มิแรนดา เคอร์

บทความนี้เป็นบทความแปลของพนักงานดีแทคในความร่วมมือกับวิกิพีเดีย คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

มิแรนดา เคอร์
มิแรนดา เคอร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013
เกิดมิแรนดา เมย์ เคอร์
(1983-04-20) 20 เมษายน ค.ศ. 1983 (40 ปี)
ซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย
อาชีพนางแบบ
ปีปฏิบัติงาน1997–ปัจจุบัน
คู่สมรสออร์แลนโด บลูม (สมรส 2010; หย่า 2013)
อีวาน สปีเกิล
(สมรส 2017)
บุตร3
นักเดินแบบ
ส่วนสูง1.75 m (5 ft 9 in)
สีผมน้ำตาล
สีตาฟ้า
หน่วยงาน

มิแรนดา เมย์ เคอร์ (อังกฤษ: Miranda May Kerr) เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1983 [2] เป็นนางแบบสาวชาวออสเตรเลีย มิแรนดาเริ่มมีชื่อเสียงในปี 2007 เนื่องจากเป็น 1 ในนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต เธอเป็นชาวออสเตรเลียเพียงคนเดียวที่ได้ร่วมงานกับวิกตอเรียส์ซีเคร็ต และเป็นตัวแทนออสเตรเลียที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้าของชนชั้นสูงหรือคนมีระดับอย่างห้างเดวิดโจนส์ นอกจากนี้เธอยังเปิดตัวสินค้าในแบรด์ของเธอเอง ซึ่งเป็นออแกนิคสกินแคร์ มีชื่อว่า KORA Organics และหนังสือของเธอเองที่มีชื่อว่าTreasure Yourself มิแรนดาเริ่มจากการเป็นนางแบบแฟชั่นที่เป็นแนวแฟชั่นอุตสาหกรรมเมื่อเธออายุได้ 13 ปี เริ่มจากชาลีโมเดลเอเจนซี และมิแรนดาเข้าร่วมการประกวดของนิตยสาร Dolly ในการหานางแบบ และเธอชนะในปี 1997 ในปี 2010 เธอแต่งงานกับนักแสดงชาวอังกฤษ ออร์แลนโด บลูม ทั้งคู่แยกทางกันในปี 2013

ชีวิตในวัยเด็ก[แก้]

มิแรนดาเกิดที่ซิดนีย์และเติบโตในเมืองกันเนดาห์ รัฐนิวเซาท์เวลส์[3] เธอเป็นลูกสาวของเทเรเซและจอห์น เคอร์ แม่ของเธออายุ 17 ปีเมื่อเธอเกิด[4] เธอมีน้องชายชื่อ แมทธิว ซึ่งอายุน้อยกว่าสองปี เคอร์มีเชื้อสายอังกฤษ รวมถึงสกอตแลนด์และฝรั่งเศส[5] ในวัยเด็ก เธอมักจะขับรถจักรยานยนต์และขี่ม้าในฟาร์มของคุณยายของเธอ เธออธิบายชีวิตในวัยเด็กของเธอในชนบทของออสเตรเลียว่า "เรียบง่ายมาก ไม่มีการเสแสร้งและไม่มีใครใส่ใจว่าคุณจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบไหน ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองได้"[6]

ครอบครัวของเธอย้ายมาที่บริสเบนเพื่อให้มิแรนดาและน้องสัมผัสและมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในเมือง ในปี 2000 เธอจบการศึกษาจากโรงเรียน All Hallows' School เธอศึกษาวิชาเกี่ยวกับโภชนาการและจิตวิทยาสุขภาพ ก่อนที่จะเริ่มมาเป็นนางแบบ[7][8]

อาชีพ[แก้]

1997–2006[แก้]

เมื่อตอนอายุ 13 มิแรนดาเริ่มเข้ามาและชนะการประกวดจากการแข่งขันที่จัดโดยนิตยสารดอลลี นิตยสารสำหรับวัยรุ่น เธอบินไปถ่ายแบบให้กับนิตยสารที่ซิดนีย์ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเป็นวันเกิดเธอในวัย 14 ปี เมื่อมิแรนดาชนะ สื่อท้องถิ่นกลับแสดงความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอยังเด็กเกินไปกับการถ่ายแบบ มีการโต้เถียงกับข้อกังวลเกี่ยวกับการที่ไปยกย่องเธอว่าเป็นเด็กหญิงที่โลดแล่นในวงการแฟชั่น ความสวยความงาม และอุตสาหกรรมความบันเทิง[9]

มิแรนดาได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สื่ออ้างว่าการถ่ายภาพให้กับนิตยสารดอลลีของเธอว่าประกอบไปด้วยการสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงแต่งตัวโป๊เปลือย แต่ ดอลลี เป็นเพียงนิตยสารสำหรับสาววัยรุ่นไม่ใช่นิตยสารสำหรับคนแก่ และฉันสวมเสื้อผ้ามิดชิดเพราะเป็นการถ่ายภาพแฟชั่นฤดูหนาว พวกเขาทำเรื่องที่มันไม่มีอะไรเลยให้เป็นเรื่องใหญ่"[10]

มิแรนดา เคอร์ ในปี 2004 ในโฆษณายีนส์ ยี่ห้อโอเบอร์ยีนส์(Ober Jeans)

มิแรนดาเซ็นสัญญากับ ชิคเมเนทเมนต์ซิดนีย์ดิวิชั่น เธอเริ่มที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากโฆษณาชุดเดินชายหาดที่โดดเด่นของออสเตรเลียที่อยู่ในเครือบิลลาบอง มิแรนดาเป็นนางแบบของแบรนด์ชุดโต้คลื่น และมีการทำงานให้กับแบรนด์ของ Tigerlily, Roxy, Billabong Girls และ One Teaspoon[3] มิแรนดายังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Seafolly แบรนด์ชุดว่ายน้ำที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของออสเตรเลีย[11] หลังจากเป็นนางแบบในออสเตรเลียและญี่ปุ่น[12] มิแรนดาย้ายไปอยู่ที่นครนิวยอร์ก และเธอได้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ Bowery Ballroom ซึ่งเป็นสถานที่แสดงดนตรี[13]


ในนิวยอร์ก มิแรนดาได้เดินแบบบนเวทีเดินแบบมากมาย ในต้นปี 2004 เธอเซ็นสัญญาการเป็นนางแบบกับเน็กซ์แมเนจเมนต์ หลังจากนั้นเธอก็ได้เดินแบบและถ่ายแบบให้กับหลากหลายแบรนด์ รวมไปถึง ลีวายส์ และแอล.เอ.เอ็ม.บี.[14] มิแรนดายังได้ถ่ายแบบในนิตยสารอย่างเช่น แอล, โว้กออสเตรเลีย, และฮาร์เปอส์บะซาร์ รวมถึงยังมีโฆษณาทางรายการโทรทัศน์ของแบรนด์ เช่น Portmans, Bonds และ Veet[12]

ในต้นปี 2006 มิแรนดาปรากฏตัวในชุดฟินาเลในตอนของรายการทีวีโชว์โปรเจกต์รันเวย์ เป็นนางแบบเสื้อผ้าให้กับให้กับผู้เข้าประกวด Daniel Vosovicในคอลเลคชั่นสุดท้าย เธอเป็นคนแรกที่เดินบนแคทวอล์ก เธอต้องต่อสู้กับตลาดที่อเมริกาเมื่อเธอได้เซ็นสัญญากับบริษัทเครื่องสำอางยี่ห้อดังอย่างเมย์เบลลีนด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างสูง เป็นแคมเปญที่เป็นซีรีส์ที่เน้นขายให้กับนิตยสารเกี่ยวกับความงามทั่วโลก และต่อมาได้เล่นมิวสิกวิดีโอที่เป็นซิงเกิลที่ชื่อว่า "Number One" ของศิลปินฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ ร่วมกับคานเย เวสต์[15]

2007–ปัจจุบัน[แก้]

หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จกับแบรนด์อย่าง เมย์เบลลีนแล้ว[12] ในปี 2007 มิแรนดาก้าวเข้ามาในฐานะวงการนางแบบคนแรกของออสเตรเลียที่ถูกเสนอให้มาเซ็นสัญญากับวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แทนที่ จิเซล บุนเชน นางแบบชาวบราซิลที่มีค่าตัวสูง และเธอก็กลายเป็นชาวออสเตรเลียคนแรกที่เป็นหนึ่งในนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต[16] เป็นการเข้าร่วมเซ็นสัญญาที่จะเป็นนางแบบของชุดชั้นในยักษ์ใหญ่ ร่วมกับอาเลซังดรา อังบรอซียู, Karolína Kurková, อาดรียานา ลีมา, Selita Ebanks, อิซาเบล โกลาร์ท, และไฮดี คลุม ก่อนที่มิแรนดาจะก้าวเข้ามาเป็นนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในปี 2007 มิแรนดาได้รับคัดเลือกให้สวมชุดชั้นในที่ประดับไปด้วยอัญมณีมีความมูลค่าสูงในงาน Alessandra Ambrosio as the face of PINK ในปี 2006 มิแรนดาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากในการเข้ามาอยู่ในกลุ่มของนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต และได้รับความนิยมไปทั่วโลกเมื่อเธอปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ในการแสดงแบบแฟชั่นโชว์ของรันเวย์ในวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ในปี 2006, 2007, 2008 และ 2009 ซึ่งมีการออกอากาศใน 4 ทวีป[12]

มิแรนดา เคอร์ ในงานเดินพรมแดง เปิดตัว หลุยส์ วิตตอง ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ปี 2011

ในปี 2007 มิแรนดาได้เซ็นสัญญาที่จะปรากฏหน้าของเธอที่ร้านค้าปลีกอย่าง Arden B หลังจากที่เปิดตัวแคมเปญในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน มิแรนดากลับมาอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2007 แคมเปญนี้ได้ช่างภาพมืออาชีพอย่าง Diego Uchitel เป็นผู้ที่ถ่ายทอดผลงานของการถ่ายแบบชิ้นนี้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเป็นนางแบบให้กับวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแล้ว มิแรนดายังปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในซีรีส์ของ ซีบีเอส อย่างเรื่อง "ฮาวไอเม็ตยัวร์มาเธอร์" ร่วมกับนางฟ้าคนอื่น ๆ อย่าง อาดรียานา ลีมา, Marisa Miller, อาเลซังดรา อังบรอซียู, ไฮดี คลุม และ Selita Ebanks[17]

เธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในแบรนด์ Clinique และได้ทำการเซ็นสัญญาด้วยตัวเลข 6 หลักในการเป็นหน้าใหม่ในห้างสรรพสินค้าเดวิด โจนส์ ในออสเตรเลีย ซึ่งมาแทนนางแบบอย่าง เมแกน แกล[18] ในปี 2008 เธอได้รับค่าจ้างประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน 12 เดือนที่ผ่านมา นิตยสารทางการเงินอย่างฟอบส์ ได้จัดอันดับว่ามิแรนดาอยู่ในอันดับ 10 ของนางแบบที่มีค่าตัวสูงที่สุดโลก[19]

ตั้งแต่ปี 2009 มิแรนดาก็อยู่ในโฆษณาของแคมเปญ XOXO ทั้งฤดูใบผลิและฤดูร้อน[20] ในปี 2009 เธอถูกนิตยสารชื่อดังอย่างฟอบส์ จัดให้อยู่ในอันดับ 9 ของนางแบบที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[21] เธอได้ออกจาก NEXT Model Management และเซ็นสัญญากับ IMG Models[22]

ในเดือนมิถุนายน 2009 มิแรนดาได้มีประเด็นในภาพที่เธอขึ้นปกให้กับนิตยสาร โรลลิ่ง สโตน ออสเตรเลีย ซึ่งภาพนั้นป็นในภาพเธอเปลือยกายแล้วถูกล่ามโซ่ไว้กับต้นไม้ จุดประสงค์ก็เพื่อปลูกจิตสำนึกให้อนุรักษ์โคอาลาที่ใกล้จะสูญพันธุ์[23] ซึ่งเป็นงานการกุศลที่เธอเข้าไปร่วมงาน รวมไปถึงองค์กรพิทักษ์สัตว์ (Wildlife Warriors Worldwide) และเธอยังมีงานการกุศลเกี่ยวกับเด็ก เช่น Children International[24] ในเดือนตุลาคม 2009 มิแรนดาได้เปิดตัวแบรนด์ของเธอเองซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องสำอางเกี่ยวกับผิว ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า KORA Organics ที่ได้ทำร่วมกับ จอร์จ มอสกอส ชาวออสเตรเลีย[25] ซึ่งได้กลายมาเป็นในรูปแบบบริษัท[20]

เธอได้ปรากฏตัวในปี 2010 ปฏิทิน พีเรลลี ถ่ายภาพโดยเทร์รี ริชาร์ดสันในประเทศบราซิล[26] ในเดือนสิงหาคม ปี 2010 มิแรนดาได้ออกมาสร้างแรงบันดาลใจจากตัวเธอเอง ผ่านหนังสือ self-help book ซึ่งหนังสือประเภทนี้จะเป็นหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนอ่านนั้นพึ่งพาตนเอง,หนังสือ Treasure Yourself ซึ่งหนังสือ Treasure Yourself จะเน้นในกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิง[24] บาเลนเซียกาได้ออกมาเปิดตัวนางแบบค่าตัวสูงที่อยู่ในเส้นทางวงการอาชีพนางแบบ และทำการเลือกเฟ้นหานางแบบโดยได้กรรมการมาคัดเลือกคือ Ashley Brokaw และ Nicolas Ghesquière และได้เลือกมิแรนดาให้เข้าเดินแบบให้กับแบรนด์ในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2010[27] และเธอได้ออกแบบแฟชั่นโชว์เองเป็นครั้งแรก[14] ในฤดูกาลต่อมาเธอได้เดินแบบให้กับ Prada ในฤดูใบไม้ร่วงในปี 2010 เป็นคอลเลกชันใน Milan Fashion Week ร่วมกับเหล่านางฟ้าอย่าง Doutzen Kroes และอาเลซังดรา อังบรอซียู[28] มิแรนดาเป็นแบบให้แคมเปญของ Prada และ Jil Sander และถ่ายภาพโดย Steven Meisel ซึ่งเป็นหน้าปกของนิตยสารโว้กอิตาลี ในฉบับเดือนกันยายน 2010[27] ในเดือนมกราคม 2011 มิแรนดาได้กลายเป็นนางแบบคนแรกที่ท้องในนิตยสารโว้กในโว้กออสเตรเลีย ตอนที่ถ่ายแบบนั้น เธอตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน[29] ในเดือนมีนาคม เธอกลับเข้ามาในคอลเลกชันของบาเลนเซียกา ในฤดูใบไม้ร่วง 2011 คอลเลกชันของ Paris Fashion Week สองเดือนหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรชาย[30] มิแรนดาได้ถ่ายรูปเปลือยในปี 2011 ลงนิตยสารฮาร์เปอส์บะซาร์[31] ในเดือนตุลาคม ที่ปารีสแฟชั่นวีก เธอได้เดินแบบในแบรนด์ของดียอร์, Lanvin, ชาเนล, John Galliano, Stella McCartney, Viktor & Rolf และโลเอเบ[32] มิแรนดาได้ถูกเลือกให้นำเสนอชุดชั้นในของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตมูลค่า 2.5 ล้านเหรียญในงาน Victoria's Secret Fantasy Treasure Bra ที่จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011[33]

ในเดือนมกราคม 2012 เธอได้รับเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของสายการบินควอนตัส ซึ่งเป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย[34] ในเดือนมิถุนายน มิแรนดาได้เซ็นสัญญากับเพื่อเป็นตัวแทนของ Samantha Thavasa ซึ่งเป็นแบรนด์กระเป๋าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นซึ่งมักใช้ดาราหรือพรีเซนเตอร์ชื่อดังระดับฮอลลีวูด ซึ่งโปรโมตกระเป๋าในภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า "Malissa"[35] ในเดือนพฤศจิกายน เธอก็ได้มีชื่อในแบรนด์เสื้อผ้าไฮสตรีท แมงโก แทนที่เคต มอส สำหรับฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2012 [36][37] มิแรนดาถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 7 ของนิตยสารฟอบส์ นางแบบที่มีค่าตัวที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งเธอได้รับค่าจ้างราว 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในเดือนมีนาคม 2013 มีการเจรจาเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาของเธอต่ออีก 5 ปี กับเดวิด โจนส์ ซึ่งทำไม่สำเร็จ แต่การเจรจาก็จบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย[38] หลังจากนั้น 1 เดือน มีการรายงานข่าวว่าสัญญาค่าตัว 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับวิกตอเรียส์ซีเคร็ตไม่ได้ถูกต่อ จากแหล่งข่าวระบุว่ามิแรนดานั้นอยู่ในจุดที่มี "ชื่อเสียงยากขึ้น" หรืออยู่ในจุดอิ่มตัว และ ไม่ได้เป็น "จุดขายหลักของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตอีกต่อไป" อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าการตลาดจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต Ed Razek ซึ่งเชิญมิแรนดาให้ร่วมการเดินแฟชั่นโชว์ในปีนั้น[39][40]

เธอถูกจัดอันดับให้อยู่อันดับ 2 จากนิตยสารฟอบส์ในปี 2013 ในฐานะนางแบบที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกซึ่งประมาณการค่าจ้างของเธอนั้นราว 7.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านเหรียญและกระโดดจากลำดับที่ห้าจากการจัดอันดับในปีก่อนหน้า[41] ในเดือนตุลาคม มิแรนดาปรากฏกายที่ออสเตรเลียของงานแคมเปญคริสตันสวารอฟสกี้(Swarovski) ในฤดูใบไม้ร่วงในปี 2013 [42] และในเดือนธันวาคม เธอได้เป็นดาราในเวปไซด์โซเชียลช้อปปิ้งของ ShopStyle's ซึ่งเป็นแคมเปญระดับชาติ[43]

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 มิแรนดาได้ถูกแทนที่โดยจิเซล บุนเชน ในงานของแบรนด์เสื้อผ้าสวีเดน เอชแอนด์เอ็ม และยังเข้าร่วมแคมเปญกับแบรนด์อย่าง รีบอค และ Wonderbra[44]

ในวันที่ 22 เมษายน 2014 มิแรนดาได้ปล่อยผลงานครั้งแรกหลังจากเป็นโสด ในปกนิตยสารเอลวิส เพรสลีย์[45][46]

ภาพต่อสาธารณะชน[แก้]

มิแรนดา เคอร์ ที่เมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ปี 2009

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010, มิแรนดาได้กลายเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อ เดวิด เคลลี่(David Kiely) นายธนาคารหนุ่มของธนาคารแม๊คควารี่(Macquarie Bank) ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียถูกจับได้ว่ามีรูปเปลือยของมิแรนดาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขาซึ่งภาพแบล็คกราวน์ด้านหลังปรากฏอยู่เมื่อมีการถ่ายทอดการสัมภาษณ์สดจากนักข่าวเพื่อนร่วมงานของเขาทางช่อง 7. ภายในวันนั้น คลิปที่เกี่ยวกับการสัมภาษณ์ได้ถูกอัฟโหลดในยูทูปมียอดวิวฮิตติดลมบนมากกว่า 1.3 ล้านวิว.[47] ในที่สุด เคลลี่ก็ระงับและหยุดเปิดตัวแคมเปญอินเตอร์ที่จะเปิดตัวในนามของเขา มิแรนดายังให้เขาสนับสนุนเธอต่อไป "ฉันอยากจะขอร้องที่จะรักษางานของเขาไว้และแน่นอนที่สุดฉันจะเซ็นต์มัน" จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันยิ่งทำให้โปรโมตเธอเข้าไปอีกมียอดในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก 100 เปอร์เซ็นในกูเกิลเสิร์ชในเข้าไปค้นหาชื่อของเธอ[48] หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่วัน ทางธนาคารแม๊คควารี่มีประกาศว่าเคลลี่ยังคงทำงานของเขาต่อไป[49]

มิแรนดายังถูกกล่าวขานว่าเธอเป็นอันดับ 4 ในท๊อป 20 นางแบบที่มีความเซ็กซี่ที่สุดในโลก.[50] เธอถูกจัดอันดับในนิตยสาร เอฟเอชเอ็ม ว่าติดอันดับที่ 56 ของโพลในผู้หญิง 100 คนที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2009, อันดับที่ 36 ในปี 2010, อันดับที่ 44 ในปี 2011, อันดับ 51 ในปี 2012, อันดับ 56 ในปี 2013 และอันดับที่ 48 ในปี 2014.[51] ชื่อของมิแรนดายังติดอยู่ 1 ใน "100 ผู้หญิงที่ฮอตตลอดกาล" โดยนิตยสาร Men's Health คนที่เคยถูกจัดอันดับก็มี ออเดรย์ เฮปเบิร์น( ออเดรย์ เฮปเบิร์น) ดาราฮอลิวูดชื่อดัง,เกรซ เคลลี(เกรซ เคลลี) ซึ่งเป็นเจ้าหญิงที่สิริโฉมของโมนาโก และ โซเฟีย ลอเรน(โซเฟีย ลอเรน) นักแสดงสาวชาวอิตาลี.[52] เธอยังถูกได้รับการขนานนามว่า "เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ในปี 2012:Sexiest Woman Alive 2012" โดยนิตยสาร Esquire UK.[53] เธอยังได้ถูกจัดอันดับเป็นประจำในนิตยสาร AskMen's ติดอันดับ 1 ใน 99 ของผู้หญิงที่กำลังมาแรง อันดับที่ 19 ในปี 2008, อันดับที่ 46 ในปี 2009, อันดับที่ 10 ในปี 2010, อันดับที่ 5 ในปี 2011, อันดับที่ 25 ในปี 2012, อันดับที่ 6 ในปี 2013 และ อันดับที่ 46 ในปี 2014.[54]

นางแบบอย่างมิแรนดามีสัญลักษณ์ทางการค้าหรือเอกลักษณ์ก็คือรอยยิ้มในลักยิ้มของเธอ ช่างภาพที่มีชื่อเสียงอย่างรัสเซล เจมส์(Russell James) ได้กล่าวไว้ว่า

"ชาวสหรัฐได้หลงรักเธอ พวกเรารักเธอ เพราะว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ(girl-next-door มีความหมายว่าเป็นหญิงสาวที่น่าคบหา มีความเป็นมิตร มีความใสซื่อ รวมๆ คือ หญิงสาวในอุดมคติ) และเธอสวยเป็นบ้าเลย มันหมายถึงผู้หญิงที่ไม่สามารถจะข่มขู่ใครได้โดยลุคของเธอ และผู้ชายจะต้องพูดถึงเธอ มันวิเศษมากที่มารวมอยู่ในตัวเธอ คนต้องการที่อยู่รายล้อมตัวเธอ เธอสนุกบนภาพถ่ายและเธอเป็นผู้หญิงไม่โง่ ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่น่ารำคาญมากกับนางแบบบางคน"

The US has fallen in love with her. We love her because she has the most incredible girl-next-door look and she's also insanely beautiful. It means women are not intimidated by her looks and guys think they might be able to talk to her. It's a fantastic combination ... people want to be around her; she's fun on a shoot … and she's not stupid, which can be a very annoying trait among some models.[ต้องการอ้างอิง]

ตัวแทนแอเจนซี่ของนางแบบ เออซูล่า(Ursula Hufnagl) ได้ให้คำนิยามที่อธิบายเกี่ยวกับมิแรนดาได้ว่า "เห็นด้วยเป็นอย่างมากว่าเธอสมบูรณ์แบบ", อ้างมาจากความสามารถในการ "ขายสินค้าอย่างแท้จริง".[12]

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

ในปี 2003 มิแรนดาเริ่มเดทกับโบรกเกอร์ทางการเงินที่ชื่อว่าแอนเดรียน แคมมิเลอรี (Adrian Camilleri) ที่เป็นคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (Australian Securities and Investments Commission) แอนเดรียนถูกพบว่ามีความผิดในห้าข้อหาพฤติกรรมหลอกลวงจากเดือนกุมภาพันธ์ปี 2003 ถึงกุมภาพันธ์ ปี 2004 มิแรนดาก็เลยจบความสัมพันธ์กับเขาลง ในปี 2007 หนังสือพิมพ์ได้รายงานข่าวอ้างว่ามิแรนดาได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวข้องกับทางการเงิน "หลังจากที่แฟนหนุ่มได้ให้คำปรึกษาทางการเงินกับเธอ" แต่เธอเลือกที่จะไม่ฟ้องร้องหรือไม่ดำเนินคดีทางกฎหมาย[55]

ก่อนหน้าที่เธอจะเดทกับ เจย์ ลียง เป็นนักร้องนำของวงทามารามา (Tamarama) เธอได้ปรากฏตัวของ MTV ที่ทำไว้ในฤดูกาลหนึ่งของซีรีส์ The City มิแรนดาได้ร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอของวงทามาราม่าในเพลง "Everything To Me" ทั้งคู่ได้เริ่มเดทกันในปี 2003 และปีที่ 4 เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์และความสัมพันธ์จบลงในช่วงกลางปี 2007[56]

มิแรนดาเริ่มคบหากับนักแสดงชาวอังกฤษ ออร์แลนโด บลูม ในปลายปี 2007[57] ในปี 2009 แกงค์บริง ริง(Bling Ring) บุกเข้าไปบ้านของออร์แลนโด ซึ่งเป็นแกงค์ขโมยของ เสื้อผ้าแบรนด์หรู และอัญมณี ในกรณีนี้ แกงค์ต้องการที่จะขโมยชุดชั้นในของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตของมิแรนดา[58] มิแรนดาและออร์แลนโด ประกาศหมั้นกันในเดือนมิถุนายน 2010[59] และพวกเขาได้แต่งงานหลังจากนั้น 1 เดือน[60] มิแรนดาได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อ ฟริน คริสโตเฟอร์ แบรนด์ชาร์ต โคปแลนด์ บลูม(Flynn Christopher Blanchard Copeland Bloom) ในเดือนมกราคม 2011[61][62][63] ชื่อกลางที่ชื่อคริสโตเฟอร์นั้นมาจากชื่อแฟนเก่าของมิแรนดา[64] ที่ชื่อว่า คริสโตเฟอร์ มิเดิลบลูค[65]เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1998 เมื่อเขาอายุได้เพียง 15 ปี[66] ในเดือนตุลาคม ปี 2013 มิแรนดากับออร์แลนโด ได้ประกาศว่าได้แยกกันอยู่หลายเดือนก่อนหน้านี้ และประกาศว่าจะแยกทางกัน[67]

มีการรายงานอ้างว่ามิแรนดาเป็นชาวพุทธ เธอได้บอกกับ เดอะเดลีเทลิกราฟ "ฉันไม่ใช่ชาวพุทธ ฉันเป็นคริสเตียน ฉันอธิฐานกับพระเจ้าทุกวัน ฉันทำสมาธิและทำโยคะทุกวัน ฉันไม่มีศาสนา ฉันสนใจเกี่ยวกับเรื่องจิตใจ การสวดมนต์เป็นสิ่งที่คุณยายฉันสอนมาเป็นอย่างดี ฉันจะสวดมนต์และความกตัญญูเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับฉัน"[68][69] เธอกล่าวกับเดอะกลอสหลังจากนั้นว่า

"ฉันชอบสวดมนต์และฉันชอบทำสมาธิ ฉันจะใช้เวลา 3 นาทีสำหรับสวดมนต์และใช้เวลาเล็กน้อยประมาณ 5 นาทีสำหรับทำสมาธิวันละสองครั้ง - เหมือนว่าจะพุ่งเหมือนลูกศรไปยังเป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อฉันสวดมนต์ฉันจะขอบคุณธรรมชาติที่ทำให้เกิดความงามทั้งหมดของโลกใบนี้ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคิดที่สำนึกในบุญคุณ และฉันจะอธิฐานต่อพระคริสต์ฉันจะพูดว่า ขอบคุณสำหรับวันนี้และครอบครัวของฉันและสุขภาพของฉัน และถ้าฉันอายุมากขึ้นฉันจะเพิ่มคำอธิฐานว่า 'โปรดส่องแสงสว่างให้ฉัน โปรดเปิดหัวใจของฉัน จักระ (จักระ หมายถึงพลังแฝงที่อยู่ในทุก ๆ สิ่งในโลกไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่) เปิดช่องรับแสงและยกระดับจิตใจของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ"

I like to pray and I like to meditate. Doing just three minutes of prayer and a minimum of five minutes meditation twice a day sets the tone—like an arrow so that you’re hitting your target. When I pray I always thank Mother Nature for all the beauty in the world; it’s about having an attitude of gratitude. And then I pray to Christ to say, 'Thank you for this day and my family and my health,' and now that I'm older I’ve added, ‘Please illuminate me. Please open my heart chakra. Open my aperture and uplift my consciousness so that I can be the best version of myself.’[70]

ฉันให้เครดิตกับการทำสมาธิ ฉันจะพูดกับเพื่อนและเขียนวิธีการที่ท้าทายอย่างเช่น มิดเดลบลุ๊คตาย(Middlebrook's death)[68] และ "ทำให้การอธิฐานมีความสำคัญเพื่อที่จะให้อภัยตัวเองและคนอื่น"[71]

มิแรนดารักษาร่างกายของเธอด้วยการฝึกโยคะทุกวัน วิ่งเบาๆ และคุมน้ำหนักโดยกินผักนึ่ง ผลไม้สด และปลา[72] มิแรนด้าบอกกับผู้อ่านชาวออสเตรเลียผ่านหนังสือนิตยสารคอสโมโพลิเทนว่า น้ำมันมะพร้าว เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผิวของเธอใส ผมเงางามและรูปร่างสวยงาม เธอบอกกับนิตยสารว่าเธอกินวันละ 4 ช้อนชา มีทั้งในสลัด และการปรุงอาหารหรือในชาเขียวที่เป็นเครื่องดื่มของเธอ[73][74]

ผลงานการแสดง[แก้]

ปี ภาพยนตร์ บทบาท
2013 The Bling Ring วิดีโอที่เก็บถาวร
ปี โทรทัศน์ บทบาท
2007 ฮาวไอเม็ตยัวร์มาเธอร์ ตัวเธอเอง
2012 Project Runway All Stars กรรมการรับเชิญ
2012 Project Runway Australia กรรมการรับเชิญ
2016 ออสเตรเลียส์เน็กซ์ท็อปโมเดล ที่ปรึกษารับเชิญ

อ้างอิง[แก้]

  1. "Miranda Kerr - Model". MODELS.com.
  2. "Miranda Kerr". People.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-31. สืบค้นเมื่อ 7 November 2013.
  3. 3.0 3.1 "Miranda Kerr". Business of Fashion.
  4. Lidbury, Olivia. "Miranda Kerr's mother on stepping out of her model daughter's 'shadow'". Telegraph.
  5. "Miranda Kerr - Biography". Hello! Magazine.
  6. Blake, Elissa. "Miranda's model life". Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2007.
  7. Melissa Field (8 October 2009). Miranda's Kerr-Ching! factor. The Daily Telegraph. Retrieved 4 April 2012.
  8. About Miranda. KORA Organics. Retrieved 15 October 2010.
  9. Lyons Powell, Hannah (26 May 2016). "Miranda Kerr's Style CV". Glamour UK. Condé Nast Britain.
  10. Hornery, Andrew (9 July 2012). "It's back: young model contest that caused a stir for Kerr". Sydney Morning Herald.
  11. Sharp, Rachel. "This Aussie swimwear brand is looking for the next Miranda, Shanina or Gigi". Grazia Australia.
  12. 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 Blake, Elissa. "Miranda's Model Life". Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 December 2007. สืบค้นเมื่อ 26 April 2008.
  13. "Miranda Kerr's Style CV". Glamour UK. 26 May 2016.
  14. 14.0 14.1 Miranda Kerr at the Fashion Model Directory
  15. "Kris Jenner 'Wines Down' After Busy Day With Help From Songs by Kanye West, Stevie Wonder and More". Us Weekly. 11 September 2019. This track from Pharrell Williams was released in 2006 and was cowritten by West. The music video for this tune featured models Selita Ebanks, Miranda Kerr and Rosie Huntington-Whiteley.
  16. Miranda Kerr. เก็บถาวร 2018-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 3 March 2010.
  17. Greenblatt, Leah. "Hanging with (funny) supermodels on the 'How I Met Your Mother' set". Entertainment Weekly.
  18. Holly Byrnes (3 April 2008). David Jones is Kerr's new darling เก็บถาวร 2009-06-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. News.com.au. Retrieved 26 April 2008.
  19. Kiri Blakeley (30 April 2008). In Pictures: The World's 15 Top-Earning Models −10 Forbes. Retrieved 27 May 2008.
  20. 20.0 20.1 Miranda Kerr – Advertising. Models.com. Retrieved 28 October 2011.
  21. Lauren Streib (27 May 2009). The World's Top-Earning Models −9. Forbes. Retrieved 10 October 2011.
  22. "Miranda Kerr Model Profile". New York Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 March 2015.
  23. Stuart Pink (1 June 2009). Miranda Kerr strips naked for the koalas เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Sun. Retrieved 16 October 2010.
  24. 24.0 24.1 Victoria's Secret Profile of Miranda Kerr YouTube. Retrieved 12 December 2007.
  25. KORA Organics by Miranda Kerr. Koraorganics.com. Retrieved 28 October 2011.
  26. Gabriel Bell (18 June 2009). Terry Richardson and Most of the World’s Models Gang Up for Pirelli Calendar 2010 เก็บถาวร 2012-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. New York. Retrieved 21 February 2011.
  27. 27.0 27.1 James Lim (26 September 2011). Prada or Balenciaga: Who Carries More Weight in Modeling?. New York. Retrieved 6 October 2011.
  28. Prada's Fashion Show Gets Heavenly เก็บถาวร 2011-07-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (1 March 2010). CocoPerez.com. Retrieved 15 October 2010.
  29. Miranda Kerr is Vogue's first pregnant cover mode เก็บถาวร 2011-12-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Novafm.com.au. Retrieved 28 October 2011.
  30. Maysa Rawa (4 March 2011). They don't call her super for nothing: Miranda Kerr is back on the catwalk just TWO months after giving birth. Daily Mail. Retrieved 6 March 2011.
  31. "Miranda Kerr nude pic in Harper's Bazaar shows her post-baby career is shaping up gorgeously" (7 October 2011). The Daily Telegraph. Retrieved 10 October 2011.
  32. Miranda Kerr – Shows. Models.com. Retrieved 3 August 2012.
  33. Ariana Finlayson (19 October 2011). "See Miranda Kerr's $2.5 Million Bra". Us Magazine. Retrieved 8 January 2012.
  34. Fiona Byrne (13 January 2012). Does model Miranda Kerr have what it takes to get Qantas soaring again? เก็บถาวร 2013-07-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 3 August 2012.
  35. Modelpress (9 September 2012). [1] เก็บถาวร 2014-09-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 23 October 2012.
  36. "Miranda Kerr takes over as Mango rep". Sky News. สืบค้นเมื่อ 24 November 2012.
  37. Adams, Chanel. "Miranda Kerr takes over as the new face of Mango". Examiner.
  38. Krupnick, Ellie (22 March 2013). "Miranda Kerr 'Breaks Up' With David Jones, Replaced By Jessica Gomes & Montana Cox". Huffington Post. สืบค้นเมื่อ 14 April 2013.
  39. "Miranda Kerr Reportedly Dropped As VS Angel; Kate Upton and Diddy May Be Dating". Daily Beast. สืบค้นเมื่อ 14 April 2013.
  40. "Miranda Kerr leaving Victoria's Secret, 3 months/year too big a commitment". Fox News Channel. 11 April 2013. สืบค้นเมื่อ 14 April 2013.
  41. Le, Vanna (19 August 2013). "The World's Highest-Paid Models, 2013: Gisele's Earnings Down, Kerr's Are Up". Forbes.com. สืบค้นเมื่อ 31 October 2013.
  42. Hamilton, Carmen. "Behind the scenes on Miranda Kerr's next major campaign". Vogue Australia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 31 October 2013.
  43. Sugar, Lisa. "Miranda Kerr Is the New Face of ShopStyle". PopSugar. สืบค้นเมื่อ 28 March 2014.
  44. Evans, Laura. "She really is selfie obsessed! Miranda Kerr poses, pouts and snaps about in flirty new H&M ad". The Daily Mail. London. สืบค้นเมื่อ 28 March 2014.
  45. "Miranda Kerr singing debut You're the Boss". 22 April 2014. สืบค้นเมื่อ 25 April 2014.
  46. Madeline Boardman (22 April 2014). "Miranda Kerr Sings on "You're the Boss" with Bobby Fox: Listen to Supermodel's Debut Single". Us Weekly. สืบค้นเมื่อ 25 April 2014.
  47. "Campaigners rally to save 'racy pics' banker Dave's job" เก็บถาวร 2019-03-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (4 February 2010). ซีเอ็นเอ็น. Retrieved 16 October 2010.
  48. "Australia banker caught viewing erotic photos keeps job". (5 February 2010). BBC News. Retrieved 5 February 2010.
  49. "Miranda Kerr's banker fan David Kiely to keep job" เก็บถาวร 2013-07-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (5 February 2010). The Courier-Mail. Retrieved 1 September 2010.
  50. Top Sexiest models. Models.com. Retrieved 30 November 2011.
  51. Miranda Kerr เก็บถาวร 2014-09-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เอฟเอชเอ็ม. Retrieved 28 October 2011.
  52. The 100 Hottest Women of All-Time (2011). Men's Health. Retrieved 3 January 2012.
  53. "Miranda Kerr – Exclusive Video". Esquire UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-02. สืบค้นเมื่อ 2 November 2012.
  54. "#6 Miranda Kerr". AskMen. สืบค้นเมื่อ 13 December 2012.
  55. Kerr's ex Guilty (10 June 2009). The Daily Telegraph. Retrieved 6 November 2012.
  56. Jonathon Moran (11 November 2007). Miranda Kerr single but love may Bloom เก็บถาวร 2012-08-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Daily Telegraph. Retrieved 1 September 2010.
  57. Orlando Bloom Meets Miranda Kerr's Parents (28 April 2008). People. Retrieved 27 September 2013.
  58. Nancy Jo Sales (20 October 2009). The Suspects Wore Louboutins. Vanity Fair. Retrieved 16 October 2010.
  59. It's official! Orlando Bloom and Miranda Kerr are engaged เก็บถาวร 2010-06-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. (21 June 2010) NY Daily News. Retrieved 1 September 2010.
  60. Orlando Bloom and Miranda Kerr Secretly Marry! (22 July 2010). People. Retrieved 7 July 2008.
  61. Sarah Michaud (19 January 2011). Miranda Kerr: I Had a Baby Boy with Orlando Bloom!. People. Retrieved 19 January 2011.
  62. Eamonn Duff (9 January 2011). It's a baby boy for KerrBloom. The Sydney Morning Herald. Retrieved 8 January 2011.
  63. Miranda Kerr Names Flynn After Late Boyfriend เก็บถาวร 2011-07-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. celebritybabies.eople.com. Retrieved 28 October 2011.
  64. Flynn Christopher Bloom: A Son for Miranda Kerr and Orlando Bloom. Waltzing More Than Matilda. Retrieved 28 October 2011.
  65. At home with Miranda Kerr เก็บถาวร 2014-09-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน – the Telegraph.com.au
  66. Treasure Yourself. KORA Organics. Retrieved 28 October 2011.
  67. Miranda Kerr and Orlando Bloom Split. The Sydney Morning Herald. Retrieved 25 October 2013.
  68. 68.0 68.1 Grose, Jessica. "Miranda Kerr: everyone's cup of tea?". The Telegraph. สืบค้นเมื่อ 22 August 2014.
  69. "Miranda Kerr: 'I'm Christian' and 'I pray every day'" (ภาษาอังกฤษ). Fox News. 12 May 2014. สืบค้นเมื่อ 21 August 2014. Kerr also took the opportunity to clarify her religion, which has often been misreported. "…I'm not Buddhist. Orlando is," she told The Telegraph. "I'm Christian.”
  70. "Miranda Kerr's 7 Rules For Adulthood". Into The Gloss. สืบค้นเมื่อ 22 August 2014.
  71. Martinez, Jessica (19 August 2014). "Supermodel Miranda Kerr Says Prayer, Gratitude, Forgiveness Are Daily Rules She Lives By" (ภาษาอังกฤษ). The Christian Post. สืบค้นเมื่อ 21 August 2014. The Australian model says she is Christian despite previous reports that she is a practicing Buddhist and believes in the power of forgiveness even in the "little things like looking at someone the wrong way, or snapping at someone." She also notes that she makes it a priority to pray about forgiving herself and others because when she does, it creates an "energy shift" in her life. "Even those that we find challenging to be around are sometimes the people that need the prayers the most," said Kerr. "If you've had an intense conversation with someone, a good thing to do would be to say to them, 'I forgive you, and please forgive me.' We all say things sometimes to hurt people, so it's important to forgive and have peace …"
  72. Miranda Kerr's hot body secrets (12 June 2008). Cleo Australia. Retrieved 4 April 2010.
  73. Amanda Kerr on Coconut Oil. ABC News Online. Retrieved 15 February 2012.
  74. Miranda Kerr's favourite supplements. KORA Organics.com. Retrieved 15 February 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

[[วิกิพีเดีย:|ข้อมูลบุคคล]]
ชื่อ Kerr, Miranda}
ชื่ออื่น
รายละเอียดโดยย่อ Model
วันเกิด 20 April 1983
สถานที่เกิด Sydney, Australia
วันตาย
สถานที่ตาย