สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์
สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ภาษาไทย | |
กำกับ | เจ. เจ. แอบรัมส์ |
เขียนบท |
|
สร้างจาก | สตาร์ วอร์ส โดย จอร์จ ลูคัส |
อำนวยการสร้าง |
|
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | แดน มินเดล |
ตัดต่อ |
|
ดนตรีประกอบ | จอห์น วิลเลียมส์ |
บริษัทผู้สร้าง |
|
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ |
วันฉาย |
|
ความยาว | 142 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ทำเงิน | 1,074 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] |
ก่อนหน้านี้ | เอพพิโซด 8: ปัจฉิมบทแห่งเจได |
สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (อังกฤษ: Star Wars: The Rise of Skywalker) เป็นภาพยนตร์ในชุด สตาร์ วอร์ส ภาพยนตร์มหากาพย์ในโลกเทพนิยายอวกาศ มีเจ. เจ. แอบรัมส์ เป็นผู้กำกับ อำนวยการสร้าง และร่วมเขียนบท เป็นภาพยนตร์ลำดับที่สามและลำดับสุดท้ายในชุดภาพยนตร์ไตรภาคต่อของ สตาร์ วอร์ส ต่อจาก สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได เป็นผลงานร่วมผลิตระหว่างบริษัทลูคัสฟิล์ม และแบดโรบอทโปรดักชันส์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ของแอบรัมส์ จัดจำหน่ายโดยวอลท์ดิสนีย์สตูดิโอโมชั่นพิคเจอร์ส
กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ เล่าเรื่องของเรย์ ฟินน์ และโพ ดาเมรอน ที่ร่วมกันนำทัพขบวนการฝ่ายต่อต้านเข้าร่วมต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อต่อกรกับผู้นำสูงสุดไคโล เรน และปฐมภาคี ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิพัลพาทีนที่กลับมาจากความตาย ในตอนแรกมีรายงานข่าวว่าไรอัน จอห์นสัน จะเป็นผู้เขียนบทให้กับภาพยนตร์ตอนที่ 9 นี้ แต่ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 โคลิน เทรวอร์โรว์ก็ถูกว่าจ้างให้มากำกับและเขียนบทแทน พร้อมกับผู้ร่วมงานคือเดเรก คอนนอลลี ทั้งสองคนยังคงได้มีชื่อเป็นผู้แต่งเรื่องร่วมกับแอบรัมส์และคริส เทอร์ริโอในผลงานฉบับเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาเดือนกันยายน ค.ศ. 2017 เทรวอร์โรว์ถอนตัวจากโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากมีความคิดเห็นขัดแย้งกันกับผู้สร้างคือแคทลีน เคนเนดี ทำให้แอบรัมส์กลับมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับอีกครั้ง จอห์น วิลเลี่ยมส์ กลับมาประพันธ์ดนตรีประกอบให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายในชุด ภาพยนตร์เปิดกล้องถ่ายทำเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ที่ไพน์วูดสตูดิโอ ประเทศอังกฤษ และปิดกล้องถ่ายทำเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 งานสร้างหลังการถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ใช้ทุนสร้างไปทั้งหมด 275 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์การสร้างภาพยนตร์
หลังจากออกฉายในสหรัฐเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับเสียงตอบรับแบบก้ำกึ่ง โดยนักวิจารณ์ชื่นชมการแสดง ดนตรีประกอบและวิชวลเอฟเฟกต์ แต่วิจารณ์การดำเนินเรื่องและธีมที่ต่างจาก สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได ภาพยนตร์ทำรายได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี ค.ศ. 2019 เป็นอันดับที่ 7[4]
ภาคต่อ สตาร์ วอร์ส: ปฐมบทใหม่ (อังกฤษ: Star Wars: A New Beginning) บอกเล่าเรื่องราว 15 ปีหลังภาพยนตร์ดังกล่าวผ่านตัวละคร เรย์ ที่ตอนนี้ได้ก่อตั้งภาคีเจไดใหม่ โดยมี ฟิลลี่ ดาเมรอน ลูกสาวบุญธรรมของโพและฟินน์เป็นตัวละครนำหลัก กำกับโดย ชาร์มีน โอเบด-ชินอย มีกำหนดฉายในสหรัฐวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2026
เนื้อเรื่อง
[แก้]หนึ่งปีหลังการรบบนดาวเคราะห์เครท จักรพรรดิพัลพาทีนฟื้นคืนชีพและประกาศการล้างแค้น ไคโล เร็น ค้นพบเครื่องนำทางของซิธ เปิดเผยเส้นทางไปยังดาวเคราะห์นอกเขตสำรวจ เอ็กซาโกล ที่นั่นเขาได้พบกับพัลพาทีน และได้ทราบว่าสโน้คเป็นหุ่นเชิดที่ถูกพัลพาทีนสร้างขึ้นเพื่อควบคุมปฐมภาคีและหลอกล่อไคโล เร็น มายังด้านมืดของพลัง นอกจากนี้พัลพาทีนยังได้เปิดเผยตัวตนของปัจฉิมภาคี กองทัพยานรบพิฆาตดาราที่ถูกปิดซ่อนเป็นความลับ และบอกให้ไคโลตามหาเรย์และสังหารเธอเสีย ระหว่างที่เรย์กำลังฝึกฝนพลังเจไดภายใต้การชี้นำของเลอา ออร์กานา ผู้นำฝ่ายต่อต้าน ต่อมาฟินน์และโพ ดาเมรอนได้ข่าวสารจากสายลับระบุว่าพัลพาทีนอยู่ที่เอ็กซาโกล เรย์เคยอ่านเจอบันทึกของลุค สกายวอล์คเกอร์ว่าเครื่องนำทางของซิธจะสามารถชี้ทางไปยังที่นั่นได้ เช่นนั้นแล้วเรย์ ฟินน์ โพ ชิวแบคคา บีบีเอท และซีทรีพีโอ เดินทางด้วยยานมิลเลนเนียม ฟาลคอน ไปยังดาวเคราะห์พาซานา ซึ่งมีเงื่อนงำบ่งบอกที่อยู่ของเครื่องนำทางซ่อนอยู่
ไคโลใช้ความสามารถประสานจิตผ่านพลังจนรู้ที่อยู่ของเรย์ แล้วจึงเดินทางไปยังพาซาน่าพร้อมกับผู้ติดตามคือเหล่าอัศวินแห่งเร็น ด้วยความช่วยเหลือของแลนโด คาลริสเซียน เรย์และพวกพ้องตามหาเงื่อนงำจนพบ นั่นคือร่างของนักล่าเจไดนามโอชิพร้อมยานบิน และมีดสั้นเล่มหนึ่งที่สลักถ้อยคำภาษาซิธเอาไว้ ซีทรีพีโอมีความสามารถที่จะแปลภาษานี้ได้แต่ถูกโปรแกรมยับยั้งเอาไว้ เรย์สัมผัสได้ว่าไคโลอยู่ใกล้ๆ จึงไปเผชิญหน้า ปฐมภาคีจับยานฟาลคอน ชิวแบคคา และมีดสั้นไปได้ ในขณะที่พยายามจะช่วยชีวิตชิวแบคคานั้นเองเรย์พลั้งมือใช้พลังสายฟ้าทำลายยานขนส่งปฐมภาคีลง เห็นเช่นนั้นทุกคนต่างคิดว่าชิวแบคคาเสียชีวิต จึงเดินทางหลบหนีไปด้วยยานบินของโอชิ
ทั้งคณะเดินทางมาถึงดาวเคราะห์คิจิมิ ที่นี่มีช่างซ่อมหุ่นยนต์สามารถถอดรหัสเอาคำแปลของข้อความภาษาซิธออกมาจากความทรงจำของซีทรีพีโอได้สำเร็จ เปิดเผยให้เห็นพิกัดที่อยู่ของเครื่องนำทาง เรย์สัมผัสได้ว่าชิวแบคคายังไม่ตาย จึงพาคณะเข้าร่วมภารกิจกู้ภัยมุ่งสู่ยานพิฆาตดาราของไคโล เร็น เรย์ค้นหามีดสั้นจนพบและเกิดนิมิตเห็นโอชิสังหารพ่อแม่ของเธอด้วยมีดสั้นนี้ ไคโลเปิดเผยว่าเรย์คือหลานสาวของพัลพาทีน ผู้ออกคำสั่งนำโอชิไปพาตัวเรย์ในวัยเด็กมาชุบเลี้ยง แต่พ่อแม่ของเรย์พากันไปซ่อนตัวบนดาวเคราะห์แจคคูเพื่อปกป้องเธอ นายพลฮักซ์ช่วยชีวิตโพ ฟินน์ และชิวแบคคาเอาไว้ในตอนที่ทั้งสามกำลังจะถูกสังหาร พร้อมเปิดเผยตัวว่าเขาเองคือสายลับที่ส่งข่าวสารให้ฝ่ายต่อต้าน ฮักซ์ช่วยเหลือให้ทั้งคณะขึ้นยานฟาลคอนหลบหนีได้สำเร็จ แต่ก็ถูกจอมพลไพรด์จับได้และสังหารทันที ยานฟาลคอนพร้อมคณะเดินทางมาถึงพิกัดของเครื่องนำทาง นั่นคือดวงจันทร์แห่งระบบดาวเอนดอร์ ระหว่างนั้นพัลพาทีนสัมผัสได้ว่าไคโลมีแผนทรยศหมายจะขึ้นปกครองจักรวาลโดยมีเรย์เคียงข้าง จึงขู่ว่ากองยานของเขาจะสังหารไคโล เร็น หากไม่ยอมทำตามความประสงค์
บนซากสถานีรบดาวมรณะดวงที่สองเรย์ค้นพบเครื่องนำทาง แต่ในทันทีก็เจอกับไคโล เร็นที่ตามมาพบและทำลายเครื่องนำทางลงทันที ทั้งสองต่อสู้กัน ขณะเดียวกันเลอากำลังจะจบชีวิต เธอเรียกหาไคโลผ่านพลัง เป็นผลให้ไคโลไขว้เขวชั่วขณะ เปิดโอกาสให้เรย์แทงกระบี่แสงเป็นบาดแผลถึงแก่ชีวิต ในตอนนั้นเรย์สัมผัสได้ถึงการจากไปของเลอา แล้วจึงใช้พลังรักษาบาดแผลของไคโล และใช้ยานบินของเขาเดินทางไปยังดาวเคราะห์อักโตด้วยหวังจะซ่อนตัวตราบชั่วชีวิต ที่นั่นเองวิญญาณพลังของลุคปรากฎตัวขึ้นและชี้นำเรย์ให้เผชิญหน้ากับพัลพาทีนพร้อมให้กระบี่แสงของเลอากับเธอ เรย์เดินทางไปยังเอกซาโกลด้วยยานรบเอ็กซ์วิงของลุคและเครื่องนำทางบนยานบินของไคโล ระหว่างนั้นเองไคโลสนทนากับความทรงจำของฮัน โซโลบิดาเขา จนตัดสินใจโยนกระบี่แสงทิ้งและกลับมาเป็นเบ็น โซโล อีกครั้ง พัลพาทีนสัมผัสได้ถึงการตายของเลอาและการกลับใจของเบ็น จึงสั่งการจอมพลไพรด์ให้ใช้ยานพิฆาตดารายิงซูเปอร์เลเซอร์ทำลายดาวเคราะห์คิจิมิเป็นการประกาศศักดา
กองทัพฝ่ายต่อต้าน นำโดยโพและฟินน์ เตรียมจู่โจมทัพยานของพัลพาทีน เรย์ส่งพิกัดที่เธอได้มาไปให้อาร์ทูดีทู ทำให้ฝ่ายต่อต้านสามารถเดินทางไปยังเอกซาโกลได้ ที่นั่นเรย์ได้เผชิญหน้ากับพัลพาทีน ซึ่งสั่งให้เธอสังหารร่างของเขาเสีย เพื่อที่วิญญาณพลังของเขาจะได้ถ่ายทอดไปยังร่างของเธอ แลนโดนำกำลังเสริมจากทั่วกาแลกซีมาร่วมการสู้รบ เบ็นปราบเหล่าอัศวินแห่งเร็นลงและเข้าต่อสู้ร่วมกับเรย์ พัลพาทีนดูดพลังจากทั้งคู่มาเสริมพลังให้กับร่างกายของเขาจนกลับแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เขาปราบเบ็นลงและใช้พลังสายฟ้าโจมตีกองทัพยานของฝ่ายต่อต้าน เรย์ที่อ่อนแรงได้ยินเสียงของเหล่าเจไดในอดีต พวกเขามอบพลังให้เรย์ พัลพาทีนใช้พลังสายฟ้าโจมตีเธอ แต่เรย์ใช้กระบี่แสงของลุคและเลอาสะท้อนพลังสายฟ้ากลับไป สังหารพัลพาทีนเป็นผลสำเร็จ แต่ก็ทำให้เรย์ตายตามไปด้วยเช่นกัน เบ็นใช้พลังฟื้นคืนชีพเรย์ขึ้นมา แลกกับชีวิตของเขาเอง ทั้งสองจุมพิตกันก่อนที่เบ็นจะสิ้นลมหายใจ ฟินน์และแจนนาห์ทำลายยานรบบัญชาการฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ สังหารจอมพลไพรด์ และปิดการทำงานของเครื่องส่งสัญญาณ ทำให้ยานรบซิธไม่สามารถหลบหนีออกจากเอกซาโกลได้ ฝ่ายต่อต้านได้ทำลายกองยานรบของพับพาทีนลงอย่างราบคาบ ประชาชนทั่วกาแลกซีลุกฮือขึ้นต่อต้านปฐมภาคี ฝ่ายต่อต้านเดินทางกลับฐานทัพและเฉลิมฉลอง
หลังสิ้นสุดการเฉลิมฉลอง เรย์เดินทางไปยังบ้านเกิดของลุคที่ถูกทิ้งร้างบนดาวเคราะห์ทาทูอีน เธอกลบฝังกระบี่แสงของลุคและเลอาไว้ที่นั่น ชาวบ้านคนหนึ่งเดินทางผ่านมายังที่แห่งนั้นและถามว่าเธอคือใคร เรย์มองเห็นวิญญาณของลุคและเลอาเฝ้ามองอยู่ จึงตอบกลับไปว่าเธอคือ "เรย์ สกายวอล์คเกอร์"
นักแสดง
[แก้]- เดซี ริดลีย์ เป็น เรย์ เด็กกำพร้าจากดาวเคราะห์ทะเลทรายแจคคู และเป็นศิษย์คนสุดท้ายของลุค สกายวอล์คเกอร์
- อดัม ไดรเวอร์ เป็น ไคโล เร็น ผู้นำสูงสุดแห่งกองทัพปฐมภาคี หลังจากการตายของผู้นำสูงสุดสโน๊ค เกิดในชื่อ เบ็น โซโล เป็นลูกชายของ ฮาน โซโล และ เลอา ออร์กานา
- จอห์น โบเยกา เป็น ฟินน์ อดีตสตอร์มทรูปเปอร์แห่งกองทัพปฐมภาคี ที่แปรพักตร์ไปเข้ากับฝ่ายต่อต้าน ในภาคนี้ได้เป็นผู้นำแห่งฝ่ายต่อต้าน
- ออสการ์ ไอแซ็ค เป็น โพ ดาเมรอน สุดยอดนักบินยาน X-wing ของฝ่ายต่อต้าน
- ลูพีตา ญองอ เป็น มาส คานาต้า โจรสลัดอวกาศ และเป็นพันธมิตรของฝ่ายต่อต้าน
- ดอมห์แนล กลีสัน เป็น นายพลฮักซ์ รองผู้บังคับการกองทัพปฐมภาคี
- เคลลี่ แมรี แทรน เป็น โรส ทิโค่ ช่างเทคนิคในฝ่ายต่อต้าน
- ยอนาส ซูออตาโม เป็น ชิวแบคคา เพื่อนเก่าของฮาน โซโล นักบินประจำยานมิลเลนเนี่ยม ฟอลค่อน
- บิลลี่ แคทเธอรีน ลอร์ด เป็น ร้อยโทคอนนิกซ์ เจ้าหน้าที่ของฝ่ายต่อต้าน
- นาโอมิ แอ็กคี เป็น จานนาห์ พันธมิตรฝ่ายต่อต้าน
- ริชาร์ด อี แกรนท์ เป็น นายพลไพรด์ นายพลระดับสูงของฝ่ายปฐมภาคี และเป็นจอมพลแห่งปัจฉิมภาคี
- เครี่ รัสเซลล์ เป็น ซอร์รี บลิส อาชญากร เพื่อนเก่าของโพ
- มาร์ก แฮมิลล์ เป็น ลุค สกายวอล์คเกอร์ ปรมาจารย์เจไดผู้ล่วงลับ ปรากฏตัวในรูปวิญญาณแห่งพลัง
- แอนโธนี แดเนียลส์ เป็น ซีทรีพีโอ
- บิลลี ดี วิลเลียมส์ เป็น แลนโด คาลริสเซียน เพื่อนเก่าของฮานและเลอา และเป็นนายพลทหารผ่านศึกแห่งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐ ที่นำกองยานมาช่วยฝ่ายต่อต้าน
- แคร์รี ฟิชเชอร์ เป็น เลอา ออร์กานา น้องสาวฝาแฝดของลุค สกายวอล์คเกอร์ เจ้าหญิงแห่งอัลเดอราน ก่อนที่จะถูกทำลายโดย ดาวมรณะ วุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐใหม่ แม่ของไคโล เร็น และผู้นำฝ่ายต่อต้าน
- เอียน แมคเดอร์มิด เป็น พัลพาทีน หรือ ดาร์ธ ซิเดียส จักรพรรดิผู้ชั่วร้าย เป็นซิธคนสุดท้าย หลังจากถูกอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ฆ่าตายในภาค สตาร์ วอร์ส 3: ชัยชนะของเจได กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกและคอยพยายามฟื้นฟูจักรวรรดิขึ้นมาจากเงามืด
รางวัล
[แก้]สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ ได้รับรางวัล
- Casting Society of America สาขา The Zeitgeist Award[5]
- Visual Effects Society Awards สาขา Outstanding Effects Simulations in a Photoreal Feature[6]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Hibberd, James (November 25, 2019). "J.J. Abrams reveals the real running time for The Rise of Skywalker". Entertainment Weekly. สืบค้นเมื่อ December 5, 2019.
- ↑ "'Star Wars: The Rise of Skywalker' Wins $175 Million Box Office, While the Farce Be With 'Cats'". IndieWire. December 22, 2015. สืบค้นเมื่อ December 24, 2019.
- ↑ "Star Wars: The Rise of Skywalker (2019)". Box Office Mojo. IMDb. สืบค้นเมื่อ March 8, 2020.
- ↑ "2019 Worldwide Box Office". Box Office Mojo. IMDb. สืบค้นเมื่อ January 11, 2020.
- ↑ Lewis, Hillary (January 30, 2020). "Artios Awards: 'Once Upon a Time in Hollywood,' 'Jojo Rabbit' Among Casting Society Winners". The Hollywood Reporter (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ February 2, 2020.
- ↑ Hipes, Patrick (January 7, 2020). "VES Awards Nominations: 'The Lion King', 'Alita: Battle Angel', 'The Mandalorian' & 'GoT' Top List". Deadline. สืบค้นเมื่อ January 7, 2020.