โรส ทิโค

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก โรส ทิโค่)
Rose Tico
ตัวละครใน Star Wars
ปรากฏครั้งแรกThe Last Jedi (2017)
สร้างโดยRian Johnson
แสดงโดยKelly Marie Tran
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
เผ่าพันธุ์มนุษย์
เพศหญิง
อาชีพช่างซ่อมบำรุง
สังกัดขบวนการฝ่ายต่อต้าน
ครอบครัวHue Tico (พ่อ)
Paige Tico (พี่สาว)
Thanya Tico (แม่)
ดาวเคราะห์บ้านเกิดHays Minor

โรส ทิโค (อังกฤษ: Rose Tico) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฎตัวครั้งแรกในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได (2017) เป็นช่างเครื่องยนต์คนหนึ่งของขบวนการฝ่ายต่อต้าน ซึ่งต่อมาได้ผูกมิตรกับฟินน์ ร่วมกันหาทางช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านหนีจากปฐมภาคี รับบทโดยเคลลี แมรี ทราน

ตัวละครของโรสถูกสร้างขึ้นโดยไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ปัจฉิมบทแห่งเจได เพื่อเพิ่มพลวัตรให้กับเนื้อเรื่องรองที่เกี่ยวข้องกับฟินน์และโพ ดาเมรอน โดยเคลลีรับบทในภาพยนตร์ขนาดยาวครั้งนี้เป็นครั้งแรก และก่อนที่จะสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกนักแสดงสำหรับบทนี้ก็ไม่เคยดูภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส มาก่อน แต่หลังจากผ่านขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงซึ่งกินเวลานานกว่า 5 เดือน มาแล้ว เธอก็สามารถเอาชนะคู่แข่งคนอื่นๆ หลายร้อยคน และได้รับคัดเลือกให้รับบทนี้

ภูมิหลังตามท้องเรื่องของโรสถูกเล่าไว้บางส่วนในภาพยนตร์ และอีกส่วนหนึ่งถูกเล่าในนิยาย Cobalt Squadron (2017) ซึ่งมีโรส และเพจ ทิโค พี่สาวของโรส ซึ่งมีบทบาทเล็กน้อยในภาพยนตร์ เป็นตัวละครหลัก นิยายเล่าว่าโรสและเพจเข้าร่วมขบวนการฝ่ายต่อต้านหลังจากที่ดาวเคราะห์บ้านเกิดที่ยากจนของพวกเธอถูกปฐมภาคีทำลาย ตัวละครโรสทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ชม เป็นตัวละครคนทั่วไป เป็นผู้มีผลกระทบทางบวกต่อตัวละครฟินน์ และเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ชื่นชอบสตาร์ วอร์ส ด้วย ในบทดั้งเดิมจอห์นสันวางแผนให้ตัวละครโรสเป็นคนขี้หงุดหงิดและชอบพูดจาประชดประชัน แต่บุคลิกของตัวละครนี้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อให้เข้ากันกับบุคลิกของทราน กลายเป็นตัวละครที่มีบุคลิกทางบวกมากขึ้น

ทั้งตัวละครโรสและการแสดงของทรานได้รับเสียงตอบรับในทางบวกจากนักวิจารณ์และเหล่าผู้ชื่นชอบสตาร์ วอร์ส[1][2][3] โดยส่วนหนึ่งให้ความชื่นชมในฐานะที่เป็นตัวละครผู้หญิงต่างชาติที่มีบทบาทในทางบวก อย่างไรก็ดีทรานตกเป็นฝ่ายถูกกระทำจากมุมมองอคติชาติพันธุ์และอคติทางเพศจากชุมชนอินเทอร์เน็ทจนเธอต้องลบบัญชีอินสตาแกรม ผู้ชื่นชอบและผู้มีชื่อเสียงหลายคนออกมาปกป้องทราน และทรานเองก็ให้สัมภาษณ์ตอบโต้การโจมตีเหล่านี้ตีพิมพ์บนเดอะนิวยอร์คไทมส์

โรสมีบทบาทในภาพยนตร์ กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (2019) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ภาคสุดท้ายในชุดไตรภาคต่อ ในภาคนี้เธอได้เลื่อนยศขึ้น และมีบทบาทเป็นผู้นำมากขึ้น อย่างไรก็ดีแม้ตำแหน่งตามท้องเรื่องของเธอจะสูงขึ้น แต่บทและการได้ปรากฎตัวบนจอภาพยนตร์ของเธอกับเล็กกว่าที่เป็นในปัจฉิมบทแห่งเจไดมาก ประเด็นนี้ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สำคัญประเด็นหนึ่งทั้งจากนักวิจารณ์และจากเหล่าผู้ชื่นชอบ บ้างก็ตีความว่าผู้สร้างภาพยนตร์จงใจลดบทของโรสลงหลังจากมีการก่อกวนทางอินเทอร์เน็ทต่อทราน ซึ่งคริส เทอร์ริโอ ผู้ร่วมเขียนบท ปฏิเสธ

ลักษณะตัวละคร[แก้]

โคบอลท์สควอดรอน[แก้]

แม้ตัวละครโรส ทิโค จะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ปัจฉิมบทแห่งเจได[4] แต่ภูมิหลังของตัวละครนี้ถูกกล่าวถึงโดยละเอียดในนวนิยายสำหรับเยาวชน Star Wars: The Last Jedi: Cobalt Squadron (2017) เขียนโดย Eilzabeth Wein[5][6] นิยายและภาพยนตร์ได้รับการเผยแพร่ในวันเดียวกันคือวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2017[7][8] โดยโคบอลท์สควอดรอนดำเนินเรื่องช่วงก่อนหน้าและพร้อมๆ กันกับเหตุการณ์ในอุบัติการณ์แห่งพลัง (2015) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ตอนแรกสุดในชุดภาพยนตร์สตาร์ วอร์สไตรภาคต่อ[9] มีบทสนทนาที่อ้างอิงถึงเหตุการณ์ในนิยายอยู่ในบทภาพยนตร์ปัจฉิมบทแห่งเจไดแต่ถูกตัดออกจากฉบับที่ออกฉาย[5] ในนิยายเรื่องนี้โรสเป็นตัวเอกหลักร่วมกันกับพี่สาวคือเพจ ทิโค[9][10] ซึ่งรับบทโดยเวโรนิกา โงในภาพยนตร์ โดยมีบทบาทเพียงสั้นๆ[11][12] แม้พ่อแม่ของทั้งสองจะไม่มีบทบาทในนิยาย แต่หนังสืออ้างอิง Star Wars: The Last Jedi: The Visual Dictionary ก็ได้ระบุเอาไว้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพ่อและแม่คือ Hue และ Thanya ลำดับ ซึ่งได้เลี้ยงดูทั้งสองคนให้มีความรู้สึกที่หนักแน่นต่อความดีความชั่ว[1][13][14] โรสและเพจเติบโตขึ้นมาบนดาวเคราะห์เฮยส์ไมเนอร์ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ทำเหมืองที่ยากจน โคจรอยู่ในระบบดาวฤกษ์โอโตม็อก ห่างไกลจากการกำกับดูแลของสาธารณรัฐใหม่[15][16][17] ดาวเคราะห์เฮยส์ไมเนอร์เป็นสถานที่แห่งแรกๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของปฐมภาคี คณะเผด็จการทหารที่พยายามเข้าปกครองกาแลกซี ปฐมภาคีใช้ดาวเคราะห์แห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบอาวุธและลักพาตัวเด็กๆ ไปล้างสมองให้เติบโตขึ้นมารับหน้าที่เป็นสตอร์มทรูปเปอร์[1][3][16] เช่นนี้จึงทำให้โรสเกิดความเกลียดชังต่อปฐมภาคีตั้งแต่ยังอายุน้อย[15][17] สองพี่น้องทิโคเข้าร่วมกับขบวนการฝ่ายต่อต้าน[1][3][16] ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งทหารที่นำโดยนายพลเลอา ออร์กานา เพื่อต่อสู้กับปฐมภาคี[18][19] ทั้งสองทำงานด้วยกันบนยานบินทิ้งระเบิดชื่อโคบอลท์แฮมเมอร์โดยเพจเป็นพลยิงและโรสเป็นวิศวกรเครื่องยนต์[7][8][20] แม้โรสจะไม่เคยได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นทางการแต่เธอก็ได้เข้าประจำตำแหน่งนี้เพราะมีความรู้ลึกซึ้งด้านเครื่องยนต์[21] ทั้งโรสและเพจสวมสร้อยคอห้อยเหรียญหน้าตาเหมือนกันคือเป็นตราประจำระบบดาวฤกษ์โอโตม็อกบ้านเกิดของพวกเธอ ซึ่งเห็นได้ในภาพยนตร์ปัจฉิมบทแห่งเจได[13][14][22]

แนวคิดและการออกแบบตัวละคร[แก้]

แนวคิด[แก้]

จอห์นสันตั้งใจสร้างโรส ทิโคให้เป็นตัวละครตัวแทนผู้ชมที่เข้าถึงได้ง่าย เขาต้องการ "คนที่ผมตอนอายุสิบขวบสามารถจะเข้าถึงและรู้สึกผูกพันได้จริงๆ คนที่เป็นเด็กเนิร์ดของแท้ ที่พอได้เห็นมาโลดแล่นอยู่ต่อหน้าในภาพยนตร์สตาร์ วอร์สแล้วจะต้องเป็นที่ประหลาดใจนิดๆ"[23] รายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครนี้ถูกกล่าวถึเป็นครั้งแรกในงานเฉลิมฉลองสตาร์ วอร์ส ที่ออร์แลนโด ฟลอริดา เมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2017[24][25]

การคัดเลือกนักแสดง[แก้]

เคลลี่ มารี ทราน

ก่อนที่จะสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกนักแสดงสำหรับภาพยนตร์ปัจฉิมบทแห่งเจได เคลลี มารี ทราน หางานแสดงมาแล้วหลายปี และทำงานอื่นๆ ชั่วคราวในระหว่างนั้น จนถึงกับคิดจะล้มเลิกอาชีพนักแสดง[26][27] เธอไม่ได้เป็นผู้ชื่นชอบสตาร์ วอร์ส และไม่เคยดูภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส มาก่อน[28][29][30] และเธอเชื่อว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอได้รับเลือกให้แสดงในบทนี้[1][31][32] กล่าวคือเธอไม่มีความคาดหวังดั้งเดิมเกี่ยวกับการรับบทบาทในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส และไม่มีตัวละครต้นแบบจากภาพยนตร์ภาคก่อนๆ อยู่ในใจ[1][29] มีนักแสดงมาสมัครคัดเลือกเพื่อรับบทโรส ทิโค หลายร้อยคน[1][33] โดยทรานเป็นผู้ชื่นชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์ และได้ใส่เนคไทนำโชคลายบ้านเรเวนคลอไปร่วมการคัดเลือกนักแสดง แม้เธอจะรู้สึกในภายหลังว่านักแสดงคนอื่นๆ แต่งตัวดูเป็นมืออาชีพกว่าเธอมาก เธอก็ยังสวมเนคไทอันนี้ไปร่วมการคัดเลือกหลังจากได้รับการเรียกตัวไปคัดเลือกในรอบต่อไป[29] เคลลีต้องผ่านการคัดเลือกนักแสดงที่มีความกดดันสูงถึง 5 รอบ ตลอดระยะเวลากว่า 5 เดือน ในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ. 2015[29][31][34] ไรอัน จอห์นสันเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ในการคัดเลือกนักแสดงด้วยตัวเองในการคัดเลือกรอบที่ 2 และประทับใจในตัวทรานทันที[29] เขากล่าวว่าขณะที่ดูเคลลีทดสอบบทเขารู้สึกเหมือนได้เห็นตัวละครนี้เหมือนอย่างที่เขาคิดไว้ในใจระหว่างการเขียนบทภาพยนตร์[33][35][36] ในการทดสอบบทครั้งหนึ่งเคลลีได้ต่อบทกับจอห์น โบเยกา ที่รับบทฟินน์ในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเพื่อประเมินว่านักแสดงทั้งสองมีเคมีที่เข้ากันดีและสามารถทำงานด้วยกันได้ดีหรือไม่[1] โบเยกากล่าวว่ามันชัดเจนมากตั้งแต่เริ่มต้นการอ่านบทว่าทรานเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักแสดงที่จะมารับบทนี้[26] ในเดือนพฤษจิกายน ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นเวลา 3 สัปดาห์หลังการคัดเลือกรอบสุดท้าย จอห์นสันก็ได้เข้าพบทราน และแจ้งว่าเธอได้รับคัดเลือกให้รับบทนี้[29]

การรับบทโรสในปัจฉิมบทแห่งเจไดเป็นครั้งแรกที่ทรานได้รับบทในภาพยนตร์ขนาดยาว[3] เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม[1][37] และเป็นผู้หญิงต่างชาติผิวสีคนแรกที่ได้รับบทนำในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส[2][38][39]

การถ่ายทำ[แก้]

มกราคม ค.ศ. 2016 ทรานย้ายมาลอนดอนเพื่อเริ่มการถ่ายทำ[29] เธอลงนามในสัญญาปกปิดความลับ ไม่สามารถกล่าวถึงตัวละครนี้ได้ และไม่สามารถบอกใครได้แม้แต่คนในครอบครัวว่ากำลังถ่ายทำภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส[24][29] โดยเธอบอกพวกเขาว่าเธอมาถ่ายภาพยนตร์อิสระในแคนาดา[24][28][29] เธอยังส่งภาพถ่ายแคนาดาที่ดาวน์โหลดมาจากกูเกิ้ลส่งไปให้ครอบครัวดู[28] และซื้อน้ำเชื่อมเมเปิลสูตรแคนาดาส่งไปเป็นของขวัญเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องนี้ด้วย[24][25]

ทรานให้สัมภาษณ์ว่าไรอัน จอห์นสันทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากทั้งระหว่างที่ร่วมงานกันและระหว่างการถ่ายทำ และยังถามความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับตัวละครนี้จากเธอด้วย[5][40] เธอกล่าวว่า "ไรอันเก่งมากกับการจุดประกายให้เกิดความเชื่อใจกัน ฉันคิดว่าทุกคนก็คงมีความผ่อนคลายเหมือนกันกับที่ฉันรู้สึก"[40] ทรานยังบอกอีกว่าในบทร่างฉบับแรกๆ ตัวละครโรส ทิโค จะ "ชอบพูดจาประชดประชัน และขี้หงุดหงิดมากกว่านี้"[3][41] ในแง่นี้จอห์นสันได้เปรียบเทียบตัวละครโรสว่าคล้ายกับอียอร์จากวินนีเดอะพูห์[41] แต่หลังจากที่ทรานได้รับคัดเลือกให้มารับบทนี้แล้ว บุคลิกของตัวละครก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่คล้ายกันกับทรานมากขึ้นเรื่อยๆ[3][29][41] เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นชัดในความตื่นเต้นและความกระตือรือร้นที่โรสแสดงให้เห็นในฉากแรกที่ได้พบกับฟินน์[3][42] ในบทฉบับแรก โรสจะสงสัยในตัวฟินน์ตั้งแต่แรก แต่จากการที่บุคลิกของตัวละครเปลี่ยนไป จอห์นสันจึงพบว่าในตอนแรกโรสน่าจะชื่นชมฟินน์และตื่นเต้นที่ได้พบเขา ฉากนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ฉากที่จอห์นสันเขียนบทใหม่ระหว่างการถ่ายทำ[42] ทรานกล่าวถึงการพัฒนาตัวละครโรสว่า "บางครั้งฉันก็คิดว่าฉันให้ข้อมูลกับโรส และบางครั้งโรสก็ให้ข้อมูลกับฉัน มันเป็นความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออก ซึ่งฉันก็คิดว่ามันออกจะเป็นเรื่องที่สวยงาม เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉันตลอดไป และฉันก็จะเป็นส่วนหนึ่งของตัวเธอตลอดไปเช่นกัน"[29]

การตอบรับ[แก้]

คำวิจารณ์[แก้]

เมเรดดิธ เวอร์เนอร์ จาก วาไรตี เห็นว่าการแสดงของทรานมีทั้งพลังงานและอารมณ์ที่ส่งพลังต่อไปยังเหล่าผู้ชื่นชอบสตาร์ วอร์ส[3] โดยเขียนไว้ว่า "ทรานได้ขโมยสปอตไลท์ไปจากเหล่าตัวละครที่เคยเป็นที่ชื่นชอบในอุบัติการณ์แห่งพลัง เธอมอบความกระตือรือร้นที่บริสุทธิ์ที่สุดให้กับกาแลกซีอันไกลโพ้นแห่งนี้"[3]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 Daley, Katerina (December 31, 2017). "Star Wars: 15 Things You Didn't Know About Rose Tico". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  2. 2.0 2.1 Menta, Anna (December 19, 2017). "Racist attacks against Kelly Tran posted to Rose Tico's 'Wookieepedia' page". Newsweek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 18, 2019. สืบค้นเมื่อ July 18, 2019.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 3.6 3.7 3.8 Woerner, Meredith (December 21, 2017). "Kelly Marie Tran Explains Why Representation Matters in 'Star Wars'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 14, 2018. สืบค้นเมื่อ July 17, 2019.
  4. Szostak 2017, p. 111
  5. 5.0 5.1 5.2 Yamato, Jen (December 20, 2017). "Q&A: 'The Last Jedi' breakout Kelly Marie Tran on her whirlwind 'Star Wars' journey and Rose's future". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 28, 2018. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  6. Plante, Corey (November 30, 2017). "'Last Jedi' Newcomer Rose Has a Tragic 'Force Awakens' Backstory". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  7. 7.0 7.1 Barr, Tricia (December 11, 2017). "What You Need to Know About Rose Tico, The Last Jedi's Breakout Character". PopSugar. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  8. 8.0 8.1 "Rose Tico stars in Cobalt Squadron – Exclusive excerpt". StarWars.com. December 13, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  9. 9.0 9.1 Crouse, Megan (March 19, 2018). "Star Wars: An Expanded Universe Guide to Understanding The Last Jedi". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 1, 2018. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  10. James, Thea (December 13, 2017). "Books to Read Before The Last Jedi". Kirkus Reviews. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  11. Phipps, Keith (May 29, 2018). "Solo takes Star Wars' fixation on self-sacrifice in a cavalier new direction". The Verge. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  12. McEwan, Cameron K. (November 24, 2017). "New Star Wars Last Jedi characters revealed via card game". Digital Spy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2019. สืบค้นเมื่อ July 21, 2019.
  13. 13.0 13.1 Hidalgo 2017, p. 39
  14. 14.0 14.1 Reynolds & Hidalgo 2018, p. 275
  15. 15.0 15.1 Hidalgo 2017, p. 38
  16. 16.0 16.1 16.2 Casey, Dan (November 1, 2015). "40. Rose Tico". 100 Things Star Wars Fans Should Know & Do Before They Die (E-book). Triumph Books. ISBN 9781629371641.
  17. 17.0 17.1 Reynolds & Hidalgo 2018, p. 274
  18. "The Last Jedi: Cobalt Squadron by Elizabeth Wein". Kirkus Reviews. February 19, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  19. Ratcliffe 2018, p. 185
  20. Jaworski, Michelle (March 10, 2018). "12 things we discovered about 'The Last Jedi' from the film's novelization". The Daily Dot. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 16, 2019.
  21. Ratcliffe 2018, p. 186
  22. Kickham, Dylan (December 15, 2017). "What Does Rose's Medallion Mean In 'The Last Jedi'? It's Clearly Important". Elite Daily. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 18, 2019. สืบค้นเมื่อ July 17, 2019.
  23. Yamato, Jen (December 17, 2017). "MoviesHow Rian Johnson made heroism inclusive in 'Star Wars: The Last Jedi'". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 22, 2019.
  24. 24.0 24.1 24.2 24.3 Yee, Lawrence (April 14, 2017). "Meet Rose, the 'Biggest New Part' in 'Star Wars: The Last Jedi'". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 10, 2019. สืบค้นเมื่อ July 15, 2019.
  25. 25.0 25.1 "All About the Stars". Star Wars: The Last Jedi: The Ultimate Guide. Titan Magazines: 34. December 11, 2018.
  26. 26.0 26.1 Cohen, Sandy (December 12, 2017). "In 'Star Wars: The Last Jedi,' Kelly Marie Tran steps into stardom" (ภาษาสเปน). NBC News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 24, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  27. "MBS launches special Star Wars-themed light and water spectacle". Al Riyadh. November 26, 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2019. สืบค้นเมื่อ July 24, 2019.
  28. 28.0 28.1 28.2 Massabrook, Nicole (December 17, 2017). "Kelly Marie Tran Fun Facts: Meet The 'Star Wars' Actress Playing Rose". International Business Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  29. 29.00 29.01 29.02 29.03 29.04 29.05 29.06 29.07 29.08 29.09 29.10 Flaherty, Keely (November 14, 2017). "The Rise Of Rose: How A Badass Nerd Became The New "Star Wars" Lead". BuzzFeed News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 16, 2019. สืบค้นเมื่อ July 17, 2019.
  30. Schmidt, JK (December 9, 2017). "Kelly Marie Tran Talks About Supportive Star Wars Fans". Comicbook.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2019. สืบค้นเมื่อ July 28, 2019.
  31. 31.0 31.1 Lui, John (November 27, 2017). "Kelly Marie Tran not a fan before nabbing major Star Wars role". The Straits Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  32. Tan, Samfrey (November 27, 2017). "Kelly Marie Tran 'cannot believe' she is in Star Wars". The New Paper. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  33. 33.0 33.1 Midkiff, Sarah (December 22, 2017). "Kelly Marie Tran's Star Wars Audition Has Been Released". Refinery29. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2019. สืบค้นเมื่อ July 25, 2019.
  34. Wilson, Calvin (December 15, 2017). "'Star Wars: The Last Jedi' is the latest in a film franchise whose appeal spans generations". St. Louis Post-Dispatch. p. G13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  35. Coggan, David (December 22, 2017). "Watch Kelly Marie Tran's audition for Star Wars: The Last Jedi". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 25, 2019. สืบค้นเมื่อ July 28, 2019.
  36. Johnson 2018, 39:30–39:44 "Kelly ended up being, I mean, when I met her and got to know her, she just is Rose. She has this beautiful bright spirit and it ended up informing the character in more ways than one."
  37. Fernandez, Alexia (April 12, 2019). "Rose Tico Is Back! Kelly Marie Tran Tearfully Receives Standing Ovation at Star Wars Celebration". People. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 18, 2019. สืบค้นเมื่อ July 18, 2019.
  38. Moye, David (December 27, 2017). "Kelly Marie Tran Of 'Last Jedi' Facing Racist, Sexist Comments Online". HuffPost. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2019. สืบค้นเมื่อ July 18, 2019.
  39. Knight, Lewis (August 21, 2018). "Star Wars actress Kelly Marie Tran hits out at brutal fan harassment". Daily Mirror. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2019. สืบค้นเมื่อ July 23, 2019.
  40. 40.0 40.1 Hugo, Simon (January 16, 2018). "Rating Rian". Star Wars Insider. Titan Magazines (178): 46.
  41. 41.0 41.1 41.2 Johnson 2018, 39:30–39:44 "Originally Rose was kind of, I thought of her more as a grumpy sort of Eeyore type, and once we got Kelly in the part, her spirit just started to infect it."
  42. 42.0 42.1 Johnson 2018, 39:55–40:18 "And even this thing where she’s like a fan of Finn, this was a fairly late rewrite. This is one of the few scenes I rewrote during production, and I rewrote it, originally she was much more suspicious of Finn, and then I rewrote it to more reflect Kelly’s spirit and her personality. I was like, 'Oh no, she’d be excited and a fan, and then this genuine disappointment when she realizes this hero of hers is not who she thought.'"

บรรณานุกรม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]