ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สัปปายะสภาสถาน"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 36: | บรรทัด 36: | ||
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร<ref name = "park">[https://www.prachachat.net/politics/news-135353 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์] ''ประชาชาติธุรกิจ''. 26 มีนาคม 2561]</ref> มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร<ref name = "EIA">[http://www.cabinet.soc.go.th/doc_image/2554/9922849918.pdf รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร)] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554</ref> โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท<ref name = "EIA"/> มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุม[[สภาผู้แทนราษฎรไทย|สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภาไทย|วุฒิสภา]] [[พิพิธภัณฑ์]] ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.<ref name="info2"></ref> |
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร<ref name = "park">[https://www.prachachat.net/politics/news-135353 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์] ''ประชาชาติธุรกิจ''. 26 มีนาคม 2561]</ref> มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร<ref name = "EIA">[http://www.cabinet.soc.go.th/doc_image/2554/9922849918.pdf รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร)] สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554</ref> โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท<ref name = "EIA"/> มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุม[[สภาผู้แทนราษฎรไทย|สภาผู้แทนราษฎร]]และ[[วุฒิสภาไทย|วุฒิสภา]] [[พิพิธภัณฑ์]] ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.<ref name="info2"></ref> |
||
ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคาร |
ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่[[ที่สุดในโลก]]แทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร และเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยจะเป็นรองเพียงอาคาร[[เดอะเพนตากอน]]ใน[[สหรัฐ]]ที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น<ref name="voiceinfo"/> |
||
== ชื่อ == |
== ชื่อ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:54, 8 มีนาคม 2563
สัปปายะสภาสถาน | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
สถานะ | กำลังก่อสร้าง |
ประเภท | รัฐสภา |
สถาปัตยกรรม | แบบพุทธ |
เมือง | กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
ลงเสาเข็ม | 8 มิถุนายน 2556[1][2] |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | 15 ธันวาคม 2562 |
เปิดใช้งาน | 5 สิงหาคม 2562 (บางส่วน) |
ค่าก่อสร้าง | 22,987 ล้านบาท |
ความสูง | 134.56 เมตร |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
พื้นที่แต่ละชั้น | 424,000 ตร.ม.[3] |
พื้นที่ชั้นล่าง | 119.6 ไร่ |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | ธีรพล นิยม และคนอื่นอีกรวม 200 คน[4] |
ผู้รับเหมาก่อสร้าง | บริษัท เค ซี เอส แอนด์แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัท แปลน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด[5] |
ข้อมูลอื่น | |
ที่จอดรถ | 2,069 คัน[3] |
เว็บไซต์ | |
parliament.go.th/ |
สัปปายะสภาสถาน เป็นอาคารรัฐสภาที่จะใช้แทนอาคารเดิมบริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณมุมตะวันตกเฉียงใต้ของสี่แยกเกียกกาย ระหว่างถนนทหารกับถนนสามเสน ในพื้นที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง[2]
โครงการสัปปายะสภาสถานเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 สถาปัตยกรรมเป็นผลงานชนะเลิศการประกวดแบบของธีรพล นิยม ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) จากผู้ส่งประกวดทั้งหมด 5 ราย[6] โครงการได้เริ่มวางเสาเข็มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยมีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเดิมต้องแล้วเสร็จภายใน 900 วัน หรือในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 แต่โครงการได้ล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่และการปรับรายละเอียดแบบก่อสร้างในบางส่วน ทำให้โครงการได้เลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[7]
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร[3] มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร[8] โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท[8] มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.[9]
ด้วยพื้นที่ในอาคารถึง 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร และเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยจะเป็นรองเพียงอาคารเดอะเพนตากอนในสหรัฐที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น[7]
ชื่อ
สัปปายะสภาสถาน เป็นการรวมคำระหว่าง "สัปปายะ" และ "สภาสถาน" โดย "สัปปายะ" หรือ "สัปปายะ 7" ซึ่งแปลว่า สิ่งที่สบาย, สภาพเอื้อ, สิ่งที่เกื้อกูล, สิ่งที่เหมาะสมกัน[10] เมื่อรวมกับ "สภาสถาน" จึงมีความหมายถึง สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย[11]
ประวัติ
อาคารรัฐสภาไทยได้มีการเปลี่ยนสถานที่มาแล้วกว่า 2 ครั้ง สถานที่แรกคือ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งใช้มาตั้งแต่หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 จนในปี พ.ศ. 2517 จึงได้ย้ายไปที่อาคารรัฐสภาแห่งที่ 2 บริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต (สวนสัตว์เขาดิน) จนถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากสถานที่ที่เริ่มคับแคบลงเมื่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร, สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการเพิ่มขึ้น ทำให้ทางรัฐสภาได้แก้ปัญหาโดยการเช่าพื้นที่บางส่วน จนต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จึงเริ่มมีแนวคิดในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการประชุมจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยมีสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธาน และได้พิจารณาพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกียกกาย) แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต, ที่ดินบริเวณคลังเชื้อเพลิง แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และที่ดินราชพัสดุกองคลังแสง กรมสรรพวุธทหารบก ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี จนมีมติให้ใช้ที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกี่ยกกาย) เป็นสถานที่ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในที่สุด[12]
การก่อสร้าง
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553[13][14] และลงเสาเข็มในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556[1] โดยมีบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง จากสัญญาการว่าจ้าง บริษัทต้องสร้างให้เสร็จภายใน 900 วัน หรือสิ้นสุดลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 แต่สุดท้ายก็ไม่เสร็จทันกำหนด จนต้องเลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562[7] ส่วนปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าอ้างจาก นายจเร พันธ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และวิศวกร ว่าเป็นเพราะการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญา-พื้นที่บางส่วนยังไม่ได้รับมอบคืนจากหน่วยงานเดิม การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน และปัญหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554[15]
งานสถาปัตยกรรม
ประกวดแบบ
โครงการรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการประกวดแบบครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศนับตั้งแต่การประกวดแบบสนามบินสุวรรณภูมิ ชิงเงินรางวัลชนะเลิศการประกวดแบบสูงถึง 200 ล้านบาท[16] มีผู้ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 133 ราย[17] และผ่านเข้าในรอบสุดท้ายทั้งหมด 5 ราย ได้แก่
- กลุ่มนายธีรพล นิยม - ทีมสงบ 10151
- บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด (A49)
- กลุ่มนายธรรมศักดิ์ อังศุสิงห์
- บริษัทดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
- ผศ.วิเชษฐ์ สุวิสิทฐ์ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ก็ได้มีการตัดสินคัดเลือกแบบของธีรพล นิยม โดยมีกรรมการ 12 คนประกอบไปด้วย สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ด้านสถาปัตยกรรมสถาน สภาวิศวกรรม และศิลปินแห่งชาติ พิจารณาการประกวดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
การออกแบบ
สัปปายะสภาสถาน ใช้เวลาออกแบบพร้อมเขียนแบบก่อสร้างเพียง 7 เดือน ซึ่งใช้สถาปนิก ทุกภาควิชากว่า 200 คน รวมถึงวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญแขนงงานต่างๆ จากองค์กรต่างๆ มากกว่า 20 องค์กร โดยต้องทำแบบก่อสร้างกว่า 6,000 หน้า และ รายการประกอบแบบกว่า 1 หมื่นแผ่น[4]
ในส่วนงานสถาปัตยกรรมไทยได้ รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี และเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ซึ่งต่างเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย ร่วมให้คำแนะนำและออกแบบ[4]
ในด้านงานภูมิสถาปัตยกรรมทั้ง ท่าเรือ ลานประชาธิปไตย สวนภายนอก สนามรัฐสภา ลานประชาชน ออกแบบหลักโดย ปิยเมศ ไกรฤกษ์ จาก บลูแพลนเนตดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล[18]
แนวคิดการออกแบบ
สถาปนิกได้ออกแบบนำเสนอคติและสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของไทยในอดีตผสมผสานไปกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบโครงสร้างทางสังคม และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขในปัจจุบัน ผ่านทางรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่บนพื้นฐานทางภาษาและฉันทลักษณ์ตามอย่างสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณี[19] ตามคติ ไตรภูมิ ที่นอกจากจะแสดงเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณถึงความเป็นไทย ยังมีความหมายเพื่อให้คนไทยและเหล่า ฯพณฯ ที่ดี และพวกบรรดานักการเมืองในเสื้อสูทประชาธิปไตย เมื่อเข้ามาอยู่ในสภาจะสำนึกถึง "บาปบุญคุณโทษ" พลิกฟื้นจิตใจผู้คนให้ประกอบกรรมดี[9]
นอกจากนี้ยังใช้แนวคิดของ "สถาปัตยกรรมสีเขียว" (Green Architecture) ซึ่งเห็นได้จากการปลูกต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบอาคาร ในขณะเดียวกัน ก็มีการวิจารณ์ถึงความเหมาะสม จากการใช้ไม้สักจำนวนกว่า 5,000 ท่อน ซึ่งจะนำมาจากกรมอุตสาหกรรมป่าไม้ มาใช้ทำเสาประดับรอบอาคาร และฝ้าประดับห้องประชุมใหญ่ทั้งสอง รวมถึงการใช้ไฟฟ้าของอาคารเมื่อเปิดทำการ ที่มีความต้องการไฟฟ้าเทียบเท่ากับอำเภอถึงสองอำเภอ
การใช้งาน
สัปปายะสภาสถาน สร้างบนพื้นที่ขนาด 123 ไร่[20] มีเนื้อที่กว่า 424,000 ตารางเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 12,000 ล้านบาท สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่า 5 พันคน รองรับการจอดรถได้มากกว่า 2 พันคัน[18] ภายในอาคารประกอบไปด้วย โถงรับรอง ส.ส. และ ส.ว., ห้องประชุมของ ส.ส. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระสุริยัน", ห้องประชุม ส.ว. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระจันทรา", โถงรัฐพิธี, พิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย, ห้องอาหาร ส.ส., ห้องอาหาร ส.ว.[21] ในส่วนของดาดฟ้าอาคาร ประกอบด้วยกำแพงแก้วล้อมรอบส่วนเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ชาติไทย[21]
กระแสวิจารณ์
การออกแบบ
สัปปายะสภาสถาน ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งการวิจารณ์ว่าออกแบบที่เหมือน "วัด"[22][17] จากมุมมองสถาปนิก รศ.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ได้ออกมาวิจารณ์ว่า "ใช้ความหมายเดิมๆ ศีลธรรมเป็นเรื่องจอมปลอม ไม่คำนึงถึงปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาของสังคม และการใช้งานไม่เอื้อให้เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง" และกล่าวเสริมต่อว่า "การใช้แนวคิดด้านพระพุทธศาสนามากเกินไปจนไม่มีมุมมองด้านประชาธิปไตยและการออกแบบที่ยังคงยวนอยู่ในกรอบของภาษาความเป็นไทยทางสถาปัตยกรรมที่ตื้นเขินและไม่มีอยู่จริง"[23][24]
นอกจากนี้ในช่วงก่อนการเลือกแบบได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดอดคอม ในการโหวต 5 แบบสุดท้าย จากผู้โหวตทั้งหมด 168 คน ผลปรากฏว่าเสียงโหวตส่วนใหญ่ตกไปที่แบบที่ 5 ของ ผศ.วิเชษฎ์ สุวิสิทฐ์ ในขณะที่แบบของทีมสงบอยู่ในอันดับที่ 2[25]
รวมถึงการวิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการก่อสร้างซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง
การเวนคืนที่ดิน
มีการเวนคืนที่ดินส่วนของ ชุมชนตระกูลดิษฐ์ ซึ่งมีประชากร 40 ครอบครัว โดยในเวลาต่อมารัฐสภาได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้าน และทำการสร้างบ้านทาวน์เฮ้าส์ ๒ ชั้น บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณแผนก ซ่อมบำรุงเรือ กองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของแผนกซ่อมบำรุง กองร้อยขนส่งเรือ[26]
ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า มีจำนวนประชากร 93 ครอบครัว ทางรัฐสภาได้ทำข้อตกลงคล้ายกับชุมชนตระกูลดิษฐ์ โดยจะไปปลูกสร้างในพื้นที่แผนกซ่อมบำรุงเรือกองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) โดยจะแบ่งพื้นที่ให้ครอบครัวละ 12 ตารางวา[26]
มีการรื้ออาคารเรียนอายุกว่า 80 ปี ของโรงเรียนโยธินบูรณะออกทั้งหมดเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารรัฐสภา โดยในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของปีการศึกษา ได้มีพิธีส่งมอบพื้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะเดิมให้กับสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยโรงเรียนโยธินบูรณะได้ย้ายไปสร้างใหม่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1[27]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 ส่อง"อาคารรัฐสภาใหม่"ติดปัญหาเดิม รื้อย้ายได้แค่จิ๊บจ๊อย ไซต์ก่อสร้างดีเลย์ส่อเสร็จไม่ทันปี"58 ,ประชาชาติ .วันที่ 28 ก.พ. 2557
- ↑ 2.0 2.1 การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เริ่มวางเสาเข็มอาคารแล้ว ,ข่าวรัฐสภา .วันที่ 23 สิงหาคม 2556
- ↑ 3.0 3.1 3.2 ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์ ประชาชาติธุรกิจ. 26 มีนาคม 2561]
- ↑ 4.0 4.1 4.2 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อinfo3
- ↑ 5.0 5.1 สถาบันอาศรมศิลป์ (13 มิถุนายน 2561). "อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน". www.arsomsilp.ac.th/. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ โหวตเลือก สัปปายะสภา แบบรัฐสภาใหม่ ,กระปุกดอตคอม .วันที่ 28 พ.ย. 2552
- ↑ 7.0 7.1 7.2 วอยซ์ทีวี (27 มีนาคม 2561). "ล้วงสถิติ 'มหากาพย์' รัฐสภาใหม่ 'สัปปายะสภาสถาน'". www.voicetv.co.th. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2562.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ 8.0 8.1 รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554
- ↑ 9.0 9.1 ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน, สมาคมสถาปนิกสยาม .วันที่ 22 ส.ค. 2553
- ↑ [286 สัปปายะ 7] ,พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า 209 [หมู่ 286] .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
- ↑ ฮวงจุ้ยรัฐสภาใหม่ จะพาไทยพ้นวิกฤติ, ไทยรัฐ .วันที่ 4 ธ.ค. 2552
- ↑ ความเป็นมาของโครงการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
- ↑ ประธานรัฐสภาถือฤกษ์ 08.39 น. ตอกเสาเข็มสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, มติชน .วันที่ 27 ก.ค. 2556
- ↑ iCONS : โรดแมปหมื่นล้าน สัปปายะสภาสถาน, ไอคอนส์ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
- ↑ เปิดรายงาน “มหาดไทย” เทียบคำพูด “จเร”ไฉน“รัฐสภาใหม่”สร้างช้านับปี?, อิศรานิวส์ .วันที่ 20 มิถุนายน 2558
- ↑ 5 บิ๊กสถาปนิกเข้ารอบสุดท้ายออกแบบรัฐสภาใหม่ ลุ้นชิงดำรับเงิน 200 ล้าน, ประชาชาติธุรกิจ .วันที่ 25 ส.ค. 2552
- ↑ 17.0 17.1 ไขคำตอบ รัฐสภาใหม่ ‘สัปปายะสภาสถาน’ ออกแบบคล้ายวัด ช่วยลดโกงจริงหรือ?, อิศรานิวส์ .วันที่ 6 พฤษภาคม 2559
- ↑ 18.0 18.1 อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อdesign
- ↑ คติ และ สัญลักษณ์ ในการออกแบบสถาปัตยกรรมของสัปปายะสภาสถาน, มนัสพงษ์ สงวนวุฒิโรจนา .ปี พ.ศ. 2556
- ↑ รัฐสภาแห่งใหม่ มหากาพย์ที่ยังไม่สิ้นสุด ,สำนักข่าวไทย .วันที่ 27/07/2015
- ↑ 21.0 21.1 สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาใหม่ วิดีทัศน์แนะนำโครงการ, ยูทูปดอดคอม .วันที่ 11 ก.ย. 2011
- ↑ [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341 สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์ ?!?], ผู้จัดการรายวัน .วันที่ 9 ธันวาคม 2552
- ↑ สัมภาษณ์ ชาตรี ประกิตนนทการ: แบบรัฐสภาใหม่ ความหมายเดิมๆ, สัมภาษณ์โดย ภฤศ ปฐมทัศน์ ,ประชาไท .วันที่ 13/12/2009
- ↑ ประชาธิปไตยที่ตีนเขา (พระสุเมรุ) ,ชาตรี ประกิตนนทการ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
- ↑ มาโหวตแบบรัฐสภาใหม่ที่เข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายกันครับ, พันทิป .วันที่ 27 พ.ย. 2552
- ↑ 26.0 26.1 การเตรียมการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
- ↑ เด็กโยธินบูรณะยังอาลัยร.ร.เก่าแม้ที่ใหม่สวยงาม, คมชัดลึก .วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์รัฐสภาไทย
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สัปปายะสภาสถาน
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์