ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Weetaeza (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 2: บรรทัด 2:


== พระประวัติ ==
== พระประวัติ ==
พระองค์ได้บำเพ็ญ[[บารมี 30 ทัศน์]]มาอย่างยิ่งยวด โดยมี[[ปรมัตถบารมี]]หนึ่งย้อนไปในสมัย[[ภัทรกัปป์]] ปัจจุบันของเรานี้ พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็น[[พระเจ้าจักรพรรดิ]]นามว่า '''พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร''' มีแก้ว 7 ประการได้แก่ '''นางแก้ว แก้วมณี จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ปรินายกแก้ว คฤหบดีแก้ว''' ปกครองทวีปใหญ่ทั้ง 4 มีทวีปเล็กๆอีก 2000 เป็นบริวาร ล่วงมาถึงจน[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]ได้ตรัสรู้<ref>http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-061213092605164</ref>
พระองค์ได้บำเพ็ญ[[บารมี 30 ทัศน์]]มาอย่างยิ่งยวด โดยมี[[ปรมัตถบารมี]]หนึ่งย้อนไปใน[[ภัทรกัปป์]] ปัจจุบันนี้ พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็น[[พระเจ้าจักรพรรดิ]]ทรงพระนามว่า มีแก้ว 7 ประการได้แก่ '''นางแก้ว แก้วมณี จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ปรินายกแก้ว คฤหบดีแก้ว''' ปกครองทวีปใหญ่ทั้ง 4 มีทวีปเล็กๆอีก 2000 เป็นบริวาร ล่วงมาถึงจน[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]ได้ตรัสรู้<ref>http://www.phuttawong.net/index.aspx?ContentID=ContentID-061213092605164</ref>


พระโพธิสัตว์จึงสั่ง'''จักรแก้ว'''ไปเอาดวงแก้วมณีที่ท้องมหาสมุทร จักรแก้วก็นำแก้วมณีมาถวายดุจดังมีจิตวิญญาณ
พระโพธิสัตว์จึงสั่ง'''จักรแก้ว'''ไปเอาดวงแก้วมณีที่ท้องมหาสมุทร จักรแก้วก็นำแก้วมณีมาถวายดุจดังมีจิตวิญญาณ
บรรทัด 10: บรรทัด 10:
แล้วให้'''ม้าแก้ว'''นำม้าที่ท่าสินธพนทีมาถวาย ม้าแก้วก็นำม้าทั้งหลายมาถวาย
แล้วให้'''ม้าแก้ว'''นำม้าที่ท่าสินธพนทีมาถวาย ม้าแก้วก็นำม้าทั้งหลายมาถวาย


รับสั่งให้พระมเหสีไปยังอุดรกุรุทวีปนำนางแก้วมาถวาย พระมเหสีก็เหาะไปนำนางแก้ว 8 หมื่นมาถวาย
รับสั่งให้พระมเหสีไปยังอุตรกุรุทวีปนำนางแก้วมาถวาย พระมเหสีก็เหาะไปนำนางแก้ว 8 หมื่นมาถวาย


และให้'''แก้วมณี'''ให้ไปที่เขาวิบุลบรรพต เอาแก้วมณีมาถวาย แก้วมณีก็นำแก้วมณี 8 หมื่นดวงมาถวาย
และให้'''แก้วมณี'''ให้ไปที่เขาเวปุลบรรพต เอาแก้วมณีมาถวาย แก้วมณีก็นำแก้วมณี 8 หมื่นดวงมาถวาย


ให้'''ขุนพลแก้ว'''ไปเอาดวงแก้วบนยอดเขากัมพูฉัตร ในอุตรกุรุทวีป อปรโคยานทวีป บุพพวิเทหทวีป ขุนพลแก้วรับคำสั่งแล้วก็ไปถอดเอาแก้วในทวีปทั้ง 3 มาถวาย
ให้'''ขุนพลแก้ว'''ไปเอาดวงแก้วบนยอดเขากัมพูฉัตร ในอุตรกุรุทวีป อปรโคยานทวีป บุพพวิเทหทวีป ขุนพลแก้วรับคำสั่งแล้วก็ไปถอดเอาแก้วในทวีปทั้ง 3 มาถวาย
บรรทัด 20: บรรทัด 20:
พระพุทธองค์ทรงตอบว่า เรามีนามว่า '''พระศาสดา''' คฤหบดีแก้วก็สอบถามอีกว่า ชื่อว่าพระศาสดานี้ด้วยเหตุใด พระพุทธองค์จึงทรงตอบว่าด้วยอาจริยคุณ 31 ประการ เช่น อิติปิ โส ภควา เป็นต้น เมื่อคฤหบดีแก้ว ได้ฟังก็จึงจารึก จริยคุณ 31 ประการเป็นตัวอักษรลงในแผ่นทองคำ และสอบถามว่ามีคุณวิเศษอย่างอื่นอีกหรือไม่ พระพุทธองค์ ทรงตอบว่ามีอยู่อีกเป็นอันมาก คฤหบดีแก้วก็ทูลขอให้ทรงแสดงต่อไป พุทธองค์ทรงแสดงธรรม เรื่องกายคตาสติกัมมัฏฐาน คฤหบดีแก้ว ก็ยังจารึกพระโฉมกายมหาบุรุษของ[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]] ในแผ่นทองเหาะกลับไปถวายแด่[[พระโพธิสัตว์]]
พระพุทธองค์ทรงตอบว่า เรามีนามว่า '''พระศาสดา''' คฤหบดีแก้วก็สอบถามอีกว่า ชื่อว่าพระศาสดานี้ด้วยเหตุใด พระพุทธองค์จึงทรงตอบว่าด้วยอาจริยคุณ 31 ประการ เช่น อิติปิ โส ภควา เป็นต้น เมื่อคฤหบดีแก้ว ได้ฟังก็จึงจารึก จริยคุณ 31 ประการเป็นตัวอักษรลงในแผ่นทองคำ และสอบถามว่ามีคุณวิเศษอย่างอื่นอีกหรือไม่ พระพุทธองค์ ทรงตอบว่ามีอยู่อีกเป็นอันมาก คฤหบดีแก้วก็ทูลขอให้ทรงแสดงต่อไป พุทธองค์ทรงแสดงธรรม เรื่องกายคตาสติกัมมัฏฐาน คฤหบดีแก้ว ก็ยังจารึกพระโฉมกายมหาบุรุษของ[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]] ในแผ่นทองเหาะกลับไปถวายแด่[[พระโพธิสัตว์]]


เมื่อ[[พระโพธิสัตว์]]เห็นอักษรที่จารึกแล้วยังไม่ทราบว่าเป็นพุทธคุณจริงหรือไม่ จึงสอบถามไปยังพราหมณ์ปุโรหิตว่า จริงหรือ ฝ่ายพราหมณ์จึงกราบทูลว่า เป็นของประเสริฐ หาคุณวิเศษยิ่งไปกว่านี้ไม่มีแล้ว พระองค์จึงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี อย่างมากจนสลบทีเดียว พอได้สติฟื้นขึ้นมา ก็สอบถามปุโรหิตว่าคุณวิเศษนี้เป็นพุทธคุณจริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า เป็นของแท้แน่นอน อย่าได้สงสัยเลย พระองค์ก็ปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี อย่างมากจนสลบเป็นครั้งที่ 2 พอฟื้นขึ้นมาก็ทอดพระเนตรรูปพุทธองค์ที่สลักในแผ่นทองคำแล้วสอบถามปุโรหิตว่า เป็นรูปของพระพุทธองค์จริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า จริง พระองค์ก็ปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี อย่างมากจนสลบเป็นครั้งที่ 3
เมื่อ[[พระโพธิสัตว์]]เห็นอักษรที่จารึกแล้วยังไม่ทราบว่าเป็นพุทธคุณจริงหรือไม่ จึงสอบถามไปยังพราหมณ์ปุโรหิตว่า จริงหรือ ฝ่ายพราหมณ์จึงกราบทูลว่า เป็นของประเสริฐ หาคุณวิเศษยิ่งไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอย่างมากจนสลบไป พอทรงฟื้นได้พระสติขึ้นมา จึงสอบถามปุโรหิตว่าคุณวิเศษนี้เป็นพุทธคุณจริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า เป็นของแท้แน่นอน อย่าได้สงสัยเลย พระเจ้าข้า พระองค์ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอย่างมากจนสลบเป็นครั้งที่ 2 พอฟื้นขึ้นมาทรงทอดพระเนตรพระฉายารูปของพระพุทธองค์ที่สลักในแผ่นทองคำแล้วสอบถามปุโรหิตว่า เป็นรูปของพระพุทธองค์จริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า พระองค์ก็ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอันมากจนสลบไปเป็นครั้งที่ 3


ครั้นพอได้สติ ก็ตรัสกับคฤหบดีแก้วว่า เป็นเหตุให้พระองค์ได้พบสิ่งมีค่ายิ่ง จึงยกสมบัติจักรพรรดิให้แก่คฤหบดีทั้งหมดเป็นบำเหน็จความดีความชอบ
ครั้นพอได้สติ จึงตรัสกับคฤหบดีแก้วว่า เป็นเหตุให้พระองค์ได้พบสิ่งมีค่ายิ่ง จึงทรงยกสมบัติจักรพรรดิให้แก่คฤหบดีแก้วทั้งหมดเป็นบำเหน็จความดีความชอบ


ส่วน'''พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร'''ก็เสด็จเดินเท้าพระองค์เดียวมุ่งหน้าไปยังพระพุทธองค์ จนถึงต้นไทรที่พระพุทธองค์เคยประทับอยู่ กระทำอัญชลีและตั้งใจจะบวชในพระพุทธศาสนา เกิดอัศจรรย์เครื่องอัฏบริขารทั้ง 8 ก็ลอยมาตกตรงหน้าด้วยพุทธานุภาพ ครั้นเมื่อ[[พระโพธิสัตว์]]ได้ครองผ้าบวชแล้วก็ขอให้มงกุฏของพระองค์ไปแจ้งข่าวต่อพระพุทธองค์ด้วย มงกุฏนั้นก็ลอยไปเหมือนมีจิตวิญญาณ เข้ากราบทูล[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]
ส่วน'''พระเจ้ามหาปนาทบรมจักร''' หลังจากสละราชสมบัติทรงเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทเปล่า มุ่งตรงไปหาพระกกุสันธพุทธเจ้า จนถึงต้นไทรที่พระพุทธองค์เคยทรงประทับอยู่ กระทำอัญชลีและทรงอธิษฐานขอบวชในพระพุทธศาสนา เกิดอัศจรรย์เครื่องอัฏบริขารทั้ง 8 ก็ลอยมาตกตรงหน้าด้วยพุทธานุภาพ ครั้นเมื่อ[[พระโพธิสัตว์]]ได้ครองผ้าบวชแล้วจึงทรงอธิษฐานขอให้มงกุฏของพระองค์ไปแจ้งข่าวต่อพระพุทธองค์ด้วย มงกุฏนั้นก็ลอยไปเหมือนมีจิตวิญญาณ เข้ากราบทูล[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]


ครั้นเมื่อบวชแล้วประพฤติกิจของสงฆ์ เที่ยวบิณฑบาตและเจริญกัมมัฎฐาน พิจารณาพุทธคุณ เจริญกายคตาสติกัมมัฎฐาน ด้วยความเพียรจนได้โลกียญาณแล้ว ก็เหาะไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เห็นกายมหาบุรุษและประกอบด้วยอนุพยัญชนะ 80 ประการของพระองค์ งามพร้อมบริบูรณ์ จึงเกิดปิตีถึงขนาดสลบสิ้นสติไป [[พระพุทธเจ้า]]ทรงประพรมน้ำ พอพื้นคืนสติได้ก็กราบ ขออาราธนาให้พุทธองค์ทรงแสดงธรรม
ครั้นเมื่อบวชแล้ว เที่ยวจาริกบิณฑบาต พิจารณาเจริญกรรมฐาน ด้วยความเพียรจนได้โลกียฌาณสมาบัติแล้ว จึงเหาะไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เห็นกายมหาบุรุษลักษณะประกอบไปด้วยอนุพยัญชนะ 80 ประการของพระองค์ งามพร้อมบริบูรณ์ จึงเกิดปีติยินดีถึงขนาดสิ้นพระสติสลบไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประพรมอุทกธารา พอฟื้นคืนพระสติได้ จึงกราบขออาราธนาให้พุทธองค์ทรงแสดงธรรม


[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]ได้แสดงธรรมว่า ให้พิจารณาธรรมที่จะนำไปสู่นิพพานเถิด [[พระโพธิสัตว์]]ได้ฟังดังนั้นก็เกิดความปลื้มปิติ จึงตัดศีรษะของตนด้วยเล็บ ทำเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระพุทธเจ้า และอธิษฐานขอให้ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิษฐานเสร็จก็สิ้นใจตายไปบังเกิดเป็น[[เทวดา]]ในสวรรค์ชั้นดุสิต
[[พระกกุสันธพุทธเจ้า]]ได้ทรงแสดงธรรม พระโพธิสัตว์เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาอันลึกซึ้ง บังเกิดปิติยินดีเป็นล้นพ้น ต้องการบูชาพระธรรมอันประเสริฐ และขอบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เช่นเดียวกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล จึงทรงตัดพระเศียรของพระองค์ด้วยพระนขาคือเล็บ ทำเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระพุทธเจ้า แล้วทรงจุติไปบังเกิดเป็น[[เทวดา]]ในสวรรค์ชั้นดุสิต
== พระลักษณะ ==
== พระลักษณะ ==
'''พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า'''มีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 1 แสน พระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง เป็นสีทองงดงาม มีไม้กากะทิงเป็นศรีมหาโพธิ บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ ด้วยพระพุทธานุภาพ<ref>http://buddhapoom.com/index.php?topic=309.5;wap2</ref>
'''พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า'''มีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 1 แสน พระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง เป็นสีทองงดงาม มีไม้กากะทิงเป็นศรีมหาโพธิ บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ ด้วยพระพุทธานุภาพ<ref>http://buddhapoom.com/index.php?topic=309.5;wap2</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:22, 7 สิงหาคม 2562

พระสุมังคลสัมพุทธเจ้าปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์[1] ครั้นเมื่อศาสนาของพระติสสะสัมพุทธเจ้าเสื่อมในมัณฑกัปป์เดียวกันนี้จะมีพระพุทธเจ้า องค์ถัดไป ชื่อว่า พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า โดยพระโพธิสัตว์ในสมัยของพระโคตมพุทธเจ้าได้เสวยพระชาติเป็น ช้างปาลิไลยกะ

พระประวัติ

พระองค์ได้บำเพ็ญบารมี 30 ทัศน์มาอย่างยิ่งยวด โดยมีปรมัตถบารมีหนึ่งย้อนไปในภัทรกัปป์ ปัจจุบันนี้ พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงพระนามว่า มีแก้ว 7 ประการได้แก่ นางแก้ว แก้วมณี จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ปรินายกแก้ว คฤหบดีแก้ว ปกครองทวีปใหญ่ทั้ง 4 มีทวีปเล็กๆอีก 2000 เป็นบริวาร ล่วงมาถึงจนพระกกุสันธพุทธเจ้าได้ตรัสรู้[2]

พระโพธิสัตว์จึงสั่งจักรแก้วไปเอาดวงแก้วมณีที่ท้องมหาสมุทร จักรแก้วก็นำแก้วมณีมาถวายดุจดังมีจิตวิญญาณ

ต่อมาให้ช้างแก้วพาช้างฉัตรทันต์มาถวาย ช้างแก้วก็พาช้างฉัตรทันต์ 8 หมื่นมาถวาย

แล้วให้ม้าแก้วนำม้าที่ท่าสินธพนทีมาถวาย ม้าแก้วก็นำม้าทั้งหลายมาถวาย

รับสั่งให้พระมเหสีไปยังอุตรกุรุทวีปนำนางแก้วมาถวาย พระมเหสีก็เหาะไปนำนางแก้ว 8 หมื่นมาถวาย

และให้แก้วมณีให้ไปที่เขาเวปุลบรรพต เอาแก้วมณีมาถวาย แก้วมณีก็นำแก้วมณี 8 หมื่นดวงมาถวาย

ให้ขุนพลแก้วไปเอาดวงแก้วบนยอดเขากัมพูฉัตร ในอุตรกุรุทวีป อปรโคยานทวีป บุพพวิเทหทวีป ขุนพลแก้วรับคำสั่งแล้วก็ไปถอดเอาแก้วในทวีปทั้ง 3 มาถวาย

ให้คฤหบดีแก้วให้ไปในโสฬสมหานครใหญ่ 16 เมือง เอาแก้วมณี คฤหบดีเมื่อไปยังมหานครแล้วเห็นพระกกุสันธพุทธเจ้า ก็มิได้รู้จัก แต่เห็นมีลักษณะงดงาม จึงเข้าไปสอบถามพระนาม

พระพุทธองค์ทรงตอบว่า เรามีนามว่า พระศาสดา คฤหบดีแก้วก็สอบถามอีกว่า ชื่อว่าพระศาสดานี้ด้วยเหตุใด พระพุทธองค์จึงทรงตอบว่าด้วยอาจริยคุณ 31 ประการ เช่น อิติปิ โส ภควา เป็นต้น เมื่อคฤหบดีแก้ว ได้ฟังก็จึงจารึก จริยคุณ 31 ประการเป็นตัวอักษรลงในแผ่นทองคำ และสอบถามว่ามีคุณวิเศษอย่างอื่นอีกหรือไม่ พระพุทธองค์ ทรงตอบว่ามีอยู่อีกเป็นอันมาก คฤหบดีแก้วก็ทูลขอให้ทรงแสดงต่อไป พุทธองค์ทรงแสดงธรรม เรื่องกายคตาสติกัมมัฏฐาน คฤหบดีแก้ว ก็ยังจารึกพระโฉมกายมหาบุรุษของพระกกุสันธพุทธเจ้า ในแผ่นทองเหาะกลับไปถวายแด่พระโพธิสัตว์

เมื่อพระโพธิสัตว์เห็นอักษรที่จารึกแล้วยังไม่ทราบว่าเป็นพุทธคุณจริงหรือไม่ จึงสอบถามไปยังพราหมณ์ปุโรหิตว่า จริงหรือ ฝ่ายพราหมณ์จึงกราบทูลว่า เป็นของประเสริฐ หาคุณวิเศษยิ่งไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว พระเจ้าข้า พระองค์ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอย่างมากจนสลบไป พอทรงฟื้นได้พระสติขึ้นมา จึงสอบถามปุโรหิตว่าคุณวิเศษนี้เป็นพุทธคุณจริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า เป็นของแท้แน่นอน อย่าได้สงสัยเลย พระเจ้าข้า พระองค์ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอย่างมากจนสลบเป็นครั้งที่ 2 พอฟื้นขึ้นมาทรงทอดพระเนตรพระฉายารูปของพระพุทธองค์ที่สลักในแผ่นทองคำแล้วสอบถามปุโรหิตว่า เป็นรูปของพระพุทธองค์จริงหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า พระองค์ก็ทรงปลาบปลื้ม ปิติ ยินดี เป็นอันมากจนสลบไปเป็นครั้งที่ 3

ครั้นพอได้สติ จึงตรัสกับคฤหบดีแก้วว่า เป็นเหตุให้พระองค์ได้พบสิ่งมีค่ายิ่ง จึงทรงยกสมบัติจักรพรรดิให้แก่คฤหบดีแก้วทั้งหมดเป็นบำเหน็จความดีความชอบ

ส่วนพระเจ้ามหาปนาทบรมจักร หลังจากสละราชสมบัติทรงเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทเปล่า มุ่งตรงไปหาพระกกุสันธพุทธเจ้า จนถึงต้นไทรที่พระพุทธองค์เคยทรงประทับอยู่ กระทำอัญชลีและทรงอธิษฐานขอบวชในพระพุทธศาสนา เกิดอัศจรรย์เครื่องอัฏบริขารทั้ง 8 ก็ลอยมาตกตรงหน้าด้วยพุทธานุภาพ ครั้นเมื่อพระโพธิสัตว์ได้ครองผ้าบวชแล้วจึงทรงอธิษฐานขอให้มงกุฏของพระองค์ไปแจ้งข่าวต่อพระพุทธองค์ด้วย มงกุฏนั้นก็ลอยไปเหมือนมีจิตวิญญาณ เข้ากราบทูลพระกกุสันธพุทธเจ้า

ครั้นเมื่อบวชแล้ว เที่ยวจาริกบิณฑบาต พิจารณาเจริญกรรมฐาน ด้วยความเพียรจนได้โลกียฌาณสมาบัติแล้ว จึงเหาะไปเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เห็นกายมหาบุรุษลักษณะประกอบไปด้วยอนุพยัญชนะ 80 ประการของพระองค์ งามพร้อมบริบูรณ์ จึงเกิดปีติยินดีถึงขนาดสิ้นพระสติสลบไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประพรมอุทกธารา พอฟื้นคืนพระสติได้ จึงกราบขออาราธนาให้พุทธองค์ทรงแสดงธรรม

พระกกุสันธพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรม พระโพธิสัตว์เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาอันลึกซึ้ง บังเกิดปิติยินดีเป็นล้นพ้น ต้องการบูชาพระธรรมอันประเสริฐ และขอบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เช่นเดียวกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคตกาล จึงทรงตัดพระเศียรของพระองค์ด้วยพระนขาคือเล็บ ทำเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระพุทธเจ้า แล้วทรงจุติไปบังเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดุสิต

พระลักษณะ

พระสุมังคลสัมพุทธเจ้ามีพระวรกายสูง 60 ศอก มีพระชนมายุ 1 แสน พระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง เป็นสีทองงดงาม มีไม้กากะทิงเป็นศรีมหาโพธิ บังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ ด้วยพระพุทธานุภาพ[3]

มนุษย์ทั้งหลายในศาสนาของพระองค์ ไม่ต้องประกอบอาชีพ อาศัยต้นกัลปพฤกษ์นั้น เลี้ยงชีวิตตน มนุษย์ทั้งหลายมีความแต่ความสุขสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทวดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์


อ้างอิง