เมเชอร์ (คณิตศาสตร์)
ในคณิตศาสตร์ เมเชอร์ (อังกฤษ: measure) บนเซตใด ๆ เป็นวิธีการให้ตัวเลขแก่ซับเซตบางตัวของเซตนั้น ซึ่งนิยมตีความว่าตัวเลขนั้นแทนขนาดของเซต ในมุมมองดังกล่าว เมเชอร์เป็นการวางนัยทั่วไปของแนวคิดเชิงเรขาคณิตอันได้แก่ ความยาว พื้นที่ และปริมาตร ตัวอย่างการนำทฤษฎีเมเชอร์ไปใช้ในสาขาอื่น คือ การที่นักคณิตศาสตร์หลายท่านมองว่าความน่าจะเป็นเหมาะสมเป็นปริมาณเมเชอร์ประเภทหนึ่ง จึงได้ใช้ทฤษฎีเมเชอร์ในการพัฒนาทฤษฎีความน่าจะเป็นเชิงคณิตศาสตร์ (mathematical probability) (หรือทฤษฎีความน่าจะเป็นยุคใหม่) ขึ้น ก่อให้เกิดความก้าวหน้ากับทฤษฎีความน่าจะเป็นเป็นอย่างมาก
จุดเริ่มต้นของการสร้างสาขาทฤษฎีเมเชอร์เพื่อนำไปใช้กับทฤษฎีของปริพันธ์และขยายทฤษฎีปริพันธ์ของรีมันน์ไปยังขอบเขตที่กว้างขึ้น โดยนักคณิตศาสตร์ที่มีส่วนสำคัญในการคิดค้นทฤษฎีเมเชอร์ในยุคแรก ๆ คือ จูเซ็ปเป้ เพียโน กามีย์ ฌอร์ด็อง เอมีล โบเรล และอองรี เลอเบ็ก
นิยามพื้นฐานเกี่ยวกับเมเชอร์
[แก้]คำอธิบายอย่างไม่เป็นทางการ
[แก้]ในทางคณิตศาสตร์ เมเชอร์ จะต้องมีคุณสมบัติ 3 ข้อดังจะอธิบายหยาบ ๆ ต่อไปนี้
- ไม่ว่าจะวัดวัตถุอะไร ต้องวัดค่าของวัตถุนั้นได้อย่างน้อยที่สุดคือศูนย์ ไม่มีทางได้ค่าลบ
- สำหรับวัตถุว่างเปล่า (เทียบเท่าเซตว่างในทางคณิตศาสตร์) เราวัดความไม่มีตัวตนนั้นได้ศูนย์
- เอาวัตถุหลาย ๆ ชิ้นที่ไม่มีส่วนเชื่อมกัน มารวมกันเป็นชิ้นเดียว, ค่าที่วัดได้ของวัตถุชิ้นใหม่นั้นก็คือ ค่าที่วัดได้จากวัตถุแต่ละชิ้น แล้วนำมาบวกกันนั่นเอง
จากคำอธิบายอย่างหยาบข้างต้น นำไปสู่นิยามทางคณิตศาสตร์ดังต่อไปนี้
นิยามอย่างเป็นทางการ
[แก้]ให้ เป็นเซต และ เป็นซิกมาแอลจีบราบนเซต นั้น จะเรียกฟังก์ชัน ที่ส่งค่าจาก ไปยังเรนจ์ที่เป็นจำนวนจริงขยาย ว่าเป็น เมเชอร์ (measure) ก็ต่อเมื่อ μ มีสมบัติต่อไปนี้
- ความไม่เป็นลบ: ทุกค่า E ใน Σ จะต้องได้ว่า
- เซตว่างมีเมเชอร์เท่ากับศูนย์:
- มีสภาพการบวกแบบอนันต์นับได้ (countable additivity) หรืออาจเรียกว่ามีสภาพการบวกแบบซิกมา (σ-additivity): ถ้ากำหนดให้ เป็นลำดับแบบนับได้ของเซตที่ไม่มีส่วนร่วมเป็นคู่ ๆ ใน แล้ว
เราจะเรียกสามสิ่งอันดับ ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขข้างต้นว่า ปริภูมิเมเชอร์ (measurable space) และแต่ละสมาชิกใน จะถูกเรียกว่าเซตที่หาเมเชอร์ได้ (measurable sets) ในบางครั้งนิยมละการเขียนเมเชอร์ ระบุเพียงแค่ เท่านั้น
ปริภูมิความน่าจะเป็น
[แก้]ปริภูมิความน่าจะเป็น (Probability space) เป็นปริภูมิเมเชอร์ที่เมเชอร์ของปริภูมิทั้งหมดมีค่าเท่ากับหนึ่ง หรือก็คือ ในกรณีนี้จะเรียกเมเชอร์นั้นว่าเป็นเมเชอร์ความน่าจะเป็น (probability measure)
นอกจากนั้นมักจะใช้สัญกรณ์ แทนปริภูมิความน่าจะเป็น แทนที่จะใช้สัญกรณ์ เพื่อลดความกำกวมเนื่องจาก มักใช้แทนตัวแปรสุ่ม และใช้ แทนค่าเฉลี่ยในทางสถิติและความน่าจะเป็น
ฟังก์ชันหาเมเชอร์ได้
[แก้]ให้ และ เป็นปริภูมิเมเชอร์ แล้วจะเรียกฟังก์ชัน ว่าเป็นฟังก์ชันหาเมเชอร์ได้ (measurable function) ก็ต่อเมื่อบุพภาพของเซตหาเมเชอร์ได้ใน เป็นเซตหาเมเชอร์ได้ใน ด้วย หรือก็คือ สำหรับทุกเซต
สมบัติที่พิสูจน์ได้จากนิยาม
[แก้]ให้ เป็นเมเชอร์
ความเป็นฟังก์ชันทางเดียว
[แก้]มีสมบัติเป็นฟังก์ชันทางเดียว: กำหนดให้ และ เป็นเซตที่หาเมเชอร์ได้ และ แล้วจะได้ว่า
เมเชอร์ของยูเนียนแบบนับได้ของเซต
[แก้]กำหนดให้ เป็นลำดับแบบนับได้ของเซตใน จะได้ว่า
นอกจากนั้นเรายังได้ว่า ถ้ากำหนดให้ เป็นเซตใน Σ และ , แล้วจะได้ว่า อยู่ใน ด้วย และ
เมเชอร์ของอินเตอร์เซกชันแบบนับได้ของเซต
[แก้]กำหนดให้ เป็นเซตใน และ , แล้วจะได้ว่า อยู่ใน ด้วย และยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีสมาชิก อย่างน้อยหนึ่งตัวที่มีค่าเมเชอร์จำกัด () เราจะได้ว่า
คุณสมบัตินี้ไม่เป็นจริงถ้าไม่มีสมาชิก ใด ๆ เลยที่มีเมเชอร์จำกัด (คือมีค่าเมเชอร์เป็นอนันต์ทุกตัว) ตัวอย่างเช่น ถ้าให้ สำหรับแต่ละ แล้วเราจะได้ว่าทุก ๆ มีเมเชอร์อนันต์ (ภายใต้เลอเบ็กเมเชอร์) แต่ว่าอินเตอร์เซ็กชันของเซตทั้งหมดมีเมเชอร์เป็นศูนย์
ตัวอย่างของเมเชอร์
[แก้]- เมเชอร์การนับ นิยามให้ เท่ากับจำนวนสมาชิกใน
- เลอเบ็กเมเชอร์ หรือ เมเชอร์ของเลอเบ็ก เป็นหนึ่งในเมเชอร์ที่สำคัญที่สุด ได้ขยายนิยามความยาวที่เราคุ้นเคย เช่น ความยาวของเซต [0,5] คือ 5 ไปยังเซตอื่น ๆ เช่น ความยาวของเซตตรรกยะในช่วง [0,1] สามารถวัดได้ ด้วยเลอเบ็กเมเชอร์.
- เมเชอร์ความน่าจะเป็น คือ ฟังก์ชันความน่าจะเป็นดังที่กำหนดไว้ในสัจพจน์ของความน่าจะเป็น กล่าวง่าย ๆ เมเชอร์ความน่าจะเป็น ก็คือเมเชอร์หรือเมเชอร์ธรรมดาที่ได้นิยามไว้ในหัวข้อข้างต้น แต่มีคุณสมบัติเพิ่มเติมหนึ่งข้อ คือ เมเชอร์ของเซต X (เซตที่ใหญ่ที่สุด) ต้องมีค่าเท่ากับหนึ่ง
- โบเรลเมเชอร์
- จอร์แดนเมเชอร์
สมบัติเพิ่มเติม
[แก้]เมเชอร์ซิกมาจำกัด
[แก้]ปริภูมิเมเชอร์ จะเป็นปริภูมิเมเชอร์จำกัด (finite measure) ก็ต่อเมื่อ เป็นจำนวนจริงจำกัดค่า ปริภูมิเมเชอร์จำกัด ถ้าไม่ใช่ปริภูมิเมเชอร์ศูนย์ จะเสมือนกับเป็นปริภูมิความน่าจะเป็น ทั้งนี้เพราะว่า เป็นพหุคูณของเมเชอร์ความน่าจะเป็น
นักคณิตศาสตร์สนใจเงื่อนไขความจำกัดในอีกรูปแบบหนึ่ง ปริภูมิเมเชอร์ จะเป็นปริภูมิเมเชอร์ซิกมาจำกัด (σ-finite measure space) ก็ต่อเมื่อสามารถแบ่ง ออกเป็นส่วนย่อยอนันต์นับได้ส่วนที่ไม่มีส่วนร่วมกัน และแต่ละส่วนมีเมเชอร์เป็นจำนวนจริงจำกัดค่า ในกรณีจะเรียก ว่าเป็น เมเชอร์ซิกมาจำกัด (σ-finite measure) ตัวอย่างปริภูมิเมเชอร์ซิกมาจำกัด เช่น เซตจำนวนจริง ภายใต้เมเชอร์เลอเบ็กมาตรฐาน เนื่องจากเราสามารถแบ่ง ออกเป็นช่วงย่อย ที่ไม่มีส่วนร่วมกัน สำหรับแต่ละจำนวนเต็ม ได้ และเมเชอร์ของแต่ละส่วนมีค่าเท่ากับ 1
ในทำนองกลับกัน เซต ภายใต้เมเชอร์การนับไม่เป็นปริภูมิเมเชอร์ซิกมาจำกัด ทั้งนี้เพราะว่าเซตที่เมเชอร์น้อยกว่าอนันต์มีเพียงเซตจำกัดเท่านั้น และต้องใช้เซตจำกัดจำนวนอนันต์นับไม่ได้ตัวเพื่อคลุม
ปริภูมิเมเชอร์ซิกมาจำกัดมีสมบัติที่เป็นประโยชน์ในการศึกษา เทียบได้กับสมบัติลินเดอเลิฟของปริภูมิเชิงทอพอโลยี
เมเชอร์บริบูรณ์
[แก้]ในปริภูมิเมเชอร์ เซต จะเป็นเซตนัลล์ (null set) ก็เมื่อ สับเซตของเซตนัลล์ไม่จำเป็นต้องหาเมเชอร์ได้ แต่ถ้าสับเซต ของเซตนัลล์หาเมเชอร์ได้ แล้ว โดยอัตโนมัติ จะเรียก ว่าเป็นเมเชอร์บริบูรณ์ (complete measure) ก็ต่อเมื่อ ทุกสับเซตของเซตนัลล์หาเมเชอร์ได้
หากมีปริภูมิเมเชอร์ ใด ๆ (อาจเป็นเมเชอร์บริบูรณ์อยู่แล้วได้) จะสามารถขยายเมเชอร์ดังกล่าวให้เป็นเมเชอร์บริบูรณ์ได้เสมอ
เซตหาเมเชอร์ไม่ได้
[แก้]หากยอมรับในสัจพจน์ของการเลือก จะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสับเซตของ ที่ไม่สามารถหาเมเชอร์ได้ ตัวอย่างของเซตดังกล่าวเช่น เซตวีตาลี และเซตที่หาเมเชอร์ไม่ได้ที่ปรากฏในปฏิทรรศน์ของเฮาส์ดอร์ฟฟ์และปฏิทรรศน์ของบานาค-ทาร์สกี
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- P. Halmos, Measure theory, D. van Nostrand and Co., 1950
- Kopp and Capinski, Measure, Integration and Probability, 2nd Edition, Springer, 2000.
- D. H. Fremlin, Measure Theory, Torres Fremlin, 2000. Available online at http://www.essex.ac.uk/maths/staff/fremlin/mt.htm เก็บถาวร 2007-02-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- F. Jones, Lebesgue Integration in Euclidean Spaces, Jones and Barlett Publisher, 1999.