ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยาระบายอย่างอ่อน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thomson Walt (คุย | ส่วนร่วม)
Tikmok (คุย | ส่วนร่วม)
แปลจากวิกีอังกฤษ + บทความเดิม
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
<!-- บทอื่น ๆ ที่เปลี่ยนทางมายังบทความนี้:
{{เก็บกวาด}}
ยาระบายอย่างอ่อน, ยาระบาย
{{ต้องการอ้างอิง}}
Laxative, purgative, aperient
'''ยาระบาย''' ({{lang-en|Laxative}}) เป็นตำรับยาที่[[กำจัดกากอาหาร]] (defecation) หรือ[[อุจจาระ]] (feces) ออกจากร่างกาย ยาระบายส่วนใหญ่จะใช้รักษาโรค[[ท้องผูก]] (constipation) โดยการกระตุ้น หล่อลื่น และสร้างปริมาณอุจจาระ
-->
'''ยาระบายอย่างอ่อน'''
({{lang-en |laxative}})
หรือ '''ยาระบาย'''
เป็นยาเพื่อลดความแน่นตัวของ[[อุจจาระ]]<ref name=NIDDK>{{cite web | title = Constipation | url = http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/constipation/Constipation_508.pdf | website = www.digestive.niddk.nih.gov | publisher = National Digestive Diseases Information Clearinghouse | accessdate = 2014-11-03}}</ref>
และช่วยให้[[การถ่ายอุจจาระ|ถ่าย]]
โดยสามารถใช้รักษาหรือป้องกัน[[อาการท้องผูก]]
ยาระบายต่าง ๆ ทำงานต่างกันและมีผลข้างเคียงต่างกัน
ยาระบายแบบกระตุ้น (stimulant) แบบหล่อลื่น (lubricant) และแบบน้ำเกลืออาจใช้ชำระ[[ลำไส้ใหญ่]] เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจ[[ไส้ตรง]]และลำไส้ใหญ่ โดยอาจใช้ร่วมกับ{{finedetail |การสวนทวาร| enema }}ในบางกรณี
การทานยาระบายเป็นจำนวนมากอาจทำให้[[ท้องร่วง]]
ยาบางอย่างอาจมีสารออกฤทธิ์มากกว่าตัวเดียว
อาจใช้ทานหรือใช้เหน็บ


== ประเภท ==
ยาระบายแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
=== เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming agents) ===
ยาระบายชนิดสร้างเนื้ออุจจาระมีองค์ประกอบที่เพิ่มเนื้อและน้ำในอุจจาระ เพื่อให้สามารถผ่านลำไส้ไปได้ง่ายขึ้น องค์ประกอบรวมทั้ง[[ใยอาหาร]]และสารดูดน้ำ (hydrophilic agent)<ref>{{cite web | title = Bulk-forming agent | url = http://www.cancer.gov/dictionary?CdrID=489403 | publisher = NCI Dictionary of Cancer Terms }}</ref>


'''คุณสมบัติ'''
== เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-producing agents) ==
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้เล็ก และ ลำไส้ใหญ่
*ตำแหน่งออกฤทธิ์: [[ลำไส้เล็ก]]และ[[ลำไส้ใหญ่]]
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 10 - 72 ชม.
*เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 12-72 ชม.
*ตัวอย่าง: [[ใยอาหาร]], ซิลเลียม (psyllium) เช่นยี่ห้อ Metamucil, methylcellulose เช่นยี่ห้อ Citrucel, polycarbophil เช่นยี่ห้อ FiberCon<ref name=Handbook>{{cite book | authors = Berardi, M; Tietze, KJ; Shimp, LA; Rollins, CJ; Popovich, NG | title = Handbook of Nonprescription Drugs | date = 2006 | publisher = American Pharmaceutical Association | location = Washington, D.C. | isbn = 1582120749 | edition = 15th}}</ref>
* ยาประเภทนี้จะมีลักษณะดังนี้
# [[กากอาหารไฟเบอร์]] (dietary fiber)
# สารที่เมื่อถูกน้ำแล้วจะเพิ่มปริมาตรเป็นเจล เช่น
## [[พซิลเลียม]] (psyllium)
## [[เมตามูซิล]] (Metamucil) ,
## เมตทิลเซลลูโลส (Citrucel) ,
## พอลิคาร์โบฟิล (polycarbophill)


ยาเพิ่มเนื้อจะดูดน้ำ ดังนั้นจึงควรทานพร้อมกับน้ำมาก ๆ<ref name=Handbook/>
== ยาประเภททำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (Stool softeners / Surfactants) ==
เป็นยาเบาที่สุดในบรรดายาระบาย<ref name=NIDDK/>
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้เล็ก และ ลำไส้ใหญ่
และสามารถใช้ป้องกันรักษาการขับถ่ายในระยะยาว
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 12 - 72 ชม.
* ตัวอย่างยานี้คือ [[ดูคูเซต]] (docusate-Colace, Diocto).


==== ใยอาหาร ====
== ยาประเภทหล่อลื่น (Lubricants / Emollient) ==
อาหารที่ช่วยระบายก็คือที่มี[[ใยอาหาร]]สูง
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้โคลอน (Colon)
ทั้งแบบละลายน้ำไม่ได้และละลายได้ เช่น<ref name=AICR>{{cite web | title = The Facts About Fiber | url = http://www.aicr.org/assets/docs/pdf/brochures/facts-about-fiber.pdf | website = www.aicr.org | publisher = American Institute for Cancer Research | accessdate = 2014-11-03}}</ref>
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 9 - 8 ชม.
* [[ผลไม้]] เช่น [[กล้วย]]<ref>{{cite journal | last = Das | first = JL | title = Medicinal and nutritional values of banana cv. NENDRAN | journal = Asian Journal of Horticulture | year = 2010 | volume = 8 | pages = 11-14 | url = http://www.cabdirect.org/abstracts/20103272020.html;jsessionid=2B9A2FDF37186F0DA0A347FF227D606D}}</ref> (ขึ้นอยู่กับความสุกห่ามด้วย)<ref>{{Cite news | url = http://www.medicinenet.com/top_foods_that_cause_constipation/page2.htm | title = 15 Foods That Cause Constipation (Caffeine, Chocolate, Alcohol) | work = MedicineNet | access-date = 2017-12-12 | language = en}}</ref> ผล[[กีวี (พืช)|กีวี]]<ref name=pmid12074185>{{cite journal | authors = Rush, EC; Patel, M; Plank, LD; Ferguson, LR | title = Kiwifruit promotes laxation in the elderly. | journal = Asia Pac J Clin Nutr | volume = 11 | issue = 2 | pages = 164-8 | year = 2002 | pmid = 12074185 | doi = 10.1046/j.1440-6047.2002.00287.x }}</ref> ลูกพรุน (prune)<ref>{{cite journal | authors = Stacewicz-Sapuntzakis, M; Bowen, PE; Hussain, EA; Damayanti-Wood, BI; Farnsworth, NR | title = Chemical composition and potential health effects of prunes: a functional food? | journal = Critical reviews in food science and nutrition | volume = 41 | issue = 4 | pages = 251-86 | year = 2001 | pmid = 11401245 | doi = 10.1080/20014091091814 }}</ref> [[แอปเปิล]] (พร้อมเปลือก) [[ลูกสาลี่]] (พร้อมเปลือก) และลูก[[แรสเบอร์รี]]<ref name=NIDDK/>
* ตัวอย่างยานี้คือ[[น้ำมันแร่]] (mineral oil) ผลข้างเคียงจากการใช้ยานี้คือ ทำให้การดูดซึม[[ไวตามิน]]ประเภทที่ละลายในน้ำมัน
* [[ผัก]] เช่น [[บรอกโคลี]] [[ถั่วฝักยาว]] [[ผักคะน้า]] และผักปวยเล้ง<ref name=AICR/> [[สควอช]] [[ถั่วลันเตา]] และ[[มันฝรั่ง]] (พร้อมเปลือก)<ref name=NIDDK/>
เช่น เอ ดี อี และ เค น้อยลงอาจทำให้ร่างกายขาด[[ไวตามิน]]เหล่านี้ได้
*[[ข้าวกล้อง]]
*ผลิตภัณฑ์รำข้าว<ref name=NIDDK/><ref name=AICR/>
*เมล็ด[[ถั่ว]]ต่าง ๆ
*พืช[[วงศ์ถั่ว]] เช่น [[ถั่ว]] [[ถั่วลันเตา]]<ref name=NIDDK/>


=== ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (emollient agents, stool softeners) ===
== ยาประเภทเพิ่มปริมาตรน้ำ (Hydrating agents (osmotics)) ==
ยาระบายแบบทำอุจจาระให้นุ่มและชุ่มชื้น เป็น[[สารลดแรงตึงผิว]]แบบแอนไออน (anionic surfactant) ซึ่งช่วยให้น้ำและไขมันรวมเข้าในอุจจาระมากขึ้น แล้วทำให้ผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น
* ตัวอย่างยาเหล่านี้คือ
# [[แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์|มิลค์ออฟแมกนิเซีย]] (Milk of Magnesia)
# [[เกลือยิปซั่ม]] (Epsom salt)


'''คุณสมบัติ'''
=== ยาประเภทน้ำเกลือ (Saline) ===
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้เล็ก และ ลำไส้ใหญ่
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: [[ลำไส้เล็ก]]และ[[ลำไส้ใหญ่]]
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 0.5 - 3 ชม.
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 12-72 ชม.
* ตัวอย่างยาเหล่านี้คือ
* ตัวอย่าง: docusate (ยี่ห้อ Colace, Diocto)<ref name=Handbook/>
# [[โมโนเบซิก โซเดียม ฟอสเฟต]] (Monobasic sodium phosphate)
# [[ไดเบซิก โซเดียม ฟอสเฟต]] (Dibasic sodium phosphate)
# [[แมกนีเซียม ซิเตรต]] (Magnesium citrate)
# [[แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์|มิลค์ออฟแมกนิเซีย]] (Milk of Magnesia)
# [[แมกนีเซียม ซัลเฟต]] (Magnesium sulphate)
# [[โซเดียม ไบฟอสเฟต]] (Sodium biphosphate)


ยาระบายแบบทำให้นุ่มและชุ่มชื้นควรทานพร้อมกับน้ำมาก ๆ
=== ไฮเปอร์ออสโมติก เอเจนต์ (Hyperosmotic agents) ===
เป็นยาที่ช่วยป้องกันท้องผูกมากกว่าเป็นยารักษาท้องผูกในระยะยาว<ref name=Handbook/>
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้โคลอน (Colon)
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 0.5 - 3 ชม.
* ตัวอย่างยาเหล่านี้เป็นยาประเภท[[ยาเหน็บ]] (suppositories) ได้แก่
# [[กลีเซอรีน]] (Glycerin)
# [[แลคตูโลส]] (Lactulose)


=== หล่อลื่น (Lubricant agents) ===
== ประเภทกระตุ้น (Stimulant / Irritant) ==
ยาระบายแบบหล่อลื่นช่วยเคลือบอุจจาระด้วย[[ลิพิด]]ลื่น ๆ และหน่วงการดูดซึมน้ำจากอุจจาระของลำไส้ใหญ่ จึงทำให้มันผ่านไปได้ง่ายกว่า
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้โคลอน (Colon)
อนึ่ง มันยังช่วยเพิ่มน้ำหนักและลดระยะเวลาที่ดำเนินผ่านลำไส้<ref name=Handbook/>
* ตัวอย่างยาเหล่านี้


'''คุณสมบัติ'''
<center>
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
{|- border="1" cellpadding="3" cellspacing="0" align="center" width="350" style="border-collapse: collapse; margin: 0 0 0 0.5em"
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 6-8 ชม.
|- bgcolor="#ddeeff"
*ตัวอย่าง: น้ำมันแร่ (mineral oil)<ref name=Handbook/>
| '''ช่วงเวลาออกฤทธิ์'''

| '''ชื่อยาระบาย'''
น้ำมันแร่เป็นสารหล่อลื่นอย่างเดียวที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
|-
แต่ก็อาจลดการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (เช่น [[วิตามินเอ|เอ]] [[วิตามินดี|ดี]] [[วิตามินอี|อี]] และ[[วิตามินเค|เค]]) และแร่ธาตุบางอย่างเข้าร่างกาย<ref name=Handbook/> และอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ได้
| | 6 - 8 ชม.

| | [[buckthorn|Cascara]] <br /> [[Phenolphthalein]] (phased out
=== Hyperosmotic agents ===
because of [[carcinogenicity]] concerns)
ยาระบายแบบ hyperosmotic หมายถึงสารที่ทำให้ลำไส้เก็บน้ำไว้ภายในมากกว่าแล้วสร้างภาวะ[[ออสโมซิส]]ที่ช่วยกระตุ้นให้ถ่าย<ref name=Handbook/>
|-

| | 6 - 10 ชม.
'''คุณสมบัติ'''
| | [[Bisacodyl]] tablets (Dulcolax) <br /> Casanthranol <br />
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
[[senna (herb)|Senna]] (Ex-lax)
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 12-72 ชม (ทาน) 0.25-1 ชม. (เหน็บทางทวารหนัก)
|-
*ตัวอย่าง: ยาเหน็บแบบ glycerin ยี่ห้อ Hallens, [[ซอร์บิทอล]], [[แล็กทูโลส]], และ macrogol/polyethylene glycol (PEG) ยี่ห้อ Colyte, MiraLax<ref name=Handbook/>
| | 15 นาที - 1 ชม.

| | [[Bisacodyl]] [[suppository]]
แล็กทูโลสออกฤทธิ์โดยกระบวนการออสโมซิส ซึ่งเก็บน้ำไว้ในลำไส้ใหญ่ เพิ่ม[[ความเป็นกรด]]โดยผ่านกระบวนการหมักกลายเป็น[[กรดแล็กติก]] [[กรดฟอร์มิก]] และ[[กรดน้ำส้ม]] แล้วเพิ่มการบีบตัว (peristalsis) ของลำไส้ใหญ่
ยาเหน็บคือ glycerin ออกฤทธิ์แบบ hyperosmotic คือเพิ่มปริมาณน้ำแล้วเพิ่มการบีบตัวของลำไส้
โดยยา sodium stearate ที่ผสมอยู่ด้วยกันก็จะระคายลำไส้ใหญ่ด้วย

สารละลายที่ประกอบด้วย polyethylene glycol และ[[อิเล็กโทรไลต์]]ต่าง ๆ (รวมทั้ง[[โซเดียมคลอไรด์]] [[โซเดียมไบคาร์บอเนต]] [[โพแทสเซียมคลอไรด์]] และบางครั้ง [[โซเดียมซัลเฟต]]) สามารถให้ทางปากหรือหลอดอาหาร (ที่สอดลงทางจมูกไปถึงกระเพาะ) เพื่อใช้ล้างทางเดินอาหารทั้งหมด เป็นวิธีการที่สร้างขึ้นเพื่อเตรียมผ่าตัดลำไส้ หรือเพื่อเตรียมส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) และเพื่อรักษาการได้รับพิษบางชนิด
ยี่ห้อของสารละลายเหล่านี้รวม GoLytely, GlycoLax, CoLyte, Miralax, Movicol, NuLytely, Suprep, และ Fortrans.
สารละลายของ[[ซอร์บิทอล]] (ยี่ห้อ SoftLax) ก็สามารถมีผลเช่นเดียวกัน

=== ยาระบายแบบน้ำเกลือ ===
ยาระบายแบบน้ำเกลือเป็นสารออสโมซิสที่ดูดซึมไม่ได้แต่สามารถดูดและเก็บน้ำให้อยู่ในช่องลำไส้ ซึ่งเพิ่มแรงดันในช่องและกระตุ้นให้ถ่าย
สารที่ประกอบด้วย[[แมกนีเซียม]]ยังเป็นเหตุให้หลั่งฮอร์โมนเพปไทด์ คือ cholecystokinin ซึ่งเพิ่มการบีบตัวของลำไส้และการหลั่งน้ำ<ref name=Handbook/>
แต่ยาระบายชนิดนี้อาจเปลี่ยนความสมดุลเกี่ยวกับน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายของผู้ใช้

'''คุณสมบัติ'''
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 0.5-3 ชม (ทาน) 2-15 นาที (เหน็บ)
*ตัวอย่าง: sodium phosphate (ในแบบต่าง ๆ), magnesium citrate, [[แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์]], [[แมกนีเซียมซัลเฟต]]<ref name=Handbook/>

ยาชนิดนี้ควรทานกับน้ำมาก ๆ

=== ยาระบายแบบกระตุ้น (stimulant laxative) ===
ยาระบายแบบกระตุ้นเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่[[เยื่อเมือก]]หรือข่ายประสาท (nerve plexus) ของลำไส้ เปลี่ยนแปลงการหลั่งน้ำและอิเล็กโทรไลต์<ref>{{cite web | date = 2012-11-01 | title = Laxative (Oral Route) | url = http://www.mayoclinic.com/health/drug-information/DR602359 | publisher = Mayo clinic }}</ref>
และยังกระตุ้นการบีบตัว (peristaltic) ของลำไส้ แต่อาจเป็นอันตรายภายใต้สถานการณ์บางอย่าง<ref name=pmid9649012>{{cite journal | authors = Joo, JS; Ehrenpreis, ED; Gonzalez, L; Kaye, M; Breno, S; Wexner, SD; Zaitman, D; Secrest, K | title = Alterations in colonic anatomy induced by chronic stimulant laxatives: the cathartic colon revisited | journal = J Clin Gastroenterol | volume = 26 | issue = 4 | pages = 283-6 | year = 1998 | pmid = 9649012 | doi = 10.1097/00004836-199806000-00014 }}</ref>

'''คุณสมบัติ'''
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 6-10 ชม.
* ตัวอย่าง: senna, bisacodyl<ref name=Handbook/>

นี่เป็นยาระบายที่มีฤทธิ์มากที่สุดและควรใช้อย่างระมัดระวัง
การใช้ยาระบายแบบกระตุ้นนาน ๆ อาจทำให้ติดยาเพราะทำปล้องลำไส้ใหญ่ (haustral fold) ให้เสียหาย ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนอุจจาระไปโดยไม่ใช้ยา
งานศึกษาหนึ่งในคนไข้ที่ท้องผูกเรื้อรังพบว่า ผู้ใช้ยาระบายแบบกระตุ้น 28% จะเสียปล้องลำไส้ไปในระยะเวลา 1 ปี ในขณะที่[[กลุ่มควบคุม]]ไม่เสีย<ref>{{cite journal | authors = Joo et al | date = 1998-06 | title = Alterations in Colonic Anatomy Induced by Chronic Stimulant Laxatives: The Cathartic Colon Revisited | url = http://journals.lww.com/jcge/Abstract/1998/06000/Alterations_in_Colonic_Anatomy_Induced_by_Chronic.14.aspx | journal = Journal of Clinical Gastroenterology | volume = 26 | issue = 4 | pages = 283 - 286}}</ref>

=== อื่น ๆ ===
[[น้ำมันละหุ่ง]]เป็น glyceride ที่เอนไซม์จาก[[ตับอ่อน]]คือ pancreatic lipase จะสลายด้วยน้ำ (hydrolysis) ให้เป็นกรด ricinoleic ซึ่งมีฤทธิ์ระบายโดยยังไม่ทราบกลไก

'''คุณสมบัติ'''
* ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
* เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 2-6 ชม.
*ตัวอย่าง: น้ำมันละหุ่ง<ref name=Handbook/>
การใช้น้ำมันละหุ่งในระยะยาวอาจทำให้เสียน้ำ อิเล็กโทรไลต์ และสารอาหาร<ref name=Handbook/>

=== ตัวทำการต่อหน่วยรับเซโรโทนิน (serotonin agonist) ===
มีสารกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้โดยก่อสภาพกัมมันต์ของหน่วยรับเซโรโทนิน (5-HT<sub>4</sub> receptor) ของระบบประสาทลำไส้ (enteric nervous system) ภายใน[[ทางเดินอาหาร]]
แต่บางชนิดก็ได้เลิกใช้หรือจำกัดการใช้ เพราะโอกาสทำอันตรายต่อหัวใจหลอดเลือดโดยเป็นผลข้างเคียง
tegaserod (ชื่อการค้า Zelnorm) ได้เลิกวางขายในตลาดทั่วไปใน[[สหรัฐ]]และ[[แคนาดา]]ในปี 2007 เนื่องจากมีรายงานว่าเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายและเส้นเลือดอุดตันในสมอง
แต่ก็ยังมีให้แพทย์ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล<ref>{{cite web | title = Tegaserod, FDA Zelnorm (tegaserod maleate) Information | url = http://www.fda.gov/Drugs/DrugSafety/PostmarketDrugSafetyInformationforPatientsandProviders/ucm103223.htm | publisher = FDA}}</ref>

prucalopride (ยี่ห้อ Resolor) เป็นยาที่ปัจจุบันอนุมัติให้ใช้ใน[[สหภาพยุโรป]]ท้ายปี 2009<ref>{{cite web | title = European Medicines Agency EPAR summary for the public | url = http://www.emea.europa.eu/docs/en_GB/document_library/EPAR_-_Summary_for_the_public/human/001012/WC500053995.pdf | format = [[PDF]] | publisher = European Medicines Agency }}</ref>
และใน[[แคนาดา]] (ยี่ห้อ Resotran) ท้ายปี 2011<ref>{{cite web | title = Health Canada, Notice of Decision for Resotran | url = http://www.hc-sc.gc.ca/dhp-mps/prodpharma/sbd-smd/drug-med/sbd_smd_2012_resotran_141157-eng.php#a2 | publisher = Health Canada }}</ref>
แต่ก็ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้ใน[[สหรัฐอเมริกา]] โดยยังอยู่ใต้การพัฒนาของบริษัท Shire plc<ref>{{cite web | title = Shire PLC, R and D projects, Resolor | url = http://www.shire.com/shireplc/en/rd/pipeline | publisher = Shire PLC }}</ref>

=== สารก่อกัมมันต์ช่องคลอไรด์ (chloride channel activators) ===
lubiprostone เป็นยาที่ใช้รักษาท้องผูกเรื้อรังซึ่งไม่ทราบสาเหตุ ({{abbr |CIC| chronic idiopathic constipation }}) และ[[กลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น]] ({{abbr |IBS| irritable bowel syndrome }})
โดยมีฤทธิ์ทำให้ลำไส้หลั่งน้ำที่สมบูรณ์ด้วยคลอไรด์ซึ่งทำอุจจาระให้นิ่ม เพิ่มการบีบตัวของลำไส้ และโปรโหมตการขับถ่ายอุจจาระแบบเกิดเอง ({{abbr |SBM| spontaneous bowel movements }})

== การเปรียบเทียบยาต่าง ๆ ==
{| class="wikitable sortable" border="1"
|+ยาระบายสามัญ<ref name="itm-safety">
{{cite web | url = http://www.itmonline.org/arts/laxatives.htm | title = SAFETY ISSUES AFFECTING HERBS: How Long can Stimulant Laxatives be Used? | first = Subhuti | last = Dharmananda | publisher = Institute for Traditional Medicine | accessdate = 2010-03-19}}</ref><ref name="fpnb">
{{cite web | url = http://www.fpnotebook.com/GI/Pharm/StmlntLxtv.htm | title = Stimulant Laxatives | date = 2010-02-26 | publisher = Family Practice Notebook, LLC | accessdate = 2010-03-19}}</ref>
|-
|-
! ยา/สูตร !! กลุ่ม !! ตำแหน่งออกฤทธิ์ !! เวลาเริ่มออกฤทธิ์
|}</center>
|-
| สมุนไพร ''Rhamnus purshiana'' (cascara) (ตัวยา casanthranol) || Anthraquinone || [[ลำไส้ใหญ่]] || 6-8 ชม.
|-
| สมุนไพร[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Rhamnus'' (Buckthorn) || Anthraquinone || ลำไส้ใหญ่ || 6-8 ชม.
|-
| สมุนไพร[[สกุลขี้เหล็ก]] ''Senna'' (ตัวยา senna glycoside) || Anthraquinone || ลำไส้ใหญ่ || 6-8 ชม.
|-
| สมุนไพร[[ว่านหางจระเข้]] (ตัวยา aloin) || Anthraquinone || ลำไส้เล็ก || 8-10 ชม.
|-
| phenolphthalein || Triphenylmethane || ลำไส้เล็ก || 8 ชม.
|-
| bisacodyl (ยาทาน) || Triphenylmethane || ลำไส้เล็ก || 6-12 ชม.
|-
| bisacodyl (ยาเหน็บ) || Triphenylmethane || ลำไส้เล็ก || 60 นาที
|-
| [[น้ำมันละหุ่ง]] || กรด ricinoleic || [[ลำไส้เล็ก]] || 2-6 ชม.
|}

=== ประสิทธิผล ===
สำหรับผู้ใหญ่ [[งานทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม]]หนึ่งพบว่า {{abbr |PEG| polyethylene glycol }} (ยี่ห้อ MiraLax หรือ GlycoLax) 17&nbsp;กรัมวันละครั้งมีผลดีกว่า tegaserod 6&nbsp;มก. 2&nbsp;ครั้งต่อวัน<ref name="pmid17573794">{{cite journal | authors = Di Palma, JA; Cleveland, MV; McGowan, J; Herrera, JL | title = A randomized, multicenter comparison of polyethylene glycol laxative and tegaserod in treatment of patients with chronic constipation | journal = Am. J. Gastroenterol. | volume = 102 | issue = 9 | pages = 1964-71 | year = 2007 | pmid = 17573794 | doi = 10.1111/j.1572-0241.2007.01365.x }}</ref>
อีกงานหนึ่งพบว่า PEG สองถุง (26&nbsp;กรัม) มีผลดีกว่าแล็กทูโลสสองถุง (20&nbsp;กรัม)<ref name=pmid9895382>
{{cite journal | authors = Attar, A; Lémann, M; Ferguson, A; Halphen, M; Boutron, MC; Flourié, B; Alix, E; Salmeron, M; Guillemot, F; Chaussade, S; Ménard, AM; Moreau, J; Naudin, G; Barthet, M | title = Comparison of a low dose polyethylene glycol electrolyte solution with lactulose for treatment of chronic constipation | journal = Gut | volume = 44 | issue = 2 | pages = 226-30 | year = 1999 | pmid = 9895382 | pmc = 1727381 | doi = 10.1136/gut.44.2.226 }}</ref> 17&nbsp;grams per day of PEG has been effective and safe in a randomized controlled trial for six months.<ref name="pmid17403074">
{{cite journal | authors = Dipalma, JA; Cleveland, MV; McGowan, J; Herrera, JL | title = A randomized, multicenter, placebo-controlled trial of polyethylene glycol laxative for chronic treatment of chronic constipation | journal = Am. J. Gastroenterol. | volume = 102 | issue = 7 | pages = 1436-41 | year = 2007 | pmid = 17403074 | doi = 10.1111/j.1572-0241.2007.01199.x }}</ref>
อีกงานหนึ่งพบว่า ซอร์บิทอลไม่มีผลต่างจากแล็กทูโลส<ref name=pmid2122724>{{cite journal | authors = Lederle, FA; Busch, DL; Mattox, KM; West, MJ; Aske, DM | title = Cost-effective treatment of constipation in the elderly: a randomized double-blind comparison of sorbitol and lactulose | journal = Am J Med | volume = 89 | issue = 5 | pages = 597-601 | year = 1990 | pmid = 2122724 | doi = 10.1016/0002-9343(90)90177-F }}</ref>

สำหรับเด็ก PEG พบว่ามีประสิทธิผลดีกว่าแล็กทูโลส<ref>{{cite web | url = http://www.bestbets.org/cgi-bin/bets.pl?record=00901 | title = BestBETs: Is polyethylene glycol safe and effective for chro... | accessdate = 2007-09-06 }}</ref>

== ปัญหาการใช้ ==
=== การใช้ในทางที่ผิด ===
การใช้ยาระบายในทางที่ผิดมีผลลบต่าง ๆ โดยแบบหนักน้อยกว่ามีผลรวมทั้ง[[ภาวะขาดน้ำ]] [[ความดันต่ำ]] [[หัวใจเต้นเร็ว]] [[เวียนศีรษะ]]ในบางอิริยาบถ (postural dizziness) และ[[หมดสติชั่วคราว]]<ref name="Laxative abuse review" />
ผลลบที่หนักที่อาจทำให้ถึงเสียชีวิตรวมทั้งการเสียดุลของความเป็นกรดด่าง และของอิเล็กโทรไลต์<ref name="Laxative abuse review" />
ยกตัวอย่างเช่น มีการสัมพันธ์ภาวะโพแทสเซียมต่ำในเลือดอย่างรุนแรงกับ distal renal tubular acidosis (ภาวะกระเดียดกรดเหตุหลอดไตฝอยส่วนปลาย) ที่เนื่องกับการใช้ยาระบายในทางที่ผิด<ref name="Laxative abuse review" />
โดยแอลคาโลซิสเนื่องกับเมแทบอลิซึม (metabolic alkalosis) เป็นภาวะไม่สมดุลของกรด-ด่างที่พบมากที่สุด<ref name="Laxative abuse review" />
ผลไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอื่น ๆ รวมทั้ง rhabdomyolysis (ภาวะ[[กล้ามเนื้อโครงร่าง]]ที่เสียหายเกิดสลายตัวอย่างรวดเร็ว)<ref name="Laxative abuse review" />
ภาวะไขมันเกินในอุจจาระ (steatorrhoea)<ref name="Laxative abuse review" />
เยื่อเมือกลำไส้ใหญ่อักเสบหรือเกิดแผล<ref name="Laxative abuse review" />
[[ตับอ่อน]]อักเสบ<ref name="Laxative abuse review" /><ref name=Brown>{{cite journal | authors = Brown, NW; Treasure, JL; Campbell, IC | title = Evidence for long-term pancreatic damage caused by laxative abuse in subjects recovered from anorexia nervosa | journal = International Journal of Eating Disorders | volume = 29 | issue = 2 | pages = 236-238 | year = 2001 | pmid = 11429987 | doi = 10.1002/1098-108X(200103)29:2<236::AID-EAT1014>3.0.CO;2-G }}</ref>,
[[ไตวาย]]<ref name="Laxative abuse review" /><ref name=copeland>
{{cite journal | author = Copeland, PM | title = Renal failure associated with laxative abuse | journal = Psychother Psychosom | volume = 62 | issue = 3-4 | pages = 200-2 | year = 1994 | pmid = 7531354 | doi = 10.1159/000098619 | last5 = Alaminos | last4 = MacIas | last7 = Teijeiro | last6 = Alvarez | last3 = Ohye | last2 = Molina | last9 = Ortega | last8 = Mu&ntilde;oz | first8 = J. | first9 = I. | first2 = H. | first3 = Ch. | first4 = R. | first5 = A. | first6 = L. | first7 = J. }}</ref><ref name=wright>
{{cite journal | authors = Wright, LF; DuVal, JW | title = Renal injury associated with laxative abuse | journal = South Med J | volume = 80 | issue = 10 | pages = 1304-6 | year = 1987 | pmid = 3660046 | doi = 10.1097/00007611-198710000-00024 }}</ref>,
แกล้งว่ามีท้องร่วง (factitious diarrhea)<ref name="Laxative abuse review" /><ref>{{cite journal | authors = Oster, JR; Materson, BJ; Rogers, AI | title = Laxative abuse syndrome | journal = Am. J. Gastroenterol. | volume = 74 | issue = 5 | pages = 451-8 | date = 1980-11 | pmid = 7234824 }}</ref>
และปัญหาอื่น ๆ<ref name="Laxative abuse review">{{cite journal | authors = Roerig, JL; Steffen, KJ; Mitchell, JE; Zunker, C | title = Laxative abuse: epidemiology, diagnosis and management | journal = Drugs | volume = 70 | issue = 12 | pages = 1487-1503 | year = 2010 | pmid = 20687617 | doi = 10.2165/11898640-000000000-00000 }}</ref>

แม้คนไข้ที่มีความผิดปกติในการรับประทาน เช่น โรคเบื่ออาหารเหตุจิตใจ (anorexia nervosa) และโรคทานแล้วขับออก (bulimia nervosa) บ่อยครั้งจะใช้ยาระบายในทางที่ผิดเพื่อพยายามลดน้ำหนัก แต่ยาระบายก็เพียงแต่เพิ่มความเร็วที่อุจจาระดำเนินผ่านลำไส้ใหญ่ ซึ่งเกิดหลังการดูดซึมอาหารในลำไส้เล็ก
ดังนั้น งานศึกษาต่าง ๆ จึงได้แสดงว่า น้ำหนักที่ลดลงเพราะใช้ยาในทางที่ผิด โดยหลักมาจากการเสียน้ำจากร่างกายเพียงชั่วคราว ไม่ได้ลดพลังงานที่ดูดซึมเข้าร่างกายจริง ๆ<ref name="Laxative abuse review" /><ref name=Lacey>
{{cite journal | authors = Lacey, JH; Gibson, E | title = Controlling weight by purgation and vomiting: A comparative study of bulimics | journal = Journal of Psychiatric Research | volume = 19 | issue = 2-3 | pages = 337-341 | year = 1985 | pmid = 3862833 | doi = 10.1016/0022-3956(85)90037-8 }}</ref><ref>
{{Cite web | url = http://www.uptodate.com/contents/acid-base-and-electrolyte-abnormalities-with-diarrhea-or-ureteral-diversion | title = Acid-base and electrolyte abnormalities with diarrhea | website = www.uptodate.com | access-date = 2017-12-12}}</ref>

=== การชินต่อยาระบาย ===
แพทย์เตือนไม่ให้ใช้ยาระบายแบบกระตุ้นเป็นประจำ เนื่องจากปัญหาว่า อาจเป็นเหตุให้เนื้อเยื่อในลำไส้ใหญ่ทรุดโทรม แล้วทำให้ไม่สามารถขับอุจจาระได้เองเนื่องการถูกกระตุ้นเป็นระยะเวลานาน<ref>{{cite journal | authors = Joo, JS; Ehrenpreis, ED; Gonzalez, L; Kaye, M; Breno, S; Wexner, SD; Zaitman, D; Secrest, K | title = Alterations in colonic anatomy induced by chronic stimulant laxatives: the cathartic colon revisited | journal = Journal of Clinical Gastroenterology | volume = 26 | issue = 4 | pages = 283-6 | date = 1998-06 | pmid = 9649012 | doi = 10.1097/00004836-199806000-00014 }}</ref>
สิ่งสามัญที่พบในคนไข้ที่ใช้ยาระบายแบบกระตุ้นก็คือ ตะกอนสีน้ำตาลซึ่งสะสมที่เนื้อเยื้อลำไส้ ซึ่งเรียกว่า melanosis coli<!--*** เริ่มเชิงอรรถ ***-->{{Efn-ua |
'''melanosis coli''' หรือ '''pseudomelanosis coli''' เป็นความผิดปกติของสีผนังลำไส้ใหญ่ บ่อยครั้งจะเห็นเมื่อส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy)
เป็นภาวะไม่ร้าย และอาจไม่สัมพันธ์กับโรคใด ๆ
สารสีน้ำตาลเป็น lipofuscin ใน macrophage ไม่ใช่[[เมลานิน]]
}}<!--*** จบเชิงอรรถ ***-->{{ต้องการอ้างอิงเฉพาะส่วน | date = 2012-10}}

== การใช้ในประวัติศาสตร์เป็นต้น ==
ยาระบาย ซึ่งเคยเรียกในภาษาอังกฤษว่า ''physicks'' หรือ ''purgatives'' เป็นยาที่ใช้อย่างกว้างขวางก่อนการแพทย์ปัจจุบันเพื่อรักษาภาวะต่าง ๆ ภาวะซึ่งในปัจจุบันพิจารณาว่าเป็นยาที่ไม่ได้ผลตาม[[เวชปฏิบัติอิงหลักฐาน]]<ref>{{Cite journal | last = Stolberg | first = Michael | date = 2003 | title = [The miraculous effects of taking laxatives. Success and failure of pre-modern medical treatment from the patients' perspective] | url = https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15641192 | journal = Wurzburger Medizinhistorische Mitteilungen | volume = 22 | pages = 167-177 | issn = 0177-5227 | pmid = 15641192}}</ref>
ในนัยเดียวกัน ยาระบาย (โดยบางครั้งเรียกว่า ล้างลำไส้) ก็ยังได้การโปรโหมตจาก[[แพทย์ทางเลือก]]ในการรักษาภาวะต่าง ๆ รวมทั้งที่การแพทย์ปัจจุบันไม่ยอมรับ เช่น เพื่อกำจัดคราบ/ตะกอนอุจจาระในลำไส้ (mucoid plaque)<ref>{{Cite book | url = https://www.worldcat.org/oclc/870530462 | title = Illustrated medical pharmacology | last = M., | first = Raju, S. | isbn = 9789350906552 | oclc = 870530462}}</ref>

== ดูเพิ่ม ==
* [[ใยอาหาร]]
* [[ยาขับปัสสาวะ]]


== เชิงอรรถ ==
== อื่นๆ ==
{{notelist | group = upper-alpha }}
{{ปรับภาษา}}


== อ้างอิง ==
=== น้ำมันระหุ่ง (Castor Oil) ===
{{รายการอ้างอิง |30em}}
* ตำแหน่งออกฤทธิ์ยา: ลำไส้เล็ก
* ช่วงเวลาออกฤทธิ์: 2 - 6 ชม.
[[น้ำมันระหุ่ง]] acts directly on intestinal mucosa or nerve plexus
and alters water and electrolyte secretion. It is converted into
ricinoleic acid (the active component) in the gut.


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{Commons category |Laxatives}}
{{กลุ่มยาหลัก}}
{{กลุ่มยาหลัก}}
{{ยาระบาย}}
{{ยาระบาย}}
[[หมวดหมู่:วิทยาทางเดินอาหาร]]
{{เรียงลำดับ|ระบาย}}
[[หมวดหมู่:ยาระบาย| ]]
[[หมวดหมู่:ยาระบาย| ]]
[[หมวดหมู่:ยา]]
[[หมวดหมู่:บทความยาที่ต้องการภาพประกอบ]]
{{โครงเภสัชกรรม}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:29, 14 กันยายน 2561

ยาระบายอย่างอ่อน (อังกฤษ: laxative) หรือ ยาระบาย เป็นยาเพื่อลดความแน่นตัวของอุจจาระ[1] และช่วยให้ถ่าย โดยสามารถใช้รักษาหรือป้องกันอาการท้องผูก ยาระบายต่าง ๆ ทำงานต่างกันและมีผลข้างเคียงต่างกัน ยาระบายแบบกระตุ้น (stimulant) แบบหล่อลื่น (lubricant) และแบบน้ำเกลืออาจใช้ชำระลำไส้ใหญ่ เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจไส้ตรงและลำไส้ใหญ่ โดยอาจใช้ร่วมกับการสวนทวารในบางกรณี การทานยาระบายเป็นจำนวนมากอาจทำให้ท้องร่วง ยาบางอย่างอาจมีสารออกฤทธิ์มากกว่าตัวเดียว อาจใช้ทานหรือใช้เหน็บ

ประเภท

เพิ่มปริมาณอุจจาระ (Bulk-forming agents)

ยาระบายชนิดสร้างเนื้ออุจจาระมีองค์ประกอบที่เพิ่มเนื้อและน้ำในอุจจาระ เพื่อให้สามารถผ่านลำไส้ไปได้ง่ายขึ้น องค์ประกอบรวมทั้งใยอาหารและสารดูดน้ำ (hydrophilic agent)[2]

คุณสมบัติ

  • ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่
  • เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 12-72 ชม.
  • ตัวอย่าง: ใยอาหาร, ซิลเลียม (psyllium) เช่นยี่ห้อ Metamucil, methylcellulose เช่นยี่ห้อ Citrucel, polycarbophil เช่นยี่ห้อ FiberCon[3]

ยาเพิ่มเนื้อจะดูดน้ำ ดังนั้นจึงควรทานพร้อมกับน้ำมาก ๆ[3] เป็นยาเบาที่สุดในบรรดายาระบาย[1] และสามารถใช้ป้องกันรักษาการขับถ่ายในระยะยาว

ใยอาหาร

อาหารที่ช่วยระบายก็คือที่มีใยอาหารสูง ทั้งแบบละลายน้ำไม่ได้และละลายได้ เช่น[4]

ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม (emollient agents, stool softeners)

ยาระบายแบบทำอุจจาระให้นุ่มและชุ่มชื้น เป็นสารลดแรงตึงผิวแบบแอนไออน (anionic surfactant) ซึ่งช่วยให้น้ำและไขมันรวมเข้าในอุจจาระมากขึ้น แล้วทำให้ผ่านทางเดินอาหารได้ง่ายขึ้น

คุณสมบัติ

ยาระบายแบบทำให้นุ่มและชุ่มชื้นควรทานพร้อมกับน้ำมาก ๆ เป็นยาที่ช่วยป้องกันท้องผูกมากกว่าเป็นยารักษาท้องผูกในระยะยาว[3]

หล่อลื่น (Lubricant agents)

ยาระบายแบบหล่อลื่นช่วยเคลือบอุจจาระด้วยลิพิดลื่น ๆ และหน่วงการดูดซึมน้ำจากอุจจาระของลำไส้ใหญ่ จึงทำให้มันผ่านไปได้ง่ายกว่า อนึ่ง มันยังช่วยเพิ่มน้ำหนักและลดระยะเวลาที่ดำเนินผ่านลำไส้[3]

คุณสมบัติ

  • ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
  • เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 6-8 ชม.
  • ตัวอย่าง: น้ำมันแร่ (mineral oil)[3]

น้ำมันแร่เป็นสารหล่อลื่นอย่างเดียวที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ แต่ก็อาจลดการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน (เช่น เอ ดี อี และเค) และแร่ธาตุบางอย่างเข้าร่างกาย[3] และอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารเหล่านี้ได้

Hyperosmotic agents

ยาระบายแบบ hyperosmotic หมายถึงสารที่ทำให้ลำไส้เก็บน้ำไว้ภายในมากกว่าแล้วสร้างภาวะออสโมซิสที่ช่วยกระตุ้นให้ถ่าย[3]

คุณสมบัติ

  • ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
  • เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 12-72 ชม (ทาน) 0.25-1 ชม. (เหน็บทางทวารหนัก)
  • ตัวอย่าง: ยาเหน็บแบบ glycerin ยี่ห้อ Hallens, ซอร์บิทอล, แล็กทูโลส, และ macrogol/polyethylene glycol (PEG) ยี่ห้อ Colyte, MiraLax[3]

แล็กทูโลสออกฤทธิ์โดยกระบวนการออสโมซิส ซึ่งเก็บน้ำไว้ในลำไส้ใหญ่ เพิ่มความเป็นกรดโดยผ่านกระบวนการหมักกลายเป็นกรดแล็กติก กรดฟอร์มิก และกรดน้ำส้ม แล้วเพิ่มการบีบตัว (peristalsis) ของลำไส้ใหญ่ ยาเหน็บคือ glycerin ออกฤทธิ์แบบ hyperosmotic คือเพิ่มปริมาณน้ำแล้วเพิ่มการบีบตัวของลำไส้ โดยยา sodium stearate ที่ผสมอยู่ด้วยกันก็จะระคายลำไส้ใหญ่ด้วย

สารละลายที่ประกอบด้วย polyethylene glycol และอิเล็กโทรไลต์ต่าง ๆ (รวมทั้งโซเดียมคลอไรด์ โซเดียมไบคาร์บอเนต โพแทสเซียมคลอไรด์ และบางครั้ง โซเดียมซัลเฟต) สามารถให้ทางปากหรือหลอดอาหาร (ที่สอดลงทางจมูกไปถึงกระเพาะ) เพื่อใช้ล้างทางเดินอาหารทั้งหมด เป็นวิธีการที่สร้างขึ้นเพื่อเตรียมผ่าตัดลำไส้ หรือเพื่อเตรียมส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) และเพื่อรักษาการได้รับพิษบางชนิด ยี่ห้อของสารละลายเหล่านี้รวม GoLytely, GlycoLax, CoLyte, Miralax, Movicol, NuLytely, Suprep, และ Fortrans. สารละลายของซอร์บิทอล (ยี่ห้อ SoftLax) ก็สามารถมีผลเช่นเดียวกัน

ยาระบายแบบน้ำเกลือ

ยาระบายแบบน้ำเกลือเป็นสารออสโมซิสที่ดูดซึมไม่ได้แต่สามารถดูดและเก็บน้ำให้อยู่ในช่องลำไส้ ซึ่งเพิ่มแรงดันในช่องและกระตุ้นให้ถ่าย สารที่ประกอบด้วยแมกนีเซียมยังเป็นเหตุให้หลั่งฮอร์โมนเพปไทด์ คือ cholecystokinin ซึ่งเพิ่มการบีบตัวของลำไส้และการหลั่งน้ำ[3] แต่ยาระบายชนิดนี้อาจเปลี่ยนความสมดุลเกี่ยวกับน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายของผู้ใช้

คุณสมบัติ

ยาชนิดนี้ควรทานกับน้ำมาก ๆ

ยาระบายแบบกระตุ้น (stimulant laxative)

ยาระบายแบบกระตุ้นเป็นสารที่ออกฤทธิ์ที่เยื่อเมือกหรือข่ายประสาท (nerve plexus) ของลำไส้ เปลี่ยนแปลงการหลั่งน้ำและอิเล็กโทรไลต์[9] และยังกระตุ้นการบีบตัว (peristaltic) ของลำไส้ แต่อาจเป็นอันตรายภายใต้สถานการณ์บางอย่าง[10]

คุณสมบัติ

  • ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
  • เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 6-10 ชม.
  • ตัวอย่าง: senna, bisacodyl[3]

นี่เป็นยาระบายที่มีฤทธิ์มากที่สุดและควรใช้อย่างระมัดระวัง การใช้ยาระบายแบบกระตุ้นนาน ๆ อาจทำให้ติดยาเพราะทำปล้องลำไส้ใหญ่ (haustral fold) ให้เสียหาย ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนอุจจาระไปโดยไม่ใช้ยา งานศึกษาหนึ่งในคนไข้ที่ท้องผูกเรื้อรังพบว่า ผู้ใช้ยาระบายแบบกระตุ้น 28% จะเสียปล้องลำไส้ไปในระยะเวลา 1 ปี ในขณะที่กลุ่มควบคุมไม่เสีย[11]

อื่น ๆ

น้ำมันละหุ่งเป็น glyceride ที่เอนไซม์จากตับอ่อนคือ pancreatic lipase จะสลายด้วยน้ำ (hydrolysis) ให้เป็นกรด ricinoleic ซึ่งมีฤทธิ์ระบายโดยยังไม่ทราบกลไก

คุณสมบัติ

  • ตำแหน่งออกฤทธิ์: ลำไส้ใหญ่
  • เวลาเริ่มออกฤทธิ์: 2-6 ชม.
  • ตัวอย่าง: น้ำมันละหุ่ง[3]

การใช้น้ำมันละหุ่งในระยะยาวอาจทำให้เสียน้ำ อิเล็กโทรไลต์ และสารอาหาร[3]

ตัวทำการต่อหน่วยรับเซโรโทนิน (serotonin agonist)

มีสารกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้โดยก่อสภาพกัมมันต์ของหน่วยรับเซโรโทนิน (5-HT4 receptor) ของระบบประสาทลำไส้ (enteric nervous system) ภายในทางเดินอาหาร แต่บางชนิดก็ได้เลิกใช้หรือจำกัดการใช้ เพราะโอกาสทำอันตรายต่อหัวใจหลอดเลือดโดยเป็นผลข้างเคียง tegaserod (ชื่อการค้า Zelnorm) ได้เลิกวางขายในตลาดทั่วไปในสหรัฐและแคนาดาในปี 2007 เนื่องจากมีรายงานว่าเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายและเส้นเลือดอุดตันในสมอง แต่ก็ยังมีให้แพทย์ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล[12]

prucalopride (ยี่ห้อ Resolor) เป็นยาที่ปัจจุบันอนุมัติให้ใช้ในสหภาพยุโรปท้ายปี 2009[13] และในแคนาดา (ยี่ห้อ Resotran) ท้ายปี 2011[14] แต่ก็ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยยังอยู่ใต้การพัฒนาของบริษัท Shire plc[15]

สารก่อกัมมันต์ช่องคลอไรด์ (chloride channel activators)

lubiprostone เป็นยาที่ใช้รักษาท้องผูกเรื้อรังซึ่งไม่ทราบสาเหตุ (CIC) และกลุ่มอาการลำไส้ไวเกินต่อการกระตุ้น (IBS) โดยมีฤทธิ์ทำให้ลำไส้หลั่งน้ำที่สมบูรณ์ด้วยคลอไรด์ซึ่งทำอุจจาระให้นิ่ม เพิ่มการบีบตัวของลำไส้ และโปรโหมตการขับถ่ายอุจจาระแบบเกิดเอง (SBM)

การเปรียบเทียบยาต่าง ๆ

ยาระบายสามัญ[16][17]
ยา/สูตร กลุ่ม ตำแหน่งออกฤทธิ์ เวลาเริ่มออกฤทธิ์
สมุนไพร Rhamnus purshiana (cascara) (ตัวยา casanthranol) Anthraquinone ลำไส้ใหญ่ 6-8 ชม.
สมุนไพรสกุล Rhamnus (Buckthorn) Anthraquinone ลำไส้ใหญ่ 6-8 ชม.
สมุนไพรสกุลขี้เหล็ก Senna (ตัวยา senna glycoside) Anthraquinone ลำไส้ใหญ่ 6-8 ชม.
สมุนไพรว่านหางจระเข้ (ตัวยา aloin) Anthraquinone ลำไส้เล็ก 8-10 ชม.
phenolphthalein Triphenylmethane ลำไส้เล็ก 8 ชม.
bisacodyl (ยาทาน) Triphenylmethane ลำไส้เล็ก 6-12 ชม.
bisacodyl (ยาเหน็บ) Triphenylmethane ลำไส้เล็ก 60 นาที
น้ำมันละหุ่ง กรด ricinoleic ลำไส้เล็ก 2-6 ชม.

ประสิทธิผล

สำหรับผู้ใหญ่ งานทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมหนึ่งพบว่า PEG (ยี่ห้อ MiraLax หรือ GlycoLax) 17 กรัมวันละครั้งมีผลดีกว่า tegaserod 6 มก. 2 ครั้งต่อวัน[18] อีกงานหนึ่งพบว่า PEG สองถุง (26 กรัม) มีผลดีกว่าแล็กทูโลสสองถุง (20 กรัม)[19] 17 grams per day of PEG has been effective and safe in a randomized controlled trial for six months.[20] อีกงานหนึ่งพบว่า ซอร์บิทอลไม่มีผลต่างจากแล็กทูโลส[21]

สำหรับเด็ก PEG พบว่ามีประสิทธิผลดีกว่าแล็กทูโลส[22]

ปัญหาการใช้

การใช้ในทางที่ผิด

การใช้ยาระบายในทางที่ผิดมีผลลบต่าง ๆ โดยแบบหนักน้อยกว่ามีผลรวมทั้งภาวะขาดน้ำ ความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะในบางอิริยาบถ (postural dizziness) และหมดสติชั่วคราว[23] ผลลบที่หนักที่อาจทำให้ถึงเสียชีวิตรวมทั้งการเสียดุลของความเป็นกรดด่าง และของอิเล็กโทรไลต์[23] ยกตัวอย่างเช่น มีการสัมพันธ์ภาวะโพแทสเซียมต่ำในเลือดอย่างรุนแรงกับ distal renal tubular acidosis (ภาวะกระเดียดกรดเหตุหลอดไตฝอยส่วนปลาย) ที่เนื่องกับการใช้ยาระบายในทางที่ผิด[23] โดยแอลคาโลซิสเนื่องกับเมแทบอลิซึม (metabolic alkalosis) เป็นภาวะไม่สมดุลของกรด-ด่างที่พบมากที่สุด[23] ผลไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอื่น ๆ รวมทั้ง rhabdomyolysis (ภาวะกล้ามเนื้อโครงร่างที่เสียหายเกิดสลายตัวอย่างรวดเร็ว)[23] ภาวะไขมันเกินในอุจจาระ (steatorrhoea)[23] เยื่อเมือกลำไส้ใหญ่อักเสบหรือเกิดแผล[23] ตับอ่อนอักเสบ[23][24], ไตวาย[23][25][26], แกล้งว่ามีท้องร่วง (factitious diarrhea)[23][27] และปัญหาอื่น ๆ[23]

แม้คนไข้ที่มีความผิดปกติในการรับประทาน เช่น โรคเบื่ออาหารเหตุจิตใจ (anorexia nervosa) และโรคทานแล้วขับออก (bulimia nervosa) บ่อยครั้งจะใช้ยาระบายในทางที่ผิดเพื่อพยายามลดน้ำหนัก แต่ยาระบายก็เพียงแต่เพิ่มความเร็วที่อุจจาระดำเนินผ่านลำไส้ใหญ่ ซึ่งเกิดหลังการดูดซึมอาหารในลำไส้เล็ก ดังนั้น งานศึกษาต่าง ๆ จึงได้แสดงว่า น้ำหนักที่ลดลงเพราะใช้ยาในทางที่ผิด โดยหลักมาจากการเสียน้ำจากร่างกายเพียงชั่วคราว ไม่ได้ลดพลังงานที่ดูดซึมเข้าร่างกายจริง ๆ[23][28][29]

การชินต่อยาระบาย

แพทย์เตือนไม่ให้ใช้ยาระบายแบบกระตุ้นเป็นประจำ เนื่องจากปัญหาว่า อาจเป็นเหตุให้เนื้อเยื่อในลำไส้ใหญ่ทรุดโทรม แล้วทำให้ไม่สามารถขับอุจจาระได้เองเนื่องการถูกกระตุ้นเป็นระยะเวลานาน[30] สิ่งสามัญที่พบในคนไข้ที่ใช้ยาระบายแบบกระตุ้นก็คือ ตะกอนสีน้ำตาลซึ่งสะสมที่เนื้อเยื้อลำไส้ ซึ่งเรียกว่า melanosis coli[A][ต้องการอ้างอิง]

การใช้ในประวัติศาสตร์เป็นต้น

ยาระบาย ซึ่งเคยเรียกในภาษาอังกฤษว่า physicks หรือ purgatives เป็นยาที่ใช้อย่างกว้างขวางก่อนการแพทย์ปัจจุบันเพื่อรักษาภาวะต่าง ๆ ภาวะซึ่งในปัจจุบันพิจารณาว่าเป็นยาที่ไม่ได้ผลตามเวชปฏิบัติอิงหลักฐาน[31] ในนัยเดียวกัน ยาระบาย (โดยบางครั้งเรียกว่า ล้างลำไส้) ก็ยังได้การโปรโหมตจากแพทย์ทางเลือกในการรักษาภาวะต่าง ๆ รวมทั้งที่การแพทย์ปัจจุบันไม่ยอมรับ เช่น เพื่อกำจัดคราบ/ตะกอนอุจจาระในลำไส้ (mucoid plaque)[32]

ดูเพิ่ม

เชิงอรรถ

  1. melanosis coli หรือ pseudomelanosis coli เป็นความผิดปกติของสีผนังลำไส้ใหญ่ บ่อยครั้งจะเห็นเมื่อส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (colonoscopy) เป็นภาวะไม่ร้าย และอาจไม่สัมพันธ์กับโรคใด ๆ สารสีน้ำตาลเป็น lipofuscin ใน macrophage ไม่ใช่เมลานิน

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "Constipation" (PDF). www.digestive.niddk.nih.gov. National Digestive Diseases Information Clearinghouse. สืบค้นเมื่อ 2014-11-03.
  2. "Bulk-forming agent". NCI Dictionary of Cancer Terms.
  3. 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 3.12 3.13 Berardi, M; Tietze, KJ; Shimp, LA; Rollins, CJ; Popovich, NG (2006). Handbook of Nonprescription Drugs (15th ed.). Washington, D.C.: American Pharmaceutical Association. ISBN 1582120749.{{cite book}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  4. 4.0 4.1 4.2 "The Facts About Fiber" (PDF). www.aicr.org. American Institute for Cancer Research. สืบค้นเมื่อ 2014-11-03.
  5. Das, JL (2010). "Medicinal and nutritional values of banana cv. NENDRAN". Asian Journal of Horticulture. 8: 11–14.
  6. "15 Foods That Cause Constipation (Caffeine, Chocolate, Alcohol)". MedicineNet (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-12-12.
  7. Rush, EC; Patel, M; Plank, LD; Ferguson, LR (2002). "Kiwifruit promotes laxation in the elderly". Asia Pac J Clin Nutr. 11 (2): 164–8. doi:10.1046/j.1440-6047.2002.00287.x. PMID 12074185.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  8. Stacewicz-Sapuntzakis, M; Bowen, PE; Hussain, EA; Damayanti-Wood, BI; Farnsworth, NR (2001). "Chemical composition and potential health effects of prunes: a functional food?". Critical reviews in food science and nutrition. 41 (4): 251–86. doi:10.1080/20014091091814. PMID 11401245.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  9. "Laxative (Oral Route)". Mayo clinic. 2012-11-01.
  10. Joo, JS; Ehrenpreis, ED; Gonzalez, L; Kaye, M; Breno, S; Wexner, SD; Zaitman, D; Secrest, K (1998). "Alterations in colonic anatomy induced by chronic stimulant laxatives: the cathartic colon revisited". J Clin Gastroenterol. 26 (4): 283–6. doi:10.1097/00004836-199806000-00014. PMID 9649012.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  11. Joo และคณะ (1998-06). "Alterations in Colonic Anatomy Induced by Chronic Stimulant Laxatives: The Cathartic Colon Revisited". Journal of Clinical Gastroenterology. 26 (4): 283–286. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help); ใช้ et al. อย่างชัดเจน ใน |authors= (help)CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  12. "Tegaserod, FDA Zelnorm (tegaserod maleate) Information". FDA.
  13. "European Medicines Agency EPAR summary for the public" (PDF). European Medicines Agency.
  14. "Health Canada, Notice of Decision for Resotran". Health Canada.
  15. "Shire PLC, R and D projects, Resolor". Shire PLC.
  16. Dharmananda, Subhuti. "SAFETY ISSUES AFFECTING HERBS: How Long can Stimulant Laxatives be Used?". Institute for Traditional Medicine. สืบค้นเมื่อ 2010-03-19.
  17. "Stimulant Laxatives". Family Practice Notebook, LLC. 2010-02-26. สืบค้นเมื่อ 2010-03-19.
  18. Di Palma, JA; Cleveland, MV; McGowan, J; Herrera, JL (2007). "A randomized, multicenter comparison of polyethylene glycol laxative and tegaserod in treatment of patients with chronic constipation". Am. J. Gastroenterol. 102 (9): 1964–71. doi:10.1111/j.1572-0241.2007.01365.x. PMID 17573794.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  19. Attar, A; Lémann, M; Ferguson, A; Halphen, M; Boutron, MC; Flourié, B; Alix, E; Salmeron, M; Guillemot, F; Chaussade, S; Ménard, AM; Moreau, J; Naudin, G; Barthet, M (1999). "Comparison of a low dose polyethylene glycol electrolyte solution with lactulose for treatment of chronic constipation". Gut. 44 (2): 226–30. doi:10.1136/gut.44.2.226. PMC 1727381. PMID 9895382.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  20. Dipalma, JA; Cleveland, MV; McGowan, J; Herrera, JL (2007). "A randomized, multicenter, placebo-controlled trial of polyethylene glycol laxative for chronic treatment of chronic constipation". Am. J. Gastroenterol. 102 (7): 1436–41. doi:10.1111/j.1572-0241.2007.01199.x. PMID 17403074.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  21. Lederle, FA; Busch, DL; Mattox, KM; West, MJ; Aske, DM (1990). "Cost-effective treatment of constipation in the elderly: a randomized double-blind comparison of sorbitol and lactulose". Am J Med. 89 (5): 597–601. doi:10.1016/0002-9343(90)90177-F. PMID 2122724.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  22. "BestBETs: Is polyethylene glycol safe and effective for chro..." สืบค้นเมื่อ 2007-09-06.
  23. 23.00 23.01 23.02 23.03 23.04 23.05 23.06 23.07 23.08 23.09 23.10 23.11 Roerig, JL; Steffen, KJ; Mitchell, JE; Zunker, C (2010). "Laxative abuse: epidemiology, diagnosis and management". Drugs. 70 (12): 1487–1503. doi:10.2165/11898640-000000000-00000. PMID 20687617.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  24. Brown, NW; Treasure, JL; Campbell, IC (2001). "Evidence for long-term pancreatic damage caused by laxative abuse in subjects recovered from anorexia nervosa". International Journal of Eating Disorders. 29 (2): 236–238. doi:10.1002/1098-108X(200103)29:2<236::AID-EAT1014>3.0.CO;2-G. PMID 11429987.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  25. Copeland, PM; Molina, H.; Ohye, Ch.; MacIas, R.; Alaminos, A.; Alvarez, L.; Teijeiro, J.; Muñoz, J.; Ortega, I. (1994). "Renal failure associated with laxative abuse". Psychother Psychosom. 62 (3–4): 200–2. doi:10.1159/000098619. PMID 7531354.{{cite journal}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  26. Wright, LF; DuVal, JW (1987). "Renal injury associated with laxative abuse". South Med J. 80 (10): 1304–6. doi:10.1097/00007611-198710000-00024. PMID 3660046.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  27. Oster, JR; Materson, BJ; Rogers, AI (1980-11). "Laxative abuse syndrome". Am. J. Gastroenterol. 74 (5): 451–8. PMID 7234824. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  28. Lacey, JH; Gibson, E (1985). "Controlling weight by purgation and vomiting: A comparative study of bulimics". Journal of Psychiatric Research. 19 (2–3): 337–341. doi:10.1016/0022-3956(85)90037-8. PMID 3862833.{{cite journal}}: CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  29. "Acid-base and electrolyte abnormalities with diarrhea". www.uptodate.com. สืบค้นเมื่อ 2017-12-12.
  30. Joo, JS; Ehrenpreis, ED; Gonzalez, L; Kaye, M; Breno, S; Wexner, SD; Zaitman, D; Secrest, K (1998-06). "Alterations in colonic anatomy induced by chronic stimulant laxatives: the cathartic colon revisited". Journal of Clinical Gastroenterology. 26 (4): 283–6. doi:10.1097/00004836-199806000-00014. PMID 9649012. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)CS1 maint: uses authors parameter (ลิงก์)
  31. Stolberg, Michael (2003). "[The miraculous effects of taking laxatives. Success and failure of pre-modern medical treatment from the patients' perspective]". Wurzburger Medizinhistorische Mitteilungen. 22: 167–177. ISSN 0177-5227. PMID 15641192.
  32. M.,, Raju, S. Illustrated medical pharmacology. ISBN 9789350906552. OCLC 870530462.{{cite book}}: CS1 maint: extra punctuation (ลิงก์)

แหล่งข้อมูลอื่น