พระเจ้าสีป่อ
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
พระเจ้าสีป่อ | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์พม่า | |||||
ครองราชย์ | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2421 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 (7 ปี 58 วัน) [1] | ||||
ราชาภิเษก | 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2421 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้ามินดง | ||||
ถัดไป | สิ้นสุดระบอบกษัตริย์ | ||||
อัครมหาเสนาบดี | กินหวุ่นมินจี | ||||
ประมุขราชวงศ์โก้นบอง | |||||
ดำรงพระยศ | 1 ตุลาคม ค.ศ. 1878 – 19 ธันวาคม ค.ส. 1916 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้ามินดง | ||||
ถัดไป | เจ้าหญิงเมียะพะยาละ | ||||
พระราชสมภพ | 1 มกราคม พ.ศ. 2402 เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า หม่องปุ | ||||
สวรรคต | 19 ธันวาคม พ.ศ. 2459 (57 พรรษา) เมืองรัตนคีรี บริติชราช | ||||
ฝังพระศพ | สุสานหลวงเมืองรัตนคีรี | ||||
พระภรรยา | พระนางศุภยาลัต พระนางศุภยาจี[2] พระนางศุภยาเล[3] | ||||
พระราชบุตร | เจ้าชายไม่ปรากฏนาม เจ้าชายไม่ปรากฏนาม เจ้าหญิงไม่ปรากฏนาม เจ้าหญิงเมียะพะยาจี เจ้าหญิงเมียะพะยาละ เจ้าหญิงเมียะพะยา เจ้าหญิงเมียะพะยากะเล | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์โก้นบอง | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้ามินดง | ||||
พระราชมารดา | เจ้าหญิงเมืองสี่ป้อ[4] | ||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท | ||||
ลายพระอภิไธย |
พระเจ้าสีป่อ[5] (พม่า: သီပေါမင်း ตีบอมี่น) เป็นพระมหากษัตริย์พม่าพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โก้นบอง ถูกบังคับให้สละราชสมบัติและเนรเทศไปอยู่ที่เมืองรัตนคีรีในบริติชราช หลังสิ้นสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่สาม และสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2459[6]
พระเจ้าสีป่อเป็นพระราชโอรสของพระเจ้ามินดงกับเจ้าหญิงจากเมืองสี่ป้อในดินแดนไทใหญ่ มีพระนามเดิมว่าเจ้าชายหม่องปุ (မောင်ပု) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2402 ที่กรุงมัณฑะเลย์ เมืองหลวงของราชอาณาจักรพม่าในเวลานั้น เมื่อเจริญพระชันษาขึ้นได้ผนวชเป็นพระภิกษุเพื่อศึกษาวิชาการต่าง ๆ เมื่อทรงลาผนวชแล้ว พระราชบิดาจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าผู้ครองนครสี่ป้อ ซึ่งเป็นที่มาของพระนามเมื่อเสวยราชสมบัติในเวลาต่อมา
พระองค์ได้ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2421 ด้วยความช่วยเหลือจากพระนางอเลนันดอ พระมเหสีองค์หนึ่งของพระราชบิดาและเหล่าขุนนางชั้นสูงกลุ่มหนึ่ง มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สิริปวรวิชยานันตยสติโลกาธิปติปัณฑิตมหาธัมมราชาธิราชา พระองค์ได้เสกสมรสกับพระนางศุภยาลัต ซึ่งเป็นพระขนิษฐาต่างพระมารดา ต่อมาพระนางมีอิทธิพลต่อการตัดสินพระทัยในเหตุสำคัญต่าง ๆ ของพระเจ้าสีป่อเป็นอย่างมาก
ประสูติ
[แก้]พระเจ้าสีป่อประสูติวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2402 เป็นพระราชโอรสในพระเจ้ามินดงกับพระนางลองซีหรือพระมเหสีแลซา เจ้าหญิงไทใหญ่[7] มีพระโสทรภคินี 3 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงเมงเกง (พ.ศ. 2398 – ?) พระเชษฐภคินี
- เจ้าหญิงผกันคยี (พ.ศ. 2401 – 1 มีนาคม พ.ศ. 2454) พระเชษฐภคินี
- เจ้าหญิงเมกถีหล่า พ.ศ. 2403 – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2439) พระขนิษฐา
พระราชมารดาของพระองค์ทรงถูกพระเจ้ามินดงเนรเทศออกจากราชสำนัก แล้วบวชเป็นตี่ละฉิ่นในช่วงบั้นปลายพระชนม์ พระนางทรงใช้ชีวิตและสิ้นพระชนม์อย่างไร้เกียรติ[8]
ขึ้นครองราชย์
[แก้]เจ้านครสีป่อเป็นที่โปรดปรานของพระนางอเลนันดอ พระมเหสีของพระเจ้ามินดง รวมทั้งสมาชิกเสนาบดีสภาอย่างกินหวุ่นมินจี มัคเวมินจี และเยนันจองมินจีก็สนับสนุนเจ้านครสีป่อเพื่อให้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญตามที่วางแผนไว้[9] อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์เมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2421 ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่คาดไว้ พระองค์กับพระนางศุภยาลัต พระมเหสี ได้สั่งปลด มัคเวมินจี และเยนันจองมินจีในเดือนมกราคม พ.ศ. 2421 และยกเลิกแผนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ได้ประหารเจ้านายฝ่ายหน้าฝ่ายในที่คุมขังไว้ตั้งแต่พระเจ้ามินดงประชวรระหว่างวันที่ 13–18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2421 จนหมดสิ้น
อังกฤษได้ประท้วงการสังหารหมู่ครั้งนี้ โดย R. B. Shaw ผู้แทนอังกฤษประจำราชสำนักมัณฑะเลย์ ได้ยื่นประท้วงและเสนอจะนำนักโทษการเมืองไปไว้ในพม่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม อังกฤษได้ช่วยเจ้านครญองย่านให้ลี้ภัยไปอยู่ในพม่าตอนล่างตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2421[9]
สงครามกับอังกฤษและสิ้นสุดอำนาจ
[แก้]ในรัชกาลของพระองค์ได้ส่งคณะทูตไปยังฝรั่งเศสเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2426 และได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการทำสัญญาทางการค้า ยินยอมให้ฝรั่งเศสเข้ามาทำสัมปทานป่าไม้ซึ่งได้สร้างความหวาดระแวงให้อังกฤษ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2428 พม่าเรียกค่าปรับจากบริษัทบอมเบย์เบอร์มาเทรดดิงเป็นเงินจำนวน 2.3 ล้านรูปี อังกฤษจึงตัดสินใจยื่นคำขาดต่อพม่าในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2428 โดยให้พม่าลดค่าปรับ ให้ความสะดวกแกอังกฤษในการค้าขายกับจีนและให้อังกฤษควบคุมนโยบายต่างประเทศของพม่า พม่าปฏิเสธมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน กองทัพอังกฤษจึงเคลื่อนทัพออกจากย่างกุ้งไปยังพม่าเหนือในวันที่ 14 พฤศจิกายนและยึดมัณฑะเลย์ได้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตยอมแพ้ในวันนี้ ทั้งสองพระองค์เสด็จลงเรือไปยังย่างกุ้งและถูกเนรเทศไปอินเดีย[10]
หลังสิ้นอำนาจ
[แก้]พระเจ้าสีป่อไปประทับที่รัตนคีรีในบริติชราช ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลอาหรับ ในช่วงห้าปีแรก ทรงได้รับเงินจากอังกฤษเดือนละ 100,000 รูปี หลังจากนั้นเงินจำนวนนี้ลดลงครึ่งหนึ่ง และเมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ได้เพียงเดือนละ 25,000 รูปีเท่านั้น[11] พระองค์สวรรคตเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2459 พระศพของพระองค์ฝังไว้ใกล้ ๆ สุสานของชาวคริสต์[11] หลังจากพระองค์สวรรคต ลูกหลานของพระองค์ส่วนหนึ่งเดินทางกลับพม่า บางส่วนยังคงอยู่ในอินเดีย เมียะพยาจี (Myat Phayagyi) พระธิดาองค์โตของพระองค์ยังอยู่ในอินเดีย ส่วนเมียะพยา (Myat Phaya) พระธิดาองค์เล็กที่ประสูติที่รัตนคีรีเมื่อ พ.ศ. 2430 ได้เดินทางกลับมายังพม่าใน พ.ศ. 2462 พระนางสมรสกับอูเนียงใน พ.ศ. 2464 และสิ้นพระชนม์ในมะละแหม่งเมื่อ 3 มีนาคม พ.ศ. 2478 ลูกหลานของพระนางยังอยู่ในพม่า และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ของพม่า[12][13]
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 เต้นเซน ประธานาธิบดีพม่าได้เดินทางไปเยี่ยมหลุมฝังศพของพระเจ้าสีป่อ และพบกับลูกหลานของพระองค์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น นับเป็นครั้งแรกที่ประมุขรัฐบาลพม่าเดินทางไปเยือนสุสานของพระองค์[14]
พระธิดา
[แก้]พระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัตมีพระธิดาร่วมกัน 4 พระองค์ได้แก่
พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | หมายเหตุ | |
เจ้าหญิงเมียะพะยาจี | พ.ศ. 2423 | พ.ศ. 2490 | เจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับนายทหารอินเดียที่พระราชวังสีป่อในรัตนคีรี | |
เจ้าหญิงเมียะพะยาละ | พ.ศ. 2426 |
4 ตุลาคมพ.ศ. 2499 |
4 เมษายนเจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับข้าราชสำนักชาวพม่าที่วังสีป่อในรัตนคีรี เจ้าหญิงมยะพะยาละ ได้รับเลือกให้เป็นรัชทายาทในราชบัลลังก์พม่า เมื่อพระเจ้าสีป่อถูกโค่นล้มราชบัลลังก์ และทรงได้เป็นผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์และเป็นประมุขแห่งราชวงศ์พม่าเมื่อพระราชบิดาสวรรคต พระองค์สื้นพระชนม์ที่เมืองกาลิมปง ประเทศอินเดีย | |
เจ้าหญิงเมียะพะยา | พ.ศ. 2429 |
7 มีนาคมพ.ศ. 2505 |
21 กรกฎาคมเจ้าหญิงเสด็จกลับพม่าพร้อมพระราชมารดา และในปีพ.ศ. 2465 อภิเษกสมรสครั้งแรกกับโกเดา กยี เนียง พระนัดดาในเจ้าชายกะนอง ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปัยกาของเจ้าหญิง และเจ้าชายกะนองเป็นพระเชษฐาในพระเจ้ามินดง และทรงหย่ากันในปีพ.ศ. 2472 เจ้าหญิงอภิเษกสมรสครั้งที่สองกับอู มะยา อู นักกฎหมาย พระโอรสพระองค์ที่สองของเจ้าหญิงที่ประสูติแต่พระสวามีคนแรกคือต่อพะยาซึ่งเป็นผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์องค์ปัจจุบัน สืบต่อจากเจ้าหญิงเมียะพยาลัต | |
เจ้าหญิงเมียะพะยากะเล | พ.ศ. 2430 | พ.ศ. 2478 | เจ้าหญิงมีความชำนาญในภาษาอังกฤษอย่างมากและทรงเป็นโฆษกประจำพระราชวงศ์พม่า เจ้าหญิงอภิเษกสมรสกับนักกฎหมาย และทรงถูกรัฐบาลอาณานิคมส่งออกไปประทับที่เมาะลำเลิง จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ที่นั่น |
พงศาวลี
[แก้]พงศาวลีของพระเจ้าสีป่อ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Christopher Buyers. "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Thibaw". royalark.net. สืบค้นเมื่อ 2009-10-04.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อสีป้อ
- ↑ The Royal Family of Burma
- ↑ พม่าเสียเมืองก็เพราะกษัตริย์อ่อนแอและมเหสีหฤโหด[ลิงก์เสีย]
- ↑ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. เที่ยวเมืองพะม่า. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, 2489. 468 หน้า. หน้า 253.
- ↑ http://board.dserver.org/b/bestforlife/00000311.html[ลิงก์เสีย]
- ↑ Sudha Shah (สุภัตรา ภูมิประภาส แปล), "ราชันผู้ผลัดแผ่นดิน เมื่อพม่าเสียเมือง", กรุงเทพฯ:มติชน pp. 30; published 2014; ISBN 978-974-02-1329-1
- ↑ H. Fielding (สุภัตรา ภูมิประภาส แปล), "ราชินีศุภยาลัต จากนางกษัตริย์สู่สามัญชน", กรุงเทพฯ:มติชน pp. 48; published 2015; ISBN 978-974-02-1439-7
- ↑ 9.0 9.1 นินิเมยนต์. พม่ากับการต่อต้านจักรวรรดินิยมอังกฤษ ค.ศ. 1885–1895. แปลโดย ฉลอง สุนทรวาณิชย์. กทม. มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์ฯ. 2543
- ↑ วิไลเลขา ถาวรธนสาร. "สงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่สาม." ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่ : เอเชีย เล่ม 1 อักษร A–B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2539, หน้า 166–170.
- ↑ 11.0 11.1 Christian, John LeRoy (1944). "Thebaw: Last King of Burma". The Journal of Asian Studies. Association for Asian Studies: 309–312. doi:10.2307/2049030.
- ↑ Kennedy, Phoebe, Burmese dictator lives like a king, laments the nation's last royal เก็บถาวร 2010-06-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, published in The Independent, 12.03.2010
- ↑ Royal Ark: The Konbaung Dynasty (19)
- ↑ Thein Sein visits grave of Burma’s last king เก็บถาวร 2012-12-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 2012-12-26.
ก่อนหน้า | พระเจ้าสีป่อ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้ามินดง | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 3) (1 ตุลาคม พ.ศ. 2421 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428) |
สิ้นสุดระบอบกษัตริย์พม่า |