยาว"[5]

ในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1996 เนอร์ซได้พบกับสเชลาเลอร์และเมเจอร์ในสวนปาล์ม (Palmengarten) ในแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งเมเจอร์ได้แสดงรูปถ่ายของหม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้ให้ดู เนอร์ซและคาทริน ฮินเดอร์โฮเฟอร์ (Katrin Hinderhofer) ได้ไปสุมาตราในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1996 และเขาก็ประสบความสำเร็จในการค้นพบ N. aristolochioides ซ้ำอีกครั้งในป่า[2]

Nepenthes aristolochioides ถูกจำแนกครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1997 โดย แมตทิว จิบบ์ (Matthew Jebb) และ มาร์ติน ชีก (Martin Cheek) รายละเอียดอยู่ในบทความ "A skeletal revision of Nepenthes (Nepenthaceae)" ในวารสารทางพฤกษศาสตร์ที่ชื่อ Blumea[1] โจชิม เนอร์ซ เขียนการอนุรักษ์หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดนี้และตีพิมพ์ใน Carnivorous Plant Newsletter ในปีถัดมา[2]

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์[แก้]

N. aristolochioides เป็นไม้เลื้อยไต่ ยาว 8 ม.มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 มม.[2] ปล้องเป็นทรงกระบอกหรือเหลี่ยมทื่อเมื่อตัดขวาง ยาว 15 ซม.[3]

ใบคล้ายแผ่นหนัง ไร้ก้าน แผ่นใบรูปช้อน-รูปใบหอก ยาว 15 ซม.กว้าง 3 ซม. ปลายแหลม สอบเรียวที่ละน้อยไปทางฐาน มีสองถึงห้า[2]เส้นใบตามยาวในแต่ละด้านของเส้นกลางใบ เส้นใบแบบขนนกไม่เด่นชัด สายดิ่งยาว 15 ซม.[3]

ตะเกียงที่แทงขึ้นมาจากลำต้นเก่า

หม้อใบกระจุกและหม้อล่างจะถูกสร้างเมื่อเป็นต้นใบกระจุกเล็กๆก่อนที่จะกลายเป็นลำต้นเลื้อยไต่หรือบนตะเกียงที่แทงขึ้นมาจากลำต้น หม้อเป็นรูปกรวยในส่วนล่าง ส่วนบนเป็นทรงกลม สูง 7 ซม.กว้าง 3 ซม. ปากหม้อกลมเฉียงเกือบเป็นแนวตั้ง มีปีกตะเข็บหนึ่งคู่ (ยาว ≤4 มม.) อยู่ตลอดด้านหน้าของหม้อ เพอริสโตมกว้าง โค้งเข้าด้านใน กว้าง 5 มม. ขอบด้านในมีฟันขนาดเล็ก ปลายงอ มีต่อมปกคลุมทั่วผิวด้านในหม้อ ต่อมมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.2-0.3 มม. มีความหนาแน่น 200-500 ต่อมต่อตารางเซนติเมตร[2] ฝารูปวงกลม-รูปหัวใจ กว้าง 1.5 ซม.[2] ไม่มีรยางค์ เกือบตั้งฉากกับปาก มีเดือยกิ่งหรือเดือยเดี่ยว (ยาว ≤7 มม.) ที่ฐานฝา[2][3]

หม้อบนส่วนล่างรูปกรวยส่วนบนคล้ายถุง มีขนาดใหญ่กว่าหม้อล่าง สูง 15 ซม.กว้าง 8 ซม. มีสันแทนที่ปีก ปากเกือบตั้งตรง เพอริสโตม (กว้าง ≤6 มม.)[2] แผ่ออกและโค้งเข้า มีฟันไม่แยก ฝารูปไข่ บ่อยครั้งวางตัวขนานไปตามแนวนอน ต่อมปกคลุมผิวภายในบริเวณด้านล่าง ต่ำกว่าสองในสามของหม้อ ต่อมย่อยอาหารโค้งเล็กน้อย มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.2-0.4 มม. มีความหนาแน่น 200-250 ต่อมต่อตารางเซนติเมตร[2] ส่วนที่เหลือคล้ายกับหม้อล่าง[3]

N. aristolochioides มีช่อดอกแบบกระจะ ก้านช่อดอกและแกนกลางยาว 15 ซม. แม้ว่าแกนกลางจะสันกว่าในเพศเมีย ก้านดอกย่อยมีใบประดับย่อย มีหนึ่งดอก ยาว 12 มม.[2] กลีบเลี้ยงรูปไข่ ยาว 4 มม.[3] ผลยาว 20 มม.กว้าง 4 มม.รูปใบหอก เมล็ดรูปเส้นด้าย[2]

ส่วนมากไม่มีสิ่งปกคลุม ง่าม เส้นกลางใบ และหม้ออาจมีขนสั้นสีขาวปกคลุมบางๆ[3]

ลำต้นและแผ่นใบสีเขียวอ่อน หม้อสีขาวถึงสีแดงเรื่อมีจุดสีน้ำตาลแดง เพอริสโตมสีแดงเข้ม ใต้ฝามีสีแดง บนฝามีสีเหมือนกับหม้อ[2]

หม้อบนที่ยังไม่เปิดฝา

มีความหลากหลายเพียงเล็กน้อยที่สังเกตเห็นได้จากประชากรของ N. aristolochioides ไม่มีรูปแบบและความหลากหลายที่ถูกจำแนกไว้[3]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 Jebb, M.H.P. & M.R. Cheek 1997. A Skeletal Revision of Nepenthes (Nepenthaceae). Blumea 42(1): 1–106.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 2.12 2.13 2.14 Nerz, J. 1998. Rediscovery of an outstanding Nepenthes: N. aristolochioides (Nepenthaceae). Carnivorous Plant Newsletter 27(3): 101–114.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 Clarke, C.M. 2001. Nepenthes of Sumatra and Peninsular Malaysia. Natural History Publications (Borneo), Kota Kinabalu.
  4. Jebb, M. 1994. NEPENTHES revision for Flora Malesiana. Carnivorous Plant Mailing List, September 9, 1994.
  5. Schlauer, J. 1994. NEPENTHES comments for Flora Malesiana. Carnivorous Plant Mailing List, September 9, 1994.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]