การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง
เนื้อหาในบทความนี้ล้าสมัย โปรดปรับปรุงข้อมูลให้เป็นไปตามเหตุการณ์ปัจจุบันหรือล่าสุด ดูหน้าอภิปรายประกอบ |
การถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้ง (อังกฤษ: recall) คือ กระบวนการที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งจากตำแหน่ง
กระบวนการในสหรัฐอเมริกา
[แก้]นอกเหนือไปจากสิทธิในการริเริ่มออกกฎหมาย การออกเสียงประชามติ และการเลือกตั้งแล้ว ประชาชนชาวอเมริกายังมีสิทธิในการเข้าชื่อกันเพื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งระดับท้องถิ่นอีกด้วย ซึ่งสิทธิดังกล่าวได้รับการริเริ่มและสนับสนุนจากชนชั้นนำที่มีแนวคิดก้าวหน้าในสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 นี้ โดยมีการเริ่มนำเสนอแนวคิดดังกล่าวเป็นครั้งแรกในหนังสือพิมพ์โอเรกอน (อังกฤษ: Oregon newspaper) ของวิลเลียม เอส. อูเร็น (William S. U'Ren) ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเข้าชื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งระดับชาติ (เช่น ประธานาธิบดี สมาชิกวุฒิสภา) ได้ในขณะนี้ ซึ่งการถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเป็นสิทธิของชนในท้องถิ่นนั้น ๆ และมีรัฐสิบห้ารัฐที่กฎหมายอนุญาตให้พลเมืองในรัฐเข้าชื่อถอดถอนข้าราชการและพนักงานของรัฐประจำท้องถิ่นนั้นได้อีกด้วย[1]
มีบุคคลระดับผู้ว่าการรัฐเพียงสองนายที่ถูกถอดถอนโดยพลเมืองในรัฐของตน รายแรกใน พ.ศ. 2464 ลิน เจ. เฟรเชอร์ (Lynn J. Frazier) ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโคตา ถูกถอดถอนในกรณีพิพาทเกี่ยวกับวิสาหกิจที่รัฐเข้าไปเป็นเจ้าของ และรายต่อมาใน พ.ศ. 2546 เกรย์ เดวิส (Gray Davis) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เนื่องจากบริหารงบประมาณรัฐผิดพลาด ประชาชนก็ไม่เอาไว้ต่อไป
อนึ่ง ในรัฐอะแลสกา รัฐจอร์เจีย รัฐแคนซัส รัฐมินนิโซตา รัฐมอนแทนา รัฐโรดไอแลนด์ และรัฐวอชิงตัน พลเมืองจะสามารถเข้าชื่อกันเพื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุพิเศษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น เหตุพิเศษ เช่น ความผิดบางประการเกี่ยวกับการกระทำมิชอบหรือการประพฤติชั่วระหว่างดำรงตำแหน่งหน้าที่ของรัฐ นอกจากนี้ ในกรณีที่มิได้มีกฎหมายบัญญัติ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งยังสามารถร้องขอต่อศาลให้พิจารณาเหตุตามที่พวกตนระบุมาว่าเป็นเหตุอันสมควรถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งผู้นั้นออกจากตำแหน่งหรือยัง ส่วนในรัฐอื่น ๆ อีกสิบเอ็ดรัฐมิได้กำหนดเหตุพิเศษเช่นว่าไว้
จำนวนของผู้เข้าชื่อและระยะเวลาในการดำเนินการรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งล้วนแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ นอกจากนี้ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินการเช่นว่าก็ยังแตกต่างกันไปตามแต่สถานการณ์อีกด้วย
การเข้าชื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งที่ดำเนินการสำเร็จ
[แก้]พ.ศ. 2459 - ถอดถอนเจ. ดับเบิลยู. โรบินสัน (J. W. Robinson) นายกเทศมนตรีนครบอยซี (Boise) รัฐไอดาโฮ[2]
พ.ศ. 2464 - ถอดถอนลิน เจ. เฟรเชอร์ (Lynn J. Frazier) ผู้ว่าการรัฐนอร์ทดาโคตา
พ.ศ. 2537 - ถอดถอนข้าราชการและพนักงานของรัฐในเมืองริเวอร์เวล (River Vale) รัฐนิวเจอร์ซีย์ ดังนี้ วอลเทอร์ โจนส์ (Walter Jones) นายกเทศมนตรี, แพทริเชีย ไกเออร์ (Patricia Geier) และเบอร์นาด แซมอน (Bernard Salmon) สมาชิกสภาท้องถิ่น [3]
พ.ศ. 2538 - ถอดถอนดอริส อัลเล็น (Doris Allen) และพอล ฮอร์เชอร์ (Paul Horcher) ประธานและสมาชิกสภานิติบัญญัติรัฐแคลิฟอร์เนีย
พ.ศ. 2545 - ถอดถอนวูโดรว์ สแตนลีย์ (Woodrow Stanley) นายกเทศมนตรีนครฟลินต์ (Flint) รัฐมิชิแกน
พ.ศ. 2546 - ถอดถอนเกรย์ เดวิส (Gray Davis) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย
พ.ศ. 2548 - ถอดถอนเจมส์ อี. เวสต์ (James E. West) นายกเทศมนตรีนครสโปเคน (Spokane) รัฐวอชิงตัน
การเข้าชื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งที่ดำเนินการไม่สำเร็จ
[แก้]พ.ศ. 2521 - การถอดถอนเดนนิส คูชินิช (Dennis Kucinich) นายกเทศมนตรีนครคลีฟแลนด์
พ.ศ. 2551 - การถอดถอนเจฟ เด็นแฮม (Jeff Denham) สมาชิกวุฒิสภาประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย
การเข้าชื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งที่เกือบดำเนินการสำเร็จ
[แก้]พ.ศ. 2510 - ศาลพิพากษาว่า กฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งไม่ได้ให้อำนาจประชาชนถอดถอนผู้ได้รับเลือกตั้งระดับชาติได้ ดังนั้น แฟรงก์ เชิร์ช (Frank Church) สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกาจากรัฐไอดาโฮ จึงไม่อาจถูกถอดถอนได้[4]
พ.ศ. 2531 - หลังจากที่อีวาน เมแคม (Evan Mecham) ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐแอริโซนาตั้งแต่ต้นปี พลเมืองของรัฐได้ประสบความสำเร็จในการเข้าชื่อกันกว่าสามแสนหนึ่งหมื่นคนเพื่อถอดถอนนายอีวานออกจากตำแหน่งเหตุความประพฤติไม่เหมาะสม และวุฒิสภาแห่งรัฐเตรียมพิจารณาลงมติถอดถอนในวันที่ 17 พฤษภาคม ปีนั้น แต่ประจวบกับที่ศาลสูงสุดแห่งรัฐมีคำพิพากษาในวันที่ 4 เมษายน ให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะและให้นายอีวานพ้นจากตำแหน่งเสียก่อน นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้วการถอดถอนในต่างประเทศอาจจะพบได้ในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เวเนซูเอลา แคนาดา ฯลฯ โดยแต่ละประเทศจะมีกระบวนการถอดถอนที่มีความแตกต่างกันไป
กระบวนการในประเทศไทย
[แก้]ก่อนที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 จะใช้บังคับ รัฐธรรมนูญทุกฉบับก่อนหน้านั้นได้มีมาตรการในการตรวจสอบควบคุมสมาชิกรัฐสภา ให้สมาชิกสภาใดสภาหนึ่งสามารถร้องขอต่อประธานของสภาที่ตนเป็นสมาชิกในการวินิจฉัยให้สมาชิกผู้ทำความผิดพ้นจากตำแหน่งได้ รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมากขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
พฤติการณ์ที่เป็นความผิด
[แก้]รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 ระบุว่า เหตุที่สามารถใช้ร้องขอให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ได้แก่ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (มาตรา 270)
ตำแหน่งที่อาจถูกร้องขอให้ถอดถอน
[แก้]รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2550 เปิดโอกาสให้สามารถยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้ (มาตรา 270)
- นายกรัฐมนตรี
- รัฐมนตรี
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- สมาชิกวุฒิสภา
- ประธานศาลฎีกา
- ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
- ประธานศาลปกครองสูงสุด
- อัยการสูงสุด
- ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- กรรมการการเลือกตั้ง
- ผู้ตรวจการแผ่นดิน
- กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
- ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ผู้ที่สามารถร้องขอให้ถอดถอน
[แก้]ผู้ที่สามารถร้องขอให้มีการถอดถอน คือ
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 271 วรรคหนึ่ง)
- สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา (มาตรา 271 วรรคสอง)
- ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน (มาตรา 271 วรรคสาม)
มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้วุฒิสภาพิจารณาถอดถอนบุคคลใดออกกจากตำแหน่ง
ขั้นตอนการถอดถอน
[แก้]เมื่อประธานวุฒิสภาได้รับคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ใดจากตำแหน่ง จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเมื่อไต่สวนเสร็จแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะรายงานวุฒิสภา โดยระบุอย่างชัดเจนว่าข้อกล่าวหาตามคำร้องขอข้อใดมีมูลหรือไม่ เพียงใด มีพยานหลักฐานที่ควรเชื่อได้อย่างไร กับทั้งระบุข้อยุติว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรด้วย (มาตรา 272 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง)
โดยหาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ว่า ข้อกล่าวหาใดมีมูลแล้ว นับแต่วันลงมติดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ และประธานกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งรายงานและเอกสารที่มีอยู่พร้อมความเห็นไปยังประธานวุฒิสภาเพื่อดำเนินการต่อไป กับทั้งส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้ฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป แต่ถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าข้อกล่าวหาใดไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาข้อนั้นเป็นอันตกไป (มาตรา 272 วรรคสี่)
เมื่อได้รับรายงานจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ประธานวุฒิสภาจะจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งหากอยู่นอกสมัยประชุม ประธานวุฒิสภาจะต้องจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาโดยเร็วเพื่อการนั้น (มาตรา 273)
ผลของการถอดถอน
[แก้]หากวุฒิสภามีมติซึ่งกระทำโดยการลงคะแนนลับและมีไม่น้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา ให้ถอดถอนผู้ใดออกจากตำแหน่งหรือราชการ ผู้นั้นจะถูกเพิกถอนสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเมืองหรือในการรับราชการเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติถอดถอน ซึ่งมติของวุฒิสภานี้จะเป็นที่สุด และผู้ใดจะร้องขอให้ถอดถอนบุคคลดังกล่าวโดยอาศัยเหตุเดียวกันมิได้อีกแล้ว โดยจะไม่กระทบกระเทือนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย (มาตรา 274)
ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่น ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีอำนาจพิจารณาพิพากษา
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2004-10-09. สืบค้นเมื่อ 2008-11-19.
- ↑ Idaho State Historical Society Reference Series, Corrected List of Mayors, 1867-1996
- ↑ James, Michael S. (July 22, 1994). "RIVER VALE RECALL VOTE OFFERS TWO SLATES SPLIT BY 911 ISSUE". The Bergen Record.
{{cite news}}
:|access-date=
ต้องการ|url=
(help) - ↑ "Frank Church Chronology". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-10. สืบค้นเมื่อ 2008-11-19.
- นันทวัฒน์ บรมานันท์, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) การถอดถอนจากตำแหน่ง, สถาบันพระปกเกล้า, พ.ศ. 2544
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550, หมวด 12 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ส่วนที่ 3 การถอดถอนจากตำแหน่ง