เกมวัดดวง
เกมวัดดวง | |
---|---|
ประเภท | เกมโชว์ |
สร้างโดย | จีเอ็มเอ็มทีวี และ จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (พ.ศ. 2545-2553) เนค แอนด์ เดอะ ซิตี้ (พ.ศ. 2558) |
พิธีกร | เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (พ.ศ. 2545-2553) สมพล ปิยะพงศ์สิริ (พ.ศ. 2545-2551) อัครพล ธนะวิทวิลาศ (พ.ศ. 2545-2549) พิยดา อัครเศรณี (พ.ศ. 2552) พัฒนศักดิ์ เรืองจำเนียร (พ.ศ. 2558) |
เสียงของ | เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา |
บรรยายโดย | เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา |
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง | บานาน่าโบ๊ท (พ.ศ. 2545-2553) |
ประเทศแหล่งกำเนิด | ประเทศไทย |
ภาษาต้นฉบับ | ภาษาไทย |
จำนวนฤดูกาล | 9 |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต | สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา(พ.ศ. 2545-2550) สถาพร พานิชรักษาพงศ์(พ.ศ. 2548-2553) สมพล ปิยะพงศ์สิริ(พ.ศ. 2545-2551) ศิริพงษ์ เนียมเจริญ |
ผู้อำนวยการสร้าง | พรอนงค์ วงศ์พรภักดี สุปรีชา ศรีวิรัช |
สถานที่ถ่ายทำ | มนตรีสตูดิโอ |
ความยาวตอน | 50 นาที |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ททบ.5 |
ออกอากาศ | 6 พฤษภาคม 2545 – 25 ธันวาคม 2553 |
เครือข่าย | จีเอ็มเอ็ม 25 |
ออกอากาศ | 4 เมษายน 2558 – 26 ธันวาคม 2558 |
การแสดงที่เกี่ยวข้อง | |
คนดวงดี |
เกมวัดดวง เป็นรายการโทรทัศน์ไทยประเภทเกมโชว์ที่นำเอาโชคชะตาของผู้เข้าแข่งขันมาทำเป็นเกม ซึ่งทางรายการจะหาผู้ที่ดวงดีที่สุด จากผู้เข้าแข่งทั้งหมดในสัปดาห์นั้น ลักษณะเกมนั้นจะเป็นการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงทุกสัปดาห์ ในแต่ละรอบ ทางรายการจะกำหนดกติกาเอาไว้ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่กำหนดว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะ เข้ารอบ หรือ ตกรอบ โดยกติกาเหล่านี้จะไม่ตัดสินผู้เข้าแข่งขันด้วยความสามารถส่วนตัวใด ๆ เลย จะขึ้นอยู่กับ ดวง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และจะใช้หลักความน่าจะเป็น โดยมีคำขวัญว่า "คุณไม่ต้องพกอะไรนอกจากดวงเพียงอย่างเดียว"
เกมวัดดวง ในระยะแรกผลิตรายการโดย บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์ เวลา 23.05 - 23.55 น. ต่อมาย้ายวันและเวลาออกอากาศเป็น วันเสาร์ เวลา 12.55 - 13.50 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ดำเนินรายการโดย ดีเจไก่ สมพล ปิยะพงศ์สิริ, ดีเจโจ้ อัครพล ธนะวิทวิลาศ และในปีพ.ศ. 2552 ได้เพิ่ม อ้อม พิยดา อัครเศรณีเข้ามาเป็นพิธีกร อย่างไรก็ตามเนื่องจากการปรับผังรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในปีพ.ศ. 2554[1] ทำให้รายการ เกมวัดดวง ต้องยุติการออกอากาศลง หลังจากออกอากาศมายาวนานกว่า 8 ปี โดยเทปสุดท้ายของรายการ ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553 และมีการเพิ่มเวลาออกอากาศจากทางสถานีเดียวกันในวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยใช้ชื่อรายการว่า เกมวัดดวง ฮอลิเดย์
หลังจากที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีช่องรายการฟรีทีวีในรูปแบบโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล บริษัท เนค แอนด์ เดอะ ซิตี้ จำกัด จึงเสนอให้จีเอ็มเอ็ม แชนแนล จัดทำรายการเกมวัดดวงขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยปรับพิธีกรใหม่ คือ เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา และ พัฒนศักดิ์ เรืองจำเนียร โดยช่วงแรกก่อนกลับมาออกอากาศ รายการได้เปิดการเฟ้นหาคนดวงดีทั่วประเทศในรูปแบบของการแข่งขันแบบฤดูกาล จากนั้นจึงกลับมาออกอากาศเป็นรายตอนตามปกติ โดยที่รายการเกมวัดดวง เริ่มกลับมาออกอากาศอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558 ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 และออกอากาศตอนสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ลักษณะรายการ
[แก้]เกมวัดดวง แต่ละตอนจะค้นหาผู้เข้าแข่งขันที่ดวงดีที่สุดในเกม โดยคัดผู้เข้าแข่งขันที่ดวงไม่ดีให้ตกรอบไปทีละคน นั่นคือ จะแข่งขันกันด้วย ดวง เพียงอย่างเดียว โดยที่ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ามาเล่นนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถใด ๆ เลยในการเล่นเกมนี้ และเป็นเกมแนวตลกขบขัน สถานที่และกติกาในการแข่งขันเกมวัดดวงจะเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์ (แต่ระยะแรกไม่ได้มีการกำหนดตอนใดๆ เลย)
ในแต่ละตอน ผู้เข้าแข่งขันประมาณ 40 ถึง 50 คน จะมาทำกิจกรรมและเล่นเกมโดยมีกติกากำหนดไว้ ผู้เข้าแข่งขันอาจจะรู้กติกาเหล่านี้ล่วงหน้าหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับกติกาในแต่ละรอบ ผู้เข้าแข่งขันจะถูกตัดสินให้ เข้ารอบ หรือ ตกรอบ ด้วยกติกาเหล่านี้ นอกจากนี้ ในระหว่างการเล่นเกมหรือก่อนเล่นเกม อาจมี กติกาทีเผลอ ซ่อนเอาไว้อีกด้วย (กติกาทีเผลอเริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546)
การออกอากาศ
[แก้]ผู้ชมทางบ้านจะได้รับชมภาพการแข่งขันพร้อมกับเสียงบรรยายของน้าเน็ค ในแต่ละรอบ ผู้เข้าแข่งขันจะตกรอบไปเรื่อย ๆ หลังจบเกมรอบสุดท้าย จะเหลือผู้เข้าแข่งขันที่ดวงดีที่สุดเพียงหนึ่งคนหรือหนึ่งทีม เพื่อเข้าไปเล่นในรอบแจ็กพอต หลังจบเกมในแต่ละรอบ จะมีการสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบ ขณะถูกปั๊มตรา ตกรอบ ที่หน้าผาก และมีการสัมภาษณ์ผู้เข้ารอบแจ๊กพอตในรอบสุดท้าย
ที่มาและการทำงาน
[แก้]น้าเน็คได้กล่าวไว้ว่า ชื่อรายการเกมวัดดวงนั้น มีที่มาจากการดำเนินชีวิตทั่วไปของมนุษย์ แต่ละคนจะพบเรื่องที่ดีหรือไม่ดีนั้นขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังผูกพันกับความเชื่อเรื่องดวงอย่างมาก ตั้งแต่การนำนักโหราศาสตร์มาทำนายดวงประเทศ จนถึงการทำนายดวงส่วนบุคคล จนกระทั่งทีมงานคนหนึ่งไปพบแม่ค้าขายสลากกินแบ่งคนหนึ่ง กำลังเรียกลูกค้าด้วยประโยคที่ว่า "เอาวัดดวงไหมคะหนู" ทีมงานและน้าเน็คจึงได้นำความเชื่อเรื่องดวงดังกล่าวมาทำเป็นเกมโชว์ และยังพบได้ใน outro และ intro แต่ละช่วงในระยะแรกของรายการ ต่อมาได้เปลี่ยน Outro ของแต่ละช่วงของรายการและกราฟิกเริ่มเบรกของรายการจะสังเกตได้ว่า พฤติกรรมต่าง ๆ ล้วนมาจากดวงดี หรือไม่ดี เช่น ดวง...จะถึงฆาต หมายถึง ดวงที่ไม่ดีของคนที่มีชีวิต ก็จะถูกพิฆาตจากสิ่งที่ไม่ดี หรืออาจจะถึงขั้นฆ่าตัวตายเลยก็ได้/ดวง...ได้รับใช้ชาติ หมายถึง ดวงของทหารที่ดี ก็จะได้เป็นทหารรับใช้ชาติอีกด้วย/ดวงตก...ตกงาน หมายถึง คนที่ดวงไม่ดี ย่อมอาจเสี่ยงต่อการตกงานจนต้องลาออกจากการทำงาน โดยคำดังกล่าวพบได้ในกราฟิกเริ่มเบรกของรายการและก่อนเข้าสู่โฆษณาด้วย แต่ยกเลิกในปี 2548
ในการทำงานของเกมวัดดวงนั้น ทีมงานจะกำกับผู้เข้าแข่งขันให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามเกม โดยให้ผู้เข้าแข่งขันมุ่งไปที่เกมโดยตรง แต่จุดมุ่งหมายของเกมคือการทำให้เกิดเสียงหัวเราะมากที่สุด น้าเน็คกล่าวว่า ต้องการให้เกมนี้เป็นเกมที่ กวนประสาท มากที่สุด และเป็นงานพิธีกรที่สนุกที่สุดอีกด้วย[2]
ระยะเวลาในการออกอากาศ
[แก้]สถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศ | วัน | เวลา | ปีที่ออกอากาศ |
---|---|---|---|
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 | จันทร์ | 23.05 น. - 24.00 น. | 2545 |
อังคาร | 22.05 น. - 23.00 น. | 2545 - 2548 | |
อาทิตย์ | 13.00 น. - 13.55 น. | 2548 - 2549 | |
เสาร์ | 12.50 น. - 13.50 น. | 2549 - 2553 | |
จีเอ็มเอ็ม 25 | 15.00 น. - 16.00 น. | 2558 | |
รีรัน อังคาร | 22.15 น. - 23.15 น. |
ประวัติการทำรายการ
[แก้]- พ.ศ. 2545
- ออกอากาศครั้งแรกในวันจันทร์ เวลา 23 นาฬิกาโดยประมาณ (ในเดือน ตุลาคม 2545 ย้ายเวลาออกอากาศมาเป็น วันอังคาร เวลา 22 นาฬิกาโดยประมาณ) โดยมีพิธีกรห้องส่ง 2 คนคือ ดีเจไก่ และ ดีเจโจ้ ส่วนน้าเน็คเป็นพิธีกรภาคสนาม
- เนื่องจากการเล่นเกมที่ผ่านมาอาจมีความตึงเครียดให้กับผู้เข้าแข่งขัน (ที่ตกรอบบางคน) จึงทำให้เกมวัดดวงมีกติกาที่มีลักษณะกวน ๆ และเรียกเสียงหัวเราะได้มากทีเดียว
- รอบแจ็กพอตแรก เป็นการเปิดป้ายหาเลข 1 โดยลุ้นให้ไปอยู่หลักแสน ซึ่งเป็นเงินรางวัลสูงสุด 100,000 บาท
- พ.ศ. 2546
- เริ่มมีกติกาทีเผลอซุกซ่อนเอาไว้ มีทั้งกำหนดให้ตกรอบและเข้ารอบ
- พ.ศ. 2547
- เปลี่ยนรอบแจ็กพอตเป็นหมุนวงล้อแบบสลากออกรางวัล (มีเฉพาะเลข 1 ถึง 3) ถ้าเลขตรงกับผู้เข้าแข่งขันทายจะได้รับเงินรางวัลไป และรางวัลสูงสุดเปลี่ยนเป็น 1,000,000 บาท
- รายการได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรม GMM MEDIA New Year Festival 2004 ซึ่งเป็นกิจกรรมของทางจีเอ็มเอ็ม มีเดียที่เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมสนุกกับรายการเกมวัดดวง รวมทั้งรายการอื่นๆ ที่ผลิตโดยจีเอ็มเอ็มทีวี และรายการวิทยุในเครือ เพื่อสะสมคะแนนแลกของรางวัลต่างๆ (ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2547 จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2548)
- พ.ศ. 2548
- ย้ายเวลามาเป็นตอนกลางวัน ในเวลา 13 นาฬิกาของวันอาทิตย์
- ช่วงต้นปี ได้เปลี่ยนรอบแจ็กพอตเป็นเสี่ยงเซียมซีหาเงินรางวัล
- ในช่วงปลายปีมีการเปลี่ยนรอบแจ็คพอตเป็นเป่ายิ้งฉุบจนถึงปี พ.ศ 2549
- ทางรายการได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมของอีซุซุ ซึ่งใช้ชื่องานว่า อีซูซุดีแม็คซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรลโชว์ วัดดวงทั่วไทย ซึ่งเป็นการค้นหาคนดวงดีประจำจังหวัดทั่วประเทศมาแข่งขันกัน ใครที่เป็นดวงดีที่สุดของประเทศจะได้รับรถอีซูซุ ดีแมกซ์ รุ่นใหม่เป็นรางวัล
- พ.ศ. 2549
- ย้ายเวลาออกอากาศมาเป็น วันเสาร์ เวลา 12 นาฬิกา 50 นาที
- วันที่ 5 เมษายน ดีเจโจ้ อัครพล ธนะวิทวิลาศเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ทำให้น้าเน็คมาเป็นพิธีกรห้องส่งแทน และยังคงเป็นพิธีกรภาคสนามด้วย โดยเทปสุดท้ายที่ดีเจโจ้เป็นพิธีกรตรงกับวันที่ 29 เมษายน 2549 (ในตอน Sexy on the beach 2006)
- ได้มีการจัดงาน เกมวัดดวงขึ้นปีที่ 5 ซึ่งเป็นปีดังกล่าว เพระเกมวัดดวงได้ดำเนินรายการมาครบรอบ 4 ปีแล้ว โดยออกอากาศในวันที่ 6 พฤษภาคม 2549
- ปลายปีได้มีกิจกรรม อีซูซุดีแม็คซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรลโชว์ วัดดวงทั่วไทย ภาค 2 จัดขึ้นอีกครั้ง โดยตัวแทนคนดวงดีมิสิทธิ์รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 50,000 บาทในงานอีกด้วย
- พ.ศ. 2550
- เปลี่ยนการรับสมัครแบบเป็นทีม ทีมละ 25 คน แล้วนำ 2 ทีมมาวัดดวงหาผู้ชนะเพียง 1 คนเช่นเดิม และทางทีมงานได้จัดทำป้ายตกรอบ และเข้ารอบใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นดังภาพ (เริ่มใช้เมื่อกลางปี 2550)
- เปลี่ยนรอบแจ๊กพอตเป็นเปิดป้ายของรางวัล ซึ่งเปิดได้ 2 ถึง 6 ป้าย จากทั้งหมด 12 ป้าย
- มีส่วนร่วมกับกิจกรรม เกมวัดดวงร้านแตกแจกล้าน กับคอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ โดยค้นหาคนดวงดีแบบประจำภาค ซึ่งจัดกัน 2 ครั้งในปีเดียวกัน
- พ.ศ. 2551
- ระบบการรับสมัครเป็นทีม ลดเหลือทีมละ 15 คน โดยมี ดารารับเชิญเข้ามาร่วมสนุกกับทางรายการ
- รูปแบบการเล่นในปีนี้ ผู้ที่ดวงดีที่สุด จะเป็นแชมป์ประจำรายการ เพื่อจะมาแข่งกับผู้ท้าชิงในสัปดาห์ถัดไป เพื่อสะสมเงินรางวัลและทองคำ
- เปลี่ยนรอบแจ๊กพอตเป็นเปิดป้ายลุ้นให้วัวกระทิงแดงเข้ามาชนกัน
- มีส่วนร่วมกับกิจกรรม เกมวัดดวงร้านแตกแจกล้าน กับคอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ ครั้งที่ 3
- มีส่วนร่วมกับกิจกรรม ซุเปอร์กาแฟ เกมวัดดวงออนทัวร์
- ดีเจไก่ลาออกจากการเป็นพิธีการรายการในช่วงก่อนสิ้นปี 2551
- พ.ศ. 2552
- อ้อม พิยดา เข้ามาเป็นพิธีกรใหม่ในปีนี้ (ตลอดปี 2552)
- รูปแบบการเล่นจะเป็นแบบแรลลี่ มีผู้เข้าแข่งขัน 2 ทีม ทีมละ 4 คน แต่หาผู้ที่ดวงดีที่สุดเพียง 1 คน โดยมีหัวหน้าทีมเป็นเหล่า ศิลปิน ดารา รับเชิญมาร่วมสนุกกับรายการเช่นเดียวกันกับปีที่แล้ว แต่ยกเลิกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
- เปลี่ยนรอบแจ๊กพอตโดยให้ผู้ชมทางบ้านร่วมส่งรูปถ่ายมาร่วมสนุกกับทางรายการ
- พ.ศ. 2553
- เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ชื่อว่า "วัดดวง วัดโดน" โดยที่น้าเน็คจะนำดาราทั้ง 3 คนมาวัดดวงวัดโดน โดยผู้ที่โดน (ดวงไม่ดี) ในแต่ละเกมจะถูกทำโทษในวิธีต่าง ๆ และเพิ่มช่วงใหม่ 3 ช่วงคือ
- เช็คดวงก่อนโดน
- กินตามดวง
- พลิกดวง
- เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันใหม่ชื่อว่า "วัดดวง วัดโดน" โดยที่น้าเน็คจะนำดาราทั้ง 3 คนมาวัดดวงวัดโดน โดยผู้ที่โดน (ดวงไม่ดี) ในแต่ละเกมจะถูกทำโทษในวิธีต่าง ๆ และเพิ่มช่วงใหม่ 3 ช่วงคือ
- พ.ศ. 2558
- สไปป์ พัฒนศักดิ์ เรืองจำเนียร เข้ามาเป็นพิธีกรคู่กับน้าเน็ก
- เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบ Season 13 ตอน ตั้งแต่ เม.ย. ถึง มิ.ย. 2558
- เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเป็นแบบทีละตอน ตั้งแต่ ก.ค. 2558 ถึง ปัจจุบัน
- เปลี่ยนรอบแจ๊กพอตเป็นหมุนดวงเสี่ยงโชค โดยจะต้องขึ้นแท่นหมุนดวงให้มึนเมาก่อนเลือกกล่องที่มีมุลค่าสูงสุดถึง 20,000 บาท
รายละเอียดของการเล่นเกมวัดดวง
[แก้]ในการเล่นเกมวัดดวงนั้น ทีมงานจะให้ผู้เข้าแข่งขันทำกิจกรรมร่วมกัน ด้วยการเล่นเกมของทางทีมงานที่กำหนดให้ และมีการแสดง และการแนะนำของน้าเน็คกับทีมงานให้ผู้เข้าแข่งขันคลายเครียดก่อนเข้าสู่เกม สำหรับรายละเอียดการเล่นเกมวัดดวงในแต่ละรอบแบ่งออกป็นลำดับดังนี้
การแสดงของทีมงาน
[แก้]น้าเน็คและทีมงานจะแสดงบทบาทสมมุติในการเล่นเกมวัดดวงในแต่ระรอบ สร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะให้กับผู้เข้าแข่งขั้น พร้อมทั้งผู้ชมทางบ้านจะได้ฟังเสียงบรรยายจากน้าเน็คด้วย และสิ้นสุดการแสดงก็จะเข้าสู่เกมทันที
การเล่น
[แก้]ผู้เข้าแข่งขันจะเล่นเกมด้วยการทำตามโจทย์ที่ทีมงานกำหนดไว้ ว่าจะอย่างไรถึงจะทำตามกติกา ในที่นี้ อาจทำก่อนหรือหลังเฉลยป้ายกติกาแล้วแต่กรณีของเกมในแต่ละรอบ ทั้งการเล่นและการตัดสิน จะเป็นแบบสุ่ม (ตามความน่าจะเป็น) ซึ่งเป็นรูปแบบหลักของเกมวัดดวง โดยที่ไม่มีใครทราบได้ว่า ใครจะเข้ารอบหรือตกรอบในตอนนั้น ในส่วนนี้ผู้ชมทางบ้านจะได้ทราบถึงลักษณะการเล่นและการตัดสินจากเสียงบรรยายของน้าเน็ค
การตัดสิน
[แก้]ทุก ๆ รอบของเกมวัดดวงจะมี "แผ่นป้ายกติกา" ซึ่งเป็นตัวกำหนด กติกาอย่างชัดเจน เมื่อเปิดป้ายกติกาแล้ว การตัดสินถือว่าสิ้นสุด หากใครทำตามป้ายกติกานั้นจะตัดสินได้ทันทีว่า "เข้ารอบ" หรือ "ตกรอบ" ในรอบนั้น ในการเปิดป้ายกติกานั้น ทีมงานจะเปิดก่อนเล่นหรือเปิดหลังเล่นก็ได้แล้วแต่กรณีดังนี้
- กรณีเปิดป้ายก่อนเล่นเกม จะเป็นลักษณะที่ผู้เข้าแข่งขันทำตามแล้วมีโอกาสเข้ารอบและตกรอบอย่างแน่นอน เช่น การโยนลูกเต๋า การทายเหรียญหัว-ก้อย การไขโหลไข่ และการทายความเก่าของขนม เป็นต้น
- กรณีเปิดป้ายหลังเล่นเกม จะเป็นลักษณะที่ทีมงานสั่งให้กระทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อทำเสร็จแล้วเฉลยกติกาทีหลัง สำหรับกรณีนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นการทำให้ผู้เข้าแข่งขันเผลอกระทำกติกาที่กำหนดว่าตกรอบ หรือใช้การหักมุมทำให้ผู้เข้าแข่งขันหลายคนถึงกับตะลึงเช่น ใครชูแก้วสูงที่สุด กับ ต่ำที่สุด ตกรอบ
กติกาทีเผลอ
[แก้]ทีเผลอ เป็นการซ่อนกติกากวน ๆ ที่ผู้เข้าแข่งขันทำโดยไม่รู้ตัวในระหว่างพักเกมหรือก่อนเริ่มเกม ส่วนใหญ่กติกาเหล่านี้จะเป็นแบบไม่ทันรู้ตัว และสร้างความสนุกสนานได้มากทีเดียว ตัวอย่างเช่น
- " (เล่นทีเผลอ) ใครเข้าห้องน้ำ ตกรอบ" หมายความว่า ระหว่างพักเกมนั้น ทีมงานได้แอบซ่อนกติกาทีเผลอดังกล่าวไว้ ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบในระหว่างพักเกมนั้น คนไหนเผลอใช้ห้องน้ำ คนนั้นจะตกรอบแบบทีเผลอ
- " (เล่นทีเผลอ) ใครออกจากห้องคนแรก ตกรอบ" หมายความว่า คนที่ออกจากห้องมาคนแรกจะตกรอบ
- " (เล่นทีเผลอ) ใครทะลึ่งเล่นมุข "ปลาวาฬชุบแป้งทอด" ตกรอบทั้งกลุ่ม"หมายความว่า คนหนึ่งถามว่า ปลาอะไรใหญ่กว่าปลาวาฬ แล้วผู้เข้าขันตอบว่า ปลาวาฬชุบแป้งทอด กลุ่มที่มีผู้เข้าแข่งขันตอบคำดังกล่าวก็จะตกรอบหมดทั้งกลุ่ม
การตกรอบของผู้เข้าแข่งขัน
[แก้]ลักษณะการตกรอบของเกมวัดดวงนั้น ผู้ที่ตกรอบ จะต้องคืนป้ายชื่อและเสื้อคลุมของเกมวัดดวง และจะโดนตราปั๊มคำว่า "ตกรอบ" ที่หน้าผาก เพื่อให้ทีมงานแยกออกว่าใครเข้ารอบหรือตกรอบ เสร็จแล้วทีมงานจะนำผู้ตกรอบทั้งหมดไปถือป้ายตกรอบแล้วถ่ายรูปพร้อมกัน ก่อนปล่อยผู้เข้าแข่งขันกลับบ้าน การกระทำลักษณะนี้ น้าเน็คและทีมงานเรียกกันสั้น ๆ อย่างสนุกสนานว่า "ปั๊มตรา ถือป้าย ไล่กลับบ้าน" นั่นเอง (แต่ในระยะแรกจะไม่มีการปั๊มตราตกรอบที่หน้าผาก และถือป้ายตกรอบก่อนกลับบ้านแต่อย่างใด)
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในแต่ละปี
[แก้]ในแต่ละปี รายการเกมวัดดวง ที่ทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเกมวัดดวงให้มีความสนุกสนานและความบันเทิงต่อผู้ชมทางบ้าน รวมไปถึง การปรับปรุงรูปแบบต่าง ๆ ในการเล่น ซึ่งในแต่ละปีจะมีรูปแบบการเล่นดังนี้
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในช่วงแรก (พ.ศ. 2545 - 2550)
[แก้]ในช่วงแรกเกมวัดดวงจะทำการแข่งขันให้ผู้เข้าแข่งขันไม่เกิน 50 คนมาเล่นเกมวัดดวง และคัดเข้ารอบ ตกรอบไปเรื่อย ๆ จนเหลือคนเดียว ซึ่งจะวัดดวงสัปดาห์ละ 5-6 รอบ ต่อมา ราว ๆ ปี พ.ศ. 2548 ถูกลดเกมลงมาเหลือ 4 รอบ และได้มีการกำหนดเทปในแต่ละสัปดาห์ว่าเป็นตอนอย่างไรบ้าง และในปี พ.ศ. 2550 ทางรายการได้รับสมัครผู้เข้าแข่งขันแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 25 คน
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี พ.ศ. 2551
[แก้]รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี 2551 นั้นมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงไปมากจากปีก่อน ๆ คือ ระบบการรับสมัครเป็นทีมจะเหลือ 15 คน มีดารารับเชิญมาร่วมสนุกโดยการเป็นหัวหน้าทีม หลังจากนั้น เมื่อแข่งขันจนได้ผู้ชนะมาแล้ว จะได้เป็นแชมป์ประจำสัปดาห์ เพื่อรอผู้ท้าชิงกับอีกคนในสัปดาห์ถัดไป ในรอบชิงแชมป์นั้น จะมีการเล่นเกมวัดดวง 1 เกม สำหรับผู้ที่เป็นแชมป์และผู้ท้าชิง ผู้ที่ชนะจะได้เป็นแชมป์ และเข้าสู่รอบแจ๊กพอตต่อไป โดยผู้ที่เป็นแชมป์จะสะสมรางวัลจากรอบแจ๊กพอตอย่างต่อเนื่อง ถ้าแชมป์ดวงดี สามารถป้องกันได้ถึง 10 สมัย จะได้รับทองคำหนักมูลค่า 10 บาท
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี พ.ศ. 2552
[แก้]รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี 2552 จะเป็นแบบแรลลี่ โดยมีผู้เข้าแข่งขัน 2 ทีม ทีมละ 4 คนมีดารารับเชิญมาร่วมสนุกโดยการเป็นหัวหน้าทีม ลักษณะการเล่นคือ ในแต่ละรอบจะต้องวัดดวงกันให้ชนะทีมฝ่ายตรงข้ามด้วยการวัดดวง ทีมที่ชนะ จะได้รับลูกบอลเก็บคะแนน 2 ลูก ในขณะที่ทีมที่แพ้ได้รับลูกบอลเก็บคะแนน 1 ลูก ในระหว่างเกมจะมีภารกิจให้ทำ โดยการมุ่งหน้าไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อให้ภารกิจสำเร็จก่อน ทีมใดที่ทำภารกิจแพ้จะโดนทำโทษต่าง ๆ เช่น หัก 2 คะแนน, ยึดลูกบอลคะแนน เป็นต้น
หลังจากที่วัดดวงกันมาถึงรอบที่ 3 จะมีการสรุปคะแนนจากลูกบอลคะแนน โดยข้างในลูกบอลคะแนนแต่ละลูกจะมีเลข 0 ถึง 9 อยู่ในลูกบอลซึ่งเป็นคะแนนของทีมที่ได้ ทีมใดได้คะแนนมากกว่าจะเป็นทีมที่ชนะและเข้ารอบสุดท้าย และรอบสุดท้ายจะคัดเข้ารอบเพียง 1 คนเท่านั้น และชิงแชมป์กับแชมป์ประจำสัปดาห์ เหมือนรูปแบบในปี 2551
แต่ต่อมา รูปแบบการเล่นนี้ ทำให้เสียเวลา และเกิดความลำบากในการเล่น อีกทั้งยังมีผู้เข้าแข่งขันน้อย (8 คน) จึงทำให้ยกเลิกการเล่นรูปแบบนี้ และเปลี่ยนกลับมาเล่นในรูปแบบเดิมคือ เล่น 30-50 คน และคัดเข้ารอบ-ตกรอบเหมือนเดิม (เหมือนกับรูปแบบการเล่นในปีพ.ศ. 2545ถึงปีพ.ศ. 2549) [3] [4]
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี พ.ศ. 2553 (วัดดวง วัดโดน)
[แก้]ดารารับเชิญทั้ง 3 คนจะมาวัดดวงกันตามสถานที่ต่าง ๆ โดยก่อนเริ่มเกม น้าเน็คจะทำการเชิญหมอดูออกมา (ช่วงเช็คดวงก่อนโดน) เพื่อทำนายทายทักในเรื่องต่าง ๆ พร้อมทั้งบอกว่าใครน่าจะเป็นคนที่ดวงตกที่สุด (ทั้งนี้ อาจจะมีช่วงกติกาเล่นทีเผลอซ่อนอยู่ โดนคนที่เผลอทำจะโดนทันที) หลังจากนั้นน้าเน็คจะพาดารารับเชิญไปเล่นเกมเพื่อหาคนที่ดวงดี, ดวงปกติและดวงอ่อน คนที่ดวงอ่อนจะโดนไปในแต่ละเกม เมื่อเล่นครบ 3 เกมจะทำการสรุป โดยผู้ที่ดวงดีที่สุดจะได้รับรางวัล 30,000 บาท ส่วนผู้ที่ดวงอ่อนที่สุดจะถูกทำโทษโดยการเพนท์ (เฮนน่า) อัปยศคำว่า "คนดวงตก" อีกด้วย
ในระหว่างรายการ น้าเน็คและดารารับเชิญจะพักรับประทานอาหารในช่วงกินตามดวง โดยน้าเน็คและดารารับเชิญจะไปรับประทานอาหารกับร้านอาหารในละแวกนั้น และร่วมวัดดวงกับทางร้านโดยมีกติกาคือ ทางรายการจะมีไม้จิ้มฟันอยู่ 8 ก้านอยู่ในเครื่องกดไม้จิ้มฟัน หนึ่งในนั้นจะมีปลายสีแดง ถ้าหากทางร้านหยิบได้ไม้แดง น้าเน็คและดารารับเชิญจะได้รับประทานอาหารในมื้อนั้นฟรี แต่ถ้าน้าเน็คและดารารับเชิญหยิบได้ไม้แดง ทางรายการจะต้องจ่ายค่าอาหารทั้งหมดเอง
เมื่อแข่งขันครบ 3 เกมแล้ว จะทำการเล่นช่วงพลิกดวง ซึ่งจะมีตุ๊กตาน้าเน็คอยู่ 5 ตัว หนึ่งในนั้นจะมีเครื่องหมายของรายการอยู่ ผู้ที่เลือกเจอเครื่องหมายของรายการ จะได้รับเงินโบนัส 10,000 บาท โดยลำดับในการเล่นจะเรียงจากผู้ที่ดวงดี, ดวงปกติ และดวงอ่อนตามลำดับ และถ้าหากคนดวงอ่อนเลือกได้เครื่องหมายของรายการ นอกจากจะได้รับเงินโบนัส 10,000บาท แล้ว จะได้รับยกเว้นในการถูกเฮนน่าอีกด้วย (ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นการเลือกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก SVOA แทนตุ๊กตาน้าเน็ค และถ้าคนดวงอ่อนได้รับโบนัส คนดวงปกติจะถูกเฮนน่าแทน)
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา ทางได้การได้ยกเลิกช่วงกินตามดวง และช่วงพลิกดวงออกไป และได้ให้ผู้ชมทางบ้านได้ร่วมสนุกเล่นเกมวัดดวง ในเกมที่ 3 โดยมีกฎคือ เมื่อเกมจบ ทีมที่ตกรอบ หัวหน้าทีมจะต้องโดนทำโทษ โดยผู้ชมทางบ้านที่ดวงดีที่สุด จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี พ.ศ. 2558 (แบบ Season แต่ตั้งแต่ เม.ย. ถึง มิ.ย. 2558)
[แก้]รูปแบบในปี 2558 เป็นรูปแบบในการออกอากาศแบบ Season ละ 13 ตอน โดยแต่ละตอนแบ่งได้ดังนี้
- EP.1 รวมภาพการแข่งขันเกมวัดดวงรอบคัดเลือก เพื่อคัดเลือกจากผู้สมัครมากว่า 1,000 คนให้เหลือ 600 คน ดังนี้
- ภาคเหนือ ศูนย์การค้าเมญ่า ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ จ.เชียงใหม่
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี จ.อุดรธานี
- ภาคใต้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ จ.สงขลา
- ภาคกลาง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร
- EP.2-6 รอบ Audition ณ Moon Star Studio ได้มีการนำ 100 เกมในตำนานของรายการเกมวัดดวงมาแข่งขันคัดเลือกจาก 600 คน ให้เหลือเพียง 300 กว่าคนเท่านั้น
- EP.7 รอบ The Master ผู้ที่ผ่านเข้ารอบจะต้องทำการดูดวงจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโหราศาสตร์ทั้ง 5 ศาสตร์ เพื่อคำนวณดวงในหน่วยดาว โดยผู้ที่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทั้ง 65 คนจะต้องเป็นคนดวงดีในระดับตั้งแต่ 3 ดาวขึ้นไป
- EP.8-12 รอบ The Mission ผู้เข้าแข่งขันจะถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละ 13 คน เพื่อแข่งขันในรอบ The Mission ในแต่ละ Stage ซึ่งแต่ละ Stage ล้วนเป็นสถานที่สำคัญระดับประเทศและมีเหตุผลของการเลือกสถานที่แข่งขัน ดังนี้
- EP.8 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ศูนย์การค้าชั้นนำระดับเอเชียที่มีผู้หมุนเวียนกว่า 150,000 คนต่อวัน
- EP.9 เกาะรัตนโกสินทร์ สถานที่ท่องเที่ยวที่รวมสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่างมากมาย และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
- EP.10 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานบริการดีเด่นเป็นอันดับ 5 ของโลก โดย Skytrax ที่มีผู้โดยสารกว่า 50 ล้านคนต่อปี
- EP.11 เรือหลวงจักรีนฤเบศร์
- EP.12 อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ อโศก
- EP.13 รอบ The Final round นำผู้ชนะจากแต่ละ Stage มาแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวงในปี พ.ศ. 2558 (แบบปกติ)
[แก้]หลังจากจบการแข่งขันแบบ Season เกมวัดดวงจะทำการแข่งขันให้ผู้เข้าแข่งขันไม่เกิน 20 คนมาเล่นเกมวัดดวง และคัดเข้ารอบ ตกรอบไปเรื่อย ๆ จนเหลือคนเดียว ซึ่งจะวัดดวงสัปดาห์ละ 4 รอบ โดยมีการกำหนดเทปในแต่ละสัปดาห์ว่าเป็นตอนอย่างไรบ้าง
รูปแบบการเล่นเกมวัดดวง ฮอลิเดย์
[แก้]ในเกมวัดดวง ฮอลิเดย์นั้น ทางรายการได้เปลี่ยนกลับมาเล่นเกมในรูปแบบ คัดคนเข้ารอบ-ตกรอบ เหมือนเดิม โดยในแต่ละครั้ง ผู้แข่งขันที่เป็นสุดยอดคนดวงดี (ผู้ชนะในแต่ละครั้ง) จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท และมีสิทธิ์เล่นเกมเพื่อชิงรางวัลแจ๊คพ็อต แพ็คเก็จทัวร์ประเทศเกาหลีใต้ อีกด้วย (หรือในบางครั้ง สุดยอดคนดวงดีจะได้รับรางวัลแจ๊คพ็อต โดยไม่ต้องเล่นเกมรอบแจ๊คพ็อต)
ตัวอย่างการเล่นเกมวัดดวง
[แก้]ในส่วนนี้เป็นตัวอย่างของการเล่นเกมวัดดวงซึ่งมีลักษณะและวิธีการเล่นต่าง ๆ ที่ง่าย และสามารถตัดสินได้ทันที ซึ่งบางเกมก็ใช้อุปกรณ์การเล่นไม่มาก และสามารถเอามาเล่นส่วนตัวกันได้ กติกาการเล่นเกมวัดดวงที่ออกอากาศจะไม่ซ้ำกันและเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในส่วนนี้จะยกส่วนหนึ่งเป็นตัวอย่างในการเล่นเกมวัดดวง ตามตารางด้านล่างนี้
ชื่อป้ายกติกา | ความหมาย | วิธีเล่น | การตัดสิน | |
เข้ารอบ | ตกรอบ | |||
"วัดดวงในการโยนลูกเต๋า ทายว่าเป็นคู่หรือคี่ ทายถูก เข้ารอบ, ทายผิด ตกรอบ" | ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทายว่า ลูกเต๋านี้จะออกเลขคู่หรือคี่ เมื่อทายแล้วจะมีการโยนลูกเต๋า ถ้าทายถูก เข้ารอบ แต่ถ้าทายผิด ตกรอบ | ผู้เข้าแข่งขันต้องบอกว่าลูกเต๋าที่โยนจะออกเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ จากนั้นผู้เข้าแข่งขันต้องโยนลูกเต๋าและรอลุ้นจนกว่าลูกเต๋าหยุด | ถ้าทายเป็นเลขคู่แล้วเลขออก 2, 4, 6 ถือว่าทายถูก | ถ้าทายเป็นเลขคู่แล้วเลขออก 1, 3, 5 ถือว่าทายผิด |
"วัดดวงในการโยนเหรียญหัว - ก้อย ทายถูก เข้ารอบ, ทายผิด ตกรอบ" | ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทายว่า เมื่อโยนเหรียญแล้วหน้าเหรียญจะออกเป็นหัวหรือก้อย ถ้าทายถูก เข้ารอบ แต่ถ้าทายผิด ตกรอบ | ผู้เข้าแข่งขันต้องบอกว่าหน้าเหรียญที่จะออกเป็นหัวหรือก้อย จากนั้นก็จะโยนเหรียญและตัดสินตามหน้าเหรียญ | หน้าเหรียญตรงกับผู้เข้าแข่งขันทาย | หน้าเหรียญไม่ตรงกับผู้เข้าแข่งขันทาย |
"คนที่อยู่ด้านขวาของคนที่ได้ลูกดำ เข้ารอบ" | วัดดวงด้วยการสุ่มหยิบลูกปิงปองซึ่งมี 2 สี คือ สีแดงและสีดำ | ผู้เข้าแข่งขันจะต้องหยิบสุ่มลูกปิงปองจากตู้หกเหลี่ยมด้านละ 1 คน ออกมาคนละ 1 ลูก ซึ่งมีลูกสีแดง 4 ลูก และลูกสีดำ 2 ลูก เมื่อผู้เข้าแข่งขันหยิบลูกปิงปองออกมาแล้วทุกคน จะมีการเปิดแผ่นป้ายกติกาซ่อนเพื่อตัดสินหาคนเข้ารอบ-ตกรอบในเกมนี้ต่อไป | ผู้เข้าแข่งขันอยู่บริเวณด้านขวาของคนที่ได้ลูกสีดำ | ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในบริเวณด้านขวาของคนที่ได้ลูกสีแดง หรือด้านซ้ายของคนที่ได้ลูกสีดำ |
"ใครอยู่แถว 2 ตกรอบ" | เกมนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับเกมที่มีชื่อว่า "อาถรรพ์หมายเลข..." ที่ออกอากาศเมื่อปี 2545 ซึ่งให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเข้าร่วมกลุ่มที่ต้องการ | (ไม่มีวีธีการ เนื่องจากเป็นกติกาซ่อน) | ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในแถวอื่นที่ไม่ใช่แถวที่ 2 | ผู้เข้าแข่งขันอยู่ในแถวที่ 2 |
"วัดดวงกับการเด็ดดอกไม้ เข้ารอบหรือตกรอบ ขึ้นอยู่กับดอกกลีบสุดท้าย" | เกมนี้เล่นกันทีละคน โดยเลือกช่อดอกไม้ที่ต้องการมาคนละ 1 ดอก แล้วเด็ดกลีบดอกไม้ออกไปเรื่อยๆ จนถึงกลีบสุดท้าย | เด็ดดอกไม้ออกไปทีละกลีบ โดยให้พูด "เข้ารอบ" "ตกรอบ" ไปด้วย | ดอกกลีบสุดท้ายลงที่คำว่า "เข้ารอบ" | ดอกกลีบสุดท้ายลงที่คำว่า "ตกรอบ" (เกมนี้หากผู้เข้าแข่งขันตกรอบ จะถูก Staff "ในเกมเรียกพี่ซูโม่" ลงโทษโดยการจับผู้เข้าแข่งขันลงสไลเดอร์น้ำที่มีความสูง 3 ระดับ) |
"ปลาทองจ้องตา ปลาหันหน้ามาที่ใคร คนนั้นตกรอบ" | ให้ผู้เข้าแข่งขันจ้องตู้ปลาทองที่ปิดไว้ ซึ่งจะมี 4 ด้าน ให้ผู้เข้าแข่งขันเลือก ถ้าเปิดออกมา ปลาทองหันหน้ามาทางด้านที่เลือกไว้ (หันหน้ามาสบตาผู้เข้าแข่งขัน) ตกรอบ | เกมนี้เล่นทีละ 4 คน เพราะตู้ปลาทองมี 4 ด้าน เมื่อผู้เข้าแข่งขันเลือกด้านเสร็จเรียบร้อย ทีมงานจะเปิดตู้ออกมาเพื่อให้เห็นว่า ปลาจ้องหน้ามาหาใคร | ปลาทองไม่หันหน้ามาทางด้านที่เลือกไว้ (ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะเห็นลำตัวหรือหางของปลาทอง) | ปลาทองหันหน้ามาทางด้านที่เลือกไว้ (ซึ่งสบตากับผู้เข้าแข่งขันตรง ๆ) |
"เข็มทิศชี้ไปที่ใคร คนนั้นตกรอบ" | เกมนี้ให้ผู้เข้าแข่งขันออกมาหมุนเข็มทิศที่อยู่ตรงกลางทีละคน ทีละรอบ ล้อมรอบด้วยกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน | ส่งตัวแทนออกมาหมุนเข็มทิศรอบละ 1 คน โดยที่ปลายของเข็มทิศนั้น ห้ามชี้ไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นโดยเด็ดขาด | เข็มทิศชี้ไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น | เข็มทิศชี้ไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ถือว่าตกรอบและถูกลงโทษโดยการยิงแป้งระยะเผาขน |
"ป้ายที่หน้าอกเป็นเลข 2 ตัว และลงท้ายด้วยเลข 2 ตกรอบ" | เป็นกติกาเชิงหักมุม ซึ่งจะเฉลยกติกานี้ในภายหลัง | (ไม่มีวีธีการ เนื่องจากเป็นกติกาซ่อน) | หมายเลขผู้เข้าแข่งขันที่หน้าอกลงท้ายด้วยด้วยเลข 2 และเป็นเลขตัวเดียว หรือ เลข 2 หลัก ลงท้ายด้วยเลขอื่น | หมายเลขผู้เข้าแข่งขันเป็นเลข 2 หลัก และลงท้ายด้วยเลข 2 |
"สุนัขเข้าไปเลียหรือกินอาหารของใคร คนนั้นตกรอบ" | ผู้เข้าแข่งขันเลือกอาหารที่คิดว่าเป็นอาหารของสุนัขคนละ 1 ชาม เมื่อสุนัขตัวแรกปล่อยตัวออกไป สุนัขจะเลือกกินอาหารทันที ซึ่งถ้าสุนัขไปกินอาหารของใครคนใดคนหนึ่ง คนนั้นจะตกรอบ | ให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกอาหารคนละ 1 ชาม แล้วนำไปวางบริเวณจุดที่ต้องการ และในขณะที่สุนัขกำลังเลือกอาหาร ห้ามผู้เข้าแข่งขันส่งเสียงดังหรือแสดงกิริยาท่าทางใดๆ กับสุนัขเด็ดขาด | สุนัขไม่กินอาหารของคนคนนั้น | สุนัขเข้าไปเลียหรือกินอาหารของคนคนนั้น |
"น้ำอัดลมของกลุ่มใดซ่า เข้ารอบ" | จะมีขวดน้ำอัดลมและขวดน้ำธรรมดาสลับกันไป เมื่อเลือกแล้ว จะมีการใส่ยาเม็ดที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา ถ้าใส่ยาแล้วมีปฏิกิริยาเกิดความซ่า จะเข้ารอบทันที | ผู้เข้าแข่งขันเลือกหยิบขวดที่คิดว่าเป็นขวดน้ำอัดลม ซึ่งจะทำปฏิกิริยาเกิดความซ่าออกมาให้ได้ | ขวดน้ำที่เลือกแล้ว เป็นน้ำอัดลม ซึ่งใส่ยาลงไปแล้วมีปฏิกิริยาความซ่าออกมา | ขวดน้ำที่เลือกแล้ว เป็นน้ำธรรมดา ซึ่งใส่ยาลงไปแล้วไม่มีปฏิกิริยาความซ่าออกมา |
"เล่นทีเผลอ:ใครเล่นมุขปลาวาฬชุบแป้งทอด ตกรอบทั้งกลุ่ม" | เป็นกติกาทีเผลอ ทีมงานจะซ่อนกติกาไว้แล้วจับตาผู้เข้าแข่งขันว่าใครตอบว่า "ปลาวาฬชุบแป้งทอด" กลุ่มที่ตอบก็จะตกรอบหมดทั้งกลุ่ม | (ไม่มีวีธีการ เนื่องจากเป็นกติกาซ่อน) | (ไม่มี) | เผลอตอบว่า "ปลาวาฬชุบแป้งทอด" ไม่ว่าจะเป็นคำถามใด ๆ ที่คำตอบที่ถูกต้องคือปลาวาฬชุบแป้งทอด |
"เล่นทีเผลอ:ใครใส่แว่นกันแดด ตกรอบ" | เป็นกติกาทีเผลอ ที่ทีมงานจะซ่อนไว้ แล้วจับตาดูว่า ใครสวมแว่นกันแดดเข้ามาเล่นเกม | (ไม่มีวีธีการ เนื่องจากเป็นกติกาซ่อน) | (ไม่มี) | ผู้เข้าแข่งขันใส่แว่นกันแดดเข้ามาเล่นเกม |
รอบแจ๊กพอต
[แก้]หลังจากที่เล่นเกมวัดดวงครบทุกรอบแล้ว ผู้ที่ดวงดีที่สุดผ่านเข้ารอบเพียง 1 คนจะได้เข้าไปชิงรางวัลในรอบแจ๊กพอต ในห้องส่งของทางรายการ กติการการเล่นแจ๊กพอตในแต่ละรูปแบบมีรายละเอียดดังนี้
รอบแจ๊กพอตแบบแรก (พ.ศ. 2545 - 2546)
[แก้]ในเกมนี้ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการแข่งขันในเกมวัดดวงจะให้เลือกแผ่นป้ายทั้ง 6 แผ่นป้ายโดยป้ายเลข 0 มี 5 แผ่นป้ายส่วนป้ายเลข 1 มีอยู่ป้ายเดียวโดยให้ผู้เข้าแข่งขันเลือกแผ่นป้ายและเลือกตำแหน่ง แสน หมื่น พัน ร้อย สิบ หน่วย ด้วยจากนั้นเมื่อเลือกครบแล้วพิธีกรจะบอกว่าเปลี่ยนตำแหน่งหรือไม่ทั้งนี้เมื่อเปิดเป็นเลข 1 ตามตำแหน่งจะได้เช็คเงินสดตามจำนวนรางวัลที่ได้ อย่างเช่น เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง แสน จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง หมื่น ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง พัน ได้เงินรางวัล 1,000 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง ร้อย ได้เงินรางวัล 100 บาท, เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง สิบ ได้เงินรางวัล 10 บาท และ เปิดเลข 1 อยู่ตำแหน่ง หน่วย ได้เงินรางวัล 1 บาท โดยที่หลังเปิดแผ่นป้ายเสร็จพิธีกรจะเขียนเช็คจำนวนเงินรางวัลที่ได้ลงไปในกระดาษเช็คเงินสดจำลองให้ผู้เข้าแข่งขันไปด้วย ทั้งนี้ เมื่อจบรอบนี้แล้วผู้เข้าแข่งขันได้รับเงินรางวัลน้อยกว่า 10,000 บาท ผู้เข้าแข่งขันสามารถนำเงินรางวัลที่เปิดได้ มาแลกเปลี่ยนเป็น 10,000 บาทได้ โดยพิธีกรจะมีของให้ 2 อย่าง ในของ 2 อย่างจะมีเงินรางวัล 10,000 หรือ 0 บาท ถ้าเลือกของถูกชิ้น จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาทแทน
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2547
[แก้]รอบแจ๊กพอตในปีดังกล่าวมีรูปแบบเป็นหมุนวงล้อเลียนแบบวงล้อออกสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยที่มีวงล้อมีทั้งหมด 6 หลัก แต่ละหลักจะมี 1 - 3 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทายว่า วงล้อในแต่ละหลักจะออกเลขอะไรบ้าง หากผู้เข้าแข่งขันทายถูก ก็จะได้รับเงินรางวัลไป โดยที่ทายถูกทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัลสูงสุด 1,000,000 บาท การทายถูกในแต่ละหลัก จะได้รับเงินรางวัลหลักละ 10,000 บาท แต่จะมีการกำหนดรางวัลพิเศษขึ้นคือ ถ้าหากถูก 2 ตำแหน่งสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท (จากเดิม 20,000) หากถูก 3 ตำแหน่งสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท (จากเดิม 30,000)
ภายหลังได้มีการกำหนดอัตราเงินรางวัลดังนี้
- ทายถูก 1 หลัก รับเงินไป 10,000 บาท
- ทายถูก 2 หลัก รับเงินไป 20,000 บาท
- ทายถูก 3 หลัก รับเงินไป 30,000 บาท
- ทายถูก 4 หลัก รับเงินไป 50,000 บาท
- ทายถูก 5 หลัก รับเงินไป 100,000 บาท
- ทายถูกครบ 6 หลัก รับเงินแจ๊กพอต 1,000,000 บาท
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2548
[แก้]รอบแจ๊กพอตในปีดังกล่าวมีรูปแบบเป็นแบบเสี่ยงเซียมซี โดยจะมีเซียมซีทั้งหมด 7 แท่งซึ่งระบุจำนวนครั้งในการเปิดแผ่นป้าย โดยจะมีเลข 1 1 แท่ง เลข 2 2 แท่ง เลข 3 3 แท่ง และคูณ2 1 แท่ง เมื่อเสี่ยงเซียมซีได้แล้ว ผู้เข้าแข่งขันมีสิทธิ์เลือกแผ่นป้าย โดยจะมีจำนวนเงินรางวัลดังตารางต่อไปนี้
50 | 500 | 1,000 | 1,500 | 2,000 |
2,500 | 3,000 | 3,500 | 4,000 | 5,000 |
10,000 | 15,000 | 20,000 | 25,000 | 30,000 |
35,000 | 40,000 | 50,000 | 100,000 | 500,000 |
หากผู้เข้าแข่งขัน มีโอกาสเปิดแผ่นป้ายมากกว่า 1 ครั้ง ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกว่า จะเอาเงินรางวัลที่เปิดได้ในใบนี้ (และหยุดเกมลง) หรือเลือกเปิดใหม่ในใบถัดไป (ไม่เอาใบที่เปิดได้)
ต่อมา ได้เปลี่ยนกติกาเล็กน้อย โดยมีกล่องเสี่ยงเซียมซีเลือกแผ่นป้ายทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายจะมีจำนวนเงินแตกต่างกัน โดยมีเงินรางวัลสูงสุดถึง 500,000 บาท และจะมีป้ายพิเศษที่ทวีคูณเงินเป็นสองเท่า ผู้เข้าแข่งขันจะได้เสี่ยงเซียมซี 2 ครั้ง ซึ่งต้องเสี่ยงดวงด้วยการเสี่ยงเซียมซี ถ้าไม้เสี่ยงทายออกหมายเลขใด ก็จะได้รับเงินรางวัลไปตามนั้น การทำแจ็กพอตแตกคือ การเสี่ยงได้ป้าย 500,000 บาท และ ทวีคูณสองเท่า
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2548-2549
[แก้]ผู้เข้าแข่งขันจะเลือกป้ายเป่ายิ้งฉุบ 7 แผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรอบแจ๊คพอต (ผู้สนับสนุนรอบแจ๊คพอต คือ เครื่องดื่มกระทิงแดง) หากชนะป้ายที่ผ่านมา จะได้เงินรางวัล 10,000 บาท การเปิดป้ายเป่ายิ้งฉุบนั้น ในแต่ละป้าย จะเป็นดังนี้ (ในป้ายที่ 6 ถ้าชนะป้ายที่ 5 ได้ เงินรางวัลจะบวกอีก 50,000 บาท ป้ายสุดท้าย ถ้าชนะป้ายที่ 6 ได้ จะได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอต 1,000,000 บาท)
- ป้ายที่ 1 รับไปก่อน 10,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นอาวุธใด ๆ ก็ตามเช่น กระดาษ กรรไกร หรือค้อน
- ป้ายที่ 2 ชนะ ป้ายที่ 1 (ชนะ 1 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 20,000 บาท
- ป้ายที่ 3 ชนะ ป้ายที่ 2 (ชนะ 2 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 30,000 บาท
- ป้ายที่ 4 ชนะ ป้ายที่ 3 (ชนะ 3 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 40,000 บาท
- ป้ายที่ 5 ชนะ ป้ายที่ 4 (ชนะ 4 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 50,000 บาท
- ป้ายที่ 6 ชนะ ป้ายที่ 5 (ชนะ 5 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 100,000 บาท
- ป้ายที่ 7 ชนะ ป้ายที่ 6 (ชนะทั้งหมด) จะได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอต1,000,000 บาท
ในขณะที่เล่นนั้นสามารถหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะหยุด และได้รับเงินรางวัลนั้นไป ในกรณีที่เล่นต่อแล้วเสมอ เงินรางวัลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงและเล่นต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าหากเล่นต่อแล้วแพ้ เกมจะหยุดลงโดยทันทีแล้วเงินรางวัลจะเปลี่ยนเป็น 0 บาททันที แต่ทีมงานจะมีเงินรางวัลปลอบใจเป็นค่ายานพาหนะกลับบ้าน 5,000 บาท
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2550
[แก้]รอบแจ๊กพอตในปี 2550 เป็นการเปิดป้ายหาของรางวัลรวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เริ่มแรก ผู้เข้ารอบแจ็กพอต จะได้หมุนคันโยก เพื่อให้ได้เลขจำนวนการเปิดป้าย 2 ถึง 6 ป้าย เมื่อได้จำนวนป้ายที่เปิดแล้ว จึงจะมาเปิดป้ายของรางวัลจาก 12 แผ่นป้าย เมื่อเปิดเจอป้ายอะไร จะได้รับของรางวัลดังกล่าว ถ้าหากดวงดี แจ๊กพอตแตกเปิดเจอโลโก้กระทิงแดงหันหน้าชนกัน (ซึ่งจะมี 2 ป้ายคือ โลโก้ส่วนซ้าย กับโลโก้ส่วนขวา) เกมจะหยุดลงทันทีและจะได้รับของรางวัลทั้งหมดในรอบแจ๊กพอตกลับบ้านไปเลย (รอบแจ๊คพอตนี้สนับสนุนโดย เครื่องดื่มกระทิงแดง)
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2551
[แก้]รอบแจ๊กพอตในปี 2551 จะเป็นการเลื่อนคันโยกให้วัวกระทิงแดงเคลื่อนที่หันหน้ามาชนกัน โดยผู้เข้าแข่งขันที่ชนะ จะเลือกคันโยก 6 คันโยก จาก 12 คันโยก ให้วัวกระทิงแดงหันหน้าชนกัน โดยมีป้ายเฉลยเป็นตัวยืนยัน เมื่อดึงถูกรูปวัวกระทิงแดงจะเลื่อนขึ้นมา และป้ายเฉลยจะเป็นรูปตราสัญลักษณ์กระทิงแดง และได้รับเงินรางวัลสะสมป้ายละ 10,000 บาท หากเลื่อนผิด รูปวัวจะไม่เคลื่อน ในป้ายเฉลยจะเป็นรูปพิธีกรดีเจไก่หรือน้าเน็ค ซึ่งตราสัญลักษณ์และรูปพิธีกรจะมีอย่างละ 6 แผ่นป้าย ถ้าเลื่อนคันโยกถูกติดต่อกันถึง 6 คันโยก จะได้รับรถยนต์ ซึ่งเป็นรางวัลแจ๊กพอตในปีนี้ ในกรณีที่เจอรูปพิธีกรตั้งแต่ป้ายแรก (วัวไม่เคลื่อน) จะมีโอกาสเปิดให้เป็นรูปพิธีกรให้ครบ 6 แผ่นป้ายได้ จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ถ้าเจอโลโก้กระทิงแดงแล้วเจอพิธีกร เกมจะหยุดลงและได้รับรางวัลเท่าที่ได้ ถ้าเจอพิธีกรแล้วเจอโลโก้กระทิงแดงเกมจะหยุดลงและได้รับ 10000 บาท
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2552
[แก้]ในรอบแจ๊กพอตของเกมวัดดวงจะมีกติกามีอยู่ว่าจะมี 12 กล่องซึ่งจะมีสร้อยคอทองคำ 1 บาทมีอยู่ 6 กล่องส่วนอีก 6 กล่องเป็นรูปภาพซึ่งรูปภาพในแต่ละกล่องเป็นรูปภาพของผู้ชมทางบ้านโดยกติกามีอยู่ว่าให้เลือกกล่องไหนถ้าหากเลือกเจอกล่องที่มีสร้อยทองนั้นถือว่าเล่นต่อไปแต่เปิดกล่องรูปภาพของผู้ชมทางบ้านถือว่าเกมจะหยุดลงทันทีและรวบรวมสร้อยคอทองคำที่เปิดได้อยู่ด้วยและภาพที่ถูกเปิดนั้นเจ้าของรูปก็ได้รับเงินรางวัล 2,000 บาทแต่กรณีเปิดเป็นรูปของผู้ชมทางบ้านตั้งแต่แรกจะให้เล่นต่อโดยให้หากล่องที่มีสร้อยคอทองคำโดยเปิดกล่องเป็นสร้อยคอทองคำ 1 บาทถือว่าหยุดเกมลงทันทีทั้งนี้เมื่อเปิดกล่องที่มีสร้อยคอทองคำ 1 บาท ครบทั้ง 6 กล่องจะได้รับรถยนต์ซึ่งเป็นรางวัล แจ๊กพอต เจอตัวหยุด ครบทั้ง 6 กล่องจะได้รับเงินรางวัล 100000 บาท
ในรอบแจ๊กพอตของเกมวัดดวงในปี 2558 จะแบ่งเป็น 3 เกมประกอบด้วย
- เกม Egg Roulette (ในรายการสะกดเกมด่านนี้ว่า "Egg Rulet") มีกติกาคือ ทางพิธีกรจะจับผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 5 คนจาก 5 สเตจแข่งขัน มา 1 คน โดยคนที่ถูกจับจะสามารถเลือกอีก 1 คนจาก 4 คนที่เหลือเพื่อเป็นเหยื่อสำหรับการยิงไข่เพื่อวัดดวงว่าไข่ที่ปานั้นเป็น ไข่ดิบหรือไข่ต้ม จากไข่ทั้งหมด 6 ฟอง (แต่มีไข่ดิบแค่ฟองเดียว) ใครโดนปาแล้วเป็นไข่ดิบ ตกรอบแรก
- เกม Bingo TV Program มีกติกาคือ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะมีสิทธิ์หยิบเลือกการ์ดที่มีตัวเลข 0-9 จำนวน 5 ชุด ชุดละ 1 ใบต่อ 1 คน และให้ลุ้นจากตัวเลขต่าง ๆ ที่พูดออกมาจากตัวอย่างรายการของช่อง GMM25 ใครที่เจอตัวเลขที่พูดออกมาในแต่ละตัวอย่างรายการ ก็จะสามารถดึงเลขต่าง ๆ มาลงที่กองกลาง ใครลงครบ 5 ใบก่อน เข้ารอบสุดท้าย โดยรอบนี้จะคัดเลือกเฉพาะ 2 คนแรกที่ลงการ์ดตัวเลขครบก่อน
- เกม Wheel of Million มีกติกาคือ มีวงล้อที่มี 13 ช่อง โดยแต่ละช่องจะมีตัวอักษรประกอบด้วย G, M, 2 และ 5 ซึ่งตัว G, M และ 2 จะมีอย่างละ 4 ช่อง ส่วนเลข 5 จะมีแค่ช่องเดียวเท่านั้น โดยให้คุณสายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของช่องมาเป็นผู้จับว่าใครจะได้หมุนวงล้อนี้ก่อน หลังจากนั้นก็ให้แต่ละคนหมุนวงล้อ ถ้าหากหมุนแล้วได้ตัวอักษร G-M-M-2-5 ตามลำดับ ถือว่าชนะในเกมนี้ และได้เงินรางวัล 1 ล้านบาทไปครอง
ซึ่งผู้ที่ได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาทในซีซั่นนี้คือ นายหิรัณย์ พรหมมา (กาย) อายุ 18 ปี ที่ผ่านเข้ารอบจากสเตจเรือหลวงจักรีนฤเบศร
รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2558 (แบบปกติ)
[แก้]ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นสุดยอดคนดวงดีประจำสัปดาห์ จะต้องเข้าแท่นหมุนดวงเสี่ยงโชค (บางกรณีทางรายการให้ปั่นจิ้งหรีด นั่งเก้าอี้หมุน ฯลฯ) หลังจากนั้นจะต้องออกมาเลือกกล่องเพียงกล่องเดียว จาก 10 กล่อง จะมี 20,000 บาท 1 กล่อง 10,000 บาท 2 กล่อง นอกนั้นของเสริมดวง หากเปิดเจอของเสริมดวง ก็รับของเสริมดวง หากเจอเงิน 10,000 บาท ก็รับเงิน 10,000 บาท หากเจอเงิน 20,000 บาท ก็รับเงิน 20,000 บาทไปเลย
กิจกรรมที่มีส่วนร่วมกับผู้สนับสนุน
[แก้]หลังจากที่เกมวัดดวงได้ออกาอาศมาอย่างต่อเนื่อง และมีผู้สนับสนุนเข้ามาให้การสนับสนุนรายการ และได้นำส่วนหนึ่งของรายการเกมวัดดวงไปจัดกับกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
GMM MEDIA New year Festival 2004
[แก้]เป็นกิจกรรมของทางกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่จัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมกับทางรายการ รวมทั้งรายการอื่นๆ ที่ผลิตโดยจีเอ็มเอ็มทีวี และรายการวิทยุที่ออกอากาศตามสถานีวิทยุที่ผลิตโดยจีเอ็มเอ็ม มีเดีย (เอไทม์ มีเดีย) โดยการส่ง SMS ร่วมสนุกด้วยวิธีการพิมพ์รหัสประจำรายการ แล้วทำตามกติกาที่แต่ละรายการกำหนด จากนั้นส่ง SMS ไปยังเบอร์ที่กำหนดไว้ในแต่ละรายการ (สำหรับรายการเกมวัดดวง ให้พิมพ์ WD แล้วทำตามกติกาที่รายการกำหนด จากนั้นส่งไปที่ 480266 โดยมีของรางวัลเป็นเสื้อยืดรายการเกมวัดดวง ซึ่งจะแจกสัปดาห์ละ 5 รางวัลในกิจกรรม โหวตสุดยอดเกมวัดดวงประจำปี 2547) เพื่อสะสมคะแนนแลกของรางวัล หรือลุ้นรับเงินรางวัลใหญ่ในช่วงปลายเดือน ซึ่งประกอบไปด้วย รางวัลที่ 1 รับเงินรางวัล 500,000 บาท เดือนละ 1 รางวัล รางวัลที่ 2 รับเงินรางวัล 100,000 บาท เดือนละ 5 รางวัล และรางวัลที่ 3 รับเงินรางวัล 20,000 บาท เดือนละ 20 รางวัล
กิจกรรมนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2547 ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 โดยจะจับรางวัลและประกาศผลผู้โชคดี 3 ครั้ง เดือนละ 1 ครั้ง ในรายการ O:IC โดยที่การจับรางวัลแต่ละครั้งจะสุ่มด้วยระบบคอมพิวเตอร์
อีซูซุดีแม็คซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรลโชว์ วัดดวงทั่วไทย
[แก้]เป็นกิจกรรมของรถอิซูซุ ที่ได้นำเอารายการมาเป็นส่วนร่วมตามชื่อดังกล่าว โดยจัดที่ศูนย์อิซูซุสาขาหนึ่งในแต่ละจังหวัด, ซึ่งมีการจัดแสดงงานหลายอย่างคือ การประกวาดร้องเพลงประกอบลีลาของเด็ก ๆ จากสถาบันต่าง ๆ, การแข่งขันทำลายสถิติการใช้งานของรถ (วัดจากตัวเลขกิโลเมตรที่ใช้งาน) พร้อมทั้งการเล่นเกมวัดดวง โดยมีน้าเน็คและพิธีกรอีกคนมาทำหน้าที่เป็นพิธีการหาคนที่ดวงดีที่สุดประจำจังหวัด และท้ายงานมีมินิคอนเสิร์ตของเหล่าศิลปินจังหวัดละ 2 คน มาร้องเพลงให้ผู้เข้างาน
หลังจากที่ได้คนดวงดีประจำจังหวัดแล้ว จะได้เล่นเกมวัดดวงที่ห้องส่ง ผู้ที่ดวงดีที่สุดของประเทศ จะได้รับรถอีซูซุดีแมกซ์รุ่นใหม่ของโลก
กิจกรรมนี้จัดขึ้นมา 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งที่ 2 จะมีการสะสมเงินรางวัลให้กับคนดวงดีประจำจังหวัด เงินรางวัลสูงสุดถึง 50,000 บาท
เกมวัดดวง ร้านแตกแจกล้านกับคอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ
[แก้]ในปี พ.ศ. 2550 บริษัท เอสวีโอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยนำเอาเกมวัดดวงไปจัดงานเป็นชื่องานตามหัวข้อดังกล่าว ซึ่งเป็นงานที่จัดให้กับลูกค้าที่ใช้คอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ ซึ่งจะค้นหาคนดวงดีประจำภาค เมื่อมาแข่งขันวัดดวงกัน ภายในงานจะมีแบ่บออกเป็นสองช่วงได้แก่ในช่วงเช้าจะมีการแข่งขันประกอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พร้อมกับลงระบบปฏิบัติการ, ในช่วงบ่ายจะมีกิจกรรมเกมวัดดวงโดยมีน้าเน็คเข้ามาเป็นพิธีกรในงาน การค้นหาคนดวงดีประจำภาคนั้น ค้นหาสองคนประจำภาค โดยรอบสุดท้ายจะลุ้นรหัส วัดดวง ผู้ที่เป็นตัวแทนคนดวงดีประจำภาคจะได้รับคอมพิวเตอร์พกพา (หรือ Notebook), [6] หลังจากที่ได้คนดวงดีประจำภาคเรียบร้อยแล้ว จะมีการแข่งวัดดวงกันที่กรุงเทพฯ ผู้ที่ดวงดีที่สุดจะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท
ในครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง จัดในปี พ.ศ. 2550 หลังจากเสร็จสิ้นจากกิจกรรมในช่วงเย็นจะมีมินิคอนเสิร์ตของเหล่าศิลปิน 2 คน มาร้องเพลงให้ผู้เข้างาน เช่นเดียวกับงานวัดดวงทั่วไทย และครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2551 ได้นำ เจริญพร อ่อนละม้าย (โก๊ะตี๋) กับ ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ (อ้น) มาเป็นหัวหน้าทีมในการหาตัวแทนสุดยอดคนดวงดีประจำภาคอีกด้วย
ซุเปอร์กาแฟ เกมวัดดวงออนทัวร์
[แก้]ผลิตภันท์ "ซุเปอร์กาแฟ" ได้นำเอาเกมวัดดวงมาจัดภายใต้ชื่อ ซุเปอร์กาแฟ เกมวัดดวงออนทัวร์ ในปี พ.ศ. 2551 โดยเป็นการมอบความสนุก โดยหาคนดวงดีประจำภาค โดยมีพิธีกร 2 คนไปร่วมสนุกคือ คุณท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และ คุณ โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ภายในงาน จะมีการจัดเกมวัดดวง 4 ครั้ง ครั้งละ 4 รอบ โดยที่กติกาและการแต่ละรอบจะไม่เหมือนกัน ผู้ที่ดวงดีที่สุดในแต่ละครั้ง จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมกับผลิตภันท์ซุเปอร์กาแฟ [7] และจะมีการจัดงานลักษณะนี้ ในแต่ละจังหวัด เดือนละ 1 ครั้งอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี พ.ศ. 2551
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ""เกมวัดดวง-เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร" หลุดผังปี 54 "ช่อง5" ยันโปร่งใสไร้รับสินบน โต้แบนเพศที่3 ออกจอ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-20. สืบค้นเมื่อ 2010-12-25.
- ↑ HAMBURGER, Naked 3 - น้าเน็ครายวัน ตอน เกมวัดดวง, สำนักพิมพ์ A-Book, 2546, หน้า 15
- ↑ เกมวัดดวง เทปวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2552 ช่วงท้ายรายการ
- ↑ ทีมงานเกมวัดดวง (สัมพาษณ์เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552)
- ↑ เทปรายการเกมวัดดวง 2015 รอบ The Final Round บน YouTube
- ↑ "เกมวัดดวงร้านแตกแจกล้านกับคอมพิวเตอร์เอสวีโอเอ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2007-08-24.
- ↑ "ซุเปอร์กาแฟ เกมวัดดวงออนทัวร์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-06. สืบค้นเมื่อ 2009-03-22.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- รายการโทรทัศน์ช่อง 5
- รายการโทรทัศน์โดยจีเอ็มเอ็มทีวี
- รายการโทรทัศน์ไทยที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2545
- เกมโชว์ไทยในคริสต์ทศวรรษ 2000
- รายการโทรทัศน์ไทยที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2553
- รายการโทรทัศน์ไทยที่ถูกนำกลับคืนมาหลังจากถูกยกเลิก
- รายการโทรทัศน์ช่องจีเอ็มเอ็ม 25
- รายการโทรทัศน์ไทยที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2558
- เกมโชว์ไทยในคริสต์ทศวรรษ 2010
- รายการโทรทัศน์ไทยที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2558