ภรรยาของมุฮัมมัด
"มารดาแห่งศรัทธาชน" ภรรยาของมุฮัมมัด | |||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
أمهات المؤمنين | |||||||||||||||||||||||||||||
คู่สมรส |
| ||||||||||||||||||||||||||||
บุตร |
| ||||||||||||||||||||||||||||
ครอบครัว | อะฮ์ลุลบัยต์ |
มีสตรีสิบเอ็ดคนที่ได้รับการยืนยันว่าแต่งงานกับมุฮัมมัด ผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลาม มุสลิมให้เกียรติบรรดาสตรีเหล่านั้นด้วยการเรียกแต่ละคนด้วยตำแหน่ง อุมมุลมุอ์มินีน (อาหรับ: أم ٱلْمُؤْمِنِين, แปลว่า มารดาแห่งศรัทธาชน) ซึ่งมาจากโองการ 33:6 ของอัลกุรอาน[2]
มุฮัมมัดแต่งงานครั้งแรกกับเคาะดีญะฮ์ บินต์ คุวัยลิดใน ค.ศ. 595 ตอนที่ท่านอายุ 25 ปี ส่วนเธอมีอายุ 28 หรือ 41 ปี และยังคงเป็นภรรยาคนเดียวจนกระทั่งเธอเสียชีวิตใน ค.ศ. 619 (ปีแห่งความเศร้าโศก) สิ้นสุดการแต่งงานที่มีระยะเวลา 24 ปี[3] หลังจากเคาะดีญะฮ์แล้ว มุฮัมมัดแต่งงานกับสตรี 10 คน: เซาดะฮ์ บินติ ซัมอะฮ์ใน ค.ศ. 619; อาอิชะฮ์ บินต์ อะบีบักร์ใน ค.ศ. 623; ฮัฟเศาะฮ์ บินต์ อุมัร, ซัยนับ บินต์ คุซัยมะฮ์ กับฮินด์ บินต์ อะบีอุมัยยะฮ์ใน ค.ศ. 625; ซัยนับ บินต์ ญะหช์ใน ค.ศ. 627; ญุวัยรียะฮ์ บินต์ อัลฮาริษกับร็อมละฮ์ บินต์ อะบีซุฟยาน อิบน์ ฮัรบ์ใน ค.ศ. 628 และเศาะฟียะฮ์ บินต์ ฮุยัยกับมัยมูนะฮ์ บินต์ อัลฮาริษใน ค.ศ. 629 นอกจากนี้ สถานะของร็อยฮานะฮ์ บินต์ ซัยด์กับมาริยะฮ์ บินต์ ชัมอูนยังเป็นที่พิพาท เนื่องจากนักวิชาการมุสลิมหลายคนมีความขัดแย้งว่าพวกเธอเป็นภรรยาหรืออยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้สมรส สตรีทั้งหมดเคยเป็นหม้ายหรือถูกหย่า (ยกเว้นอาอิชะฮ์) มุมมองทั่วไประบุว่ามุฮัมมัดมีลูก 7 คน (ลูกชาย 3 คนกับลูกสาว 4 คน) และทั้งหมดมาจากเคาะดีญะฮ์ในช่วง ค.ศ. 598 ถึง 611 หรือ 615 ยกเว้นลูกชายเพียงคนเดียวที่มาจากมาริยะฮ์ใน ค.ศ. 630 (ลูกคนที่ 7) แต่ไม่มีลูกชายคนใดมีชีวิตถึงวัยผู้ใหญ่
ส่วนหนึ่งของ |
ศาสนาอิสลาม |
---|
|
วัตถุประสงค์
[แก้]ส่วนหนึ่งของ |
มุฮัมมัด |
---|
|
เคาะดีญะฮ์ ภรรยาคนแรกของมุฮัมมัด เคยเป็นนายจ้างและผู้หญิงที่มีฐานะร่ำรวย ซึ่งมีรายงานว่าสนับสนุนท่านทั้งทางการเงินและทางอารมณ์ และเธอกลายเป็นบุคคลแรกที่นับถือศาสนาอิสลามหลังจากที่ท่านเริ่มเผยแผ่ศาสนา[4][5] ทั้งอายุและประวัติการแต่งงานของเธอในขณะที่เธอแต่งงานกับมุฮัมมัดในวัย 25 ปียังไม่ชัดเจน เธออาจมีอายุ 28 หรือ 41 ปี และอาจเคยเป็นพรหมจารีหรือไม่ โดยการมีตัวตนของลูก ๆ ก่อนหน้าก็เป็นประเด็นพิพาท ถึงกระนั้น การแต่งงานครั้งนี้ถือเป็นการแต่งงานที่สำคัญที่สุดตามรายงานทั้งหมด โดยมีลูก 6 คนจากลูกทั้งหมด 7 คนถือกำเนิดจากเคาะดีญะฮ์ และทั้งคู่ยังคงเป็นคู่สมรสคนเดียวตลอดที่อยู่ด้วยกัน 24 ปี[6] การเสียชีวิตของเคาะดีญะฮ์ใน ค.ศ. 619 ด้วยอายุ 52 หรือ 65 ปี ทำให้การแต่งงานในครั้งแรดสิ้นสุดลง และทำให้การมีคู่สมรสคนเดียวของมุฮัมมัดที่ขณะนัั้นอายุ 49 ปี สิ้นสุดด้วย ก่อนการอพยพไปยังมะดีนะฮ์ ท่านเริ่มมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน อย่างไรก็ตาม ท่านไม่มีภรรยาเป็นชาวมะดีนะฮ์ คาดว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมรับการอนุมัติในการแต่งงานกับผู้หญิงหลายคนกับการตัดสิทธิ์ในการรับมรดกของอิสลาม[7] แม้ว่ามุสลิมถูกจำกัดให้มีภรรยาได้แค่ 4 คนในเวลาเดียวกัน[8] มุฮัมมัดได้รับข้อยกเว้นจากกฏนี้ และได้รับอนุญาตให้มีภรรยาได้ไม่จำกัดจำนวนเนื่องในสถานะศาสนทูตของอัลลอฮ์[9] นอกจากนี้ ภรรยาของมุฮัมมัดถูกสั่งห้ามไม่ให้แแต่งงานใหม่หลังจากที่ท่านเสียชีวิต บุรุษทั้งหมดที่มีชีวิตร่วมสมัยได้รับคำเตือนอย่างเคร่งครัดว่าห้ามพยายามแต่งงานกับหญิงหม้ายเหล่านี้ โดยอัลกุรอานจัดให้เจตนาเช่นนี้เป็น "ความผิดที่ยิ่งใหญ่ในสายตาของอัลลอฮ์"[10]
วิลเลียม มอนต์โกเมอรี วัตต์ นักวิชาการชาวสกอต ระบุว่า การแต่งงานทั้งหมดของมุฮัมมัดมีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรทางการเมืองและอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมอาหรับ[11] จอห์น เอสโปซิโต ศาสตราจารย์ชาวอเมริกัน ชี้ให้เห็นว่าการแต่งงานของมุฮัมมัดในบางครั้งมุ่งเป้าไปที่การหาเลี้ยงชีพให้กับหญิงหม้าย[12] เขาสังเกตุว่าการแต่งงานใหม่เป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงเหล่านี้ในสังคมอาหรับ ซึ่งมุ่งเน้นในเรื่องความเป็นพรหมจารีและความบริสุทธิ์ทางเพศของผู้หญิงมากเกินไป[13] ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด ปีเตอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน กล่าวว่าเป็นการยากที่จะสรุปเกี่ยวกับการแต่งงานของมุฮัมมัดในแบบกว้าง ๆ หลายคนแต่งงานในเชิงการเมือง บ้างก็เห็นอกเห็นใจ และบ้างเป็นเรื่องของหัวใจ[14] จอห์น วิกเตอร์ โทแลน นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน เขียนว่า การแต่งงานของมุฮัมมัดส่วนใหญ่เป็นความพยายามที่จะสร้างพันธมิตรทางการเมือง[5]
ดังนั้น เป้าหมายการแต่งงานของมุฮัมมัดจึงอธิบายได้เป็น:[15]
- สร้างความผูกพันในครอบครัวระหว่างท่านกับผู้ติดตามของท่าน (มุฮัมมัดแต่งงานกับลูกสาวของอะบูบักร์กับอุมัร ส่วนอุษมานกับอะลีแต่งงานกับลูกสาวของท่าน ทำให้ท่านสร้างความผูกพันในครอบครัวกับเคาะลีฟะฮ์รอชิดูนทั้งหมด)
- เผยแผ่ศาสนาอิสลามด้วยการรวมชนเผ่าและตระกูลในอาระเบียที่แตกต่างกันผ่านการแต่งงาน
คำนิยาม
[แก้]"มารดาแห่งศรัทธาชน" เป็นศัพท์ที่ภรรยาของมุฮัมมัดแต่ละคนได้รับ โดยมีที่มาจากกุรอาน 33:6 ความว่า: "นะบีนั้นเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง และบรรดาภริยาของเขา (นะบี) คือมารดาของพวกเขา..."[2]
ชีวิตครอบครัว
[แก้]มุฮัมมัดและครอบครัวของท่านอาศัยอยู่ในบ้านขนาดเล็กติดกับมัสยิดที่มะดีนะฮ์ บ้านแต่ละหลังกว้าง 6-7 คืบ (1.7 เมตร) กับยาว 10 คืบ (2.3 เมตร) และความสูงของเพดานเทียบเท่ากับความสูงเฉลี่บของคนยืน มีการใช้ผ้าห่มเป็นผ้าม่านกั้นประตู[16]
แม้ว่าภรรยาของมุฮัมมัดมีสถานะพิเศษในบรรดามุสลิมยุคแรก ท่านไม่อนุญาตให้พวกเธอใช้สถานะของท่านในฐานะศาสนทูตเพื่อรับการปฏิบัติเป็นพิเศษต่อสาธารณชน[17]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ หญิงชาวยิวที่เป็นหม้ายและถูกนำตัวเป็นผู้อยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้สมรสหลังการล้อมบะนูกุร็อยเซาะฮ์ใน ค.ศ. 627; มุสลิมบางคนนับเป็นภรรยา[1]
- ↑ หญิงชาวอียิปต์ เธอกับซีรีน บินต์ ชัมอูนถูกหมั้นกับมุฮัมมัด ในฐานะของขวัญจากอัลมุเกากิส ผู้ว่าการอียิปต์ใน ค.ศ. 628 สถานะว่าเธอเป็นภรรยาหรืออยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้สมรสนั้นยังไม่เป็นที่กระจ่าง[1]
- ↑ 1.0 1.1 Bennett, Clinton, บ.ก. (1998). In Search of Muhammad. A&C Black. p. 251. ISBN 9780304704019.
- ↑ 2.0 2.1 Aleem, Shamim (2007). "12. Mothers of Believers". Prophet Muhammad(s) and His Family. AuthorHouse. p. 85. ISBN 978-1-4343-2357-6.
- ↑ Mubārakfūrī, Ṣafī al-Raḥmān (2002). The Sealed Nectar: Biography of the Noble Prophet (ภาษาอังกฤษ). Darussalam. ISBN 978-9960-899-55-8.
- ↑ Lapidus 2012, p. 184.
- ↑ 5.0 5.1 John Victor Tolan. Saracens: Islam in the Medieval European Imagination. Columbia University Press. p. 29.
- ↑ Francois-Cerrah, Myriam (17 September 2012). "The truth about Muhammad and Aisha". theguardian. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-10. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ Phipps 1999, p. 141.
- ↑ Journal of Arabic and Religious Studies (ภาษาอังกฤษ). Department of Religions, University of Ilorin. 1986. p. 25.
- ↑ Phipps 1999, p. 142.
- ↑ Rinehart 2019, The Domestic Roles of Wife, Mother, and Sex Slave.
- ↑ Watt (1956), p. 287
- ↑ Esposito (1998), pp. 16–18.
- ↑ John Esposito. Islam: The Straight Path. Oxford University Press. pp. 17–18.
- ↑ F.E. Peters (2003). p. 84
- ↑ E. Phipps, William (1999). Muhammad and Jesus: A Comparison of the Prophets and Their Teachings. Continuum. p. 142. ISBN 978-0826412072.
- ↑ Numani, p. 259-60
- ↑ Ramadan (2007), p. 168-9
บรรณานุกรม
[แก้]ภรรยาของมุฮัมมัด
[แก้]- Al-Shati, Bint (December 2006). The wives of the Prophet. Matti Moosa (trans.), D. Nicholas Ranson. Gorgias Press LLC. ISBN 978-1-59333-398-0.
สตรีในศาสนาอิสลาม
[แก้]- Freyer Stowasser, Barbara (1996). Women in the Qur'an, Traditions, and Interpretation. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-511148-4.
- Mernissi, Fatima (1991). The Veil and the Male Elite; A Feminist Interpretation of Women's Rights in Islam. Addison-Wesley (now Perseus Books). ISBN 9780201632217.
originally published 1987 in French, 1991 english translation, Paperback 1993
- Khadduri, Majid (1978). "Marriage in Islamic Law: The Modernist Viewpoints". American Journal of Comparative Law. The American Society of Comparative Law. 26 (2): 213–218. doi:10.2307/839669. JSTOR 839669.
ทั่วไป
[แก้]- Ibn Mājah, Abū ʿAbd Allāh Muḥammad ibn Yazīd (2007). English Translation of Sunan Ibn Majah with Commentary (ภาษาEnglish). Riyadh: Darussalam Publishers & Distributors. ISBN 978-9960-9881-3-9.
{{cite book}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - al-Ṭabarī, Abū Jaʿfar Muḥammad ibn Jarīr (1997). The History of al-Ṭabarī Vol. 8: The Victory of Islam: Muhammad at Medina A.D. 626-630/A.H. 5-8 (ภาษาอังกฤษ). SUNY Press. ISBN 978-0-7914-3150-4.
- Bukhārī, Muḥammad ibn Ismāʻīl (1997). Ṣaḥīḥ Al-Bukhārī: The Translation of the Meanings of Sahih Al-Bukhari : Arabic-English (ภาษาอาหรับ). Vol. 1. Darussalam Pub. & Distr. ISBN 9960-717-32-1.
- Garst, Karen L. (2018). Women v. Religion: The Case Against Faith—and for Freedom (ภาษาอังกฤษ). Pitchstone Publishing (US&CA). ISBN 978-1-63431-171-7.
- Zeitlin, Irving M. (2007). The Historical Muhammad (ภาษาอังกฤษ). Polity. ISBN 978-0-7456-3998-7.
- Rinehart, Christine Sixta (2019). Sexual Jihad: The Role of Islam in Female Terrorism (ภาษาอังกฤษ). Rowman & Littlefield. ISBN 978-1-4985-5752-8.
- Lapidus, Ira M. (2012). Islamic Societies to the Nineteenth Century: A Global History (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-51441-5.
- Phipps, William E. (1999). Muhammad and Jesus: A Comparison of the Prophets and Their Teachings. Continuum. p. 142. ISBN 978-0826412072.
- Ramadan, Tariq (2007). In the Footsteps of the Prophet: Lessons from the Life of Muhammad. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-530880-8.
- Peters, Francis Edward (2003). Islam: A Guide for Jews and Christians. Princeton University Press. ISBN 0-691-11553-2.
- Peters, Francis Edward (2003b). The Monotheists: Jews, Christians, and Muslims in Conflict and Competition. Princeton University Press. ISBN 0-691-11461-7. ASIN: B0012385Z6.
- Peterson, Daniel (2007). Muhammad, Prophet of God. Wm. B. Eerdmans Publishing Company. ISBN 978-0-8028-0754-0.
- Esposito, John (1998). Islam: The Straight Path. Oxford University Press. ISBN 0-19-511233-4.
- Guillaume, Alfred (1955). The Life of Muhammad: A Translation of Ibn Ishaq's Sirat Rasul Allah. Oxford University Press. ISBN 0-19-636033-1.
- Wessels, Antonie (1972). A modern Arabic biography of Muḥammad: a critical study of Muḥammad Ḥusayn Haykal's Ḥayāt Muḥammad. Brill Archive. ISBN 978-90-04-03415-0.
- Haykal, Muhammad Husayn (1976). The Life of Muhammad.
- Lings, Martin (1983). Muhammad: his life based on the earliest sources. Inner traditions international.
- al-Mubarakpuri, Safi ur Rahman (1979). Ar-Raheeq Al-Makhtum. Muslim World League.
- Nomani, Shibli (1970). Sirat Al-Nabi. Pakistan Historical Society.
- Reeves, Minou (2003). Muhammad in Europe: A Thousand Years of Western Myth-Making. NYU Press. ISBN 978-0-8147-7564-6.
- Rodinson, Maxime (1971). Muhammad. Allen Lane the Penguin Press. ISBN 978-1-86064-827-4.
- Watt, William Montgomery (1956). Muhammad at Medina. Clarendon Press. ISBN 0-19-577286-5.
- Tucker, Spencer C. (2010). The Encyclopedia of Middle East Wars: The United States in the Persian Gulf, Afghanistan, and Iraq Conflicts [5 volumes]: The United States in the Persian Gulf, Afghanistan, and Iraq Conflicts. ABC-CLIO. ISBN 9781851099481.
- Watt, William Montgomery (1974). Muhammad: Prophet and Statesman. Oxford University Press. ISBN 0-19-881078-4.