ข้ามไปเนื้อหา

สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ
ประเภท
สร้างโดยเดฟ ฟิโลนี
เค้าโครงจากสตาร์ วอร์ส
โดย จอร์จ ลูคัส
พัฒนาโดย
  • เดฟ ฟิโลนี
  • เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์
กำกับโดยแบรด ราว (กำกับดูแล)
เสียงของ
ผู้ประพันธ์เพลง
ประเทศแหล่งกำเนิดสหรัฐ
ภาษาต้นฉบับอังกฤษ
จำนวนฤดูกาล3
จำนวนตอน47
การผลิต
ผู้อำนวยการผลิต
  • เดฟ ฟิโลนี
  • อะทีนา อีเวตต์ พอร์ทิลโอ
  • เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์
  • แบรด ราว
ผู้อำนวยการสร้างจอช ไรม์ส
ความยาวตอน23–75 นาที
บริษัทผู้ผลิต
ออกอากาศ
เครือข่ายดิสนีย์+
ออกอากาศ4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-04) –
1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 (2024-05-01)
การแสดงที่เกี่ยวข้อง
สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส

สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ (อังกฤษ: Star Wars: The Bad Batch) เป็นแอนิเมชันชุดอเมริกัน สร้างโดยเดฟ ฟิโลนี ออกอากาศบนบริการสตรีมมิงดิสนีย์+ แอนิเมชันชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส เป็นทั้งภาคต่อและภาคแยกของแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส โดยต่อเนื่องจากตอนจบของแอนิเมชันชุดนั้นที่บรรยายเหตุการณ์ต่อเนื่องหลังคำสั่งที่ 66 และจุดจบของสงครามโคลน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ติดตามหน่วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์และต้านทานต่อคำสั่งที่ 66 และต้องหลบหนีไปในช่วงเริ่มต้นของจักรวรรดิกาแลกติก พวกเขาถูกร่วมโดยโอเมก้าซึ่งเป็นโคลนเด็กหญิง

ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ ให้เสียงเป็น แบดแบทช์ กลุ่มทหารโคลนที่มีความสามารถพิเศษจากการกลายพันธุ์ นอกจากนี้ยังให้เสียงทหารโคลนคนอื่น ๆ ในเรื่อง ซึ่งเป็นการกลับมารับบทเดิมของเขาจาก เดอะ โคลน วอร์ส มิเชลล์ แอง ให้เสียงเป็นโอเมก้า โคลนเด็กหญิงที่เข้าร่วมกับกลุ่มนี้ แอนิเมชันชุดนี้ได้รับคำสั่งให้สร้างอย่างเป็นทางการหลังจากที่ซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส แนะนำกลุ่มแบดแบทช์จากแนวคิดของผู้สร้าง สตาร์ วอร์ส จอร์จ ลูคัส ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นผลิตโดยลูคัสฟิล์มแอนิเมชัน โดยมี เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ เป็น หัวหน้าผู้เขียนบท และแบรด ราว เป็น ผู้กำกับดูแล; ฟิโลนี, คอร์เบตต์และราว ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างพร้อมกันกับอะทีนา อีเวตต์ พอร์ทิลโอ

สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม จนถึง 13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 มีจำนวน 16 ตอน[1] แอนิเมชันชุดได้รับการสร้างต่อในซีซันสอง ออกอากาศวันที่ 4 มกราคม จนถึง 29 มีนาคม ค.ศ. 2023 และซีซันสามซึ่งเป็นซีซันสุดท้าย มีจำนวนตอน 15 ตอน ออกอากาศวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึง 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 แอนิเมชันชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์โดยเฉพาะในเรื่องแอนิเมชันและการพากย์เสียง

เรื่องย่อ

[แก้]

ในจักรวาล สตาร์ วอร์ส สงครามโคลนเป็นชุดของข้อพิพาทระหว่างสาธารณรัฐกาแลกติกและขบวนการแบ่งแยกดินแดน โดยได้ชื่อมาจากกองทัพของสาธารณรัฐซึ่งประกอบไปด้วยโคลนทรูปเปอร์ที่สร้างจากชิ้นส่วนพันธุกรรมของนักล่าเงินรางวัล แจงโก้ เฟทท์ หน่วยโคลน 99 หรือที่รู้จักในชื่อ แบดแบทช์ เป็นกลุ่มทหารโคลนที่มีความสามารถพิเศษจากการกลายพันธุ์ที่ปรากฏตัวครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส[2][3] การกลายพันธุ์นี้ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ของแบดแบทช์ต้านคำสั่งที่ 66 ซึ่งเป็นคำสั่งที่จบสงครามโคลน โดยการกระตุ้นโปรแกรมลับในโคลนทรูปเปอร์ที่ทำให้โคลนทรูปเปอร์เหล่านั้นสำเร็จโทษเจไดและเชื่อฟังคำสั่งจากจักรพรรดิพัลพาทีนและจักรวรรดิกาแลกติก สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ดำเนินเรื่องเกี่ยวกับทีมโคลนที่มีชื่อเสียงนี้ โดยรับภารกิจเป็นทหารรับจ้างที่กล้าหาญหลังพลพวงของสงครามโคลนในช่วงเริ่มต้นของจักรวรรดิ โดยมีโอเมก้าซึ่งเป็นโคลนเด็กหญิงของแจงโก้ เฟทท์เข้าร่วมกลุ่มนี้ด้วย[2][4]

นอกจากนี้ แอนิเมชันชุดนี้ยังเล่าถึงเรื่องราวของโคลนทรูปเปอร์นายอื่น ๆ หลังการสิ้นสุดสงครามโคลน ประกอบด้วย บางส่วนนั้นตั้งคำถามต่อคำสั่งที่ 66 ได้อย่างไร, จักรวรรดิปลดระวางกองทัพโคลน และแทนที่ด้วยทหารเกณฑ์สตอร์มทรูปเปอร์ได้อย่างไร, และทรัพยาการเกี่ยวกับการโคลนของจักรวรรดิถูกนำไปใช้ใน "โปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์" —โปรเจ็กต์ลับเพื่อสร้างโคลนของพัลพาทีนซึ่งสามารถอธิบายการกลับมาจากความตายของพัลพาทีนในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (ค.ศ. 2019)[5][6][7]

ตอน

[แก้]
ปีจำนวนตอนวันที่เผยแพร่
วันแรกวันสุดท้าย
1164 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-04)13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 (2021-08-13)
2164 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-04)29 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-29)
31521 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (2024-02-21)1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 (2024-05-01)

ซีซัน 1 (ค.ศ. 2021)

[แก้]
ตอน
ทั้งหมด
ตอนในฤดูกาลชื่อกำกับโดยเขียนโดยวันเผยแพร่เดิม
11"Aftermath"สตวร์ด ลี, ซอล รูอิส และ นาธาเนียล วิลลานูเอวาเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ เดฟ ฟิโลนี4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-04)
หน่วยโคลน 99 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แบดแบทช์” ประกอบไปด้วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์ ฮันเตอร์, เทค, ครอสแฮร์ และ เร็กเกอร์ รวมถึงโคลนไซบอร์ก เอคโค่ ในช่วงสงครามโคลน แบดแบทช์เข้าช่วยเหลือปรมาจารย์เจได เดปา บิลลาบา และเจไดพาดาวันของเธอ เคเลป ดูม บนดาวคัลเลอร์ ในระหว่างนั้นคำสั่งที่ 66 ถูกสั่งการทำให้มีการกระตุ้นโปรแกรมในโคลนทรูปเปอร์ปกติ ทำให้โคลนทรูปเปอร์เหล่านั้นฆ่าบิลลาบา แบดแบทช์ก็ได้รับคำสั่งนั้น แต่มีเพียงครอสแฮร์ที่รู้สึกอยากทำตามคำสั่งและฮันเตอร์ปล่อยให้ดูมหลบหนีไป หลังจากกลับไปที่ศูนย์สำหรับโคลนบนดาวคามิโน่ แบดแบทช์ได้รับรู้ว่าสงครามโคลนนั้นสิ้นสุดแล้วและจักรวรรดิกาแลกติกนั้นได้แทนที่สาธารณรัฐกาแลกติก พวกเขาได้พบกับเด็กผู้หญิงชื่อว่าโอเมก้า ซึ่งเธอก็เป็นโคลนกลายพันธ์เช่นกัน แกรนด์มอฟฟ์ทาร์คินได้มาเพื่อตรวจโคลนและได้ส่งแบดแบทช์ไปปราบผู้ก่อความไม่สงบบนดาวออนเดรอน พวกเขาค้นพบว่า “ผู้ก่อความไม่สงบ" นี้คือกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ภายใต้ซอว์ เกอร์เรร่าผู้ปฏิเสธการเข้าร่วมจักรวรรดิใหม่ที่เกิดขึ้น แบดแบทช์ได้ละทิ้งปฏิบัติการนี้และกลับไปรับโอเมก้า แต่ถูกจับโทษฐานคิดก่อกบฏและครอสแฮร์ถูกจับไปกระตุ้นโปรแกรม ทำให้เขาต่อต้านหน่วยของเขาเอง แบดแบทช์ที่เหลือจึงหนีออกไปพร้อมกับโอเมก้า
22"Cut and Run"สตวร์ด ลีกูร์ซิมราน สันธู7 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-07)
แบดแบทช์และโอเมก้าลี้ภัยไปดาวซาลีวคามีไปหาโคลนทรูปเปอร์ คัท ลอว์เควน ผู้เล่าให้พวกฟังถึงเรื่องของชิพยับยั้งซึ่งถูกโปรแกรมบนโคลนปกติและครอสแฮร์ เพื่อให้พวกเขาซื่อสัตย์ต่อจักรวรรดิหลังคำสั่งที่ 66 ด้วยการมีอยู่ที่มากขึ้นของกองทัพบนดาวนี้ คัทจึงมีแผนที่จะหนีพร้อมครอบครัวของเขา พวกเขาต้องการเชนโค้ดเพื่อจองขนส่งสาธารณะแต่คัทอาจจะโดนจับได้หากเขาพยายามที่จะขโมยเชนโค้ด เทคและเอคโค่จึงไปขโมยมาและโอเมก้าช่วยในการส่งเชนโค้ดนั้นให้คัทและครอบครัวของเขาทันเวลาในการขึ้นยาน ฮันเตอร์อยากให้โอเมก้าไปกับคัท เธอจะได้มีครอบครัว แต่เธอตัดสินในที่จะอยู่กับแบดแบทช์
33"Replacements"นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์14 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-14)
ยานของแบดแบทช์ “มารอเดอร์” เสียอยู่บนดาวซาลีวคามี พวกเขาติดอยู่บนดวงจันทร์และมังกรบนดวงจันทร์ออร์โดได้ขโมยชิ้นส่วนที่พวกเขาต้องใช้ในการซ่อมยานไป ฮันเตอร์และโอเมก้าจึงออกไปเอาชิ้นส่วนนั้นคืนมา ในระหว่างที่ฮันเตอร์หมดสติไป โอเมก้าเดินทางต่อด้วยตนเองและไปเอาชิ้นส่วนนั้นมาโดยปราศจากการต่อสู้ บนดาวคามิโน่นั้น ทาร์คินและพลเรือโทแรมพาร์ทแต่งตั้งให้ครอสแฮร์เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารเกณฑ์ใหม่ พวกเขาถูกส่งไปยังดาวออนเดรอนเพื่อกวาดล้างค่ายของเกอร์เรร่าแต่เกอร์เรร่านั้นได้หนีไปก่อนแล้ว ครอสแฮร์ได้ฆ่าทหารที่ไม่ภักดีต่อเขา ทำให้คนที่เหลือนั้นเชื่อฟัง ภารกิจจึงประสบความสำเร็จ ทาร์คินเห็นความเป็นไปได้ของทหารเกณฑ์ทำให้นายกรัฐมนตรีของคามิโน่ ลามา ซูนั้นเป็นห่วง
44"Cornered"ซอล รูอิสคริสเตียน เทเลอร์21 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-21)
ระหว่างทางไปยังที่ซ่อนบนดาวอิดาฟลอร์ แบดแบทช์มีความจำเป็นต้องหยุดจอดบนดาวที่ใกล้ที่สุดชื่อว่าแพนทอร่า เพื่อให้พวกเขามีเสบียงและเพื่อให้เทคสามารถดัดแปลงลายเซ็นของยานเพราะยานนี้อยู่รายชื่อหมายหัวของจักรวรรดิ เจ้าหน้าที่ที่ท่าจอดยานจดจำแบดแบทช์ได้และแจ้งเฟนเนค แชนด์ ทหารรับจ้างผู้ถูกว่าจ้างให้ไปรับตัวโอเมก้ามา ฮันเตอร์, เอคโค่ และโอเมก้าค้นห้าเสบียงในระหว่างที่เทคและเร็กเกอร์ซ่อมยาน เฟนเนค แชนด์คุมตัวโอเมก้า ทำให้ฮันเตอร์ต้องไล่ตามแชนด์ทั่วเมือง ฮันเตอร์และโอเมก้าหนีจากแชนด์ได้ และหลังจากการปรับปรุงยานเสร็จสิ้น แบดแบทช์ก็ได้ออกจากดาวแพนทอร่า
55"Rampage"สจวร์ต ลีทามารา เบเชอร์-วิลคินสัน28 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 (2021-05-28)
ด้วยความหวังว่าจะพบตัวผู้ว่าจ้างแชนด์ แบดแบทช์ได้ไปยังดาวออร์ดแมนเทลล์ ซึ่งเอคโค่รู้จักผู้ส่งข่าวชื่อว่าซิด เธอได้ให้ข้อเสนอว่าเธอจะหาข้อมูลเกี่ยวกับแชนด์ให้ แลกกับความช่วยเหลือของพวกเขา: นักค้าทาสได้จับตัวเด็กชื่อมูชิไป และซิดจะได้รับเงินรางวัลจากแจบบา เดอะ ฮัทท์หากแบดแบทช์สามารถนำตัวเด็กคนนี้กลับมาได้ แบดแบทช์สามารถที่จะหาตัวและสู้กับพวกค้าทาสได้ และนำตัวมูชิซึ่งเป็นแรนคอร์เด็ก หลังจากนำตัวเอไปให้ซิดแล้ว มูชิถูกมอบให้มือขวาของแจบบา บิบ ฟอร์ทูนา เพื่อแลกกับเงินรางวัล ซิดได้ให้เงินรางวัลบางส่วนให้กับฮันเตอร์แต่ไม่สามารถหาได้ว่าใครจ้างแชนด์ เธอเสนอที่จะให้งานทหารรับจ้างกับแบดแบทช์อีกในอนาคต
66"Decommissioned"นาธาเนียล วิลลานูเอวาอามานดา โรส มูโน4 มิถุนายน ค.ศ. 2021 (2021-06-04)
ซิดว่าจ้างแบดแบทช์ให้ไปรับดรอยด์ยุทธวิธีของฝ่ายแบ่งแยกซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับการรบก่อนที่จะถูกทำลายที่จุดปลดระวางบนดาวคอเรลเลีย พวกเขาพบกับสองพี่น้องผู้ลักลอบของเถื่อน เทรซและราฟา มาร์เทซ ผู้กำลังตามหาดรอยด์เช่นกัน ชิพยับยั้งของเร็กเกอร์นั้นเริ่มที่จะทำงานหลังจากเขาเกิดอุบัติเหตุหัวชน เทคได้คัดลอกข้อมูลของดรอยด์วางแผนก่อนที่จะถูกทำลาย ในขณะที่เขาและสองพี่น้องตั้งโปรแกรมให้มันหักหลังดรอยด์ผู้คุมซึ่งกำลังเฝ้าเวรโรงงานนี้ ทำให้พวกเขาหนีมาได้ สองพี่น้องอธิบายให้ฟังว่าพวกเขาจะรับดรอยด์ไปให้ลุกค้าที่กำลังสู้กับจักรวรรดิ และฮันเตอร์ตัดสินใจที่จะให้ข้อมูลแก่พวกเธอ หลังจากนั้นสองพี่น้องเล่าให้ลูกค้าของพวกเธอฟังว่าจะหาแบดแบทช์ได้อย่างไร
77"Battle Scars"ซอล รูอิสเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์11 มิถุนายน ค.ศ. 2021 (2021-06-11)
หลังจากที่พวกเขาล้มเหลวจากการไปรับข้อมูลของดรอยด์วางแผนมา ซิดบอกแบดแบทช์ว่าพวกเขาต้องทำงานใหญ่เพื่อล้างหนี้ที่มีต่อเธอ พวกเขาถูกขัดขวางโดยลูกค้าของสองพี่น้องมาร์เทซ อดีตกัปตันโคลนเร็กซ์ผู้ตกใจเมื่อได้รู้ว่าแบดแบทช์ยังไม่ได้นำชิพยับยั้งออก พวกเขาจึงไปยังดาวแบรคคาซึ่งเป็นดาวสุสานยานอวกาศซึ่งคุมโดยสแครปเปอร์กิลด์ และแอบเข้าไปบนยานลาดตระเวนเก่าของเจไดเพื่อใช้หน่วยแพทย์ของยานนั้น ชิพยับยั้งของเร็กเกอร์ทำให้เขาทำร้ายเพื่อนร่วมหน่วยโคลนของเขาแต่เขาถูกทำให้สลบไปและนำชิพออกจากตัวเขา เร็กซ์ได้จากไปหลังจากที่เอาชิพออกสำเร็จ ในระหว่างที่พวกเขาบอกลากัน ฮันเตอร์ได้ถูกพบโดยสมาขิกของสแครปเปอร์กิลด์
88"Reunion"สตวร์ด ลีคริสเตียน เทเลอร์18 มิถุนายน ค.ศ. 2021 (2021-06-18)
สแครปเปอร์กิลด์ได้แจ้งให้จักรวรรดิทราบถึงตำแหน่งของแบดแบทช์และครอสแฮร์ถูกส่งไปฆ่าพวกเขา ด้วยความที่ลามา ซูเป็นห่วงว่าโอเมก้าไม่น่าจะรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย เขาจึงจ้างนักล่าเงินรางวัลอีกรายหนึ่งเพื่อมารับเธอกลับไป แบดแบทช์พยายามที่จะเข้าถึงยาน “มารอเดอร์” ผ่านเครื่องยนต์ไอออนของยานลาดตระเวนเจได ครอสแฮร์สามารถดักพวกเขาไว้ข้างในได้และสั่งให้เปิดเครื่องยนต์ แต่พวกเขาใช้ระเบิดที่หามาได้จากคลังแสงของยานลาดตระเวนในการหลบหนี และครอสแฮร์ได้รับบาดเจ็บจากการจุดติดเครื่องยนต์ ฮันเตอร์และโอเมก้าเผชิญหน้ากับนักล่าเงินรางวัลแคด เบนผู้ยิงฮันเตอร์และลักพาตัวโอเมก้าไป คนอื่น ๆ ในหน่วยตามมาช่วยและแบกฮันเตอร์ที่บาดเจ็บไปยังยาน “มารอเดอร์” และหลบหนีไป
99"Bounty Lost"แบรด ราว และ นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 (2021-06-25)
ในระหว่างที่พวกเขาไล่ตามเบน แบดแบทช์ได้รู้ว่าโอเมก้าเป็นโคลนของแจงโก้ เฟทท์ที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง จึงเป็นเพียงแหล่งสำหรับเก็บชิ้นส่วนพันธุกรรมสำหรับการโคลนที่สดใหม่แหล่งเดียวเท่านั้น ระหว่างทางไปศูนย์โคลนเก่าของคามิโน่บนดาวโบราวิโอเพื่อส่งตัวเธอ โอเมกาหลอกโบโดซึ่งเป็นดรอยด์ผู้ช่วยของเบนให้ปล่อยตัวเธอ ทำให้เธอสามารถส่งสัญญาณหาแบดแบทช์ได้ ลามา ซูส่งทอน วีมารับตัวโอเมก้าและสั่งให้นาลา เซกำจัดเธอ หลังการดึงชิ้นส่วนพันธุกรรมออกมาจากเธอเสร็จสิ้น นาลา เซห่วงใยโอเมก้าและต้องการให้เธอปลอดภัย เธอจึงส่งแชนด์มาช่วยโอเมก้า แชนด์ต้องการฆ่าทอน วีและสู้กับเบน ทำให้โอเมก้าสามารถหลบหนีไปได้และถูกรับตัวไปโดยแบดแบทช์
1010"Common Ground"ซอล รูอิสกูร์ซิมราน สันธู2 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (2021-07-02)
บนดาวแรซัสซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของรัฐบาลฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสมัยสงครามโคลน จักรวรรดิได้ประกาศกฎอัยการศึกด้วยความช่วยเหลือจากสมาชิกวุฒิสภาท้องถิ่น อาวี ซิงห์ แต่กระนั้น ซิงห์ได้พูดต่อต้านจักรวรรดิในระหว่างการกล่าวต่อประชาชนและถูกจับตัวไป หุ่นยนต์พิธีการของเขา จีเอส-8 ได้ว่าจ้างซิดให้ช่วยซิงห์ เธอจึงส่งแบดแบทช์มา; พวกเขารู้สึกอึดอัดใจที่จะให้ความช่วยเหลือหลังจากสู้กับฝ่ายแบ่งแยกมาในช่วงสงครามโคลน โอเมก้าถูกทิ้งไว้เพราะมีนักล่าค่าหัวหมายหัวเธอไว้และเธอก็เล่นดีจาริกชนะจนมีเงินมาล้างหนี้ซิด ด้วยความช่วยเหลือของจีเอส-8 แบดแบทช์ได้ช่วยซิงห์และพาเขาไปยังซิดเพื่อรับเงินตอบแทน
1111"Devil's Deal"สตวร์ด ลีทามาลา เบเชอร์-วิลคินสัน9 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (2021-07-09)
ในระหว่างที่สมาชิกวุฒิสภาออร์น ฟรี ทาประกาศตั้งแท่นขุดเจาะใหม่ของจักรวรรดิบนดาวไรลอธและสนับสนุนให้นักสู้เพื่ออิสรภาพทวิเล็กปลดอาวุธ หัวหน้าฝ่ายต่อต้านชาม ซินดูลลาประกาศสนับสนุนจักรวรรดิต่อสาธารณะ ร้อยโทโกบิ กลีซึ่งเป็นลูกน้องของชามพาเฮราซึ่งเป็นลูกสาวของชามทำภารกิจลับในการไปรับอาวุธจากแบดแบทช์ ทำให้เฮราได้สนิทกับโอเมก้า ครอสแฮร์ตามพวกเขามาและจักรวรรดิจับกุมตัวกลีและเฮราในโทษฐานทรยศ ชามโจมตีขบวนรถของจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลือภรรยาของเขา, เอเลนี และนักสู้เพื่ออิสรภาพคนอื่น ๆ ครอสแฮร์ยิง ออร์น ฟรี ทา ทำให้แรมพาร์ทสามารถจัดฉากให้ชามผิดในฐานพยายามสังหารทา หลังจากนั้นชาม, เอเลนี และกลีถูกจับกุมตัวแต่เฮราหลบหนีออกมาได้
1212"Rescue on Ryloth"นาธาเนียล วิลลานูเอวาเจนนิเฟอร์ คอรเบตต์16 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (2021-07-16)
เฮราติดต่อโอเมก้าและขอให้แบดแบทช์ช่วยเหลือพ่อแม่ของเธอ ฮันเตอร์ไม่คิดว่าการช่วยเหลือนี้จะคุ้มกับความเสี่ยงแต่โอเมก้าโน้มน้าวเขา เฮรา โอเมก้า เทค และเร็กเกอร์ได้โจมตีแท่นขุดเจาะใหม่ของจักรวรรดิบนดาวไรลอธเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในระหว่างที่เอคโค่และฮันเตอร์ปล่อยตัวชาม เอเลนี และนักสู้เพื่ออิสรภาพคนอื่น ๆ ครอสแฮร์ค้นพบถึงแผนนี้แล้ววางกับดักไว้แต่กัปตันฮาวเซอร์—ผู้ภักดีต่อชาม—เตือนพวกเขาเรื่องกับดักและเผชิญหน้ากับเพื่อนทหารของเขา ฮาวเซอร์ถูกจับกุมตัวในขณะที่แบดแบทช์และนักสู้เพื่ออิสรภาพทั้งหลายหลบหนีไปได้ แรมพาร์ทตระหนักว่าเขาประเมินแบดแบทช์ต่ำไปและออกคำสั่งอนุญาตให้ครอสแฮร์ตามล่าพวกเขา
1313"Infested"ซอล รูอิสอามานดา โรส มูโน23 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (2021-07-23)
แบดแบทช์กลับมาจากภารกิจและพบว่าบาร์ของซิดนั้นอยู่ภายใต้การครอบครองของเจ้าพ่อมาเฟีย โรแลนด์ ดูแรนด์ พวกเขาพบว่าซิดอยู่ข้างนอก แล้วเธอก็เปิดเผยแผนในการเอาบาร์คืนโดยการขโมยรายการส่งสไปซ์ของโรแลนด์ที่มีไว้สำหรับกลุ่มอาชญากรไพค์ แบดแบทช์และซิดเข้าไปในออฟฟิศของซิดผ่านอุโมงค์ใต้ดินที่เต็มไปด้วยฝูงเออร์ลิงก์ พวกเขาสามารถขโมยสไปซ์มาได้แต่ถูกตามโดยผู้ดูแลของโรแลนด์ซึ่งทำให้ฝูงเออร์ลิงก์ตื่นจากความหลับใหล พวกเขาหลบหนีมาจากอุโมงค์ได้แต่สูญเสียสไปซ์ไป พวกไพค์จับโอเมก้าเป็นตัวประกันไป ในขณะที่แบดแบทช์และซิดได้สไปซ์คืนมา หลังจากนั้นพวกไพค์จึงปล่อยให้ซิดครอบครองบาร์ของเธออีกครั้ง
1414"War-Mantle"สตวร์ด ลีดามานี จอห์นสัน30 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 (2021-07-30)
เร็กซ์ติดต่อแบดแบทช์และขอให้พวกเขาตอบสัญญาณแจ้งเหตุร้ายจากผู้บัญชาการโคลนเกรเกอร์บนดาวดาโร ณ แหล่งที่มาของสัญญาณ พวกเขาค้นพบกันฐานทัพจักรวรรดิซึ่งมีทหารเกณฑ์กำลังถูกฝึกฝนโดยโคลนคอมมานโด เพื่อทดแทนกองทัพโคลนทรูปเปอร์ ฮันเตอร์ เทค และเอคโค่แทรกซึมเข้าไปในฐานทัพ ในขณะที่โอเมก้าและเวร็กเกอร์อยู่เป็นทีมสำรองที่ยาน แบดแบทช์ช่วยเหลือเกรเกอร์ได้แต่ฮันเตอร์ถูกจัมกุมตัวไประหว่างการหลบหนี บนดาวคามิโน่ ลามา ซู และนาลา เซวางแผนในการหลบหนีจากจักรวรรดิ หลังจากที่จักรวรรดิยกเลิกสัญญากองทัพโคลนของพวกเขา แต่พวกเขาถูกจับโดยแรมพาร์ท เขาบอกว่าจักรวรรดิมีแผนจะให้นาลา เซเป็นนักวิทยาศาสตร์แต่ไม่มีแผนนั้นสำหรับลามา ซู
1515"Return to Kamino"นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์6 สิงหาคม ค.ศ. 2021 (2021-08-06)
ฮันเตอร์ถูกพาตัวไปยังเมืองทิโพก้าบนดาคามิโน่ ที่ซึ่งจักรวรรดิได้อพยพบุคลากรที่สำคัญและกำจัดที่เหลือไปหมดแล้ว ครอสแฮร์เปิดเครื่องติดต่อของฮันเตอร์เพื่อล่อคนที่เหลือของแบดแบทช์ไปยังที่นั่น โอเมก้าบอกให้คนอื่น ๆ รู้ถึงทางเข้าลับไปยังแล็บลับของ นาลา เซ ที่ซึ่งพวกเขาทั้งหมดถูกสร้าง และที่ซึ่งพวกเขาพบกับดรอยด์เอซี-3 พวกเขาค้นหาฮันเตอร์ผู้ที่พยายามที่จะโน้มน้าวครอสแฮร์ให้นำชิพยับยั้งของเขาออก แต่ครอสแฮร์กลับเปิดเผยว่าชิพนั้นได้ถูกนำออกไปแล้วและเขาก็ยินดีที่จะทำงานให้กับจักรวรรดิ ฮันเตอร์ทำให้ครอสแฮร์สลบไป ในขณะที่แรมพาร์ทเริ่มที่จะทำลายเมืองทิโพก้าภายใต้คำสั่งของทาร์คิน โดยยังมีแบดแบทช์และครอสแฮร์อยาในนั้น
1616"Kamino Lost"ซอล รูอิสเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์13 สิงหาคม ค.ศ. 2021 (2021-08-13)
แรมพาร์ทและจักรวรรดิจากไปในขณะที่ซากของเมืองทิโพก้านั้นจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทร โอเมก้าและเอซี-3 ช่วยครอสแฮร์ในระหว่างที่พวกเขาติดอยู่ในห้องที่น้ำกำลังท่วม หลังจากที่ซากของเมืองจมลงก้นมหาสมุทนเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสามารถหาทางไปยังท่อที่เชื่อมต่อไปยังยาน “มารอเดอร์” แต่พบว่าท่อนั้นเสียหาย ครอสแฮร์แนะนำให้เอซี-3 นำทางพวกเขาไปยังผิวน้ำโดยให้พวกเขาอยู่ในแคปซูล แต่ดรอยด์นี้กลับแบตหมดในระหว่างขึ้นไป โอเมก้าพยายามช่วยเอซี-3 จนเกือบจมน้ำแต่ได้ครอสแฮร์มาช่วยไว้ก่อน เมื่อพวกเขาถึงยาน “มารอเดอร์” ครอสแฮร์เลือกที่จะแยกทางกับแบดแบทช์ นาลา เซถูกนำตัวไปยังศูนย์ลับของจักรวรรดิที่เขาแทนทิส

ซีซัน 2 (ค.ศ. 2023)

[แก้]
ตอน
ทั้งหมด
ตอนในฤดูกาลชื่อกำกับโดยเขียนโดยวันเผยแพร่เดิม
171"Spoils of War"สตวร์ด ลีเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์4 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-04)
หลังจากการเตือนของเพื่อนโจรสลัดของเธอ ฟี เจโน ซิดส่งแบดแบทช์ไปยังดาวเซเรนโนเพื่อขโมยหีบสงครามบางส่วนของเคานต์ดูกู หลังจากที่ลังเล ฮันเตอร์ตกลงและแบดแบทช์ไปยังดาวที่พวกเขาพบว่าจักรวรรดิได้ขนทรัพย์สินของเคานต์ดูกูออกไปจากดาวเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พยายามขโมยตู้สินค้าบางส่วน แบดแบทช์ถูกพบเจอและเกิดการต่อสู้ขึ้น ซึ่งโอเมก้า, เทค และเอคโค่ถูกขังอยู่ในตู้สินค้าที่กำลังจะขึ้นบิน พวกเขาพยาบาลหาทางไปยังตู้สินค้าหนึ่งบนยานขนส่งและหลบหนีมาได้ในตู้นั้น โดยพยายามใช้ไอพ่นของตู้นั้นในการลงจอดอย่างปลอดภัย ระหว่างนั้นฮันเตอร์และเวร็กเกอร์ถูกไล่ตามท่ามกลางซากปรักหักพังของเมืองใกล้เคียง
182"Ruins of War"นาธาเนียล วิลลานูเอวาจีนา ลูซิตา มอนเรียล4 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-04)
ตู้สินค้าตกลงบนดาวเซเรโน ในระหว่างที่พยายามกลับไปยังยานของพวกเขา “มารอเดอร์” โอเมก้า, เทค และเอคโค่พบกับคนท้องถิ่นชื่อ โรมาร์ อาเดลล์ผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่า หลังจากคุยกับเขา พวกเขามีความรู้สึกแรกว่าชีวิตที่อิสระเป็นอย่างไร โอเมก้าแอบไปกู้สินค้าบางส่วนที่อยู่ในตู้ เอคโค่และเทคตามหาเธอ ทำให้มีการกระทบกระทั่งกันกับกลุ่มค้นหาของจักรวรรดิ โรมาร์ช่วยให้พวกเขาหลบหนีมาได้ ฮันเตอร์และเร็กเกอร์พยายามหาทางออกจากเมืองและกลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ หลังจากรู้ว่าแบดแบทช์รอดจากการทำลายเมืองทิโพก้า แรมพาร์มกลัวการลงโทษสำหรับความผิดพลาดของเขาในการกำจัดแบดแบทช์และตัดสินใจที่จะไม่แจ้งทาร์คินเรื่องนี้
193"The Solitary Clone"ซอล รูอิสอามานดา โรส มูโน11 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-11)
ครอสแฮร์ได้รับมอบหมายให้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการโคดีในภารกิจการไปยังดาวเดสิกซ์ของอดีตฝ่ายแบ่งแยก เพื่อช่วยเหลือกรอตทอนซึ่งเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ของจักรวรรดิที่ถูกจับกุมตัวเป็นตัวประกันโดยกลุ่มต่อต้านท้องถิ่น ผู้ว่าราชการคนเก่าของเดสิกซ์ ทอว์นี เอมส์ต้องการให้ดาวของเธอเป็นเอกราชจากอำนาจศาลของจักรวรรดิและอ้างถึงการปฏิเสธของสาธารณรัฐในการเจรจายุติสงครามกับฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสงครามโคลน โคดีต่อรองขอให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่ครอสแฮร์ฆ่าเอมส์ภายใต้คำสั่งของกรอตทอน ทำให้เดสิกซ์ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของจักรวรรดิ หลังจากกลับสู่เมืองหลังของจักรวรรดิคอรัสซัง โคดีตั้งคำถามว่าจักรวรรดิกำลังทำสิ่งที่ดีหรือไม่ ในขณะที่ครอสแฮร์ยังคงภักดี โคดีได้หลบหนีไปหลังจากนั้นไม่นาน
204"Faster"สตวร์ด ลีแมทท์ มิชโนเวทซ์18 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-18)
ในระหว่างที่ฮันเตอร์และเอคโค่กำลังไปทำภารกิจ ซิดพาโอเมก้า เทค และเร็กเกอร์ไปชมการแข่งขันบนดาวซาฟา โทมา ซิดถูกท้าทายโดนมิลเลกีซึ่งเป็นคู่ปรับทางธุรกิจของเธอ และนักแข่งของเขา เจ็ท เวนิม ในระหว่างการแข่งขันครั้งต่อมา มิลเลกีสั่งให้เวนิมโกงและทำให้ดรอยด์นักแข่งของซิดชื่อเทย์-โอพ่ายแพ้ ในขณะที่มิลเลไกมารับเงินพนัน โอเมก้าท้าทายให้เขาแข่งอีกครั้งเพื่ออิสรภาพของซิด ก่อนการแข่งขันครั้งถัดไป เทย์-โอประสบอุบัติเหตุ ทำให้เทคเข้าแข่งขันแทนเทย์-โอและใช้ความสามารถและความฉลาดในการคำนวณของเขาในการทดแทนการที่เขาขาดประสบการณ์ ทำให้เขาชนะการแข่ง มิลเลกีเชิดชูที่เขาสามารถปิดการต่อรองกับซิดได้แต่ได้เตือนเหล่าโคลนว่าซิดอาจทรยศพวกเขาในวันหนึ่ง
215"Entombed"นาธาเนียล วิลลานูเอวาคริสโตเฟอร์ ยอร์สต์25 มกราคม ค.ศ. 2023 (2023-01-25)
ในระหว่างค้นหาของที่มีประโยชน์ในลานขยะ โอเมก้าและเร็กเกอร์พบกับเข็มทิศโบราณพร้อมกับชุดของพิกัดไปยังระบบดาวแคลดาร์ทรินารี ด้วยความเชื่อว่าเข็มทิศนี้จะนำไปยังสมบัติที่ซ่อนอยู่ ฟีและโอเมก้าโน้มน้าวให้แบดแบทช์ไปยังระบบดาวนั้น เข็มทิศนำพวกเขาไปยังดาวสคารา นาลซึ่งเป็นที่ประทับของคริสตัสในตำนานชื่อ “หัวใจแห่งภูเขา“ พวกเขาพบกับคริสตัลและฟีก็เอามันไป ทำให้หุ่นยนต์ยักษ์ทำงานและเริ่มทำลายแวดล้อมรอบข้าง ด้วยความกลัวที่ว่า “มารอเดอร์” จะถูกทำลายและทำให้พวกเขาติดอยู่บนดาว คนอื่น ๆ จึงโน้มน้าวให้ฟีกลับไปคืนคริสตัล ทำให้หุ่นยนต์นี้ถูกทำลาย
226"Tribe"สตวร์ด ลีแมทท์ มิชโนเวทซ์1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-01)
แบดแบทช์ไปยังดาวแวนการ์ด เอ็กซิส ซึ่งเป็นดาวของกลุ่มอาชญากร เพื่อขายเชนโค้ดที่เทคทำขึ้นมา ในระหว่างอยู่ที่นั่น โอเมก้าช่วยกันจีซึ่งเป็นเจไดเด็กชาววูกีที่ถูกจับขังไว้ให้หนีออกมาจากกลุ่มอาชญากรได้ ในระหว่างพากันจีกลับไปยางดาวคาชีคซึ่งเป็นดาวบ้านเกิดของเขา แบดแบทช์พบว่าดาวนี้กำลังถูกทำลายด้วยน้ำมือของกลุ่มของทหารรับจ้างชาวแทรนโดเชนผู้ทำงานให้กับจักรวรรดิ หลังจากชนะใจชนเผ่าวูกีพื้นเมืองได้ แบดแบทช์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความเคารพที่วูกีมีให้ต่อต้นไม้ยักษ์ วรอเชียร์ พวกเขาร่วมกับชาววูกีและสัตว์ป่าพื้นเมืองในการวางแผนที่วูกีอ้างว่าได้มาจากต้นไม้ พวกเขาช่วยกันโค่นล้มกองกำลังของจักรวรรดิสำเร็จและกันจีได้กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนพ้องเขาอีกครั้ง
237"The Clone Conspiracy"นาธาเนียล วิลลานูเอวาเอซรา นัชแมน8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-08)
แรมพาร์ทขอคะแนนเสียงจากวุฒิสภาจักรวรรดิในการทดแทนกองทัพโคลนด้วยทหารเกณฑ์สตอร์มทรูปเปอร์ พวกเขาปิดบังการทำลายเมืองโทปิกาที่ทำโดยตั้งใจไว้โดยโทษลมพายุแทน สมาชิกวุฒิสภา ไรโย ชูชีตั้งคำถามสำหรับสิทธิของโคลน และได้พบกับโคลนทรูปเปอร์สลิปผู้ซึ่งเพื่อนของเขาถูกกำจัดหลังตั้งคำถามถึงเรื่องพายุของแรมพาร์ท แรมพาร์มส่งนักฆ่ามาเพื่อฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะเปิดเผยความจริงออกไป ในขณะที่ชูชีขอให้สลิปเป็นพยานต่อหน้าวุฒิสภา นักฆ่าได้ฆ่าสลิปและโจมตีชูชี เธอถูกกัปตันเร็กซ์ผู้ได้รับการขอความช่วยเหลือจากสลิปช่วยไว้ เร็กซ์สามารถจับตัวนักฆ่าซึ่งเป็นโคลนได้แต่นักฆ่าได้ฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกสอบสวน
248"Truth and Consequences"สตวร์ด ลีดามานี จอห์นสัน8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-08)
เร็กซ์ขอให้แบดแบทช์ช่วยและพวกเขาเดินทางไปยังคอรัสซัง โอเมก้าและชูชีไปขอความช่วยเหลือจากสมาชิกวุฒิสภาท่านอื่น ๆ ในระหว่างที่เร็กซ์และแบดแบทช์แอบขึ้นไปบนยานพิฆาตดาราของแรมพาร์ทซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง เพื่อพิสูจน์ถึงการปิดบังเรื่องเมืองทิโพก้า ในวุฒิสภา ชูชีเปิดโปงเรื่องโกหกของแรมพาร์ทและเขาถูกจับกุม แต่ถึงกระนั้น จักรพรรดิพัลพาทีนได้โต้แย้งว่าการโมตีของแรมพาร์ทนั้นถูกดำเนินการโดยโคลน ดังนั้นการเปิดโปงครั้งนี้จึงเป็นการสนับสนุนการจัดตั้งกองทัพทหารเกณฑ์ใหม่ วุฒิสภาเห็นชอบในพระราชบัญญัติงบประมาณ ก่อนที่แบดแบทช์จะออกจากคอรัสซัง เอคโค่ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยเร็กซ์ในการต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของโคลน
259"The Crossing"นาธาเนียล วิลลานูเอวาบรูค โรเบิร์ทส์15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-15)
ซิดส่งแบดแบทช์ให้ไปเก็บแร่อิปเซียมมาจากเหมืองที่เธอเคยซื้อ ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในเหมือง “มารอเดอร์” ถูกขโมยไปและพวกเขาก็ถูกทิ้งอยู่บนดาว ในระหว่างที่กำลังปีนไปทางท่าจอดยานที่ใกล้ที่สุด แบดแบทช์ถูกขังอยู่ในเหมืองอีกแห่งหนึ่งในขณะที่แร่อิปเซียมของพวกเขาถูกจุดระเบิดโดยฟ้าผ่า ภายในเหมืองใหม่ โอเมก้าได้พบกับสายของแร่อิปเซียมและพยายามที่จะเก็บแร่นั้นกับเทค พวกเขาถูกแยกออกจากคนอื่น ๆ และก่อนที่หาทางออก พวกเขาได้พูดคุยกันถึงเรื่องการปรับตัวในชีวิต เช่น การจากไปของเอคโค่ พวกเขาหาทางไปยังท่าจอดยานร้างแต่สามารถที่จะติดต่อซิดได้ โดยซิดบอกว่าจะมารับในอีกไม่กี่วัน
2610"Retrieval"สตวร์ด ลีมอยเซส ซามอรา22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 (2023-02-22)
ยาน “มารอเดอร์” ถูกโขมยโดยเด็กหนุ่มชื่อเบ็นนี บาโร ไปที่ศูนย์เหมืองแร่อิปเซียมใกล้เคียง เพื่อให้หัวหน้าแก๊งชื่อมอกโก มอกโกเตรียมที่จะชำแหละยานและนำชิ้นส่วนไปขาย ที่ท่าจอดยาน โอเมก้าพบกับวิธีที่จะติดตามยาน “มารอเดอร์” และแบดแบทช์ก็เจอกับศูนย์นี้ หลังจากแทรกซึมเข้าไปแล้ว พวกเขาพบกันเบ็นนีและบังคับให้เขาพาพวกเขาไปยังยาน ด้วยหวังไว้ว่าจะได้ใจมอกโก เบ็นนีหักหลังแบดแบทช์โดยการเปิดเผยว่ามีผู้แทรกซึม ก่อนที่พวกเขาจะถูกจับตัว โอเมก้าพบว่ามอกโกได้เอารัดเอาเปรียบคนงานของเขาเพื่อกำไรของเขาเองมาโดยตลอด ด้วยการเปิดเผยนี้ เบ็นนีและเพื่อนร่วมงานของเขาย้ายข้างและสู้กับมอกโกซึ่งตกลงสู่ความตาย แบดแบทช์ซ่อมยาน “มารอเดอร์” และออกจากดาว
2711"Metamorphosis"ซอล รูอิสซาเบียร์ เพอร์ซาดา1 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-01)
ดร. รอยซ์ เฮมล็อกเข้าควบคุมศูนย์การโคลนของจักรวรรดิที่เขาแทนทิส ที่ซึ่งนาลา เซปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือในโครงการโคลนของจักรพรรดิ ยานขนส่งลับที่กำลังมุ่งหน้าไปศูนย์นี้ได้ถูกทิ้งไว้และซิดสั่งให้แบดแบทช์ไปนำสินค้ากลับมา ในระหว่างที่ค้นซาก พวกเขาพบว่าสินค้าที่ว่าคือปีศาจซิลโล่ที่ยังไม่โตเต็มวัยซึ่งถูกสร้างโดยจักรวรรดิผ่านการโคลน กองกำลังจู่โจมของจักรวรรดิถูกส่งมาเก็บกู้ปีศาจตัวนี้และจับกุมผู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้แบดแบทช์ต้องถอนกำลัง เพื่อแลกกับอิสรภาพนั้น ลามา ซูถูกพาตัวมายังศูนย์แทนทิสเพื่อโน้มน้าวให้นาลา เซร่วมมือกับเฮมล็อก ลามา ซูบอกเฮมล็อกว่านาลา เซเป็นห่วงเป็นใยโอเมก้า
2812"The Outpost"นาธาเนียล วิลลานูเอวาเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์8 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-08)
ครอสแฮร์ถูกสั่งให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยโทโนแลนผู้ไม่ชอบโคลน ณ ค่ายทหารบนดาวบาร์ทอน โฟ ลังสินค้าลับสองลังถูกขโมยไป โนแลนสั่งให้ครอสแฮร์และผู้บัญชาการโคลนเมย์เดย์ไปเก็บกู้สินค้า ทั้งคู่สามารถกำจัดขโมยและหาสินค้าเจอซึ่งเป็นเพียงชุดเกราะของสตรอมทรูปเปอร์ หิมะเกิดถล่มขึ้นและฝังสินค้าไป และทำให้เมย์เดย์บาดเจ็บ ที่ค่ายทหาร โนแลนลงโทษพวกเขาในความล้มเหลวและปฏิเสธที่จะให้การรักษาเมย์เดย์ เมย์เดย์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้วสิ้นใจไป ด้วยความที่ครอสแฮร์ทนไม่ไหวกับความเย่อหยิ่งและความไม่เคารพต่อโคลนของโนแลน ครอสแฮร์ฆ่าเขาและหลังจากหมดสติไป ครอสแฮร์ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นนักโทษในศูนย์แทนทิสและพบกับดร. เอเมอรี คาร์
2913"Pabu"สตวร์ด ลีอามานดา โรส มูโน15 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-15)
หลังจากที่ซิดไม่ได้มาช่วยพวกเขาให้ออกจากดาวเหมืองนี้ แบดแบทช์และโอเมก้ายกเลิกข้อตกลงของซิดอย่างไม่เป็นทางการ พวกเขาช่วยฟีเก็บกู้วัตถุที่หายไปและเธอโน้มน้าวให้พวกเขาตามเธอไปยังเกาะที่แสนสงบชื่อว่าพาบู ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นที่ปลอดภัยสำหรับให้พวกเขาอยู่ห่างไกลจากจักรวรรดิ พวกเขาได้รับการต้อนรับโดยนายกเทศมนตรี เชป แฮซาร์ด และลูกสาวของเขา ไลอานา ผู้ได้สนิทสนมกับโอเมก้า เมื่อสึนามิซัดเมืองชั้นล่าง ฮันเตอร์ได้ช่วยโอเมก้าและไลอานาที่อยู่บนเรือในขณะที่เทคและเร็กเกอร์ช่วยเชปและฟีอพยพประชาชนที่อยู่ชั้นล่าง หลังจากสึนามิหมดไป แบดแบทช์ตอบตกลงที่จะอยู่ที่พาบูและช่วยสร้างเมืองใหม่
3014"Tipping Point"ซอล รูอิสเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ แมทท์ มิชโนเวทซ์22 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-22)
ฮาวเซอร์และโคลนนายอื่น ๆ ที่ถูกขังเพราะไม่เชื่อฟังคำสั่งของจักรวรรดิถูกช่วยเหลือในระหว่างกำลังไปแทนทิสโดยเอคโค่, เกรเกอร์ และโคลนที่แปรพักตร์นายอื่น ๆ ที่แทนทิสนั้นเฮมล็อกสอบสวนครอสแฮร์เกี่ยวกับที่อยู่ของโอเมก้าและแบดแบทช์ ครอสแฮร์ถูกปล่อยไว้ให้อยู่ตัวคนเดียวชั่วขณะหนึ่งและสามารถหนีมาได้นานพอที่จะส่งข้อความหาแบดแบทช์ได้ โดยเตือนพวกเขาว่าจักรวรรดิกำลังตามหาโอเมก้า ก่อนที่สุดท้ายครอสแฮร์จะถูกทรมาณอย่างหนัก เอคโค่มาหาแบดแบทช์บนพาบูพร้อมกับข้อมูลที่เขาเก็บมาได้ระหว่างการให้การช่วยเหลือ หลังจากได้รับข้อความของครอสแฮร์และประมวลข้อมูลของเอคโค่แล้ว แบดแบทช์ได้รับรู้ถึงหน่วยลับของจักรวรรดิ ซึ่งคือ แผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า
3115"The Summit"นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์29 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-29)
แบดแบทช์ตามรอยเฮมล็อกไปยังการประชุมที่ทาร์คินเป็นประธานบนดาวอีริอาดู ซึ่งมีการพูดถึงโปรแกรมลับต่าง ๆ ของจักรวรรดิ รวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับการโคลนของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าและโปรเจ็กต์สตาร์ดัสท์ ในขณะที่พวกเขาแอบเข้าไปในฐานที่มีการจัดการประชุม แบดแบทช์พบว่าซอว์ เกอร์เรร่าก็กำลังแทรกซึมเข้าไปในฐานเพื่อฆ่าเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิ พวกเขาขอให้ซอว์ไม่ปฏิบัติภารกิจของเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามเฮมล้อกไปยังศูนย์ลับซึ่งเป็นที่ตั้งของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า แต่ซอว์ได้จุดระเบิดในตอนที่เหล่าผู้บุกรุกเขาถูกพบตัวเข้า แบดแบทช์พยายามที่จะหลบหนีโดยใช้เคเบิลคาร์ของฐานนี้แต่ถูกขัดจัดหวะด้วยการระเบิด พวกเขาถูกทิ้งไว้และไม่สามารถไปไหนได้
3216"Plan 99"สตวร์ด ลีเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์29 มีนาคม ค.ศ. 2023 (2023-03-29)
ด้วยรถกระเช้าของพวกเขาติด ไม่สามารถขยับได้และกำลังถูกโจมตีโดยกองกำลังของจักรวรรดิ เทคเสียสละชีวิตตนเองเพื่อผลักให้คนอื่น ๆ ออกห่างจากจักรวรรดิ พวกเขาล่นถอยไปหาซิดบนดาวออร์ด แมนเทลล์ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและยอมรับในความสูญเสีย ในไม่นานพวกเขาถึงรู้ว่าซิดหักหลังพวกเขาให้กับเฮมล็อกผู้มาถึงและจับตัวฮันเตอร์และเร็กเกอร์ และบังคับให้โอเมก้าเผยตนเองออกมา เอคโค่และเอซีไอ-3 ช่วยฮันเตอร์และเร็กเกอร์ แต่โอเมก้าถูกจับตัวไปและนำตัวไปยังแทนทิส เฮมล็อกใช้โอเมก้าเป็นตัวผลักดันให้นาลา เซทำงานให้กับโปรเจ็กต์ของพวกเขา โอเมก้าเจอกับครอสแฮร์และเอเมอรี คาร์ โดยเอเมอรี คาร์เปิดเผยตนเองว่าเป็นโคลนเช่นเดียวกับโอเมก้า ทำให้นับได้ว่าเธอเป็นพี่น้องที่มีพันธุกรรมเฉกเช่นเดียวกับโอเมก้า

ซีซัน 3 (ค.ศ. 2024)

[แก้]
ตอน
ทั้งหมด
ตอนในฤดูกาลชื่อกำกับโดยเขียนโดยวันเผยแพร่เดิม
331"Confined"ซอล รูอิสเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (2024-02-21)
ณ ศูนย์แทนทิส โอเมก้าถูกบังคับให้ทำงานกับนาลา เซและเอเมอรีในโครงการการโคลน ในทุก ๆ วัน เธอเก็บตัวอย่างเลือดจากโคลนรวมถึงตัวเธอเองด้วย โดยนาลา เซแอบนำตัวอย่างเลือดของโอเมก้าทิ้งไปก่อนที่จะถูกนำไปทดสอบ นอกจากนี้โอเมก้ายังให้อาหารสุนัขเลอร์คาของศูนย์นี้และตีสนิทกับหนึ่งในสุนัขนั้น ซึ่งเธอตั้งชื่อว่าแบดเชอร์ โอเมก้าหลบจากผู้คุมเพื่อมาคุยกับครอสแฮร์ที่พยายามจะตัดกำลังใจเธอในการวางแผนการหลบหนี เมื่อจักรวรรดิตัดสินใจที่จะการุณยฆาตแบดเชอร์เนื่องจากเชื่องเกินไป โอเมก้าปล่อยเธอให้เป็นอิสระออกสู่ป่านอกศูนย์ เฮมล็อกเตือนโอเมก้าว่าหากทำตัวท้าทายอีกจะถูกลงโทษเช่นเดียวกับครอสแฮร์
342"Paths Unknown"นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (2024-02-21)
ฮันเตอร์และเร็กเกอร์ได้ข้อมูลเกี่ยวกับฐานของเฮมล็กมาจากครอบครัวกลุ่มอาชญกรดูแรนด์ แต่ข้อมูลนี้กลับนำพวกเขาไปยังศูนย์เก่าที่ถูกทิ้งร้าง พวกเขาพบอดีตนายร้อยโคลน ม็อกซ์, ซีค และสแตกเข้าโดยบังเอิญ โดยพวกเขาถูกทิ้งไว้หลังจากจักรวรรดิทำลายและทิ้งร้างศูนย์นี้ ณ ตอนนี้ พื้นที่นี้ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สลิเธอร์ซึ่งเป็นการทดลองที่ผิดพลาดของจักรวรรดิ ซีคช่วยฮันเตอร์และเร็กเกอร์หลบหลีกเถาวัลย์และเข้าไปยังศูนย์เพื่อเข้าถึงข้อมูลอะไรก็ได้ที่มีเกี่ยวกับปฏิบัติการของเฮมล็อก ทั้งสามคนถูกโมตีโดยเถาวัลย์สลิเธอร์ซึ่งสุดท้ายเป็นเพียงหนวดของสัตว์ประหลาดยักษ์ ม็อกซ์และสแตกใช้ยาน “มารอเดอร์” ในการช่วยเหลือคนอื่น ๆ และฮันเตอร์สัญญาว่าจะพานายร้อยทั้งหลายไปพาบู
353"Shadows of Tantiss"สตวร์ด ลีแมทท์ มิชโนเวทซ์21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (2024-02-21)
จักรพรรดิพัลพาทีนเดินทางไปยังแทนทิสเพื่อตรวจความคืบหน้าของ "โปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์” ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นสิ่งจำเป็นต่ออนาคตของจักรวรรดิ ในตอนนี้โครงการนี้ยังไม่สามารถเพิ่มจำนวนเอ็ม-เคานต์จากตัวอย่างในโคลนได้ เมื่อเอเมอรีเริ่มทดสอบตัวอย่างเลือดของโอเมก้า นาลา เซ บอกให้โอเมก้าหนีไป โอเมก้าปล่อยตัวครอสแฮร์และพวกเขาก็หนีไปในป่า เพื่อหายานขนส่งที่ตกก่อนหน้านี้ เอเมอรีเตือนระบบรักษาความปลอดภัยและมีการส่งทีมค้นหา ครอสแฮร์และโอเมก้าร่วมกับแบดเชอร์เพื่อขโมยยานขนส่งของทีมค้นหา พวกเข้าถูกตามโดยยานรบแต่เฮมล็อกสั่งให้ยานเหล่านั้นถอนกำลัง เนื่องจากเอเมอรีตระหนักได้ว่าพวกเขาต้องการโอเมก้าเพราะเลือดของเธอนั้นสามารถนำไปเพิ่มจำนวนเอ็ม-เคานต์ได้
364"A Different Approach"ซอล รูอิสเอซรา นัชแมน28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 (2024-02-28)
เนื่องจากยานขนส่งของพวกเขาเสียหาย โอเมก้าและครอสแฮร์จึงลงจอดฉุกเฉินบนดาวลอ ในท่าจอดยานใกล้เคียงนั้น ครอสแฮร์ต้องการที่จะใช้กำลังในการยึดยานแต่โอเมก้ายืนกรานที่จะหาเงินเพื่อมาติดสินบนพนักงานขายตั๋ว ในระหว่างที่โอเมก้าใช้ความสามารถในการพนันของเธอเพื่อหาเงิน แบดเชอร์ถูกจับตัวไปโดยทหารของจักรวรรดิ โอเมก้าตามหาเธอและครอสแฮร์ก็ตามไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เมื่อพวกเขาพบฝ่ายจักรวรรดิและจนมุม โอเมก้าอนุญาตให้ครอสแฮร์ใช้ความสามารถของเขาในการแก้ปัญหาในแบบของเขา พวกเขาเอาชนะทหาร ปล่อยแบดเชอร์ และหนีไปด้วยยานขนสินค้าที่ขโมยมา ทั้งคู่ไปเจอกับฮันเตอร์และเร็กเกอร์ที่สุขใจเมื่อได้เห็นโอเมก้า แต่มีความสุขน้อยลงเมื่อเห็นครอสแฮร์
375"The Return"นาธาเนียล วิลลานูเอวาอามานดา โรส มูโน6 มีนาคม ค.ศ. 2024 (2024-03-06)
เอคโค่กลับไปยังพาบู แบดแบทช์พูดคุยกันถึงการทดลองที่เกิดขึ้นที่แทนทิส โอเมก้ามีดาต้าแพดของศูนย์ซึ่งสามารถให้คำตอบพวกเขาได้ในบ้าง และครอสแฮร์แนะนำให้พวกเขาลองเข้าถึงดาต้าแพดนั้นด้วยคอมพิวเตอร์ของจักรวรรดิที่ค่ายทหารบนดาวบาร์ทอน โฟ หลังจากพบว่าฐานถูกทิ้งร้างไป พวกเขาย้ายการส่งพลังงานมาจากแนวป้องกันของฐานนั้นเพื่อจะได้เข้าถึงดาต้าแพดนั้นได้ การทำเช่นนี้ทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สามารถโจมตีฐานได้ ครอสแฮร์และฮันเตอร์เบี่ยงเบนความสนใจของสิ่งมีชีวิตนั้นในขณะที่คนอื่น ๆ พยายามเปิดแนวป้องกันอีก แบดแบทช์ออกจากดาวนี้พร้อมข้อมูลที่กู้ได้จากดาต้าแพดและครอสแฮร์ได้รับความเชื่อใจจากเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกครั้ง
386"Infiltration"สตวร์ด ลีแบรด ราว13 มีนาคม ค.ศ. 2024 (2024-03-13)
ในระหว่างที่ถูกคุ้มกันโดยเร็กซ์ และเหล่าโคลนแปรพักตร์ของเขา อดีตสมาชิกวุฒิสภาซิงห์พบกับวุฒิสภาชูชีเพื่อพูดคุยถึงความพยายามในการต่อสู้กับจักรวรรดิ พวกเขาถูกโจมตีโดยโคลนนักฆ่า ซีเอ็กซ์-1 ซึ่งสุดท้ายถูกเร็กซ์จับตัวไป ซีเอ็กซ์-1 ได้พกเครื่องแสดงเป้าหมายซึ่งมีโอเมก้าอยู่ในนั้น เร็กซ์จึงเรียกแบดแบทช์มายังฐานของเขาบนดาวเทธ โอเมก้าและครอสแฮร์เปิดเผยถึงสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับการทดลองของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าและโครงการนักฆ่า “โคลนเอ็กซ์” ซึ่งเป็นการนำเอาตัวตนออกจากโคลนเพื่อทำให้เป็นนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบ นักฆ่าอีกรายหนึ่งชื่อซีเอ็กซ์-2 ถูกส่งไปเพื่อฆ่าซีเอ็กซ์-1 ที่ถูกจับตัวไปซึ่งเขาก็ทำสำเร็จ หลังจากนั้นซีเอ็กซ์-2 เห็นโอเมก้าแล้วจึงเรียกกำลังเสริม ซึ่งนำโดยผู้บัญชาการโคลนวูล์ฟ
397"Extraction"ซอล รูอิสเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์ และ แมทท์ มิชโนเวทซ์13 มีนาคม ค.ศ. 2024 (2024-03-13)
แบดแบทช์ เร็กซ์ และโคลนแปรพักตร์ที่รอดชีวิตพยายามที่จะหลบหนี แต่ถูกตามโดยคนของวูล์ฟและซีเอ็กซ์-2 ซีเอ็กซ์-2 ยิงยานขนส่งของกลุ่มผู้หลบหนี ทำให้วูล์ฟหงุดหงิดเพราะโอเมก้าต้องถูกจับเป็น กลุ่มผู้หลบหนีได้เดินไปยังจุดนักพบซึ่งพวกเขาวางแผนไว้ว่าจะเจอเอคโค่และเกรเกอร์ ซีเอ็กซ์-2 ตามพวกเขาไปและสู้กับครอสแฮร์ก่อนที่จะตกน้ำตกลงไป ซึ่งในที่สุดเขาก็รอดมาได้ ที่จุดนัดพบนั้น วูล์ฟตกใจที่เห็นเร็กซ์ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเขายังไม่ตาย เร็กซ์บอกวูล์ฟเรื่องที่จักรวรรดิทำต่อโคลนและวูล์ฟปล่อยให้พวกเขาหนีไป เร็กซ์บอกฮันเตอร์ว่าพวกเขาต้องหาเหตุผลว่าทำไมโอเมก้าถึงสำคัญต่อจักรวรรดิ
408"Bad Territory"นาธาเนียล วิลลานูเอวาแมทท์ มิชโนเวทซ์20 มีนาคม ค.ศ. 2024 (2024-03-20)
แบดแบทช์ขอให้ฟีสืบเรื่องการทดลองของจักรวรรดิที่เกี่ยวกับเอ็ม-เคานต์ และเธอรายงานว่านักล่าเงินรางวัลถูกจ้างตัวไปเพื่อหาตัวอย่างที่มีเอ็ม-เคานต์สูง ด้วยความที่เชื่อว่าแชนด์จะรู้มากกว่านี้ ฮันเตอร์และเร็กเกอร์จะตามหาเธอ โอเมก้ากับครอสแฮร์รอที่พาบูและโอเมก้าพยายามที่จะช่วยครอสแฮร์ให้ก้าวข้ามอาการสมองตันที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการซุ่มยิงของเขา แชนด์เสนอข้อมูลให้ฮันเตอร์และเร็กเกอร์หากพวกเขาช่วยเธอในการจับเป้าหมายปัจจุบันของเธอ ไซลาร์ ซาริส หลังจากพวกเขาจับตัวซาริสสำเร็จ แชนด์บอกว่าเธอจะติดต่อเรื่องข้อมูลในภายหลังด้วยข้อมูล หลังจากนั้นเธอจึงแจ้งบุคคลที่สามถึงแบดแบทช์และคำถามของพวกเขา
419"The Harbinger"สตวร์ด ลีเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์27 มีนาคม ค.ศ. 2024 (2024-03-27)
อาซาจ เวนเทรสซึ่งเป็นผู้ที่แชนด์ติดต่อเดินทางมายังพาบู เธอบอกแบดแบทช์ว่าเอ็ม-เคานต์สื่อถึงความสามารถในการติดต่อกับพลังและเริ่มทดสอบความสามารถของโอเมก้าโดยการใช้เทคนิคของเจได แบดแบทช์เป็นห่วงเมื่อตระหนักว่าเวนเทรสเคยเป็นนักฆ่าของฝ่ายแบ่งแยกในช่วงสงครามโคลนแต่โอเมก้าเชื่อใจเธอ ในระหว่างการทดสอบสุดท้ายในทะเล เวนเทรสเผลอเรียกสัตว์ประหลาดในทะเลซึ่งโจมตีพวกเธอ เธอทำให้สัตว์ประหลาดสงบลงและช่วยโอเมก้าไว้ ทำให้ได้รับความเชื่อใจจากแบดแบทช์ เวนเทรสบอกโอเมก้าว่าเอ็ม-เคานต์ของเธอนั้นต่ำ แต่ในตอนหลังบอกคนอื่นว่าเธอโกหก เธอยังเตือนพวกเขาด้วยว่าพวกเขาอาจไม่ปลอดภัยบนพาบู
4210"Identity Crisis"ซอล รูอิสอามานดา โรส มูโน3 เมษายน ค.ศ. 2024 (2024-04-03)
เฮมล็อกขังนาลา เซเพราะเชื่อว่าเธอช่วยให้โอเมก้าและครอสแฮร์หลบหนีไปได้ และแต่งตั้งให้เอเมอรีเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ เอเมอรีได้เรียนรู้ว่าตัวอย่างทดลองนั้นเป็นเพียงเด็กที่มีเอ็ม-เคานต์สูงซึ่งถูกนำตัวมายังแทนทิสโดยนักล่าเงินรางวัลเช่นเบน เธอเริ่มที่จะรู้สึกไม่ดีกับจักรวรรดิ เธอยังพบเห็นเบนส่งตัวอย่างเด็กที่เด็กกว่าเด็กคนอื่น ๆ ซะอีก และต้องพบเจอกับความเลือดเย็นที่พวกเขาถูกกระทำใส่ ทาร์คินขู่ที่จะตัดงบเฮมล็อกหากแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้ ซีเอ็กซ์-2 แจ้งเฮมล็อกว่าเขาใกล้ที่จะเจอโอเมก้าหลังจากที่รู้เรื่องความเกี่ยวข้องของเธอกับฟีผ่านการทรมานซิด
4311"Point of No Return"นาธาเนียล วิลลานูเอวาอามานดา โรส มูโน3 เมษายน ค.ศ. 2024 (2024-04-03)
ซีเอ็กซ์-2 แอบขึ้นไปบนยานของฟีและเก็บตำแหน่งของพาบูมาจากคอมพิวเตอร์นำทางของเธอ ด้วยความเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงของการอยู่ที่พาบู แบดแบทช์เตรียมตัวที่จะออกจากดาวในระหว่างที่ซีเอ็กซ์-2 มาถึงและยืนยันตำแหน่งของพวกเขา ด้วยหนทางหนีของพวกเขาถูกตัดขาดไป คนอื่น ๆ ของแบดแบทช์หนีจากการตามล่าในระหว่างที่ฮันเตอร์พยายามขโมยยานติดอาวุธของจักรวรรดิ เขาถูกยิงตกโดยซีเอ็กซ์-2 และโอเมก้าตัดสินใจที่จะมอบตัวเธอเอง เพื่อเผื่อชีวิตของผู้คนบนพาบูและหวังว่าแบดแบทช์จะสามารถติดตามเธอไปยังแทนทิส แต่กระนั้นความพยายามของครอสแฮร์ในการติดเครื่องติดตามนั้นไม่สำเร็จ ในขณะที่ซีเอ็กซ์-2 จากไปพร้อมโอเมก้า
4412"Juggernaut"สตวร์ด ลีเอซรา แนชแมน10 เมษายน ค.ศ. 2024 (2024-04-10)
ซีเอ็กซ์-2 พาโอเมก้ากลับไปยังแทนทิส และเอเมอรีตรวจเลือดของเธอเพื่อยืนยันว่าเธอตรงกับความต้องการของพวกเขา เฮมล็อกพาโอเมก้าไปขังพร้อมกับตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์คนอื่น ๆ เมื่อกองกำลังของจักรวรรดิจากพาบูไป ครอสแฮร์เสนอฮันเตอร์และเร็กเกอร์ว่าพวกเขาเอาพิกัดของแทนทิสมาจากพลเรือโทแรมพาร์ทได้ ผู้ซึ่งถูกขังอยู่ในค่ายแรงงานของจักรวรรดิบนดาวเอเรบัส ด้วยความช่วยเหลือของฟี พวกเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในดาวเอเรบัสได้ ขโมยยานขนส่งของเรือนจำ และหนีออกมาได้พร้อมกับแรมพาร์ท บนยานของฟีนั้น แรมพาร์ทอธิบายว่าไม่มีใครรู้ตำแหน่งของแทนทิส แต่เขาเต็มใจที่จะช่วยพวกเขาในการหาศูนย์นี้แลกกับการที่เขาไม่ถูกส่งตัวกลับค่าแรงงาน
4513"Into the Breach"ซอล รูอิสแบรด ราว17 เมษายน ค.ศ. 2024 (2024-04-17)
โอเมก้าได้รับแนะนำตัวให้คนตัวอย่างทดลองคนอื่น ๆ: เอวา, แจ็กซ์, แซมี และแบร์น เธอบอกพวกเขาว่าเธอเคยหนีออกมาจากแทนทิสมาก่อน และวางแผนที่จะทำเช่นนั้นอีกโดยใช้เส้นทางหลังห้องขังของเธอ แบดแบทช์และแรมพาร์ทกลับมาพบกับเอคโค่พร้อมด้วยยานขนส่งที่ถูกขโมยมา ซึ่งพวกเขาใช้ในการแทรกซึมเข้าไปในสถานีส่งต่อของจักรวรรดิเหนือดาวคอรัสซังเพื่อหาพิกัดสำหรับแทนทิส ด้วยเหตุที่ว่าพวกเขาไม่สามารถหาพิกัดของแทนทิสได้จากคลังข้อมูลของสถานีนี้ เอคโค่จึงตัดสินใจที่จะแอบขึ้นไปบนยานขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ซึ่งมีปลายทางคือแทนทิส และปิดเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งใกล้เคียงของยานนี้ได้ ทำให้คนอื่น ๆ สามารถเทียบยานของพวกเขาไปบนยานขนส่งนี้ได้ ในขณะที่พวกเขาเข้าสู่ไฮเปอร์สเปซ
4614"Flash Strike"เนท วิลลานูเอวาแบรด ราว24 เมษายน ค.ศ. 2024 (2024-04-24)
เฮมล็อกได้รับการเตือนเรื่องที่ว่าแบดแบทช์แทรกซึมเข้าไปในสถานีส่งต่อ และส่งยานไฟเตอร์ไปเพื่อขัดขวางยานที่กำลังจะมา ฮันเตอร์, เร็กเกอร์, ครอสแฮร์ และแรมพาร์ทถูกบังคับให้ยานตกลงใกล้เขาแทนทิสและต้องเดินทางต่อด้วยเท้า ในขณะที่ถูกล่าโดยสตอร์มทรูปเปอร์ที่ลาดตระเวน โอเมก้าได้ฉวยโอกาสจากการที่ฐานนี้อยู่ในช่วงที่เตรียมพร้อมขั้นสูง ในการสำรวจทางหนีที่เธอวางแผนไว้และพบกับปีศาจซิลโล่ในห้องขังใต้ดิน ในป่านั้น แรมพาร์ทเผลอปลุกสิ่งมีชีวิตยักษ์ทำให้มันโจมตีพวกเขา และเขาถูกแยกตัวจากคนอื่น ๆ และถูกจับตัวไป เอคโค่แทรกซึมเข้าไปในฐานและเผชิญหน้ากับเอเมอรี ผู้บอกให้เขารู้เรื่องเด็กคนอื่น ๆ ที่ถูกขังอยู่กับโอเมก้า
4715"The Cavalry Has Arrived"สตวร์ด ลี, ซอล รูอิส กับ แบรด ราวเจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 (2024-05-01)
เด็ก ๆ หลบหนีออกมาและปลดปล่อยปีศาจซิลโล่ให้เข้าทำลายทั่วศูนย์ ก่อนที่พวกเขาจะพบกับเอคโค่และเอเมอรี ฮันเตอร์, เร็กเกอร์ และครอสแฮร์แทรกซึมเข้าไปในฐานแต่ถูกจับกุมตัวโดยเหล่านักปฏิบัติการซีเอ็กซ์ของเฮมล็อก เอคโค่และโอเมก้าปล่อยตัวนาลา เซ, แรมพาร์ท และนักโทษโคลนนายอื่น ๆ ในขณะที่เอเมอรีพาเด็กคนอื่น ๆ ไปยังที่ปลอดภัย นาลา เซไปเพื่อทำลายข้อมูลของศูนย์ เพื่อปกป้องโอเมก้าและป้องกันจักรวรรดิจากการใช้งานวิจัยของเธอ แต่แรมพาร์ทฆ่าเธอและวางแผนที่จะใช้งานวิจัยนี้ในการต่อรองกับจักรวรรดิ ก่อนที่เธอจะตายนั้น นาลา เซได้ใช้ระเบิดมือในการทำลายข้อมูลและฆ่าแรมพาร์ท เฮมล็อกพยายามที่จะแปลงฮันเตอร์, เร็กเกอร์ และครอสแฮร์ให้กลายเป็นนักปฏิบัติการ แต่เอคโค่, โอเมก้า และโคลนนายอื่น ๆ ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระและเอาชนะนักปฏิบัติการที่มีอยู่ได้ เฮมล็อกจับตัวโอเมก้าเป็นตัวประกัน แต่เธอช่วยให้ฮันเตอร์และครอสแฮร์ฆ่าเขา พวกเขาหลบหนีไปยังพาบู ทาร์คินสั่งปิดแทนทิสและผันงบประมาณไปที่โปรเจ็กต์สตาร์ดัสท์แทน เอเมอรีร่วมกับเอคโค่ในการช่วยโคลนนายอื่น ๆ ในขณะที่โอเมก้าและแบดแบทช์ยังคงอยู่บนพาบู ในหลายปีต่อมา โอเมก้าที่โตแล้วเข้าร่วมฝ่ายกบฏในการต่อสู้กับจักรวรรดิ

นักแสดงและตัวละคร

[แก้]

นักแสดงนำ

[แก้]
  • ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ เป็น แบดแบทช์:
    หรือที่รู้จักกันในนาม หน่วยโคลน 99 แบดแบทช์เป็นหน่วยของโคลนทรูปเปอร์ที่เป็นเอกลักษณ์โดยมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม[8] จอร์จ ลูคัส ผู้เป็นผู้ให้นำเกิด สตาร์ วอร์ส ต้องการให้พวกเขามีความสามารถพิเศษที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากโคลนอื่น ๆ แต่เขาไม่ได้ต้องการให้พวกเขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่[9] แบดแบทช์ประกอบด้วย: ฮันเตอร์ หัวหน้าทีมซึ่งมีการรู้สัมผัสที่เพิ่มขึ้นจากปกติและถูกเรียกว่า "ปรมาจารย์ในการติดตาม"; เร็กเกอร์ ผู้มีกล้ามเนื้อที่ดีกว่าปกติและมีโครงกระดูกที่เสริมความแข็งแรง ทำให้เขาแข็งแรงมาก; ครอสแฮร์ นักซุ่มยิงที่มีฝีมือ; เทค อัจฉริยะผู้เก่งในเรื่องเทคโนโลยี; และเอคโค่ อดีตโคลนธรรมดา หรือ "พวกกาก" ผู้ถูกเปลี่ยนเป็นไซบอร์กผ่านการทดลองที่น่าสะพรึงกลัว และในตอนนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้[10] ถึงแม้ว่าจะเป็นโคลน เบเกอร์ทำให้แน่ใจว่าทีมนี้มีเสียงที่ต่างกันและสามารถแยกออกจากกันได้ในแต่ละคน เช่น ความแม่นยำของเทค และการที่ครอสแฮร์เสียงเหมือน "งูที่กำลังขดตัว"[11]
    • ดังเช่นที่เขาทำใน สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส เบเกอร์ยังให้พากย์เสียงโคลนนายอื่น ๆ ในแอนิเมชันชุดนี้อีกด้วย[11] ประกอบด้วย: เกรย์ กัปตันภายใต้ปรมาจารย์เจได เดปา บิลลาบา ในช่วงคำสั่งที่ 66;[12] คัท ลอว์เควน ผู้ละทิ้งสงครามโคลนและหนีไปซ่อนตัวกับครอบครัวของเขา;[13] เร็กซ์ อดีตกัปตันผู้ถูกเชื่อว่าตายไปในตอนจบของสงครามโคลนและตอนนี้ทำปฏิบัติการลับเพื่อช่วยเหลือโคลนนายอื่น ๆ และต่อต้านจักรวรรดิ;[14][15] ฮาวเซอร์ กัปตันโคลนบนดาวไรลอธผู้สนับสนุนนักสู้เพื่ออิสรภาพในการสู้กับจักรวรรดิ;[16] เกรเกอร์ คอมมานโดผู้ทำงานร่วมกับเร็กซ์;[17] วิลโค กัปตันผู้ประจำบนดาวเซเรนโนและถูกฆ่าโดยพลเรือโทแรมพาร์ทในฐานปฏิเสธการปลอมแปลงเอกสารรายงาน;[18] โคดี ผู้บัญชาการที่ละทิ้งการทำงานหลังจากเริ่มตั้งคำถามต่อจักรวรรดิในระหว่างภารกิจที่ทำร่วมกับครอสแฮร์;[19] เคดและสลิป โคลนผู้ถูกฆ่าโดยแรมพาร์ทเพราะเป็นส่วนหนึ่งของผู้แพร่ข่าวลือเรื่องการปิดบังการทำลายเมืองทิโพก้า;[20] สกอร์ช คอมมานโดผู้นำกองกำลังของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า;[21] เมย์เดย์ ผู้บัญชาการของค่ายทหารไร้ผู้คนบนดาวบาร์ทอน โฟ ผู้ซึ่งความตายของเขานั้นเป็นตัวเร่งให้ครอสแฮร์หักหลังให้จักรวรรดิ;[22] ฟายบอลล์และเนเมค สมาชิกกลุ่มโคลนแปรพักตร์ของเร็กซ์;[23] เหล่านักฆ่า โคลนเอ็กซ์;[24] และวูล์ฟ ผู้บัญชาการที่ถูกส่งมาเพื่อจับกุมตัวโอเมก้าและถูกเจรจาโดยเร็กซ์;[25] เบเกอร์เพิ่มความแตกต่างเล็กน้อยในเสียงของโคลนแต่ละนาย[11]
    • เบเกอร์กลับมารับบทเป็นบาร์ทัน โคเบิร์น พลเรือเอกแห่งจักรวรรดิผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน โดยเป็นตัวละครจาก เดอะ โคลน วอร์ส[26] นอกจากนี้เขายังให้เสียงของแบดเชอร์ สุนัขเลอร์คาที่โอเมก้าสนิทด้วย[27]
  • มิเชลล์ แองก์ เป็น โอเมก้า:
    โคลนเด็กหญิงผู้เข้าร่วมแบดแบทช์[28] เธอเป็นโคลนของแจงโก้ เฟทท์ที่ไม่ได้รับการปรับแต่ง ทำให้เธออายุเพิ่มขึ้นตามปกติต่างจากแบดแบทช์และโคลนนายอื่น ๆ ที่อายุเพิ่มขึ้นเร็วเป็นสองเท่าของความเร็วปกติ ดังนั้น ในทางเทคนิคแล้ว โอเมก้าจึงแก่กว่าโคลนเกือบทั้งหมดถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาที่เด็กกว่า[29] ชื่อของเธออ้างอิงถึงโคลนที่ไม่ได้รับการปรับแต่งโคลนแรกของแจงโก้ เฟทท์ "แอลฟ่า" หรือที่รู้จักกันในฐานะลูกชายของแจงโก้ โบบา[3] ในการให้เสียงโอเมก้า แองก์ใช้สำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอเองแต่ปรับความสูงต่ำของเสียงและความรู้สึกนึกคิดเพื่อให้ "ความเยาว์วัย" แก่ตัวละคร แองก์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการดูการที่ลูกชายของเธอได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ[30]

นักแสดงสมทบ

[แก้]

ตัวละครจากสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ

[แก้]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 1

[แก้]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 2

[แก้]
  • แวนดา ไซกส์ เป็น ฟี เจนัว: โจรสลัดในรายชื่อติดต่อของซิด ซึงได้สนิทกับแบดแบทช์[35]
  • จิมมี ซิมสัน เป็น รอยซ์ เฮมล็อก: ผู้กำกับแห่งแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้าของจักรวรรดิ[36]
  • เคชา แคสเซิล-ฮิวจญส์ เป็น เอเมอรี คาร์: โคลนหญิงโตเต็มวัยของแจงโก้ เฟทท์ ซึ่งทำงานให้แผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า[37]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 3

[แก้]
  • ไอแวน ไซนิตซิน เป็น แจ็กซ์: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-32[ต้องการอ้างอิง]
  • ออลวีน เอ็ม. เวแลน เป็น เอวา: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-54[ต้องการอ้างอิง]
  • ไนยา ซิงห์ พาดิลลา เป็น แซมี: เด็กที่เป็นตัวอย่างทดลองในโปรเจ็กต์เนโครแมนเซอร์ ซึ่งมีค่าเอ็ม-เคานต์สูง มีเลขประจำตัวคือ เอสพี-39[ต้องการอ้างอิง]

นักแสดงรับเชิญ

[แก้]

ตัวละครจากสื่อ สตาร์ วอร์ส อื่น ๆ

[แก้]
  • อาร์ชี ปัญจาบี เป็น เดปา บิลลาบา: ปรมาจารย์เจไดผู้ถูกฆ่าในคำสั่งที่ 66 ความตายของเธอนั้นถูกแสดงออกมาต่างจากที่ระบุไว้ในหนังสือการ์ตูน เคนัน[38]
  • แมทธิว วูด เป็น
  • เฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์ เป็น เคเลป ดูม: พาดาวันของเดปา บิลลาบา ผู้หลีบหนีจากคำสั่งที่ 66 เหตุการณ์นี้ถูกแสดงออกมาต่างจากที่ระบุไว้ในหนังสือการ์ตูน เคนัน[38]
  • เอียน แม็คเดียร์มิด เป็น พัลพาทีน: จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิ และเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ [41]
  • แอนดรูว์ คิชิโน เป็น ซอว์ เกอร์เรร่า: นักสู้เพื่ออิสรภาพชาวออนเดรอน[42]
  • ทอม เคน เป็น นักบรรยายฉากเปิดในรูปแบบของ เดอะ โคลน วอร์ส ด้วยเหตุที่ว่าสงครามโคลนนั้นจบลงในตอนแรกของซีรีสนี้ การบรรยายจึงไม่ถูกนำมาใช้ในตอนอื่น ๆ[43]
  • นิกา ฟัตเทอร์แมน เป็น
    • เชเอีย ลอว์เควน: ลูกสาวของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
    • อาซาจ เวนเทรส:
      ลูกศิษย์ของเคานต์ดูกู ในช่วงสงครามโคลน ผู้ผันตัวกลายเป็นนักล่าเงินรางวัล[45] การปรากฏตัวครั้งล่าสุดของตัวละครนี้นั้นอยู่ในนิยายปี ค.ศ. 2015 เรื่อง ดาร์ก ดิสซิเพิล ซึ่งดัดแปลงมาจากบทของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้และสตอรีบอร์ดของเรื่องนั้น ในหนังสือ เวนเทรสตกหลุมรักกับเจได ควินแลน วอส และเสียสละตัวเธอเองเพื่อช่วยเขา[45][46] ในตอนที่ผู้อำนวยการผลิต เดฟ ฟิโลนี ต้องการให้ตัวละครนี้กลับมามีบทบาทในซีซัน 3 ของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ฝ่ายผลิตต้องพยายามในการหาทางให้เวนเทรสสามารถรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพวกเขาวางแผนที่จะเปิดเผยในเรื่องราวของ สตาร์ วอร์ส ในอนาคต[47] การรูปร่างหน้าตาของเธอใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นได้ต้นแบบมาจากงานออกแบบที่ทำไว้สำหรับตอนของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ ประกอบด้วยผมที่ยาวขึ้นและกระบี่แสงใหม่ซึ่งมีใบดาบสีเหลือง[45][46] ฟัตเทอร์แมนนั้นตื่นเต้นที่จะได้แสดงเป็นเวนเทรสในรูปแบบที่อ่อนโยนขึ้น[47]
  • แคธ ซูชี เป็น เจค ลอว์เควน: ลูกชายของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
  • คารา พิฟโก เป็น ซู ลอว์เควน: ภรรยาของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน[44]
  • หมิง-นา เหวิน เป็น เฟนเนค แชนด์: ทหารรับจ้างและนักซุ่มยิงที่มีความสามารถ[48]
  • บริจิทท์ คาลี เป็น เทรซ มาร์เทซ: อดีตนักลับลอบขนของเถื่อนที่ผันตัวเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพและเป็นน้องสาวของราฟา[49]
  • อลิซาเบธ โรดริเกซ เป็น ราฟา มาร์เทซ: อดีตนักลับลอบขนของเถื่อนที่ผันตัวเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพและเป็นพี่สาวของเทรซ[49]
  • โครีย์ เบอร์ทัน เป็น
    • แคด เบน: นักล่าเงินรางวัลผู้ฉาวโฉ่ว[50]
    • โกบี กลี: หนึ่งในนักสู้เพื่ออิสรภาพของชาม ซินดูลลา และเป็นเสมือนอาของเฮรา ซินดูลลา[51]
  • เซ็ธ กรีน เป็น โทโด 360: ดรอยด์ผู้ช่วยของแคด เบน[50]
  • รีนา โอเวน เป็น ทอน วี: ชาวคามิโน่ซึ่งเป็นผู้ช่วยของลามา ซู[52]
  • โรบิน แอทคิน ดาวนส์ เป็น ชาม ซินดูลลา: นักสู้เพื่ออิสรภาพชาวทวิเล็กผู้โด่งดัง และเป็นพ่อของเฮรา ซินดูลลา[51]
  • วาเนสซา มาร์แชล เป็น เฮรา ซินดูลลา:
    ลูกสาวของชาม ซินดูลลา ผู้เป็นนักบินที่มีความสามารถและเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพ ก่อนหน้านี้มาร์แชลเคยรับบทเป็นเฮราในแอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ซึ่งเธอใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันเป็นส่วนใหญ่สำหรับตัวละครนี้ แต่กระนั้น ในแอนิเมชันชุดนั้นได้เปิดเผยฉาดว่าเฮราเคยมีสำเนียงฝรั่งเศสมาก่อน—แสดงถึงสำเนียงท้องถิ่นของดาวไรลอธ —ดังเช่นชามและตัวละครทวิเล็กคนอื่น ๆ นั้นมี แต่เธอสูญเสียสำเนียงนี้ไปเมื่อเธออกเดินตามทางของเธอเอง มาร์แชลซึ่งสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่อง จึงสามารถให้เสียงเฮราด้วยสำเนียงท้องถิ่นได้ใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ และยังปรับความสูงต่ำของเสียงของเธอเพื่อแสดงเป็นเฮราในช่วงวัยรุ่น[53]
  • ฟีล ลามาร์ เป็น
  • เดฟ ฟิโลนี เป็น ช็อปเปอร์: แอสโทรเม็คดรอยด์ที่น่ารำคาญของเฮรา แอนิเมชันชุดนี้ยังคงทำตามธรรมเนียมเดิมจาก สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ ที่ใส่เครดิตว่าช็อปเปอร์เล่นเป็น “ตัวเขาเอง”[54]
  • ชารอน ดันแคน-บรูว์สเตอร์ เป็น ทินนรา พามโล: สมาชิกวุฒิสภาของจักรวรรดิจากดาวทาริส[55]
  • จามีลาห์ แม็คมิลแลน เป็น เฮลล์ เบอร์โทนี: อดีตสมาชิกวุฒิสภาจากดาวคามิโน่[56]
  • แอนดี เดอ ลา ทูร์ เป็น เฮิร์สท์ โรโมดี: พลเรือเอกของจักรวรรดิ ผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน[26]
  • เบน เมนเดลโซห์น เป็น ออร์สัน เครนนิก: ผู้บัญชาการของจักรวรรดิผู้เข้าร่วมการประชุมของทาร์คิน และเป็นผู้ดูแล “โปรเจ็คสตาร์ดัสท์[26]
  • ดาเนียล โลแกน เป็น ม็อกซ์ และ จูเลียน เดนนิสัน เป็น ดีคและสแตก: สามโคลนหนุ่มของแจงโก้ เฟทท์ ผู้ถูกทิ้งโดยจักรวรรดิ[57][58]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 1

[แก้]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 2

[แก้]

ตัวละครใหม่ในซีซัน 3

[แก้]
  • แองเจลิกา ฮัสตัน เป็น อิซา ดูแรนด์: หัวหน้าของครอบครัวกลุ่มอาชญากรดูแรนด์ [61]
  • แฮร์รี ลอยด์ เป็น มานน์: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่ประพฤติมิชอบบนดาวลอ ผู้พนันกับโอเมก้า[ต้องการอ้างอิง]
  • เจฟ โบห์ม เป็น โนวิทซ์: เจ้าหน้าที่จักรวรรดิที่บัญชาการยานขนส่งสินค้าที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของแผนกวิทยาศาสตร์ขั้นก้าวหน้า[ต้องการอ้างอิง]

การผลิต

[แก้]

ภูมิหลัง

[แก้]

หลังจากที่ดิสนีย์เข้าซื้อกิจการลูคัสฟิล์มในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 นั้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ภาพยนตร์แอนิเมชันชุด สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส ได้ถูกยกเลิกไป[62] โดยให้ความสำคัญกับแอนิเมชันชุดใหม่ สตาร์ วอร์ส เรเบลส์ แทน[63] ลูคัสฟิล์มกล่าวว่าตอนบางส่วนที่ยังทำไม่เสร็จของ เดอะ โคลน วอร์ส นั้น จะยังถูกนำไปปล่อยเป็น "เนื้อหาเสริม"[62] ประกอบด้วยโครงเรื่องที่มีสี่ตอนซึ่งแนะนำหน่วยโคลนทรูปเปอร์ที่มีการกลายพันธุ์หรือที่รู้จักกันในนาม แบดแบทช์ แนวคิดสำหรับเรื่องราวนี้มาจากผู้ให้กำเนิด สตาร์ วอร์ส จอร์จ ลูคัส โดยตรง[9] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2015 ตอนทั้งหมดสี่ตอนนี้ถูกนำมาแสดงในรูปแบบของชุดวิดีโอสตอรีบอร์ดที่ไม่สมบูรณ์ในงาน Star Wars Celebration Anaheim[64] ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 หัวหน้าผู้กำกับการสร้าง เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์ เดฟ ฟิโลนี ได้ถอยออกจากตำแหน่งนั้นในแอนิเมชันชุด เรเบลส์ เพื่อให้เขาสามารถตั้งใจเขียนและพัฒนาแอนิเมชันชุดต่าง ๆ ในอนาคตให้กับลูคัสแอนิเมชัน[65] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟิโลนีประกาศว่าซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส กำลังอยู่ระหว่างการสร้างเพื่อปล่อยบนบริการสตรีมมิ่งใหม่ ชื่อ ดิสนีย์+ ในปี ค.ศ. 2020[66] หลังจากนั้นตอนที่เกี่ยวกับแบดแบทช์ทั้งสี่ตอนได้ผลิตเสร็จสมบูรณ์สำหรับซีซันสุดท้าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย[9]

การพัฒนา

[แก้]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 ดิสนีย์+ ประกาศให้มีการสร้าง สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ซึ่งเป็นแอนิเมชันชุดที่แยกจากซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส แอนิเมชันชุดนี้จะดำเนินเรื่องเกี่ยวกับแบดแบทช์ในผลกระทบที่ตามมาหลังจากสงครามโคลน การประกาศนี้เรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่าเป็นวิสัยทัศน์ของฟีโลนี และเขาเป็นผู้อำนวยการสร้างคู่กับอะทีนา พอร์ทิลโอจากลูคัสฟิล์ม, หัวหน้าผู้กำกับการสร้าง แบรด ราว, และหัวหน้าผู้เขียนบท เจนนิเฟอร์ คอร์เบตต์, พร้อมกับคาร์รี เบ็ค และจอร์ช รามส์ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างและผู้สร้างตามลำดับ[2] ฟีโลนีเรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่า "มีความเป็น" เดอะ โคลน วอร์ส และกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้จะยังคงเป็นแอนิเมชันชุดที่ตรงตามวิสัยทัศน์ของลูคัสในความต้องการแอนิเมชันชุดที่มีเรื่องราวผจญภัยที่น่าตื่นเต้นและยิ่งใหญ่[67] ในปีค.ศ. 2021 ก่อนที่แอนิเมชันชุดนี้จะฉายตอนสุดท้ายของซีซันแรกนั้น แอนิเมชันชุดนี้ได้รับการไปต่อในซีซัน 2[68] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2023 ใน Star Wars Celebration London นั้น ได้มีการประกาศซีซัน 3 ซึ่งเป็นซีซันสุดท้าย[69] ฝ่ายการสร้างได้ตั้งใจไว้ว่าจะเล่าเรื่องแบบ 3 ซีซันตั้งแต่แรก และดีใจที่สามารถจบแผนที่พวกเขาตั้งใจไว้ได้ ราวกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้จะจบเรื่องราวของแบดแบทช์แต่ไม่ใช่สำหรับ "จักรวาล โคลน วอร์ส"[46]

การคัดเลือกนักแสดง และการพากย์เสียง

[แก้]
ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ ให้เสียงแบดแบทช์ และโคลนนายอื่น ๆ ในแอนิเมชันชุดนี้

ตัวอย่างแรกของซีรีส์ซึ่งปล่อยออกมาในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 เป็นสิ่งยืนยันว่า ดี แบรดลีย์ เบเกอร์ กลับมาจาก เดอะ โคลน วอร์ส เพื่อให้เสียงแก่โคลนทรูปเปอร์ทุกนายซึ่งประกอบด้วย สมาชิกของแบดแบทช์, กัปตันเร็กซ์ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย[8][14] เบเกอร์ได้มาแทนนักแสดงชาวนิวซีแลนด์ เทมูเอรา มอร์ริสัน ผู้เคยเล่นเป็นโคลน—รวมถึงนักล่าเงินรางวัล แจงโก้ เฟทท์ ซึ่งเป็นต้นแบบของโคลน—ในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้น[70] นอกจากนี้ใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ยังมีมิเชลล์ แอง รับบทเป็นโอเมก้า โคลนเด็กหญิงของแจงโก้ เฟทท์[28] เหตุผลบางส่วนที่แองได้รับการคัดเลือกเป็นเพราะภาษาอังกฤษสำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอที่ตรงกับของมอร์ริสัน และเธอดีใจที่ได้รับโอกาสในการน้อมรับด้านนั้นของเธอ ด้วยเหตุที่ว่าเธอหน้าตาไม่เหมือนกับ "สิ่งที่คนทั่วโลกคิดไว้เมื่อนึกถึงชาวนิวซีแลนด์" ด้วยความเป็นผู้สืบเชื้อสายจีนและมาเลเซีย เบเกอร์และแองพากย์เสียงตอนแรกของแอนิเมชันชุดนี้ด้วยกัน แต่ด้วยภาระงานอื่น ๆ ทำให้แองต้องเดินทางกลับบ้านที่นิวซีแลนด์ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เธอไม่สามารถกับมาพากย์เสียงร่วมกับเบเกอร์ในหลายตอนหลังจากนั้น ด้วยเหตุนี้แองพากย์เสียงของเธอเองผ่านวิดีโอคอลแทน[30]

เอเมอรี คาร์ ซึ่งเป็นโคลนหญิงโตเต็มวัย ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซัน 2 ในตอนแรกนั้นนักพากย์ เคชา แคสเซิล-ฮิวจญส์ ไม่ได้รู้ว่าเอเมอรีเป็นโคลนแต่เธอรู้สึกสงสัยว่าตัวละครนี้เกี่ยวข้องกับโอเมก้าหลังจากที่ทางผู้สร้างขอให้เธอใช้สำเนียงนิวซีแลนด์ของเธอในบทบาทนี้ แคสเซิล-ฮิวจญส์ เคยรับบทที่ไม่มีการพูดมาก่อน โดยเป็นราชินีอาไพลานาในภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส: เอพพิโซด 3 – ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005)[37] ดาเนียล โลแกน ผู้แสดงเป็นโบบา เฟทท์ และโคลนหนุ่มรายอื่น ๆ ในหนังไตรภาคต้นและ เดอะ โคลน วอร์ส กลับมาให้เสียงโคลนหนุ่มชื่อม็อกซ์ ในซีซัน 3 ของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ[57] ม็อกซ์มีเพื่อนโคลนอีกสองนายที่เด็กยิ่งกว่าม็อกซ์ ชื่อดีคและสแตก ซึ่งได้รับการพากย์โดยเพื่อนนักแสดงชาวนิวซีแลนด์ของโลแกน จูเลียน เดนนิสัน[58][71]

ในตอนที่ตัวอย่างแรกของแอนิเมชันชุดนี้ปล่อยออกมา ตัวละครสาวของเฟนเนค แชนด์ จาก เดอะ แมนดาลอเรียน ได้ถูกเปิดเผยว่าจะมีการปรากฏตัวในแอนิเมชันชุดนี้ และหลังจากนั้นไม่นาน นักแสดงหญิง หมิง-นา เหวิน ได้ยืนยันว่าเธอจะกลับมารับบทเป็นแชนด์[48] ตัวอย่างนี้ยังเปิดเผยอีกว่า สตีเฟน สแตนตันและแอนดรูว์ คิชิโนจะกลับมารับบทเป็นตัวละครของพวกเขาใน เดอะ โคลน วอร์ส โดยเป็นทาร์คินและซอว์ เกอร์เรร่า ตามลำดับ[14][42] ตัวละครอื่น ๆ ใน เดอะ โคลน วอร์ส ที่กลับมาในซีซัน 1 ของแอนิเมชันชุดนี้ประกอบด้วย เบน ดิสกิน เป็น เอซี-3;[31] แมทธิว วูด เป็น แบทเทิลดรอยด์;[39] บ็อบ เบอร์เก็น เป็น ลามา ซู;[31] เกวนโดลิน ยีโอ เป็น นาลา เซ;[31] นากา ฟัตเทอร์แมน, แคธ ซูชี, และคารา พิฟโก เป็นสมาชิกในครอบครัวของโคลนผู้ละทิ้งสงครามโคลน คัท ลอว์เควน;[44] บริจิทท์ คาลี และอลิซาเบธ โรดริเกซ เป็น พี่น้องมาเทซ;[49] โครีย์ เบอร์ทัน เป็น แคดเบน และ เซธ กรีน เป็น ดรอย์ของเบน โทโด 360;[50] และทอม เคน ผู้เป็นผู้บรรยายฉากเปิดในแต่ละตอนของ เดอะ โคลน วอร์ส กลับมาให้การบรรในรูปแบบเดียวกันสำหรับตอนแรกของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ[43]

นักแสดงที่กลับมาจากภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ในซีซันแรกประกอบด้วย เอียน แม็คเดียร์มิด เป็น จักรพรรดิพัลพาทีน,[41] วูด เป็น บิบ ฟอร์ทูนา,[40] และ เรนา โอเวน เป็น ทอน วี[52] ผู้สร้างรู้ตั้งแต่ช่วงแรกของการสร้างว่าตอนแรกจะต้องเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องราวของคำสั่งที่ 66 อีกครั้ง โดยผ่านมุมมองของแบดแบทช์ และตัดสินใจที่จะใส่เจได เดปา บิลลาบาและเคเลป ดูม เนื่องด้วยผู้ชมหลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเคเลปจาก เรเบลส์ ซึ่งเขาถูกรู้จักในชื่อ เคนัน จาร์รัส ตัวละครสองตัวนี้มีการปรากฏตัวแบบไม่มีบทพูดในซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส ก่อนที่จะมาปรากฏตัวใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ โดยมีอาร์ชี ปัญจาบีให้เสียงเป็นบิลลาบา ผู้สร้างเคยคิดที่จะคัดเลือกนักแสดงเด็กมาพากย์เป็นเคเลป ก่อนที่ฟิโลนีจะติดต่อไปยังนักแสดงผู้ให้เสียงเคนัน เฟรดดี พรินซ์ จูเนียร์ ให้เข้ากลับมารับบท ราวรู้สึกว่าพรินซ์น่าจะนำพาความกระฉับกระเฉงมาใส่ในตัวละครที่เด็กลงได้อย่างเหมาะสม รวมถึงเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกด้วยความสัมพันธ์ที่เขามีต่อเคนัน[72] ในตอนหลัง ๆ ของซีซัน มีการแนะนำตัวละครจากแอนิเมชันชุด เรเบลส์ ที่เด็กลง เฮรา ซินดูลลา โดยมีวาเนสซา มาร์แชล กลับมารับบท[53] เส้นเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับเธอ ทั้งที่มาจาก เดอะ โคลน วอร์ส และ/หรือ เรเบลส์: โรบิน แอทคิน ดาวนส์ เป็น พ่อของเฮรา ชาม, เบอร์ทัน เป็น โกบี กลี, ฟีล ลามาร์ เป็น ออร์น ฟรี ทา, และฟิโลนี เป็นดรอยด์ของเฮรา ช็อปเปอร์ ซึ่งโผล่ในเครดิตว่าเล่นเป็น "ตัวเขาเอง" และแม่ของเฮรา เอเลนี ผู้เคยถูกกล่าวถึงแค่ใน เรเบลส์ ปรากฏตัวครั้งแรกใน ทีมโคตรโคลนมหากาฬ พากย์เสียงโดยเฟเรลิธ ยัง[51][54] นอกจากนี้ยังมีตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในซีซันนี้อีก ได้แก่ โนเชียร์ ดาลาล รับบทเป็น พลเรือโทแรมพาร์ท และเรีย เพิร์ลแมน รับบทเป็น ซิด[31]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 แวนดา ไซกส์ ได้เปิดเผยว่าเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นนักแสดงสมทบรับบท ฟี เจนัว ในซีซัน 2[35] ซีซันนี้ยังมีการปรากฏตัวครั้งแรกของ จิมมิ ซิมสัน รับบท ดร. เฮมล็อก ผู้เข้ามาแทนแรมพาร์ทในการเป็นตัวร้ายหลักของแอนิเมชันชุดนี้[36] นักแสดงรับเชิญที่กลับมาจาก เดอะ โคลน วอร์ส ในซีซัน 2 ได้แก่ สแตนตัน ในบทของ เมส อาเมดดา,[32] เจนนิเฟอร์ เฮล ในบทของ ไรโย ชูชี,[33] ลามาร์ ในบทของ เบล ออร์กานา,[32] และจามีลาห์ แม็คมิลแลน ในบทของ เฮลล์ เบอร์โทนี[56] นอกจากนี้ซีซันนี้ยังมีนักแสดงสมทบหลายคนจากภาพยนตร์ โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส (ค.ศ. 2016): ชารอน ดันแคน-บรูว์สเตอร์ เป็น ทินนรา พามโล,[55] แอนดี เดอ ลา ทูร์ เป็น เฮิร์สท์ โรโมดี, และ เบน เมนเดลโซห์น เป็น ออร์ซัน เครนนิก[26] สำหรับซีซัน 3 ฟัตเทอร์แมนกลับมารับบทเป็นตัวละครจาก เดอะ โคลน วอร์ส อาซาจ เวนเทรส[45]

ดนตรี

[แก้]

เควิน ไคเนอร์ได้รับการยืนยันว่าจะประพันธ์เพลงประกอบสำหรับแอนิเมชันชุดนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2021 หลังจากที่เคยประพันธ์เพลงประกอบสำหรับ เดอะ โคลน วอร์ส และ เรเบลส์[73] เขาแต่ง ธีมของทีมโคตรโคลนมหากาฬ สำหรับซีซันสุดท้ายของ เดอะ โคลน วอร์ส[74] และอธิบายเพลงของเขาสำหรับ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ว่าถือเป็นวิวัฒนาการจากเพลงก่อนหน้าโดยใช้การผสมเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และองค์ประกอบของออเคสตราเข้าไป ไคเนอร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแพลงประกอบภาพยนตร์ ป้อมปืนนาวาโรน (ค.ศ. 1961) และ 12 เดนตาย (ค.ศ. 1967) ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้นั้นมีกลุ่มของตัวละครที่คล้ายคลึงกับ ทีมโคตรโ๕ลนมหากาฬ[73]

เพลงประกอบของไคเนอร์สำหรับซีซันแรกนั้นได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบดิจิทัลโดยวอลต์ดิสนีย์เรคอร์ดส์ ในรูปแบบสองชุด โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2021 และเพลงจากแปดตอนหลังเผยแพร่วันที่ 20 สิงหาคม เพลงหนึ่งจากซีซันแรก ชื่อ "Enter the Bad Batch" นั้นได้เผยเพร่เป็นซิงเกิลในรูปแบบดิจิตัลในวันที่ 13 พฤษภาคม[75] เพลงสำหรับซีซันสองของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเผยแพร่ในรูปแบบกำหนดการที่คล้ายกับเพลงประกอบในซีซันแรก โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023[76] และเพลงจากแปดตอนหลังเผยแพร่วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2023[77] เพลงสำหรับซีซันสามซึ่งเป็นซีซันสุดท้ายเผยแพร่ในรูปแบบสองชุด โดยมีเพลงจากแปดตอนแรกเผยแพร่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024[78] และเพลงจากเจ็ดตอนหลังนั้นคาดการณ์ว่าจะเผยแพร่ในช่วงเดือนพฤษภาคม[79]

การตลาด

[แก้]

ประธานลูคัสฟิล์ม เคธลีน เคนเนดี โปรโมตแอนิเมชันชุดนี้ที่งานดิสนีย์ส อินเวสเตอร์เดย์ ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2020 โดยเปิดเผยตัวอย่างแรกสำหรับแอนิเมชันชุดนี้ เจคอบ ออลเลอร์จาก Syfy Wire รู้สึกว่าตัวอย่างนี้นั้นทำให้แอนิเมชันชุดนี้ดูเหมือน เดอะ โคลน วอร์ส ในรูปแบบที่หนักไปทางโลดโผนมากกว่า และเปรียบเทียบแอนิเมชันชุดนี้กับละครโทรทัศน์ช่วงทศวรรษที่ 1980 ชื่อ หน่วยพิฆาตเดนตาย[8] ก่อนที่จะมีการเผยแพร่รอบปฐมทัศน์ ตัวละครจากแอนิเมชันชุดนี้ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในเกมเล่นตามบทบาท สตาร์ วอร์ส: กาแลกซีออฟฮีโร่ส์ ในรูปแบบตัวละครที่สามารถปลดล็อกและเล่นได้[80]

การเผยแพร่

[แก้]

สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เผยแพร่รอบปฐมทัศน์บนดิสนีย์+ ในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 ซึ่งเป็นวันสตาร์ วอร์ส[81] โดยเป็นตอนพิเศษที่มีความยาว 70 นาที[14] ตอนอื่น ๆ ที่เหลืออีกสิบหกตอนของซีซันแรกนั้นเผยแพร่จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม[14][28] ซีซันสองซึ่งมีสอบหกตอนนั้นเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม จนถึง 29 มีนาคม ค.ศ. 2023[82][35] หลังจากที่เคยมีการคาดการณ์ว่าจะเผยแพร่ตอนแรกในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2022[83] ซีซันสุดท้ายซึ่งมีสิบห้าตอนเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ จนถึง 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024[84]

การตอบรับ

[แก้]

การรับชมของผู้ชม

[แก้]

ตามแอปติดตามการรับชมของวิปมีเดีย ทีวีไทม์ สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครโทรทัศน์ที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดเป็นอันดับแรกในช่วงเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2021[85] และเป็นละครโทรทัศน์ที่ผู้คนตั้งหน้าตั้งตารอมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ในช่วงเดือนกันยายน ค.ศ. 2022[86] ตามนีลเซน สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครชุดดังเดิมที่ได้รับการสตรีมมากที่สุดเป็นอันดับที่เจ็ดตลอดทุกแพลตฟอร์ม ในระหว่างช่วงสัปดาห์ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2021 จนถึง 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[87][88]

ตามแอปติดตามการรับชมของวิปมีเดีย ทีวีไทม์ สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เป็นละครชุดดั้งเดิมที่ได้รับการสตรีมมากที่สุดเป็นอันดับที่สามตลอดทุกแพลตฟอร์ม ในระหว่างช่วงสัปดาห์ 8 มกราคม ค.ศ. 2023,[89] 15 มกราคม ค.ศ. 2023,[90] 22 มกราคม ค.ศ. 2023,[91] 29 มกราคม ค.ศ. 2023,[92] 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[93] เป็นอันดับที่ห้าในช่วงสัปดาห์ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023[94], 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[95] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023,[96] เป็นอันดับที่เจ็ดในช่วงสัปดาห์ 5 มีนาคม ค.ศ. 2023,[97] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 12 มีนาคม ค.ศ. 2023,[98] เป็นอันดับที่เจ็ดในช่วงสัปดาห์ 19 มีนาคม ค.ศ. 2023,[99] เป็นอันดับที่หกในช่วงสัปดาห์ 26 มีนาคม ค.ศ. 2023,[100] และเป็นอันดับที่ห้าในช่วงสัปดาห์ 2 เมษายน ค.ศ. 2023[101]

การวิพากษ์วิจารณ์

[แก้]
ซีซัน รอตเทนโทเมโทส์ เมทาคริติก
1 86% (93 บทความ)[102] 67 (9 บทความ)[103]
2 90% (21 บทความ)[104]
3 87% (15 บทความ)[105] 68 (4 บทความ)[106]

เว็บไซต์รวบรวมคำวิจารณ์ รอตเทนโทเมโทส์ ซีซันแรกได้รับคะแนนความนิยม 86% โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.3/10 ยึดจากบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 92 บทความสำหรับซีซันแรก ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "แอนิเมชันการผจญภัยที่แสนสวยงามของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ อาจจะเน้นไปทางตำนานของ สตาร์ วอร์ส สำหรับผู้ชมทั่วไป แต่สำหรับแฟน ๆ นั้น จะเพลิดเพลินไปกับการดำลึกเข้าไปในตัวละครเหล่านี้"[102] บนเมทาคริติก ซีซันแรกนี้ได้รับคะแนนเฉลี่ยเมื่อถ่วงน้ำหนักแล้วอยู่ที่ 67 จาก 100 ยึดตามบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 9 บทความซึ่งระบุว่า "บทวิจารณ์โดยทั่วไปเป็นที่ชื่นชอบ"[103] ซีซันสองได้รับคะแนนความนิยม 90% บนรอตเทนโทเมโทส์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.2/10 ยึดจากบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 21 บทความสำหรับซีซันแรก ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "ชุดที่สองของ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นยังคงรักษาความดีและความชั่วเหมือนซีซันแรกได้: การผจญภัยของ สตาร์ วอร์ส ที่ยอดเยี่ยม และมุ่งไปที่แฟน ๆ ตัวยงแลกกับผู้ชมทั่วไป"[104] ซีซันสามได้รับคะแนนความนิยม 87% บนรอตเทนโทเมโทส์ โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 8.0/10 ยึดจากบทวิจารณ์ 15 บทความ ความเห็นร่วมกันของนักวิจารณ์บนเว็บไซต์นั้นระบุไว้ว่า "การระดมส่งเสียงไชโยครั้งสุดท้ายพร้อมด้วยอีสเตอร์เอกมากมายและการโลดโผนที่เร้าใจที่ยังคงอยู่ในคลัง ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นจบลงด้วยดี"[105] บนเมทาคริติก ซีซันสามได้รับคะแนน 68 จาก 100 ยึดตามบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์ 4 บทความ ซึ่งระบุว่า "บทวิจารณ์โดยทั่วไปเป็นที่ชื่นชอบ"[106]

โจล เคลเลอร์จาก ดีไซเดอร์ เรียกแอนิเมชันชุดนี้ว่าเป็นภาคแยกที่ "คู่ควร" ของ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส และชื่นชมการแนะนำตัวโอเมก้าในการเป็นตัวละครหญิงหลัก โดยเขียนไว้ว่า "สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ น่าจะทำให้แฟน ๆ สงครามโคลนนั้นพึงพอใจ และให้แฟน ๆ ของแฟรนไชส์เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงต้นของจักรวรรดิ"[107] โจชัว ริเวราจาก โพลีกอน ให้บทวิจารณ์ทางบวกแก่รายการนี้ และกล่าวว่า "ไตรภาคต้นนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้มากมายดังเช่นในไตรภาคเดิมของ สตาร์ วอร์ส และ ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นก็มีหน้าที่เดินเรื่องอย่างช้า ๆ และระมัดระวัง เพื่อให้สามารถดึงความเป็นไปได้เหล่านั้นออกมา ดั่งเช่นที่ เดอะ โคลน วอร์ส เคยทำไว้"[108] เวนเลย มา จาก News.com.au ให้บทวิจารณ์ทางบวกแก่รายการนี้ และกล่าวว่า "สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเป็นเหมือนหญ้าแมวสำหรับแฟน ๆ สตาร์ วอร์ส ที่ทุ่มเท โดยแอนิเมชันชุดนี้นั้นเป็นแอนิเมชันชุดแนวโลดโผน-ผจญภัยที่มีทั้งความตื่นเต้นเร้าใจ มีตัวละครที่สามารถเชื่อมโยงได้และอยู่ฝั่งที่ถูกของสงคราม มีปืนบลาสเตอร์ และเรื่องเกี่ยวกับตำนานและอีสเตอร์เอกมากพอที่จะทำให้สามารถกรี๊ดด้วยความตื่นเต้นได้"[109]

วินเซนต์ ชิลลิงจาก อินเดียนคันทรีทูเดย์ ให้รายการนี้ 8.5 จาก 10 ดาว และกล่าวว่า "ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แฟนของแอนิเมชันชุดของ สตาร์ วอร์ส แต่ผมประทับใจกับเรื่องนี้ โดยกลุ่มของข้อตำหนิที่ได้รับการอนุมติ ที่แต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน เป็นสูตรที่ชนะใจผมมาก – ดีเยี่ยมซะด้วยซ้ำไป"[110] เจสซี ชาดีนจาก ไอจีเอ็น ให้ตอนปฐมทัศน์ 8 จาก 10 และกล่าวว่าแอนิเมชันชุดนี้นั้นเป็น "ผู้สืบทอดของ เดอะ โคลน วอร์ส ที่คู่ควร มากขนาดขั้นที่ว่าเรื่องนี้อาจถูกรีแบรนด์ให้เป็นซีซันที่แปดได้เลย" และ "เรื่องนี้ใช้ประโยชน์จากการที่เรื่องนั้นจบลงแบบหลวม ๆ เพื่อสร้างเรื่องราวใหม่เกี่ยวกับสภาพของโคลนหลังจากที่สงครามจบ และมันเป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาได้ในทันที" เขายังเพิ่มเติมว่ารายการนี้ "เก็บหลายสิ่งที่ทำให้ เดอะ โคลน วอร์ส นั้นดีมาก (เช่นรูปแบบแอนิเมชันที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการพากย์เสียงของเบเกอร์) แต่ก็ไม่ได้ทำให้รายการนี้หลุดพ้นของของติต่าง ๆ เช่นกัน"[111] จูเลียน ไลเติลจาก idobi.com ให้แอนิเมชันชุดนี้ 8 จาก 10 ดาวและระบุว่า "ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นรู้สึกคุ้นเคยแต่ก็เป็นการเริ่มการผจญภัยใหม่ พร้อมด้วยตัวละครใหม่ ๆ ในพื้นหลังที่เจ๋ง ฉันรอไม่ไหวที่จะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มนี้ในจักรวรรดิ"[112] มาร์ตี บราวน์จาก คอมมอนเซนส์มีเดีย ให้รายการนี้ 4 จาก 5 ดาวพร้อมกับจำแนกภาพยนตร์เป็นช่วงอายุ '10+' โดยระบุว่า "แอนิเมชันชุดนี้มอบสิ่งที่แฟน ๆ น่าจะคาดหวังจากเรื่องราวของ สตาร์ วอร์ส อย่างละเอียด: การวางพล็อต, ตัวละครใหม่ที่โดดเด่น, และฉากโลดโผนที่ยิ่งใหญ๋ พร้อมด้วยเรื่องศีลธรรมเป็นแกนกลาง"[113]

โจนาธาน โรเบิร์ตส์จาก เดอะนิวเปเปอร์ ให้รายการนี้ 2.5 จาก 5 ดาว และระบุว่า "ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเหมาะที่จะดู แต่อาจจะหนักไปสำหรับผู้ชมบางคน"[114] นิฟ เอ็ม. ซุลทานจาก สแลนต์แมกาซีน ให้รายการนี้ 1.5 จาก 4 ดาว และระบุว่า "ความพยายามของรายการนี้ในการทำให้ตัวละครหลักแต่ละตัวแตกต่างกันนั้นทำให้พวกเขาเดาทางได้ง่ายดายและซ้ำซาก"[115]

คิมเบอร์ลี เทราซากิจาก เดอะแมรีซู เป็นห่วงว่าแอนิเมชันชุดนี้จะทำให้โคลนทรูปเปอร์นั้นกลายเป็น "ผิวขาว" โดยเขียนว่า "งานออกแบบของบางตัวละครนั้นดูเหมือนจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นดูจะผิวอ่อนลง และ/หรือ มีลักษณะของคนเชื้อชาติยุโรป...โดยสรุปคือ: โคลนของตัวละครที่เล่นโดยชาวเมารีกลายเป็นตัวละครผิวขาว" เรื่องนี้ก็ได้รับการสังเกตโดยเแฟน ๆ เช่นกัน ทำให้เกิดเพจทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และแคมเปญใน เชนจ์.โออาร์จี[116] เพื่อตอบกลับเรื่องนี้ ผู้กำกับดูแล แบรด ราว บอกว่าทีมแอนิเมชันนั้นได้กลับยังตอนที่สร้างเสร็จแล้วและปรับผิวสีของโคลนให้ใกล้เคียงกับของเทมูเอรา มอร์ริสัน ขึ้น[117]

รายการนี้ได้รับเสียงชื่นชมเรื่องมีตัวละครที่เป็นตัวแทนของผู้พิการ เอมิลี สมิธจาก เรดีโอไทมส์ ชี้ว่าก่อนที่จะมี ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ตัวละครที่พิการส่วนใหญ่ในจักรวาล สตาร์ วอร์ส นั้นเกี่ยวข้องกับด้านลบ เช่นตัวร้าย ดาร์ธ เวเดอร์ และดาร์ธ มอล ซึ่งพิการหลังจากการต่อสู้ ตัวละครอื่น ๆ เช่น ลุค สกายวอล์คเกอร์ และเคนัน จาร์รัส ได้รับผลกระทบทางลบหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการสู้กับตัวร้าย กลับกัน ตัวละครดั้งเดิมทั้งสี่คนจาก ทีมโคตรโคลนมหากาฬ นั้นเกิดมาพร้อมกับความพิการ ซึ่งสมิธเรียกว่าการปลดปล่อยความพิการออกจากความหมายแฝงใด ๆ[118] โจชัว แพตทอนจาก ซีบีอาร์ ชมรายการนี้เรื่องการแสดงบทพูดที่ดูเป็นมิตรต่อเด็กเกี่ยวกับความหลากหลายทางประสาท โดยเน้นคำพูดจากเทคในซีซันสอง ตอนที่เก้า "ข้าอาจจะทำตัวและคิดต่างไปในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้แปลว่าข้ารู้สึกถึงมันน้อยกว่าเจ้า"[119]

รางวัล

[แก้]

ซีซันแรกเป็นหนึ่งใน 200 ซีรีส์โทรทัศน์ที่ได้รับรีเฟรมสแตมป์สำหรับปี ค.ศ. 2021 ถึง 2022 สแตมป์นี้ได้รับจากแนวร่วมความเท่าเทียมทางเพศ รีเฟรม และฐานข้อมูลอุตสาหกรรม อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบสโปร สำหรับโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ได้รับการยืนยันว่ามีจ้างงานที่เท่าเทียมทางเพศ เนื่องด้วยสแตมป์นี้มอบให้แก่โปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่จ้างคนที่ระบุเพศตอนเองว่าเป็นเพศหญิง โดยเฉพาะหญิงผิวสี โดยมีถึงสี่ในแปดบทบาทสำคัญในงานสร้างของพวกเธอ[120]

ปี (ค.ศ.) รางวัลที่ได้เข้าชิง สาขารางวัล ผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง ผล อ้างอิง
2022 โกลเด้นรีลอวอร์ดส งานตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม – แอนิเมชันชุดหรือรูปแบบสั้น แมทธิว วูด, เดวิด ดับเบิลยู. คอลลินส์, แฟรงก์ รีเนลลา และคิมเบอร์ลี แพทริก (สำหรับ "Reunion") เสนอชื่อเข้าชิง [121]
แซทเทิร์นอวอร์ดส แอนิเมชันชุดทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ชนะ [122]
2024 โกลเด้นรีลอวอร์ดส งานตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม – แอนิเมชันชุดถ่ายทอดสด เดวิด ดับเบิลยู. คอลลินส์, แมทธิว วูด, จัสติน ดอยล์, เควิน โบเลน, คิมเบอร์ลี แพทริก, แฟรงก์ รีเนลลา, มาร์กี โอ'แมลลีย์ และแอนเดรีย การ์ด (สำหรับ "Faster") ชนะ [123]
โปรดิวเซอร์สกิลด์ออฟอเมริกาอวอร์ดส รายการเด็กยอดเยี่ยม สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ เสนอชื่อเข้าชิง [124]
แซทเทิร์นอวอร์ดส ครั้งที่ แอนิชันชุดทางโทรทัศน์หรือรูปแบบพิเศษยอดเยี่ยม สตาร์ วอร์ส: ทีมโคตรโคลนมหากาฬ ชนะ [125]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "Disney+ Announces Season 2 of Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-08-05.
  2. 2.0 2.1 2.2 D'Alessandro, Anthony (July 13, 2020). "'Star Wars: The Bad Batch': New Animated Series To Debut On Disney+ In 2021". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2020. สืบค้นเมื่อ July 13, 2020.
  3. 3.0 3.1 Saavedra, John (June 25, 2021). "Star Wars The Bad Batch: Omega Origin and Identity Explained". Den of Geek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 26, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  4. Kane, Alex (May 6, 2021). "'The Bad Batch' premiered this week—and we're already in love". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2021. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
  5. Myers, Kendall (February 19, 2024). "'Star Wars: The Bad Batch' Season 2 Recap: What To Remember Before Season 3". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
  6. Britt, Ryan (December 9, 2022). "Star Wars canon is about to fix the Empire's weirdest plot hole". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 9, 2022. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  7. Johnston, Dais (April 4, 2024). "Star Wars Has Finally Fixed 'Rise of Skywalker's Dumbest Plot Twist". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2024. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  8. 8.0 8.1 8.2 Oliver, Jacob (December 11, 2020). "Star Wars' (almost) most famous clones are back in The Bad Batch first teaser". Syfy Wire (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 12, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  9. 9.0 9.1 9.2 Leong, Tim (March 2, 2020). "Clone Wars EP Dave Filoni breaks down the first episodes of the final season". Entertainment Weekly. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 3, 2020. สืบค้นเมื่อ May 10, 2020.
  10. Bacon, Thomas (May 6, 2021). "Clone Force 99: Every Member's Powers & Abilities Explained". Screen Rant (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 7, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  11. 11.0 11.1 11.2 Ross, Dalton (May 3, 2021). "Watch Dee Bradley Baker voice all the 'Star Wars Bad Batch' clones". Entertainment Weekly (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  12. Young, Bryan (May 4, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Breakdown: The Details And History That Enrich "Aftermath"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  13. Jacobs, Eammon (May 7, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Episode 2 Ending Explained". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 25, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 Whitbrook, James (March 30, 2021). "Star Wars: The Bad Batch's New Trailer Puts Clones on the Run". io9 (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2021. สืบค้นเมื่อ March 30, 2021.
  15. Patton, Joshua M. (March 13, 2024). "The Bad Batch Reveals Why Rex's Clones Aren't Working With Clone Force 99". Comic Book Resources (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  16. Cao, Caroline (July 9, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Makes A Promising Shift To Spotlight A 'Rebels' Origin Story In "Devil's Deal"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 1, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  17. Cao, Caroline (July 30, 2021). "'The Bad Batch' Pays A Price In The Thrilling "War-Mantle"". /Film (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 25, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  18. Gaughan, Liam (January 10, 2023). "'The Bad Batch': The Clones Are Fighting an Undefeatable Enemy". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  19. Brooks, Dan (January 13, 2023). "Star Wars: The Bad Batch: Dee Bradley Baker on the Return of Commander Cody – Exclusive". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 14, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  20. Morgan, Lauren (February 23, 2023). "Ranking the top 15 'Star Wars' clone troopers". Entertainment Weekly (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 23, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  21. Kelley, Aidan (January 4, 2023). "'Star Wars: The Bad Batch' Season 2 Cast and Character Guide: Who's Returning in the New Episodes". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 5, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  22. Connolly, Jason (April 24, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Didn't Give Fans Enough Time With Mayday". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 24, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  23. Connolly, Jason (April 30, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Theory - Fireball & Nemec Will Die In Season 3". Looper.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  24. Parker, Jamie (March 14, 2024). "The Bad Batch Explains One of the Empire's Biggest Crimes Against Clones". CBR (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  25. Myers, Kendall (March 16, 2024). "'The Bad Batch' Season 3: Who Is Commander Wolffe?". Collider (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  26. 26.0 26.1 26.2 26.3 Burt, Kieran (April 6, 2024). "Who are the Imperials at the summit in The Bad Batch?". Dork Side of the Force (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 15, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  27. ""Confined" Episode Guide | Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  28. 28.0 28.1 28.2 Keane, Sean (May 3, 2021). "Star Wars: The Bad Batch crew talks season length, Omega and Imperial oppression". CNET. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ May 3, 2021.
  29. Miller, David (August 7, 2021). "How Omega Is Older Than The Bad Batch". Screen Rant (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 6, 2024.
  30. 30.0 30.1 Baver, Kristin (June 8, 2021). "Meet Omega: Michelle Ang on Becoming the Heart of Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 8, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  31. 31.0 31.1 31.2 31.3 31.4 31.5 31.6 31.7 31.8 Salvati, Tara (February 14, 2024). "Star Wars: The Bad Batch Voice Cast - What The Actors Look Like In Real Life". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  32. 32.0 32.1 32.2 32.3 Cao, Caroline (May 29, 2022). "Commander Cody And Gungi Are Returning In The Bad Batch Season 2". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 30, 2022. สืบค้นเมื่อ May 29, 2022.
  33. 33.0 33.1 Chapman, Tom (February 9, 2023). "How A The Bad Batch Cameo Sets Up A New Era of Star Wars". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  34. Fesmire, Caleb (March 9, 2023). "'The Bad Batch' Season 2: Mount Tantiss Explained". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  35. 35.0 35.1 35.2 Amin, Arezou (December 7, 2022). "'The Bad Batch' Season 2 Casts Wanda Sykes". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 7, 2022. สืบค้นเมื่อ December 7, 2022.
  36. 36.0 36.1 Patton, Joshua M. (March 4, 2023). "The Bad Batch Debuts Jimmi Simpson's Mysterious New Villain". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 5, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  37. 37.0 37.1 Brooks, Dan (March 30, 2023). "Keisha Castle-Hughes on Doctor Emerie Karr and The Bad Batch Season 2's Cliffhanger". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  38. 38.0 38.1 Cao, Caroline (May 4, 2021). "Star Wars: The Bad Batch retcons a Jedi backstory that's key to Rebels". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 1, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  39. 39.0 39.1 Cao, Caroline (October 9, 2021). "The voice of the clone soldiers did the Jawa voice for movie tickets". Polygon. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  40. 40.0 40.1 Whitbrook, James (May 28, 2021). "On Star Wars: The Bad Batch, Maybe Not Everyone Needs an Origin Story". Gizmodo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 5, 2022. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  41. 41.0 41.1 Freitag, Lee (January 4, 2023). "The Bad Batch: What Critics Are Saying About Season 2". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 17, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  42. 42.0 42.1 Skrebels, Joe (March 30, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Will Begin With a 70-Minute Premiere". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 30, 2021. สืบค้นเมื่อ March 30, 2021.
  43. 43.0 43.1 Melrose, Kevin (May 7, 2021). "How Star Wars: The Bad Batch Signals the Clone Wars Are Truly Over". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 13, 2021. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  44. 44.0 44.1 44.2 44.3 Silliman, Brian (May 6, 2021). "Hunter gets dad lessons from an old friend in Episode 2 of Star Wars: The Bad Batch". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 28, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  45. 45.0 45.1 45.2 45.3 Diaz, Eric (January 22, 2024). "The Bad Batch Final Season Trailer Reveals Asajj Ventress' Return". Nerdist. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2024. สืบค้นเมื่อ January 22, 2024.
  46. 46.0 46.1 46.2 Johnston, Dais. "New Star Wars Animated Movie? 'Bad Batch' Showrunners Say "How Could You Say No?"". Inverse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 16, 2024. สืบค้นเมื่อ February 16, 2024.
  47. 47.0 47.1 Brooks, Dan (March 27, 2024). "Ventress Strikes Back". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 27, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  48. 48.0 48.1 Baver, Kristin (December 16, 2020). "The Return of Fennec Shand: Ming-Na Wen on Finding Her Voice as the Elite Assassin in The Mandalorian". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 16, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  49. 49.0 49.1 49.2 Cao, Caroline (June 4, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Runs Into Some Familiar Faces From 'The Clone Wars' In "Decommissioned"". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 23, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  50. 50.0 50.1 50.2 Brian, Silliman (June 17, 2021). "Star Wars: The Bad Batch just set the stage for an epic showdown that has been long in the making". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 26, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  51. 51.0 51.1 51.2 51.3 51.4 Silliman, Brian (July 9, 2021). "Another 'Rebels' hero returns to begin her journey on the latest 'Star Wars: The Bad Batch'". Syfy Wire. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 24, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  52. 52.0 52.1 Young, Bryan (June 25, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Breakdown: The Details And History That Enrich "Bounty Lost"". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  53. 53.0 53.1 Brooks, Dan (July 19, 2021). "Hera Flies Again: Vanessa Marshall on Returning as the High Flying Pilot in Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 27, 2021. สืบค้นเมื่อ July 19, 2021.
  54. 54.0 54.1 Kim, Brendan (July 20, 2021). "Star Wars Rebels' Chopper Gets His Own Bad Batch Poster". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 22, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  55. 55.0 55.1 Young, Bryan (February 8, 2023). "The Bad Batch Delves Into The Clone Conspiracy And Evolution Of The Empire". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 9, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  56. 56.0 56.1 Celestino, Mike (February 8, 2023). "TV Review / Recap – "Star Wars: The Bad Batch" – "The Clone Conspiracy" and "Truth and Consequences"". Laughing Place. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 8, 2023. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  57. 57.0 57.1 Declan, Liz (February 21, 2024). "The Bad Batch's Secret Boba Fett Cameo Wasn't Exactly The One Viewers Were Hoping For". Screen Rant. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 23, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
  58. 58.0 58.1 ""Paths Unknown" Trivia Gallery | Star Wars: The Bad Batch". StarWars.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2024. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  59. Patton, Joshua M. (February 23, 2023). "The Bad Batch Lost Their Ship and Its Thief Sounds Like Spider-Man". Comic Book Resources. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 2, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  60. Young, Bryan (March 8, 2023). "The Bad Batch Brings Us One Of Its Best Episodes Yet". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 11, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  61. Young, Bryan (February 21, 2024). "A Brilliant Oscar-Winning Actress Has Joined The Star Wars Universe With The Bad Batch". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 21, 2024. สืบค้นเมื่อ February 21, 2024.
  62. 62.0 62.1 Goldberg, Lesley; Block, Alex Ben (March 11, 2013). "'Star Wars: Clone Wars' Ends Its Run on Cartoon Network". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 8, 2021. สืบค้นเมื่อ February 18, 2024.
  63. "New Animated Series Star Wars Rebels Coming Fall 2014". StarWars.com. May 20, 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 3, 2014. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  64. "Star Wars: The Clone Wars "Bad Batch" 4-Episode Arc Coming to Star Wars Celebration". StarWars.com. April 9, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 8, 2020. สืบค้นเมื่อ February 26, 2021.
  65. Anderton, Ethan (September 26, 2016). "Lucasfilm Animation Makes Some Big Changes Behind the Scenes for 'Star Wars Rebels' & Beyond". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 27, 2016. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  66. "Star Wars: The Clone Wars to Return with New Episodes". StarWars.com. July 19, 2018. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 19, 2018. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  67. Russell, Bradley (December 17, 2020). "Dave Filoni teases Star Wars series The Bad Batch, saying it will "follow the legacy" started by George Lucas". GamesRadar+. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2020. สืบค้นเมื่อ January 3, 2021.
  68. Petski, Denise (August 5, 2021). "'Star Wars: The Bad Batch' Renewed For Season 2 By Disney+". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 5, 2021. สืบค้นเมื่อ August 6, 2021.
  69. Mitovich, Matt Webb (April 10, 2023). "Star Wars: The Bad Batch Renewed for Third and Final Season". TVLine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 10, 2023. สืบค้นเมื่อ April 10, 2023.
  70. Busch, Jenna (January 13, 2022). "Temuera Morrison Would Love To Play The Other Clones In Live-Action". /Film. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 13, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  71. MattG (February 25, 2024). "Julian Dennison Joins The Bad Batch Cast". Star Wars New Zealand. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.[ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]
  72. Whitbrook, James (May 5, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Producers Break Down That Big Premiere Cameo". Gizmodo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 1, 2021. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  73. 73.0 73.1 "Interview: Star Wars: The Bad Batch Composer Kevin Kiner". ComingSoon.net. May 6, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2021. สืบค้นเมื่อ May 16, 2021.
  74. "First Track from 'Star Wars: The Clone Wars' – The Final Season Soundtrack Released". Film Music Reporter. February 21, 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 22, 2020. สืบค้นเมื่อ January 16, 2021.
  75. "First Track from 'Star Wars: The Bad Batch' Soundtrack Released". Film Music Reporter. May 13, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 14, 2021. สืบค้นเมื่อ May 16, 2021.
  76. "Details for 'Star Wars: The Bad Batch' Season 2, Vol. 1 (Episodes 1-8) Soundtrack Album Revealed". Film Music Reporter. February 16, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 17, 2023. สืบค้นเมื่อ February 18, 2023.
  77. "Details for 'Star Wars: The Bad Batch' Season 2, Vol. 2 (Episodes 9-16) Soundtrack Album Revealed". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2023. สืบค้นเมื่อ April 6, 2023.
  78. "'Star Wars: The Bad Batch' Season 3 – Vol. 1 (Episodes 1-8) Soundtrack Album Details". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 29, 2024. สืบค้นเมื่อ March 29, 2024.
  79. "'Star Wars: The Bad Batch' Season 3 – Vol. 2 (Episodes 9-15) Soundtrack Album Details". Film Music Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 2, 2024. สืบค้นเมื่อ May 2, 2024.
  80. "SWGoH: Bad Batch Confirmed as Hunter Joins Galaxy of Heroes in Upcoming Marquee Event". GamingFans. April 6, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2022. สืบค้นเมื่อ July 20, 2022.
  81. Ramos, Dino-Ray (February 24, 2021). "Disney+ Sets Premiere Dates For 'Star Wars: The Bad Batch' And Marvel Studios' 'Loki'". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 24, 2021. สืบค้นเมื่อ February 24, 2021.
  82. Purslow, Matt (September 10, 2022). "Star Wars: The Bad Batch Season 2 Coming in January 2023". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2022. สืบค้นเมื่อ September 10, 2022.
  83. Amin, Arezou (June 3, 2022). "'The Bad Batch' Season 2 Coming in September". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2022. สืบค้นเมื่อ June 4, 2022.
  84. "Watch the Star Wars: The Bad Batch Season 3 Trailer". StarWars.com. January 22, 2024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 22, 2024. สืบค้นเมื่อ January 22, 2024.
  85. "'Star Wars: The Bad Batch' Top Anticipated New Show in May – Media Play News". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). April 29, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 5, 2022. สืบค้นเมื่อ October 5, 2022.
  86. "Whip: 'The Lord of the Rings' Top New Show, 'Fate: The Winx Saga' Top Returning Show Anticipated in September – Media Play News". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). September 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 8, 2022. สืบค้นเมื่อ October 5, 2022.
  87. Porter, Rick (June 3, 2021). "Canceled 'Jupiter's Legacy' Opens as Top Original Series in Nielsen Streaming Charts". The Hollywood Reporter (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 4, 2021. สืบค้นเมื่อ October 28, 2022.
  88. Gruenwedel, Erik (June 3, 2021). "Nielsen: Netflix's 'The Mitchells vs. The Machines' Tops Weekly Most-Streamed Chart". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 28, 2022. สืบค้นเมื่อ October 28, 2022.
  89. Prange, Stephanie (January 10, 2023). "'1923,' 'The Menu' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
  90. Prange, Stephanie (January 17, 2023). "'The Menu,' '1923' Again Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 4, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
  91. Prange, Stephanie (January 24, 2023). "'Criminal Minds,' 'The Menu' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 4, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
  92. Prange, Stephanie (January 31, 2023). "'How I Met Your Father,' 'You People' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2023. สืบค้นเมื่อ February 3, 2023.
  93. Prange, Stephanie (February 7, 2023). "'How I Met Your Father,' 'Black Panther: Wakanda Forever' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 8, 2023. สืบค้นเมื่อ February 8, 2023.
  94. Prange, Stephanie (February 14, 2023). "Netflix's 'You,' 'Your Place or Mine' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
  95. Prange, Stephanie (February 22, 2023). "Netflix's 'Your Place or Mine,' 'You' Again Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
  96. Prange, Stephanie (February 28, 2023). "'M3GAN,' '1923' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
  97. Prange, Stephanie (March 7, 2023). "'We Have a Ghost,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 10, 2023. สืบค้นเมื่อ March 10, 2023.
  98. Prange, Stephanie (March 14, 2023). "'Puss in Boots: The Last Wish,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 15, 2023. สืบค้นเมื่อ March 15, 2023.
  99. Prange, Stephanie (March 21, 2023). "'Luther: The Fallen Sun,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 23, 2023. สืบค้นเมื่อ March 23, 2023.
  100. Prange, Stephanie (March 28, 2023). "'Knock at the Cabin,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 3, 2023. สืบค้นเมื่อ April 3, 2023.
  101. Prange, Stephanie (April 4, 2023). "'Murder Mystery 2,' 'The Mandalorian' Top Weekly Whip U.S. Streaming Charts". Media Play News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 17, 2023. สืบค้นเมื่อ April 12, 2023.
  102. 102.0 102.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 1". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ May 15, 2021.
  103. 103.0 103.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 1". Metacritic. Red Ventures. สืบค้นเมื่อ May 5, 2021.
  104. 104.0 104.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 2". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ January 19, 2023.
  105. 105.0 105.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 3". Rotten Tomatoes. Fandango Media. สืบค้นเมื่อ February 21, 2023.
  106. 106.0 106.1 "Star Wars: The Bad Batch: Season 3". Metacritic. Red Ventures. สืบค้นเมื่อ February 23, 2024.
  107. "Stream It Or Skip It: 'Star Wars: The Bad Batch' On Disney+, A 'Clone Wars' Spinoff About A Group Of Clones That Won't Fight For The Empire". Decider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). May 4, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  108. Rivera, Joshua (May 19, 2021). "The Bad Batch is diving deep into my biggest Star Wars pet peeve". Polygon (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  109. "Star Wars The Bad Batch review: Solid thrills for fans and newbies alike". NewsComAu (ภาษาอังกฤษ). May 5, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  110. Schilling, Vincent (May 8, 2021). "#NativeNerd reviews: 7 films and series I've seen recently". Ict News (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  111. Schdeen, Jesse (May 4, 2021). "Star Wars: The Bad Batch Series Premiere - "Aftermath" Review". IGN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 4, 2021. สืบค้นเมื่อ May 4, 2021.
  112. "TV Show [P]Review: Star Wars: The Bad Batch – Season 1". idobi.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  113. "The Bad Batch - TV Review". www.commonsensemedia.org (ภาษาอังกฤษ). May 4, 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  114. Roberts, Jonathan (May 21, 2021). "TV review: Star Wars: The Bad Batch". The New Paper (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  115. Sultan, Niv M. (May 7, 2021). "Review: Star Wars: The Bad Batch Fails to Distinguish Itself in the Clone Wars Saga". Slant Magazine (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 20, 2021. สืบค้นเมื่อ July 20, 2021.
  116. Terasaki, Kimberly (January 5, 2023). "One Major Issue With 'The Bad Batch' Is Causing Some Fans To Boycott the Show". The Mary Sue. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 11, 2023. สืบค้นเมื่อ August 11, 2023.
  117. "'The Bad Batch' Director Responds to the #UnwhitewashTheBadBatch Campaign". Collider. January 3, 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 6, 2023. สืบค้นเมื่อ August 11, 2023.
  118. "How Star Wars: The Bad Batch delivers the disability representation the franchise needed". Radio Times (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ March 11, 2024.
  119. Patton, Joshua M. (February 24, 2023). "The Bad Batch Told a Kid-Friendly Story About Neurodiversity". CBR (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ March 11, 2024.
  120. Behzadi, Sofia (July 19, 2022). "'Euphoria', 'Abbott Elementary' & Apple Among ReFrame Stamp Recipients For Gender-Balanced Hiring; Numbers Down From 2020-2021". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 19, 2022. สืบค้นเมื่อ July 20, 2022.
  121. Tangcay, Jazz (January 24, 2022). "'Dune' Leads Nominations for Golden Reel Awards". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 24, 2022. สืบค้นเมื่อ April 7, 2024.
  122. O'Rourke, Ryan (October 26, 2022). "Saturn Award Winners Headlined by 'Everything Everywhere All at Once', 'Top Gun: Maverick', and 'Better Call Saul'". Collider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 25, 2023. สืบค้นเมื่อ October 25, 2023.
  123. Gajewski, Ryan (March 3, 2024). "'Oppenheimer' Leads the Winners at Sound Editors Golden Reel Awards". The Hollywood Reporter. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2024. สืบค้นเมื่อ March 3, 2024.
  124. Davis, Clayton (January 12, 2024). "PGA Awards Nominations: 'Anatomy of a Fall' and 'Zone of Interest' Make History and Join 'Barbie,' 'Oppenheimer' and More". Variety. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 12, 2024. สืบค้นเมื่อ January 19, 2024.
  125. Hipes, Patrick (February 5, 2024). "'Avatar: The Way of Water', 'Oppenheimer', 'Star Trek: Picard' Among Winners at Saturn Awards". Deadline Hollywood. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 5, 2024. สืบค้นเมื่อ February 5, 2024.

ดูเพิ่ม

[แก้]