ถ้ำ
ถ้ำ คือโพรงที่ลึกเข้าไปในภูเขา[1] หรือเป็นช่องที่เป็นโพรงลึกเข้าไปในพื้นดินหรือภูเขา มีขนาดใหญ่พอที่มนุษย์สามารถเข้าไปได้ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ[2] โดยทั่วไปถ้ำเกิดในหินปูนที่มีน้ำใต้ดินไหลผ่านกัดเซาะ ซึ่งมักพบตามภูเขาหินปูนหรือ ภูเขาชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ยังมีถ้ำที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคสังคมบุพกาล
มนุษย์เริ่มอาศัยอยู่ในถ้ำตั้งแต่ยุคหินเก่า เพื่อให้เป็นที่หลบภัยธรรมชาติ และภัยจากสัตว์ร้าย ปัจจุบันก็ยังพบว่ามีชาวจีนภาคเหนือหลายร้อยคนอาศัยอยู่ในบ้านถ้ำบนที่ราบสูงดินเลิสส์
ประเภทของถ้ำ[แก้]
แบ่งตามลักษณะและทิศทาง[แก้]
- ถ้ำแนวนอน ทอดตัวยาวลึก
- ถ้ำชั้น ภายในแบ่งเป็นหลายๆ ชั้น
- ถ้ำแนวตั้ง ทอดตัวแนวตั้งลึกลงไปในดิน
- ถ้ำแนวลาด ทอดตัวลาดเท ไม่ขนานหรือตั้งฉากกับระดับพื้น[ต้องการอ้างอิง]
แบ่งตามโครงสร้าง[แก้]
- ถ้ำหินปูน เกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินและน้ำฝนจนทำให้เกิดเป็นโพรงถ้ำ
- ถ้ำน้ำแข็ง เป็นถ้ำในแถบขั้วโลก ส่วนใหญ่เกิดจากการละลายในธารน้ำแข็ง สามารถเกิดได้ในเขตหุบเขาที่อุณหภูมิต่ำตลอดปีด้วยเช่นกัน
- โพรงหินชายฝั่ง เกิดจากคลื่นทะเลที่กัดเซาะหินผาจนเกิดเป็นโพรงถ้ำ
- ถ้ำภูเขาไฟ เกิดจากการเย็นตัวของลาวาขณะไหลทะลักออกมาจากภูเขาไฟ[ต้องการอ้างอิง]
สิ่งที่น่าสนใจในถ้ำ[แก้]
หินงอก[แก้]
ตะกอนหินปูนที่จัดตัวเป็นแท่งสูงจากพื้นถ้ำขึ้นไปหาเพดานถ้ำ เกิดจากหยดน้ำที่ไหลออกจากหินย้อยเมื่อหล่นถึงพื้นถ้ำจะเกิดการสูญเสียคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้สารประกอบคาร์บอเนตเกิดการสะสมตัวและค่อยๆ สูงขึ้นจากพื้นถ้ำ
หินย้อย[แก้]
ตะกอนหินปูนที่จับตัวเป็นแท่งหรือแผ่นย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ เกิดจากน้ำใต้ดินที่มีหินปูนละลายอยู่หยดลงมาจากรอยแตกบนเพดานถ้ำ และเมื่อน้ำสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปก็จะทำให้เกิดสารประกอบคาร์บอเนตเริ่มสะสมตัวทีละน้อย และพอกยาวลงมาจากเพดานเรื่อยๆ โดยปกติมักมีลักษณะเป็นหลอดกลวงอยู่ตรงกลาง
เสาหิน[แก้]
ลักษณะของหินที่เป็นแท่งหรือเสายาวจากพื้นถ้ำจรดเพดานถ้ำ เกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกัน
หลอดหินย้อย[แก้]
สารหินปูนที่จัดตัวเป็นหลอดหรือท่อย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ สารประกอบคาร์บอเนตที่เกิดจะมีการเรียงตัวของผลึกในแนวยาวและย้อยลงมาทำให้มีความยาวเพิ่มขึ้น ทำให้ดูคล้ายหลอดกลวงที่มีน้ำหยดออกมา
หินปูนฉาบ[แก้]
ตะกอนที่เกิดจากน้ำที่มีสารประกอบคาร์บอเนตไหลเป็นแผ่นบางๆ บนพื้นผิวของพื้นถ้ำ ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยหินทราเวอร์ทีน ซึ่งเป็นอีกรูปหนึ่งของสารประกอบคาร์บอเนต
ม่านถ้ำ[แก้]
เกิดจากน้ำที่มีสารคาร์บอเนตสูงที่ไหลตามผนังที่เอียงซึ่งเกิดจากแรงตึงผิวของน้ำ เมื่อน้ำเกิดสูญเสียก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงทำให้เกิดการตกตะกอนของสารประกอบคาร์บอเนต มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ย้อยลงมาจากผนังถ้ำดูคล้ายม่าน บางแห่งจะมีสีน้ำตาลแดงสลับกับสีขาวหรือเหลืองอ่อนมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ม่านเบคอน
สัตว์ในถ้ำ[แก้]
สัตว์ในถ้ำแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
- ทร็อกโลไบต์ จะอาศัยอยู่ในถ้ำตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่สามารถดำรงชีวิตนอกถ้ำได้ มักอยู่ในส่วนลึกของถ้ำ หาอาหารในถ้ำ เช่น จิ้งโกร่ง แมลงสองง่าม
- ทร็อกโลไฟล์ ดำรงชีวิตอยู่ได้ทั้งในถ้ำ และภายนอก เช่น แมงมุม
- สัตว์ถ้ำชั่วคราว ปกติใช้ชีวิตอยู่นอกถ้ำ แต่มักมีพฤติกรรมเข้าๆ ออกๆ จากถ้ำบ่อยๆ เช่น ค้างคาว ผีเสื้อกลางคืน หมี
การเตรียมตัวสำรวจถ้ำ[แก้]
อุปกรณ์[แก้]
- เครื่องแต่งกาย
- ไฟฉายติดศีรษะ
- หมวกนิรภัย
- ชุดสำรวดถ้ำไม่มีกระเป๋า
- สนับศอก
- สนับเข่า
- ถุงมือ
- รองเท้าปีนเขา
- อุปกรณ์พื้นฐาน
- อุปกรณ์มืออาชีพ
- รองเท้าบู๊ตยาง
- เรือยางพับเก็บได้
- บันไดเชือก
- เชือก
สิ่งสำคัญ[แก้]
- เราจะไม่กลัว ถ้าศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำ
- ไม่ควรสำรวจถ้ำคนเดียว ควรไปเป็นหมู่คณะ และมีผู้เชี่ยวชาญนำสำรวจ
- ก่อนสำรวจ ควรแจ้งสถานีตำรวจ และศูนย์ท่องเที่ยวในบริเวณนั้น
- การสำรวจถ้ำเสี่ยงต่อการหลงทาง จึงห้ามเดินพลัดหลงคนเดียว
- ถ้าจะปีนหน้าผา หรือเก็บรังนก ควรฝึกการปีนบันไดเชือกให้แม่นยำก่อน
- เตรียมอุปกรณ์ข้างต้นให้พร้อมก่อนเดินทาง
- ระมัดระวังตัว
กฎและข้อห้าม[แก้]
- ห้ามนำหินงอกหินย้อยออกจากถ้ำ
- ห้ามขีดเขียนผนังถ้ำ
- ห้ามทิ้งขยะในถ้ำ และแหล่งน้ำในถ้ำ ไม่ว่าตรงไหนก็ตามในถ้ำ
- ห้ามสัมผัสหินงอก หินย้อย[3]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-03. สืบค้นเมื่อ 2009-06-01.
- ↑ พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยาฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2544
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-06. สืบค้นเมื่อ 2012-08-14.
- วิทยาศาสตร์ฉลาดรู้ เรื่อง สำรวจถ้ำ
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ถ้ำ |
- Australian Speleological Federation (ASF), AU (อังกฤษ)
- British Caving Association (BCA), UK (อังกฤษ)