ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าคนุตที่ 6 แห่งเดนมาร์ก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าคนุตที่ 6
พระสาทิสลักษณ์พระเจ้าคนุตที่ 6 แห่งเดนมาร์ก
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก
ครองราชย์1182 – 1202
ก่อนหน้าวัลเดมาร์ที่ 1
ถัดไปวัลเดมาร์ที่ 2
พระมหากษัตริย์แห่งชาวเวนด์
ครองราชย์1185 - 1202
ถัดไปวัลเดมาร์ที่ 2
ประสูติราว ค.ศ. 1163
สวรรคต12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1202(1202-11-12) (39 ปี)
ฝังพระศพโบสถ์นักบุญเบ็นท์, ริงสเต็ด, เดนมาร์ก
คู่อภิเษกเกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย
ราชวงศ์แอสตริดเซน
พระราชบิดาพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
พระราชมารดาเจ้าหญิงโซเฟียแห่งมินสก์
ศาสนาโรมันคาทอลิก

พระเจ้าคนุตที่ 6 แห่งเดนมาร์ก (เดนมาร์ก: Knud Valdemarsøn ค.ศ. 1163 - 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1202) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก ตั้งแต่ค.ศ. 1182 ถึง ค.ศ. 1202[1] แหล่งข้อมูลร่วมสมัยระบุว่ากษัตริย์คนุดที่ 6 ทรงเป็นผู้ที่เคร่งในศาสนาอย่างมาก[2]

ภูมิหลัง

[แก้]

กษัตริย์คนุดที่ 6 ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก และเจ้าหญิงโซเฟียแห่งมินสก์ พระอนุชาของพระองค์คือ เจ้าชายวัลเดมาร์ ประสูติในปีค.ศ. 1170 ขณะเจ้าชายคนุตมีพระชนมายุ 7 พรรษาในปี 1170 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเดนมาร์กร่วมกับพระราชบิดา

รัชกาล

[แก้]

หลังจากพระราชบิดาสวรรคตในปีค.ศ. 1182 กษัตริย์คนุดที่ 6 จึงทรงเป็นพระประมุขหนึ่งเดียวในเดนมาร์กในปีค.ศ. 1182[3] ณ สภาอูร์เนนโฮฟ และต่อมาทรงได้รับการสถาปนาในสภาที่อื่นๆทั่วเดนมาร์ก พระองค์ต้องเผชิญกับกบฏชาวนาแทบจะในทันทีที่สคาเนีย ชาวนาปฏิเสธที่จะจ่ายส่วยให้บิชอปอับซาลอน ประชาชนมารวมตัวที่สภาสคาเนียและเลือกฮารัลด์ สเครน หนึ่งในพระสหายของกษัตริย์คานุดให้เป็นตัวแทนของพวกเขาไปเจรจาวิงวอนต่อกษัตริย์ กษัตริย์ทรงปฏิเสธที่จะรับฟังสเครน และทรงระดมพลเพื่อสั่งสอนพวกชาวนา แต่ก่อนที่กษัตริย์จะทรงรวบรวมกองทัพของพระองค์ เหล่าขุนนางของฮัลลันด์และสคาเนีย ได้ระดมกองทัพของตนเองเพื่อปราบปรามพวกชาวนากลายเป็นสมรภูมิที่นองเลือดที่ดอสเยโบรในแคว้นสคาเนีย กษัตริย์คนุดที่ 6 ทรงมาพร้อมกับกองทัพของพระองค์และสอนบทเรียนแก่ชาวนาด้วยไฟและคมดาบ กษัตริย์คนุดไม่ทรงอ่อนข้อให้ชาวบ้านอย่างมาก ทั้งๆที่บิชอปอับซาลอนทรงทูลขอให้พระองค์หยุด

จักรพรรดิฟรีดริชที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทรงเคยบังคับให้พระราชบิดาของกษัตริย์คนุดยอมรับให้พระองค์มีอำนาจเหนือกว่า และในปีค.ศ. 1184 จักรพรรดิฟรีดริชทรงส่งพระราชสาส์นมายังกษัตริย์คนุดเพื่อให้ยอมรับพระองค์เป็นเจ้าเหนือหัวอีกครั้ง กษัตริย์คนุดไม่ทรงสามารถตอบได้ จักรพรรดิจึงส่งผู้ส่งสาส์นคนที่สองมาเพื่อข่มขู่ว่าจักรพรรดิทรงพิโรธยิ่งที่กษัตริย์เดนมาร์กไม่ยอมรับจักรพรรดิเป็นเจ้าเหนือหัว บิชอปอับซาลอนได้ตอบคณะทูจในพระนามของพระมหากษัตริย์ว่า "คนุตเป็นพระมหากษัตริย์โดยอิสระ พระองค์มีสิทธิในเดนมาร์กมากพอเหมือนกับที่จักรพรรดิมีสิทธิในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และดังนั้นองค์จักรพรรดิไม่ควรจะคาดหวังขอความจงรักภักดีจากที่แห่งนี้"[4]

จักรพรรดิทรงพิโรธยิ่งเมื่อได้รับคำตอบจากกษัตริย์คนุด แต่ทรงวุ่นวายจากปัญหาทางใต้ พระองค์จึงมีพระราชโองการให้บอกุสลอว์ที่ 1 ดยุกแห่งพอเมอเรเนีย ขุนนางในดินแดนของพระองค์ระดมพลเพื่อโจมตีเดนมาร์ก ดยุกบอกุสลอว์เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี จึงระดมพลกองทัพเรืออย่างรวดเร็วถึง 500 ลำ ข่าวการวางแผนโจมตีครั้งแรกมาถึงยาโรมาร์ที่ 1 เจ้าชายแห่งรือเงิน เขาจึงรีบแล่นเรือไปยังซีแลนด์เพื่อแจ้งเตือนข่าว กษัตริย์ทรงประทับอยู่ที่จัตแลนด์ในขณะนั้น ดังนั้นการปกครองราชอาณาจักรจึงอยู่ในมือของบิชอปอับซาลอน และได้สั่งระดมเรือจากซีแลนด์ ฟูเนินและสคาเนียให้ประชุมพลร่วมกันในอีก 6 วัน อับซาลอนนำกองทัพเรือไปตั้งรับทัพเรือของบอกุสลอว์ที่รือเงิน เมื่อกองทัพศัตรูไม่มาเสียที อับซาลอนจึงให้หน่วยสอดแนมไปสืบเรื่องราวของกองทัพพอเมอเรเนีย เขาจึงสั่งให้ทหารกลับขึ้นฝั่งเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลอีสเตอร์ครั้งที่สอง ในช่วงงานเทศกาล หนึ่งในหน่วยสอดแนมของเขาวิ่งเข้ามาในโบสถ์และตะโกนว่ามองเห็นกองทัพศัตรูผ่านในกลุ่มหมอก อับซาลอนได้ตะโกนจากแท่นบูชาว่า "ตอนนี้ล่ะ ข้าจะให้ดาบของข้าร้องเพลงมิสซาเพื่อสรรเสริญพระเจ้า!"[4]

กองทัพเรือเดนมาร์กรีบถอนสมอเรือและแล่นผ่านกลุ่มหมอกมุ่งตรงไปยังกองทัพเรือของพอเมอเรเนีย ดยุกบอกุสลอว์มองไม่เห็นกองเรือเดนมาร์กจนกระทั่งกองเรือเข้ามาใกล้แล้วและพวกเดนส์ร้องตะโกนข่มขวัญ พวกพอเมเรเนียหวาดกลัวยิ่งนัก พวกเขาพยายามแล่นเรือออกไป แต่เนื่องจากพวกเดนส์อยู่ใกล้เกินไปจนไม่อาจเลี้ยวเรือหักหลบได้ ทหารพอเมเรเนียนตื่นตะหนกและเริ่มกระโดนหนีจากเรือหนึ่งไปอีกเรือหนึ่ง พวกเดนส์เหวี่ยงตัวลงเรือศัตรูเพื่อทำการปล้นสดมภ์ แต่บิชอปแบซาลอนตะโกนสั่งให้วางสิ่งของต่างๆและบุกไปยังเรือต่อไป แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทำตาม และด้วยเรือเพียงเจ็ดลำ อับซาลอนสามารถปิดล้อมกองเรือของพอเมอเรเนีย ยึดเรือศัตรูได้ 35 ลำ อับซาลอนส่งตัวดยุกบอกุสลอว์ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์คนุดที่จัตแลนด์ บอกุสลอว์พ่ายแพ้ จักรพรรดิจึงล้มเลิกความคิดที่จะปกครองเดนมาร์ก[4]

ตราพระราชลัญจกรของกษัตริย์คนุดที่ 6 ราวปีค.ศ. 1190 ตรานี้เป็นรูปแบบตัวอย่างแรกสุดของตราแผ่นดินของเดนมาร์ก มีการค้นพบว่าตราจำลองของตราลัญจกรนี้ค้นพบที่เมืองชเวริน เยอรมนี ในปีค.ศ. 1879 มงกุฎทรงปิดของกษัตริย์นั้นมีความแตกต่างจากมงกุฎทรงเปิดบนตราพระราชลัญจกรของผู้สืบบัลลังก์พระองค์ถัดมา

กษัตริย์คนุดทรงบุกโจมตีพอเมอเรเนียสองครั้ง และในปีค.ศ. 1185 ทรงบีบบังคับให้ดยุกบอกุสลอว์ยอมรับพระองค์ในฐานะเจ้าเหนือหัว จนกระทั่งถึงปีค.ศ. 1972 พระมหากษัตริย์เดนมาร์กทุกพระองค์ทรงใช้พระอิสริยยศ "พระมหากษัตริย์แห่งชาวเวนด์" (De Venders Koning) โดยมีอาณาจักรดัชชี มณฑลและภูมิภาคเข้ามาในเขตราชอาณาจักรเดนมาร์กเป็นเวลาหลายศตวรรษ กษัตริย์คนุดทรงดำเนินสงครามครูเสดต่อต้านลัทธิเพแกนชาวเอสโตเนีย ในปีค.ศ. 1197[4]

พระอนุชาของกษัตริย์คนุดที่ 6 คือ เจ้าชายวัลเดมาร์ ดยุกแห่งจัตแลนด์ใต้ ทรงมีพระชนมายุเพียง 12 พรรษาเมื่อพระราชบิดาสวรรคต และบิชอปวัลเดมาร์แห่งชเลสวิก (ค.ศ. 1158-1236) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการจนกว่าเจ้าชายวัลเดมาร์จะทรงมีพระชนมายุที่สามารถปกครองเองได้ บิชอปวัลเดมาร์เป็นผู้ทะเยอทะยานและได้รับการสนับสนุนจากขุนนางเยอรมันให้วางแผนต่อต้านกษัตริย์ เขาอำพรางเจตนาของตนเองว่าทำในนามของเจ้าชายวัลเดมาร์ โดยเขาวางแผนกับเคานท์อดอล์ฟที่ 3 แห่งโฮลชไตน์ (ค.ศ. 1160-1225) ในการวางแผนโค่นอำนาจกษัตริย์คนุดและตัวเขาเองขึ้นเป็นกษัตริย์ เมื่อบิชอปวัลเดมาร์ได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งอาร์กบิชอปแห่งลุนด์ เขาเริ่มพูดถึงแผนการของเขาอย่างเปิดเผย เจ้าชายวัลเดมาร์วัยหนุ่มทรงขอเข้าพบกับบิชอปวัลเดมาร์ที่อะเบนราในปีค.ศ. 1192 เมื่อบิชอปผู้ทรงอำนาจเดินทางมาถึง เจ้าชายวัลเดมาร์จึงสั่งให้ทหารจับกุมเขาและส่งไปคุมขังล่ามโซ่ตรวนที่หอคอยซอบอร์กในซีแลนด์เหนือ เขาถูกคุมขังเป็นเวลา 13 ปี ในปีค.ศ. 1199 เคานท์อดอล์ฟพยายามต่อต้านเจ้าชายวัลเดมาร์ในเดนมาร์กทางใต้ เจ้าชายวัยหนุ่มจึงโจมตีป้อมปราการของอดอล์ฟที่เรนส์บอร์ก เจ้าชายวัลเดมาร์ได้ชัยชนะกองทัพของอดอล์ฟในสมรภูมิสเตลเลาในปีค.ศ. 1201 และจับกุมเคานท์ได้ โดยคุมขังเขาเป็นเวลา 3 ปีที่หอคอยซอบอร์กร่วมกับอาร์กบิชอป ต่อมาเคานท์ต้องการอิสรภาพจึงถวายดินแดนทางตอนเหนือทั้งหมดของเขาในเอลเบแก่กษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 2 ในปีค.ศ. 1203[5] [6] [7]

การสืบราชบัลลังก์

[แก้]
ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระเจ้าคนุตที่ 6
ตราประจำพระอิสริยยศ
การทูลHans Majestæt
(ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท)
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับDeres Majestæt
(พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ)

บิชอปอับซาลอน พระสหายและหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของกษัตริย์คนุด มรณภาพในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1201 เขาเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์เดนมาร์ก ภายใต้รัชกาลกษัตริย์คนุดที่ 6 อับซารอนเป็นผู้กำหนดนนโยบายในการเมืองเดนมาร์ก อับซาลอนได้ถูกฝังเคียงข้างพระบรมศพพระราชบิดาของพระองค์ซึ่งเป็นพระสหายเช่นกันที่โบสถ์โซโร โดยมีคำจารึกที่ฝังศพว่า "บุรุษคนดีและผู้กล้าหาญ" เพียงหนึ่งปีถัดมา ในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1202 กษัตริย์คนุดสวรรคตอย่างกระทันหันด้วยพระชนมายุ 40 พรรษา[5]

ในปีค.ศ. 1177 คนุดได้อภิเษกสมรสกับเกอร์ทรูดแห่งบาวาเรีย (ราวค.ศ. 1157-1197) ธิดาในไฮน์ริชที่ 12 ดยุกแห่งบาวาเรีย เกอร์ทรูดทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกกับฟรีดริชที่ 4 ดยุกแห่งชวาเบินในปีค.ศ. 1166 แต่ตกพุ่มหม้ายในปีค.ศ. 1167 ในการอภิเษกสมรสครั้งที่สองนี้ สมเด็จพระราชินีเกอร์ทรูดกับกษัตริย์คนุดที่ 6 ไม่ทรงมีพระโอรสธิดาร่วมกัน ผู้สืบบัลลังก์ต่อจากกษัตริย์คนุดที่ 6 คือ พระอนุชาของพระองค์ ได้ครองราชย์เป็น พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งครองราชย์ระหว่างปีค.ศ. 1202-1241[8] [9]

พงศาวลี

[แก้]
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
8. พระเจ้าอีริคที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
4. เจ้าชายคนุด ลาวาร์ด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
9. บอเอดิล ธูร์ก็อตสแด็ทเทอร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2. พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
10. มิสทิสลาฟที่ 1 แห่งเคียฟ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
5. เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์กแห่งเคียฟ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
11. เจ้าหญิงคริสตินา อิงเงอร์สด็อทเทอร์แห่งสวีเดน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1. พระเจ้าคนุดที่ 6 แห่งเดนมาร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
12. เกล็บ วเซสลาฟวิชแห่งมินสก์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
6. โวโลดาร์ เกล็บโบวิช เจ้าชายแห่งมินสก์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
13. อนาสตาเซีย ยาโรโปลคอฟนาแห่งทูรอฟและลุทส์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
3. โซเฟียแห่งมินสก์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
14. บอเลสลอว์ที่ 3 วีร์มอนท์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
7. ริเชซาแห่งโปแลนด์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
15. ซาโลเมียแห่งเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

อ้างอิง

[แก้]
  1.  Chisholm, Hugh, บ.ก. (1911). "Canute VI." . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์.
  2. Per G. Norseng. "Knud 4 Valdemarssøn". Store norske leksikon. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
  3. "Canute VI (king of Denmark)". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 4 March 2014.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Huitfeldt, Arild. Danmarks Riges Krønike
  5. 5.0 5.1 Danmarks Historie II www.perbenny.dk
  6. "Valdemar (Knudsen), 1158-1236, Biskop af Slesvig". Dansk biografisk Lexikon. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
  7. "Adolf III. (Graf von Holstein und Stormarn)". Allgemeine Deutsche Biographie. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
  8. "Gertrud, 1154-1197, Knud VI's Dronning". Dansk biografisk Lexikon. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.
  9. Knut Are Tvedt. "Valdemar 2 Sejr". Store norske leksikon. สืบค้นเมื่อ August 1, 2018.

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Canute VI of Denmark

ก่อนหน้า พระเจ้าคนุตที่ 6 แห่งเดนมาร์ก ถัดไป
พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1
พระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก
(ค.ศ. 1182 - ค.ศ. 1202)
พระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2