พายุไต้ฝุ่นนิดา (พ.ศ. 2552)
พายุไต้ฝุ่นนิดาขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 |
สลายตัว | 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552 |
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 230 กม./ชม. (145 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 230 กม./ชม. (145 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 315 กม./ชม. (195 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 890 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.28 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | ไม่มีการรายงาน |
ความเสียหาย | ไม่มีการรายงาน |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ประเทศไมโครนีเชีย, กวม |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2552 |
พายุไต้ฝุ่นนิดา (อักษรโรมัน: Nida)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นบินตา (ตากาล็อก: Vinta)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 2552[1] ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ทางตอนใต้ของประเทศไมโครนีเชีย และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุโซนร้อนในวันรุ่งขึ้น และภายใต้สภาพอากาศที่กำลังแปรปรวน จึงทำให้พายุโซนร้อนนิดาได้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และต่อมาเป็นพายุไต้ฝุ่นเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยถึงระดับความรุนแรงสูงสุดในวันนั้นด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (195 ไมล์ต่อชั่วโมง) และด้วยความเร็วลมสูงสุด 10 นาทีที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] หลังจากนั้นพายุก็ไม่มีการเคลื่อนตัวเป็นเวลาหลายวัน และความรุนแรงผันผวน พายุไต้ฝุ่นนิดาเริ่มอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และต่อมาก็ได้กลายเป็นพายุโซนร้อนในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นพายุก็อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และพายุก็ได้สลายไป เนื่องจากเศษซากของพายุบางส่วนถูกดูดกลืนเข้าไปในกระแสน้ำ นอกจากนี้ ยังเป็นพายุที่แรงที่สุดในเดือนพฤศจิกายน[2] และเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2552 อีกด้วย
ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนระบุว่าปริมาณน้ำฝนส่วนใหญ่ของพายุไต้ฝุ่นนิดาอยู่ที่ประมาณ 40 มิลลิเมตร (1.57 นิ้ว) และพื้นที่ใกล้กับศูนย์กลางของพายุจะมีปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 50.8 มิลลิเมตร (2 นิ้ว) ซึ่งถือเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก และพื้นที่บางแห่งมีฝนตกชุก อุณหภูมิความร้อนของเมฆคิวมูโลนิมบัสที่ขยายออกไปนอกชั้นโทรโพสเฟียร์ และเข้าสู่โทรโพพอส ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนได้สังเกตเห็นอุณหภูมิความร้อนของเมฆ 3 กลุ่ม ในพายุไต้ฝุ่นนิดา และมียอดเมฆสูงประมาณ 14 กิโลเมตร (9 ไมล์) เนื่องจากความร้อนแฝงจำนวนมากที่ปล่อยออกมาเมื่อไอน้ำควบแน่นเป็นของเหลว[3]
แม้ว่าลมจากพายุไต้ฝุ่นนิดาจะมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่พายุไม่ได้เคลื่อนตัวพัดเข้าฝั่งบริเวณชายฝั่งโดยตรง แม้ว่าจะต้องมีการออกคำเตือนพายุหมุนเขตร้อน เนื่องจากพายุอยู่ใกล้กับประเทศไมโครนีเชีย และไม่มีผลกระทบโดยตรง จึงไม่มีความเสียหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา[แก้]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นนิดา
- วันที่ 21 พฤศจิกายน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 4] รายงานว่าพื้นที่ของการพาความร้อนได้ยังคงอยู่ภายในร่องมรสุมประมาณ 880 กิโลเมตร (545 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกวมในเวลานี้ หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ สันเขากึ่งเขตร้อน การหมุนเวียนได้รวมตัวกันเหนือศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับต่ำที่กว้าง และยาว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีลมแนวตั้งน้อยที่สุดของลมเฉือน และต่อมาศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ประกาศการแจ้งเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนในเช้าของวันนั้น ลมจากพายุได้มีการปล่อยตัวออกมา เนื่องจากการพาความร้อนลึกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มที่มีการพาความร้อนหลายแถบเริ่มห่อหุ้มศูนย์หมุนเวียนระดับต่ำที่กำลังพัฒนาอยู่ หลังจากนั้นไม่นานกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 5] ได้ยกระดับหย่อมความกดอากาศต่ำให้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับหย่อมความกดอากาศต่ำให้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนเช่นกัน และกำหนดหมายเลขให้พายุลูกนี้อย่างเป็นทางการว่า 26W
- วันที่ 22 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้กำหนดหมายเลขให้พายุลูกนี้อย่างเป็นทางการว่า 0922 และกำหนดให้ชื่อว่า นิดา ในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปตามสันเขากึ่งเขตร้อน
- วันที่ 23 พฤศจิกายน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน และต่อมาในวันรุ่งขึ้นกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานว่าพายุโซนร้อนนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง ตาพายุก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นมาภายในศูนย์กลางการไหลเวียนระดับต่ำที่มีการจัดระเบียบได้อย่างดี และในวันรุ่งขึ้นศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุโซนร้อนนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 เนื่องจากตาพายุส่วนใหญ่มีการจัดระเบียบได้อย่างดีด้วยการพาความร้อนลึกอยู่รอบตาพายุ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (100 ไมล์ต่อชั่วโมง) และกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 10 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งทำให้พายุโซนร้อนนิดากลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง
- วันที่ 25 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนกำลังแรงให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่น และก่อนที่จะรายงานในวันนั้นว่าพายุไต้ฝุ่นนิดาได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนมีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 10 นาทีที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.43 นิ้วของปรอท) มีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (195 ไมล์ต่อชั่วโมง) ตามรายงานของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือผ่านกวม พายุไต้ฝุ่นนิดากลายเป็นพายุลูกแรกของความรุนแรงนี้ในแอ่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตก และในแง่ของความเร็วลมสูงสุด 10 นาที 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง) นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานว่าพายุมีความกดอากาศที่ต่ำสุด 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.43 นิ้วของปรอท) ทำให้พายุไต้ฝุ่นนิดาเป็นพายุที่แรงที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2552 รองลงมาเป็นอันดับที่ 2 จากพายุไต้ฝุ่นนิดา คือ พายุเฮอริเคนริกในปี พ.ศ. 2552
- วันที่ 27 พฤศจิกายน ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นนิดาได้ถูกลดระดับจากพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 กลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 4 อันเนื่องมาจากพายุเริ่มเข้าสู่วัฏจักรการแทนที่กำแพงตา และไม่นานก็ทวีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งก่อนมีกำลังเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- วันที่ 28 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นนิดาได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 อีกครั้ง ด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (175 ไมล์ต่อชั่วโมง) และต่อมาพายุก็ไม่มีการเคลื่อนตัวอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากพายุกำลังขยายตัวให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หลังจากนั้นพายุก็ค่อย ๆ อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1
- วันที่ 30 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นนิดาได้สร้างช่องว่างขนาดใหญ่ในสันเขากึ่งเขตร้อนในขณะที่พายุอ่อนกำลังลง และมีความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- วันที่ 1 ธันวาคม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับพายุไต้ฝุ่นให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่อง 10 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) เนื่องจากพายุยังไม่มีการเคลื่อนตัวออกไปไหน
- วันที่ 2 ธันวาคม พายุโซนร้อนกำลังแรงนิดาเริ่มเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนืออย่างช้า ๆ และอ่อนกำลังลงอีกจนกลายเป็นพายุโซนร้อน
- วันที่ 3 ธันวาคม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) รายงานว่าพายุโซนร้อนนิดาได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และในวันเดียวกันศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ออกคำเตือนเป็นครั้งสุดท้าย เศษซากบางส่วนของพายุถูกดูดกลืนเข้าไปในกระแสน้ำ และส่วนอื่น ๆ ของการพาความร้อนยังคงอยู่ที่จะรวมเข้ากับพายุดีเปรสชันเขตร้อน 28W แรงเฉือนในแนวดิ่งที่มีกำลังแรง ซึ่งสัมพันธ์กับลมมรสุมทางตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นพายุก็ได้สลายไป
การเตรียมการ[แก้]
ประเทศไมโครนีเชีย[แก้]
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในกวม (NWS Guam) ได้ออกคำเตือนในเกาะฟาเราเลปให้อยู่ในภายใต้การเตือนภัยระดับพายุโซนร้อน และก่อนที่จะเช้าของวันนั้นจะมีการเฝ้าระวังสำหรับเกาะไฟส์ และเกาะอุลิธิ[6][7] ขณะที่ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนนิดาให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่น และกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในกวม (NWS Guam) ได้ยกระดับการเตือนภัยระดับพายุโซนร้อนสำหรับเกาะฟาเราเลปให้กลายเป็นการเตือนภัยระดับพายุไต้ฝุ่น[8] หลังจากนั้นก็มีการรายงานว่าการเตือนภัยระดับพายุไต้ฝุ่นสำหรับเกาะฟาเราเลปก็ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นนิดากำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือโดยห่างไกลจากเกาะฟาเราเลปมาก และก่อนเช้าในวันรุ่งขึ้นการเตือนภัยระดับพายุโซนร้อนสำหรับเกาะไฟส์ และเกาะอุลิธิก็ได้ถูกยกเลิกเช่นกัน[9]
ดูเพิ่ม[แก้]
- ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2552
- รายชื่อของพายุนิดา
- พายุไต้ฝุ่นหะลอง พ.ศ. 2562 เป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงสูงสุด และไม่ส่งผลกระทบกับประเทศเช่นเดียวกัน
หมายเหตุ[แก้]
- ↑ "นิดา" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 4 ลำดับที่ 12 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "บินตา" (25 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
- ↑ ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 10 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[4]
- ↑ กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[5]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Digital Typhoon: Typhoon List". agora.ex.nii.ac.jp.
- ↑ AccuWeather (2009-11-29). "Nida is Mightiest Tropical System of 2009" (ภาษาอังกฤษ). StarTribune. สืบค้นเมื่อ 29 November 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Typhoon Nida". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2023-10-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-08-12. สืบค้นเมื่อ 23 October 2023.
- ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ Dan, Mundell (2009-11-24). "Tropical Storm 26W (Nida) Special Advisory Number Eight A" (ภาษาอังกฤษ). National Weather Service in Guam. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 November 2009. สืบค้นเมื่อ 24 November 2009.
- ↑ Dan, Mundell (2009-11-24). "Tropical Storm 26W (Nida) Advisory Number Nine" (ภาษาอังกฤษ). National Weather Service in Guam. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2009. สืบค้นเมื่อ 24 November 2009.
- ↑ Paul Stanko and Clint Simpson (2009-11-24). "Tropical Storm 26W (Nida) Special Advisory Number Ten A" (ภาษาอังกฤษ). National Weather Service in Guam. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 November 2009. สืบค้นเมื่อ 24 November 2009.
- ↑ Dan, Mundell (2009-11-25). "Tropical Storm 26W (Nida) Advisory Number Thirteen". National Weather Service in Guam. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2009. สืบค้นเมื่อ 25 November 2009.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0922)
- กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0922)
- กรมอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นนิดา (0922)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นนิดา (26W)