รัฐประหาร 18 บรูว์แมร์
นายพลนโปเลียนใช้ข้ออ้างการถูกปองร้าย เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศฝรั่งเศส | |
วันที่ | 9-11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1799 |
---|---|
ที่ตั้ง | พระราชวังแซ็ง-กลู, กรุงปารีส |
ผู้เข้าร่วม | นโปเลียน โบนาปาร์ต, แอมานุแอล โฌแซ็ฟ ซีเยแย็ส, ชาร์ล มอริส เดอ ตาแลร็อง-เปรีกอร์, รอเฌ ดูว์โก, ปอล บารัส, ลูว์เซียง โบนาปาร์ต, โฌแซ็ฟ โบนาปาร์ต, ฌ็อง-ฌัก-เรฌิส เดอ ก็องบาเซแร็ส, ชาร์ล-ฟร็องซัว เลอเบริง และคนอื่น ๆ |
ผล | สถาปนาคณะกงสุล; รับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยมีกงสุลเอกเป็นผู้นำและผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐบาลฝรั่งเศส |
รัฐประหาร 18 บรูว์แมร์ (ฝรั่งเศส: coup d'État du 18 Brumaire) เป็นแผนรัฐประหารของนายพลนโปเลียน โบนาปาร์ต เริ่มขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1799 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 เดือนบรูว์แมร์ ปีที่ 8 ในปฏิทินสาธารณรัฐฝรั่งเศส เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นรัฐประหารซ้อนรัฐประหาร (ในขณะที่สภากำลังทำรัฐประหารยึดอำนาจคณะดีแร็กตัวร์ ก็ถูกนโปเลียนทำรัฐประหารซ้อน) รัฐประหารครั้งนี้ทำให้นโปเลียนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในฝรั่งเศสในตำแหน่งกงสุลเอกและถือเป็นจุดสิ้นสุดสงครามปฏิวัติฝรั่งเศส รัฐประหารครั้งนี้ไม่มีการหลั่งเลือด หลังรัฐประหารมีการสถาปนาคณะรัฐบาลใหม่ที่เรียกว่าคณะกงสุลฝรั่งเศสขึ้นมาแทนคณะดีแร็กตัวร์
เหตุการณ์
[แก้]ในเช้าวันที่ 18 เดือนบรูว์แมร์ ในขณะที่ปารีสยังอยู่ในความไม่สงบจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ลูว์เซียง โบนาปาร์ต ประธานสภาห้าร้อย ได้บอกให้ผู้แทนและคณะดีแร็กตัวร์ทั้งหมดลี้ภัยเหตุจลาจลในปารีสไปยังพระราชวังแซ็ง-กลูบริเวณชานเมืองทางตะวันตกของปารีสและเปิดการประชุมขึ้นที่นั่น ผู้แทนในสภาฝ่ายนโปเลียนได้ชักจูงให้สมาชิกคณะดีแร็กตัวร์ทั้ง 5 คนลาออกและล้มเลิกระบอบดีแร็กตัวร์
ดีแร็กตัวร์สองคนได้แก่ แอมานุแอล โฌแซ็ฟ ซีเยแย็ส และรอเฌ ดูว์โก ยอมลาออก อย่างไรก็ตาม ดีแร็กตัวร์อีกสามคนอันได้แก่ ปอล บารัส, หลุยส์-เฌโรม กอเย และฌ็อง-ฟร็องซัว-ออกุสเต มูว์แล็ง ไม่ยอมลาออก
ในวันที่ 19 เดือนบรูว์แมร์ ที่พระราชวังแซ็ง-กลู การประชุมยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด นายพลนโปเลียนซึ่งอดทนรออยู่นอกห้องประชุมนั้นทนไม่ไหว จึงนำทหารแกรนาเดียร์กองเล็ก ๆ เข้าไปยังห้องประชุมสภาในเวลากับที่บารัสกำลังทำเรื่องลาออก เมื่อนโปเลียนเข้าไปก็ผู้แทนตรงดิ่งเข้ามาใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ลูว์เซียง โบนาปาร์ต ประธานที่ประชุมจึงบอกให้ทหารคอยยืนคุ้มกันนโปเลียน[1] หลังจากนั้น ผู้แทนบางส่วนได้มีการเสนอญัตติให้ประกาศว่านโปเลียนเป็นพวกนอกกฎหมายซึ่งจะทำให้นโปเลียนพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด ในเวลาคับขันนั้นเอง ลูว์เซียงได้แอบหลบไปบอกทหารประจำสภาว่าสภากำลังถูกคุกคามจากผู้แทนบางส่วนที่มุ่งร้าย นั้นจากนั้นก็มีผู้แทนคนหนึ่งยึดดาบไปและพยายามแทงนโปเลียน ลูว์เซียงสั่งให้จับกุมผู้แทนคนนั้นออกไปจากห้องประชุม[2]
ในวันที่ 20 เดือนบรูว์แมร์ หลังข่าวการปองร้ายนโปเลียนแพร่สะพัดออกไปยังปารีส นโปเลียนก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากประชาชนจำนวนมาก นายพลฌออากีม มูว์รา ยกทัพเข้าล้อมพระราชวังแซ็ง-กลู นโปเลียนใช้ข้ออ้างการถูกปองร้ายโดยสมาชิกสภานี้รัฐประหาร นายพลนโปเลียนประกาศสถาปนารัฐบาลชั่วคราวที่เรียกว่าคณะกงสุลซึ่งอำนาจทั้งหมดอยู่ที่กงสุลสามคน และได้ประกาศว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสได้สิ้นสุดลงแล้ว คณะกงสุลจะบริหารประเทศเป็นการชั่วคราวในขณะที่รัฐสภาดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Holland 1911.
- ↑ Doyle, p. 375.
- Doyle, William (1990). The Oxford History of the French Revolution (2 ed.). Oxford; New York: Oxford University Press. ISBN 9780199252985.
- Lefebvre, Georges; Soboul, Albert (1962). The Directory. London: Routledge and Kegan Paul. OCLC 668426465.
- Lefebvre, Georges. The French Revolution Volume II: from 1793 to 1799 (1964) pp 252–56
- Rapport, Michael (January 1998). "Napoleon's rise to power". History Today. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-20. สืบค้นเมื่อ 2016-07-17.