รายชื่อฐานทัพอากาศไทย
ระหว่าง พ.ศ. 2497-2518 (สงครามเวียดนามหรือสงครามอินโดจีนครั้งที่สอง) รัฐบาลไทยอนุญาตให้คณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐ ประจำประเทศไทย (Joint United States Military Advisory Group - Thailand: JUSMAG-THAI จัสแม็ก-ไทย) ให้ทุนและดำเนินการการปรับปรุงฐานทัพอากาศไทยให้ทันสมัย ในข้อตกลงที่ไม่ได้ลงนาม ฐานทัพอากาศเหล่านี้จะดำเนินการโดยกองทัพอากาศสหรัฐ เพื่อจุดประสงค์เฉพาะในการโจมตีเวียดนามเหนือด้วยเครื่องบินประมาณ 500 ลำ ฐานเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากฐานทัพเรือใกล้กับท่าเรือน้ำลึกสัตหีบ ผู้เชี่ยวชาญทางการทหารอเมริกันจำนวนมากได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ที่สำนักงานจัสแม็ก-ไทยในกรุงเทพฯ โดยขณะนั้นมีทหารสหรัฐฯ มากถึง 45,000 นายประจำการในประเทศไทย
ประวัติ[แก้]
โครงสร้างการบังคับบัญชาของกองทัพอากาศไทยประกอบด้วยกองบัญชาการและห้าส่วนบัญชาการ ได้แก่ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนส่งกำลังบำรุง ส่วนการศึกษา และและส่วนกิจการพิเศษ[1]
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 ประเทศไทยประสบกับอัตราการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา: มากกว่า 10% ต่อปีใน GNP และประมาณ 8% ต่อปีในผลผลิตจริง แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2504-2509) ประสบผลสำเร็จ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงสิ้นปี พ.ศ. 2513 ความช่วยเหลือทางทหารโดยตรงรวมเป็นเงินอีก 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน และต่อเนื่องในอัตรา 25–55 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตามสถิติของรัฐบาลสหรัฐ ระหว่างปี พ.ศ. 2493 ถึง พ.ศ. 2530 สหรัฐ ได้ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ประเทศไทยมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้วยโครงสร้างขนาดใหญ่ขององค์กร ทำให้ประเทศไทยเกิดความมั่งคั่งในทุกระดับของสังคม ทำให้เกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในด้านการก่อสร้างขนาดใหญ่ การสื่อสาร การคมนาคม และการป้องกันประเทศ หมวดหมู่ต่อไปนี้พบได้ในรายงานสรุปของสำนักงานตรวจสอบอิสระของรัฐสภาสหรัฐ เช่น หัวรถจักร, การบริการด้านปฏิบัติการการบิน, ทางหลวงกรุงเทพ-สระบุรี, ถนนสายใต้, สินเชื่อเพื่อการพัฒนา, การสนับสนุนทางเทคนิค, ตำรวจพลเรือน, วิทยุหมู่บ้าน, การพัฒนาการเกษตร, การดูแลสุขภาพในชนบท, น้ำดื่ม, มาลาเรีย, การจัดสรรไฟฟ้าในชนบท และโรงเรียนแพทย์เชียงใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ มีการก่อสร้างถนนที่ทนทานทุกสภาพอากาศความยาว 315 กิโลเมตร (196 ไมล์) ในสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วยสะพานและท่อระบายน้ำ 138 แห่ง มีค่าใช้จ่าย 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (174,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับอุปกรณ์บำรุงรักษา ต้องมีการฝึกอบรมบุคลากร 199 คน (ช่างเครื่อง 36 คน, ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหา 6 คน, พนักงานควบคุมอุปกรณ์ 97 คน, คนขับรถ 60 คน))
หลังสงครามยุติ[แก้]
การสิ้นสุดของสงครามส่งผลให้บุคลากรและอุปกรณ์ของสหรัฐ ทั้งหมดถูกถอดออกภายในปี พ.ศ. 2519 ตามคำร้องขอของไทย กองทัพอากาศไทยพบว่ามีค่าใช้จ่ายสูงเกินไปในการปฏิบัติการ ยกเว้นที่ฐานบินโคราชและตาคลี โดยโครงสร้างทางการบินอีกหลายรายการถูกส่งต่อการดูแลไปยังกรมการบินพลเรือน
- (กองทัพเรือ) สนามบินทหารเรืออู่ตะเภา -----12 41' N, 101 00' E
- ฐานบินอุบลราชธานี ---------15 15' N, 104 52' E
- ฐานบินโคราช (นครราชสีมา) -------14°55′58″N 102°04′40″E / 14.93278°N 102.07778°E
- ฐานบินอุดรธานี ---------17 23' N, 102 47' E
- ฐานบินตาคลี -------15°16′17″N 100°17′40″E / 15.27139°N 100.29444°E
- ฐานบินน้ำพอง ----16 39' N, 102 58' E
- ฐานบินนครพนม ------17 23' N, 104 39' E
สรุปความช่วยเหลือจากสหรัฐ[แก้]
ข้อมูลต่อไปนี้นำมาจากรายงานสรุปของหน่วยงานบริหารความช่วยเหลือของสหรัฐ (USOM) ในประเทศไทย ลงวันที่ พ.ศ. 2511 พบที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยคอร์เนล ชื่อว่า "Pamphlet HC Thailand 370" 3-1924-007-619-574
AID (หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ) ให้ความช่วยเหลือ ตลอดปีงบประมาณ 1968 (ล้านดอลลาร์)
- แกรนต์ 431; เงินกู้ยืม 64; ภูมิภาค 34: รวม 529
- เจ้าหน้าที่: อเมริกัน 460 คน ไทย 660 คน
- การอบรม : คนไทย 6,300 คน ส่งไปต่างประเทศ พ.ศ. 2494-68 ไปศึกษาด้าน เกษตรกรรม 1,490 คน; การศึกษา 1,341; สุขภาพ 969; การบริหารราชการ 824; ตำรวจพลเรือน 435; การพัฒนาชุมชน 501; การขนส่ง 287; อุตสาหกรรม 202; แรงงาน 28; โครงการแม่น้ำโขงและป่าโมง 16; ทั่วไป, 218.
ตัวชี้วัดการพัฒนา ไต้หวัน vs ไทย: GNP 234/141, กำลังไฟฟ้าต่อหัว 680/58, อัตราการรู้หนังสือ 72/70, ผู้อยู่อาศัยต่อแพทย์ 1500/7300, ถนนต่อ 1,000 ตารางไมล์ 590/40, ความหนาแน่นของประชากร 1,010/170,
ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติไทย (GNP) คงที่ 1965 ล้านดอลลาร์สหรัฐ: 2504/2925, 2505/3082, 2506/3386, 2507/3590, 2508/3907, 2509/4339, 2510/4551
ฐานทัพอากาศปัจจุบัน[แก้]
ปัจจุบันกองทัพอากาศได้แบ่งระดับของฐานทัพอากาศออกเป็น 1 ฐานทัพอากาศ และฐานบินอีก 4 ระดับ ประกอบไปด้วย ฐานทัพอากาศ ฐานบินปฏิบัติการหลัก ฐานบินปฏิบัติการหน้า[2] ฐานบินปฏิบัติการกิจพิเศษ[3] และฐานบินปฏิบัติการสำรอง[2] ซึ่งจะจำแนกได้ตามที่มีการเปิดเผยข้อมูล ดังนี้
ฐานทัพอากาศ[แก้]
- ฐานทัพอากาศดอนเมือง – กรุงเทพมหานคร
ฐานบินปฏิบัติการหลัก[แก้]
- ฐานบินกำแพงแสน – นครปฐม
- ฐานบินโคกกระเทียม – ลพบุรี
- ฐานบินโคราช – นครราชสีมา
- ฐานบินตาคลี – นครสวรรค์
- ฐานบินสุราษฏร์ธานี – สุราษฎร์ธานี
ฐานบินปฏิบัติการหน้า[แก้]
- ฐานบินเชียงใหม่ – เชียงใหม่
- ฐานบินหาดใหญ่ – สงขลา
- ฐานบินอุดรธานี – อุดรธานี
- ฐานบินอุบลราชธานี – อุบลราชธานี
ฐานบินปฏิบัติการกิจพิเศษ[แก้]
- ฐานบินประจวบคีรีขันธ์[4] – ประจวบคีรีขันธ์
- ฐานบินพิษณุโลก[5] – พิษณุโลก
ฐานบินปฏิบัติการสำรอง[แก้]
จำนวน 8 ฐานบิน[2]
สนามบินเฉพาะกิจ[แก้]
จำนวน 2 สนามบิน[2]
ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- JSTOR: Asian Survey: Vol 13,No. 5 (May, 1973) pp. 441–457 United States Military Spending and the Economy of Thailand, George J. Viksnins
- ↑ "Royal Thai Air Force Organization". rtaf.mil.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-28. สืบค้นเมื่อ 16 May 2020.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 "Royal Thai Air Force | ยุทโธปกรณ์ในกองทัพอากาศไทย". thaiarmedforce. 2019-05-02.
- ↑ "วิสัยทัศน์ พันธกิจ | กองทัพอากาศ". welcome-page.rtaf.mi.th.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "วิสัยทัศน์ ภารกิจ | กองบิน 5 กองทัพอากาศ". wing5.rtaf.mi.th.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "วิสัยทัศน์ ภารกิจ | กองบิน 46". wing46.rtaf.mi.th.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)