ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สัปปายะสภาสถาน"

พิกัด: 13°47′45″N 100°31′03″E / 13.795815°N 100.517437°E / 13.795815; 100.517437
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 36: บรรทัด 36:
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร<ref name = "park">[https://www.prachachat.net/politics/news-135353 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์] ''ประชาชาติธุรกิจ''. 26 มีนาคม 2561]</ref> มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร<ref name = "EIA">[http://www.cabinet.soc.go.th/doc_image/2554/9922849918.pdf รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร)] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554</ref> โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท<ref name = "EIA"/> มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุม[[สภาผู้แทนราษฎรไทย|สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภาไทย|วุฒิสภา]] [[พิพิธภัณฑ์]] ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.<ref name="info2"></ref>
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร<ref name = "park">[https://www.prachachat.net/politics/news-135353 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์] ''ประชาชาติธุรกิจ''. 26 มีนาคม 2561]</ref> มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร<ref name = "EIA">[http://www.cabinet.soc.go.th/doc_image/2554/9922849918.pdf รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร)] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554</ref> โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท<ref name = "EIA"/> มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุม[[สภาผู้แทนราษฎรไทย|สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภาไทย|วุฒิสภา]] [[พิพิธภัณฑ์]] ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.<ref name="info2"></ref>


ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกแทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร โดยจะเป็นรองเพียงอาคาร[[เดอะเพนตากอน]]ใน[[สหรัฐ]]ที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น<ref name="voiceinfo"/>
ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่[[ที่สุดในโลก]]แทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร และเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยจะเป็นรองเพียงอาคาร[[เดอะเพนตากอน]]ใน[[สหรัฐ]]ที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น<ref name="voiceinfo"/>


== ชื่อ ==
== ชื่อ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:54, 8 มีนาคม 2563

สัปปายะสภาสถาน
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
สถานะกำลังก่อสร้าง
ประเภทรัฐสภา
สถาปัตยกรรมแบบพุทธ
เมืองกรุงเทพมหานคร
ประเทศประเทศไทย
ลงเสาเข็ม8 มิถุนายน 2556[1][2]
คาดว่าจะแล้วเสร็จ15 ธันวาคม 2562
เปิดใช้งาน5 สิงหาคม 2562 (บางส่วน)
ค่าก่อสร้าง22,987 ล้านบาท
ความสูง134.56 เมตร
ข้อมูลทางเทคนิค
พื้นที่แต่ละชั้น424,000 ตร.ม.[3]
พื้นที่ชั้นล่าง119.6 ไร่
การออกแบบและการก่อสร้าง
สถาปนิกธีรพล นิยม และคนอื่นอีกรวม 200 คน[4]
ผู้รับเหมาก่อสร้างบริษัท เค ซี เอส แอนด์แอสโซซิเอทส์ จำกัด
บริษัท แปลน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด[5]
ข้อมูลอื่น
ที่จอดรถ2,069 คัน[3]
เว็บไซต์
parliament.go.th/

สัปปายะสภาสถาน เป็นอาคารรัฐสภาที่จะใช้แทนอาคารเดิมบริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณมุมตะวันตกเฉียงใต้ของสี่แยกเกียกกาย ระหว่างถนนทหารกับถนนสามเสน ในพื้นที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง[2]

โครงการสัปปายะสภาสถานเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 สถาปัตยกรรมเป็นผลงานชนะเลิศการประกวดแบบของธีรพล นิยม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) จากผู้ส่งประกวดทั้งหมด 5 ราย[6] โครงการได้เริ่มวางเสาเข็มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยมีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเดิมต้องแล้วเสร็จภายใน 900 วัน หรือในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 แต่โครงการได้ล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่และการปรับรายละเอียดแบบก่อสร้างในบางส่วน ทำให้โครงการได้เลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[7]

สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร[3] มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร[8] โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท[8] มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.[9]

ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร และเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยจะเป็นรองเพียงอาคารเดอะเพนตากอนในสหรัฐที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น[7]

ชื่อ

สัปปายะสภาสถาน เป็นการรวมคำระหว่าง "สัปปายะ" และ "สภาสถาน" โดย "สัปปายะ" หรือ "สัปปายะ 7" ซึ่งแปลว่า สิ่งที่สบาย, สภาพเอื้อ, สิ่งที่เกื้อกูล, สิ่งที่เหมาะสมกัน[10] เมื่อรวมกับ "สภาสถาน" จึงมีความหมายถึง สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย[11]

ประวัติ

อาคารรัฐสภาไทยได้มีการเปลี่ยนสถานที่มาแล้วกว่า 2 ครั้ง สถานที่แรกคือ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งใช้มาตั้งแต่หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 จนในปี พ.ศ. 2517 จึงได้ย้ายไปที่อาคารรัฐสภาแห่งที่ 2 บริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต (สวนสัตว์เขาดิน) จนถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากสถานที่ที่เริ่มคับแคบลงเมื่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร, สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการเพิ่มขึ้น ทำให้ทางรัฐสภาได้แก้ปัญหาโดยการเช่าพื้นที่บางส่วน จนต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จึงเริ่มมีแนวคิดในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่

ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการประชุมจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยมีสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธาน และได้พิจารณาพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกียกกาย) แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต, ที่ดินบริเวณคลังเชื้อเพลิง แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และที่ดินราชพัสดุกองคลังแสง กรมสรรพวุธทหารบก ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี จนมีมติให้ใช้ที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกี่ยกกาย) เป็นสถานที่ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในที่สุด[12]

การก่อสร้าง

สัปปายะสภาสถาน ถ่ายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562

พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553[13][14] และลงเสาเข็มในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556[1] โดยมีบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง จากสัญญาการว่าจ้าง บริษัทต้องสร้างให้เสร็จภายใน 900 วัน หรือสิ้นสุดลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 แต่สุดท้ายก็ไม่เสร็จทันกำหนด จนต้องเลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[7] ส่วนปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าอ้างจาก นายจเร พันธ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และวิศวกร ว่าเป็นเพราะการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญา-พื้นที่บางส่วนยังไม่ได้รับมอบคืนจากหน่วยงานเดิม การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน และปัญหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554[15]

งานสถาปัตยกรรม

ประกวดแบบ

โครงการรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการประกวดแบบครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศนับตั้งแต่การประกวดแบบสนามบินสุวรรณภูมิ ชิงเงินรางวัลชนะเลิศการประกวดแบบสูงถึง 200 ล้านบาท[16] มีผู้ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 133 ราย[17] และผ่านเข้าในรอบสุดท้ายทั้งหมด 5 ราย ได้แก่

โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ก็ได้มีการตัดสินคัดเลือกแบบของธีรพล นิยม โดยมีกรรมการ 12 คนประกอบไปด้วย สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ด้านสถาปัตยกรรมสถาน สภาวิศวกรรม และศิลปินแห่งชาติ พิจารณาการประกวดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่

การออกแบบ

สัปปายะสภาสถาน ใช้เวลาออกแบบพร้อมเขียนแบบก่อสร้างเพียง 7 เดือน ซึ่งใช้สถาปนิก ทุกภาควิชากว่า 200 คน รวมถึงวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญแขนงงานต่างๆ จากองค์กรต่างๆ มากกว่า 20 องค์กร โดยต้องทำแบบก่อสร้างกว่า 6,000 หน้า และ รายการประกอบแบบกว่า 1 หมื่นแผ่น[4]

ในส่วนงานสถาปัตยกรรมไทยได้ รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี และเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ซึ่งต่างเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย ร่วมให้คำแนะนำและออกแบบ[4]

ในด้านงานภูมิสถาปัตยกรรมทั้ง ท่าเรือ ลานประชาธิปไตย สวนภายนอก สนามรัฐสภา ลานประชาชน ออกแบบหลักโดย ปิยเมศ ไกรฤกษ์ จาก บลูแพลนเนตดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล[18]

แนวคิดการออกแบบ

สถาปนิกได้ออกแบบนำเสนอคติและสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของไทยในอดีตผสมผสานไปกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบโครงสร้างทางสังคม และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขในปัจจุบัน ผ่านทางรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่บนพื้นฐานทางภาษาและฉันทลักษณ์ตามอย่างสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณี[19] ตามคติ ไตรภูมิ ที่นอกจากจะแสดงเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณถึงความเป็นไทย ยังมีความหมายเพื่อให้คนไทยและเหล่า ฯพณฯ ที่ดี และพวกบรรดานักการเมืองในเสื้อสูทประชาธิปไตย เมื่อเข้ามาอยู่ในสภาจะสำนึกถึง "บาปบุญคุณโทษ" พลิกฟื้นจิตใจผู้คนให้ประกอบกรรมดี[9]

นอกจากนี้ยังใช้แนวคิดของ "สถาปัตยกรรมสีเขียว" (Green Architecture) ซึ่งเห็นได้จากการปลูกต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบอาคาร ในขณะเดียวกัน ก็มีการวิจารณ์ถึงความเหมาะสม จากการใช้ไม้สักจำนวนกว่า 5,000 ท่อน ซึ่งจะนำมาจากกรมอุตสาหกรรมป่าไม้ มาใช้ทำเสาประดับรอบอาคาร และฝ้าประดับห้องประชุมใหญ่ทั้งสอง รวมถึงการใช้ไฟฟ้าของอาคารเมื่อเปิดทำการ ที่มีความต้องการไฟฟ้าเทียบเท่ากับอำเภอถึงสองอำเภอ

การใช้งาน

สัปปายะสภาสถาน สร้างบนพื้นที่ขนาด 123 ไร่[20] มีเนื้อที่กว่า 424,000 ตารางเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 12,000 ล้านบาท สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่า 5 พันคน รองรับการจอดรถได้มากกว่า 2 พันคัน[18] ภายในอาคารประกอบไปด้วย โถงรับรอง ส.ส. และ ส.ว., ห้องประชุมของ ส.ส. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระสุริยัน", ห้องประชุม ส.ว. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระจันทรา", โถงรัฐพิธี, พิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย, ห้องอาหาร ส.ส., ห้องอาหาร ส.ว.[21] ในส่วนของดาดฟ้าอาคาร ประกอบด้วยกำแพงแก้วล้อมรอบส่วนเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ชาติไทย[21]

กระแสวิจารณ์

การออกแบบ

สัปปายะสภาสถาน ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งการวิจารณ์ว่าออกแบบที่เหมือน "วัด"[22][17] จากมุมมองสถาปนิก รศ.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ได้ออกมาวิจารณ์ว่า "ใช้ความหมายเดิมๆ ศีลธรรมเป็นเรื่องจอมปลอม ไม่คำนึงถึงปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาของสังคม และการใช้งานไม่เอื้อให้เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง" และกล่าวเสริมต่อว่า "การใช้แนวคิดด้านพระพุทธศาสนามากเกินไปจนไม่มีมุมมองด้านประชาธิปไตยและการออกแบบที่ยังคงยวนอยู่ในกรอบของภาษาความเป็นไทยทางสถาปัตยกรรมที่ตื้นเขินและไม่มีอยู่จริง"[23][24]

นอกจากนี้ในช่วงก่อนการเลือกแบบได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดอดคอม ในการโหวต 5 แบบสุดท้าย จากผู้โหวตทั้งหมด 168 คน ผลปรากฏว่าเสียงโหวตส่วนใหญ่ตกไปที่แบบที่ 5 ของ ผศ.วิเชษฎ์ สุวิสิทฐ์ ในขณะที่แบบของทีมสงบอยู่ในอันดับที่ 2[25]

รวมถึงการวิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการก่อสร้างซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง

การเวนคืนที่ดิน

มีการเวนคืนที่ดินส่วนของ ชุมชนตระกูลดิษฐ์ ซึ่งมีประชากร 40 ครอบครัว โดยในเวลาต่อมารัฐสภาได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้าน และทำการสร้างบ้านทาวน์เฮ้าส์ ๒ ชั้น บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณแผนก ซ่อมบำรุงเรือ กองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของแผนกซ่อมบำรุง กองร้อยขนส่งเรือ[26]

ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า มีจำนวนประชากร 93 ครอบครัว ทางรัฐสภาได้ทำข้อตกลงคล้ายกับชุมชนตระกูลดิษฐ์ โดยจะไปปลูกสร้างในพื้นที่แผนกซ่อมบำรุงเรือกองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) โดยจะแบ่งพื้นที่ให้ครอบครัวละ 12 ตารางวา[26]

มีการรื้ออาคารเรียนอายุกว่า 80 ปี ของโรงเรียนโยธินบูรณะออกทั้งหมดเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารรัฐสภา โดยในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของปีการศึกษา ได้มีพิธีส่งมอบพื้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะเดิมให้กับสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยโรงเรียนโยธินบูรณะได้ย้ายไปสร้างใหม่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1[27]

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 ส่อง"อาคารรัฐสภาใหม่"ติดปัญหาเดิม รื้อย้ายได้แค่จิ๊บจ๊อย ไซต์ก่อสร้างดีเลย์ส่อเสร็จไม่ทันปี"58 ,ประชาชาติ .วันที่ 28 ก.พ. 2557
  2. 2.0 2.1 การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เริ่มวางเสาเข็มอาคารแล้ว ,ข่าวรัฐสภา .วันที่ 23 สิงหาคม 2556
  3. 3.0 3.1 3.2 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์ ประชาชาติธุรกิจ. 26 มีนาคม 2561]
  4. 4.0 4.1 4.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ info3
  5. 5.0 5.1 สถาบันอาศรมศิลป์ (13 มิถุนายน 2561). "อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน". www.arsomsilp.ac.th/. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. โหวตเลือก สัปปายะสภา แบบรัฐสภาใหม่ ,กระปุกดอตคอม .วันที่ 28 พ.ย. 2552
  7. 7.0 7.1 7.2 วอยซ์ทีวี (27 มีนาคม 2561). "ล้วงสถิติ 'มหากาพย์' รัฐสภาใหม่ 'สัปปายะสภาสถาน'". www.voicetv.co.th. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. 8.0 8.1 รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554
  9. 9.0 9.1 ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน, สมาคมสถาปนิกสยาม .วันที่ 22 ส.ค. 2553
  10. [286 สัปปายะ 7] ,พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า 209 [หมู่ 286] .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
  11. ฮวงจุ้ยรัฐสภาใหม่ จะพาไทยพ้นวิกฤติ, ไทยรัฐ .วันที่ 4 ธ.ค. 2552
  12. ความเป็นมาของโครงการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
  13. ประธานรัฐสภาถือฤกษ์ 08.39 น. ตอกเสาเข็มสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, มติชน .วันที่ 27 ก.ค. 2556
  14. iCONS : โรดแมปหมื่นล้าน สัปปายะสภาสถาน, ไอคอนส์ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
  15. เปิดรายงาน “มหาดไทย” เทียบคำพูด “จเร”ไฉน“รัฐสภาใหม่”สร้างช้านับปี?, อิศรานิวส์ .วันที่ 20 มิถุนายน 2558
  16. 5 บิ๊กสถาปนิกเข้ารอบสุดท้ายออกแบบรัฐสภาใหม่ ลุ้นชิงดำรับเงิน 200 ล้าน, ประชาชาติธุรกิจ .วันที่ 25 ส.ค. 2552
  17. 17.0 17.1 ไขคำตอบ รัฐสภาใหม่ ‘สัปปายะสภาสถาน’ ออกแบบคล้ายวัด ช่วยลดโกงจริงหรือ?, อิศรานิวส์ .วันที่ 6 พฤษภาคม 2559
  18. 18.0 18.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ design
  19. คติ และ สัญลักษณ์ ในการออกแบบสถาปัตยกรรมของสัปปายะสภาสถาน, มนัสพงษ์ สงวนวุฒิโรจนา .ปี พ.ศ. 2556
  20. รัฐสภาแห่งใหม่ มหากาพย์ที่ยังไม่สิ้นสุด ,สำนักข่าวไทย .วันที่ 27/07/2015
  21. 21.0 21.1 สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาใหม่ วิดีทัศน์แนะนำโครงการ, ยูทูปดอดคอม .วันที่ 11 ก.ย. 2011
  22. [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341 สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์ ?!?], ผู้จัดการรายวัน .วันที่ 9 ธันวาคม 2552
  23. สัมภาษณ์ ชาตรี ประกิตนนทการ: แบบรัฐสภาใหม่ ความหมายเดิมๆ, สัมภาษณ์โดย ภฤศ ปฐมทัศน์ ,ประชาไท .วันที่ 13/12/2009
  24. ประชาธิปไตยที่ตีนเขา (พระสุเมรุ) ,ชาตรี ประกิตนนทการ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
  25. มาโหวตแบบรัฐสภาใหม่ที่เข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายกันครับ, พันทิป .วันที่ 27 พ.ย. 2552
  26. 26.0 26.1 การเตรียมการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
  27. เด็กโยธินบูรณะยังอาลัยร.ร.เก่าแม้ที่ใหม่สวยงาม, คมชัดลึก .วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

แหล่งข้อมูลอื่น

13°47′45″N 100°31′03″E / 13.795815°N 100.517437°E / 13.795815; 100.517437