ปริศนาสมบัติอัจฉริยะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปริศนาสมบัติอัจฉริยะ  
ผู้ประพันธ์ริก ไรออร์แดน
กอร์ดอน คอร์แมน
ปีเตอร์ ลีแรนกิส
จู๊ด วัตซัน
แพตทริก คาร์แมน
ลินดา ซู ปาร์ก
มาร์กาเร็ต ปีเตอร์สัน แฮ็ดดิกซ์
ชื่อเรื่องต้นฉบับThe 39 Clues
ผู้แปลไทย งามพรรณ เวชชาชีวะ
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอังกฤษ
ประเภทนวนิยายเชิงสารคดี
วรรณกรรมเยาวชน
สำนักพิมพ์สหรัฐ Scholastic Press
ไทย เนมแอนด์โนเบิล
วันที่พิมพ์สหรัฐ พ.ศ. 2551
ไทย พ.ศ. 2552

ปริศนาสมบัติอัจฉริยะ (อังกฤษ: The 39 Clues) เป็นวรรณกรรมแนวผจญภัยที่ผสมผสานกับเกมออนไลน์และการสะสมการ์ด ในสหรัฐอเมริกาจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สกอลาสทิก ส่วนฉบับภาษาไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนมแอนด์โนเบิล ในเครือบันลือกรุ๊ป ซึ่งเป็นเครือเดียวกับสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น เป็นวรรณกรรมชุดที่มีผู้เขียนมากกว่า 1 คน โดยมีริก ไรออร์แดน (ผู้เขียน เพอร์ซีย์ แจ็กสัน) เป็นผู้เขียนเล่มแรก หนังสือฉบับภาษาไทยตีพิมพ์มาแล้วทั้งหมด 10 เล่ม ประกอบด้วย ผจญค่ายกลกระดูก, หนึ่งโน้ตมรณะ, จอมโจรจอมดาบ, ความลับสุสานฟาโรห์, วงล้อมทมิฬ, ปฏิบัติการทะเลใต้, บุกรังอสรพิษ, รหัสลับจักรพรรดิโลกไม่ลืม, ฝ่าพายุแคริบเบียน และมหันตภัยปลายทาง

เรื่องย่อ[แก้]

เอมี่และแดน คาฮิลล์ ได้รับเชิญไปร่วมงานศพของเกรซ ผู้เป็นยาย และตอบรับการฟังพินัยกรรมพร้อมกับญาติจำนวนหนึ่ง เนื้อความในพินัยกรรมเสนอทางเลือกระหว่างเช็คเงินสดหนึ่งล้านดอลลาร์กับการตามล่า 39 คำไขปริศนา ซึ่งต้นตระกูลคาฮิลล์เป็นผู้นำไปซ่อนตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ผู้ชนะจะได้ครอบครองสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในโลก[1] พินัยกรรมยังเปิดเผยว่าตระกูลคาฮิลล์ให้กำเนิดลูกหลานซึ่งหลายคนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงของโลก [2]

เอมี่และแดนปฏิเสธเงินและเข้าร่วมเป็น 1 ใน 7 กลุ่มตามล่า 39 คำไขปริศนา ซึ่งทำให้พวกเขาถลำลึกเข้าหาความลับของคาฮิลล์มากขึ้น ขณะเดียวกันทั้งสองต้องต่อกรกับญาติ ๆ อีก 6 กลุ่มที่มีอำนาจ ทุนทรัพย์ และสติปัญญามากกว่า

ตัวละคร[แก้]

สายตระกูล[แก้]

ในวรรณกรรม ตระกูลคาฮิลล์เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ผู้มีชื่อเสียงหลายคนล้วนสืบเชื้อสายมาจากตระกูลนี้ ตระกูลคาฮิลล์เริ่มขึ้นเมื่อ 500 ปีก่อน กิเดียน และ โอลิเวีย คาฮิลล์ ให้เกิดขึ้นบุตรธิดา 4 คน คือ ลุค แคทเธอรีน โทมัส และ เจน เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อกิเดียนค้นพบขุมทรัพย์ที่ทรงพลัง แต่ถูกไฟคลอกตายในการลอบวางเพลิง บุตรทั้งสี่คนแตกคอและแยกย้ายไปคนละทาง นำคำไขปริศนาติดตัวไปด้วย

หลายร้อยปีต่อมา ทั้งสี่คนแยกย้ายไปมีสายตระกูลเป็นของตนเอง ลุคก่อตั้งสายตระกูลลูเซี่ยน เจนก่อตั้งสายตระกูลจานัส โทมัสก่อตั้งสายตระกูลโทมัส และแคทเธอรีนก่อตั้งสายตระกูลอีคาเทริน่า แต่ละสายตระกูลมีชื่อเสียงในด้านต่าง ๆ กัน รวมถึงมีสี และสัตว์ประจำตระกูลเป็นของตนเอง

ลูเซี่ยน (Lucian)[แก้]

ก่อตั้งโดย ลุค คาฮิลล์ (อังกฤษ: Luke Cahill)[3] มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำ นักคิด นักธุรกิจ และสายลับที่เก่งกาจ ได้แก่ ธีโอดอร์ รูสเวลต์, วินสตัน เชอร์ชิล, เบนจามิน แฟรงคลิน, เซอร์ไอแซก นิวตัน, นโปเลียน โบนาปาร์ต, ชิง ฉือ, เบนาซีร์ บุตโต, สมเด็จพระจักรพรรดินีเยกาเจรีนาที่ 2 แห่งรัสเซีย, แบร์นาร์ดิโน่ โดรเว็ตติ, อนาสตาเซียแห่งรัสเซีย, มาเรีย หลุยส์แห่งสเปน, ไมเคิล บลูมเบิร์ก, ซูซาน บี. แอนโทนี, กุสตาฟ ไอเฟล, จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช, บารัก โอบามา, จอห์น อดัมส์ รวมถึง คิม จองอิล ลูเซี่ยนให้กำเนิดผู้นำที่ดีถึง 6 ประเทศ ได้แก่ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย, พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร, พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 แห่ง เซอร์เบีย, เรมงด์ ปวงกาเร อดีตประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส และสมเด็จพระจักรพรรดิไทโชแห่งญี่ปุ่น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่สืบเชื้อสายจากลูเซี่ยน และยังเป็นสายตระกูลที่ควบคุมแอเรีย 51 และฟอร์ต นอกซ์อีกด้วย

ในหนังสือ ลูเซี่ยนมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ปารีส มอสโก และการาจี เป็นอย่างน้อย มีวิครัมและอิซาเบล คาบร้า เป็นผู้นำ เอียนกับนาตาลี คาบร้า และอิริน่า สปัสกี้ เป็นสมาชิกของลูเซี่ยนที่เข้าร่วมการตามล่าคำไขปริศนาครั้งนี้

ลูเซี่ยนมีสีแดงเป็นสีประจำตระกูล และใช้งูสองหัวพันรอบดาบเป็นสัญลักษณ์

จานัส (Janus)[แก้]

ก่อตั้งโดย เจน คาฮิลล์ (อังกฤษ: Jane Cahill)[3] มีชื่อเสียงด้านศิลปะและดนตรี ให้กำเนิดศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท, มาเรีย แอนนา โมซาร์ท, โทมัส เจฟเฟอร์สัน, พาโบล ปิกัสโซ่, วินเซนต์ แวน โกะห์, ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน, มาร์ก ทเวน, แฮร์รี่ ฮูดินี่, วอลต์ ดิสนีย์, สตีเฟน สปีลเบิร์ก, มาริลิน มอนโร, เฮนริค อิบเซ่น, ชาร์ลี แชปลิน,[4] โอคิตะ โซจิ, พอล แม็กคาร์ตนีย์, จอห์น เลนนอน, ไมเคิล แจ็กสัน รวมถึง เอลวิส เพรสลีย์ ทว่ากลับให้กำเนิดผู้นำที่อ่อนแอไร้ความสามารถ อาทิ ฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 แห่งออสเตรีย, เมห์เม็ดที่ 6 แห่งจักรวรรดิออตโตมาน, วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี, แมกซิมิลเลียนแห่งเม็กซิโก และจักรพรรดิผู่อี๋แห่งราชวงศ์ชิง

ในหนังสือ จานัสมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ปักกิ่ง เวนิส และฮอลลีวูด เป็นอย่างน้อย มีโคร่า วิซาร์ด เป็นผู้นำ โจนาห์ วิซาร์ด ลูกชาย เป็นสมาชิกของจานัสที่เข้าร่วมการตามล่าคำไขปริศนาครั้งนี้

จานัสมีสีเขียวเป็นสีประจำตระกูล และใช้สุนัขป่าเป็นสัญลักษณ์

โทมัส (Tomas)[แก้]

ก่อตั้งโดยโทมัส คาฮิลล์ (อังกฤษ: Thomas Cahill)[3] สายตระกูลโทมัสให้กำเนิดนักสำรวจและนักกีฬาที่มีชื่อเสียง อาทิ นีล อาร์มสตรอง, พระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน, โทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยะริ, เฮนรี ฮัดสัน, เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์, เอดมันด์ ฮิลลารี, เดวิด ลิฟวิงสโตน, โรอัลด์ อะมุนด์เซน, ลักษมี มิททาล, จอห์น เอฟ. เคนเนดี, ไทเกอร์ วูดส์, ไมเคิล เฟ็ลปส์, จอห์น แฟรงคลิน, แมนนี่ ปาเกียว, มูฮัมหมัด อาลี, แอนนี โอคเลย์, เจมส์ คุก, เมริเวเธอร์ ลูอิส, วิลเลียม คลาร์ก, ลิซ่า เลสลีย์, ไมเคิล จอร์แดน และแคนเดส ปาร์กเกอร์ รวมถึงผู้นำอย่าง จอร์จ วอชิงตัน และพระเจ้าหลุยส์ที่ 14[5]

ในหนังสือ โทมัสมีศูนย์บัญชาการอยู่ที่โตเกียว และ เดอร์บัน แอฟริกาใต้ และ เม็กซิโกซิตี้ เป็นอย่างน้อย มีอิวาน ไคลส์เตอร์เป็นผู้นำสายตระกูล[6] ครอบครัวฮอลต์เป็นโทมัสเพียงหนึ่งเดียวที่เข้าร่วมการตามล่าคำไขปริศนาครั้งนี้

สีฟ้า หมี เป็นสีและสัตว์ประจำตระกูลโทมัส สายตระกูลนี้ไม่ลงรอยกับอีคาเทริน่า

อีคาเทริน่า (Ekaterina)[แก้]

ก่อตั้งโดยแคทเธอรีน คาฮิลล์ (อังกฤษ: Katherine Cahill)[3] มีชื่อสั้นๆ ว่า อีแค็ต สายตระกูลนี้ให้กำเนิดนักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ และอัจฉริยะมากมาย อาทิ อับราฮัม ลิงคอล์น, สตีฟ จอบส์, ไมเคิล เดลล์, กาลิเลโอ กาลิเลอี, โทมัส เอดิสัน, อเล็กซานเดอร์ กราแฮม เบลล์, อีไลอัส ฮาว, บิล เกตส์, โฮเวิร์ด คาร์เตอร์, จอห์น แฟลมสตีด, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน, ออร์วิลล์ กับวิลเบอร์ ไรท์, ลีออน เทอเรมิน, นิโคลา เทสลา, จอร์จ เฮอร์เบิร์ต, อีไล วิตนีย์, สตีเฟ่น ฮอว์คิง, แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์, เฮนรี ฟอร์ด, โทมัส เอดเวิร์ด ลอว์เรนซ์, มิลตัน เอส. เฮอร์ชีย์, จอห์น แคดเบอรี่, ฮิซาซิเกะ ทานากะ และมารี คูรี[7]

ในหนังสือ อีคาเทริน่ามีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ไคโร สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และเซิร์น เป็นอย่างน้อย และมีความเกี่ยวข้องกับปริศนาทะเลสาบล็อกเนสส์ อีแค็ตมีสัญลักษณ์เป็นมังกรสีเหลือง แบ โอ เป็นผู้นำสายตระกูล อลิสแตร์ โอ หลานชายของแบ กับเนด เทด และซิเนด สตาร์ลิ่ง เป็นอีแค็ตที่เข้าร่วมการตามล่าคำไขปริศนาครั้งนี้

มาดริกัล (Madrigal)[แก้]

มาดริกัลเป็นกลุ่มคนที่ทุกสายตระกูลเชื่อว่าจ้องทำลายสายตระกูลทั้งสี่ อิซาเบล คาบร้าเชื่อว่ามาดริกัลเป็นคาฮิลล์นอกคอกที่จ้องทำลายการค้นพบคำไขปริศนาของสายตระกูลอื่น[8] ถึงกับส่งสายลับสองหน้าเข้าไปปะปน คาดว่ามาดริกัลเป็นผู้สังหารราชวงศ์โรมานอฟ[9] และอยู่เบื้องหลังการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัว[10]

ความจริงแล้ว มาดริกัลเป็นสายตระกูลที่ห้าของคาฮิลล์ ก่อตั้งโดย มาเดอแลน คาฮิลล์ (Madeleine Cahill) ลูกสาวคนสุดท้องของกิเดียนและโอลิเวีย คาฮิลล์ ที่ตั้งครรภ์อ่อนๆ โดยที่พี่สี่คนแรกไม่รู้ และคลอดหลังการตายของบิดาไม่นาน มาเดอแลนสัญญากับมารดาว่าจะทำทุกวิถีทางให้ทุกสายตระกูลเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง นั่นคือการยุติการตามล่าคำไขปริศนา เพื่อปกป้องมนุษยชาติจากผลกระทบที่เกิดจากการล้างผลาญระหว่างสายตระกูล

เพื่อไม่ให้สายตระกูลอื่นล่วงรู้ว่ามาดริกัลก็เป็นคาฮิลล์ การทำงานของมาดริกัลจึงต้องปกปิดเป็นความลับ อนึ่ง สถานะการเป็นมาดริกัลจะต้องเกิดขึ้นจากการลงมือปฏิบัติการ มิใช่มาดริกัลทุกคนจะได้เป็นสมาชิกเต็มตัว [11]

สมาชิกของมาดริกัลที่มีชื่อเสียง ได้แก่ วิลเลียม เชกสเปียร์[12], อเมเลีย เอียร์ฮาร์ต,[13] เติ้งเสี่ยวผิง,[14] พี่น้องตระกูลกริมม์, แอนน์ บอนนี่, แมรี รี้ด, ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล, แนนนี่ แห่งมารูนส์, แม่ชีเทเรซา, เฟรเดอริค ดักลาส และ โรแบร์โต้ เคลเมนเต้[15] [16] เอมี่ คาฮิลล์ แดน คาฮิลล์ และ เนลลี่ โกเมซ (ซึ่งได้รับมอบสถานะการเป็นมาดริกัลเต็มตัว โดยไม่ได้เป็นผู้สือสายเลือดคนแรกในประวัติศาสตร์) [17]" เป็นมาดริกัลที่เข้าร่วมสามสิบเก้าคำไขปริศนา โดยมีเกรซ คาฮิลล์ กับวิลเลียม แมคอินไตร์ ทนายความเป็นผู้วางแผนการ โดยมีฟิสก์ คาฮิลล์ น้องชายของเกรซ ปลอมตัวเป็นชายชุดดำเพื่อติดตามช่วยเหลือสองพี่น้องตลอดการเดินทาง

มาดริกัลไม่มีสัญลักษณ์ ต่างยึดถือในสัญลักษณ์ C ของตระกูลคาฮิลล์ อย่างไรก็ตาม ยามขู่ขวัญสายตระกูลอื่น จะใช้สัญลักษณ์ตัว M

หนังสือในชุด[แก้]

หนังสือชุด ปริศนาสมบัติอัจฉริยะ ปัจจุบันวางจำหน่ายครบทั้ง 10 เล่มแล้ว ปัจจุบันแปลไทยออกมาแล้ว 10 เล่ม ได้แก่

ผจญค่ายกลกระดูก (The Maze of Bones)[แก้]

เขียนโดย ริก ไรออร์แดน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 เริ่มเรื่องด้วยฉากงานศพของเกรซ คาฮิลล์ ผู้เป็นยายของแดน และเอมี่ คาฮิลล์ เกรซได้มอบทางเลือกให้ญาติแต่ละคนที่มาเข้าร่วมงานศพสองทางเลือก หนึ่งคือรับเงินสองล้านดอลลาร์แล้วกลับบ้านไป และสองคือร่วมเกมปริศนาตามล่าสมบัติที่จะทำให้ผู้ที่ได้รับยิ่งใกญ่กว่าใครในโลก แดนและเอมี่เลือกที่จะเข้าร่วมเกมในครั้งนี้ ทั้งสองได้พบเงื่อนงำแรกจาก 39 เงื่อนงำ ทั้งสองเข้าไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในคฤหาสน์ของเกรซ โดยทั้งคู่ได้พบกับอลิสแตร์ โอลุงชาวเกาหลี ทั้งสามค้นพบห้องสมุดลับในคฤหาสน์และซาลาดิน แมวที่หายไป แต่ไม่ทันไรก็เกิดไปไหม้คฤหาสน์ขึ้น อลิสแตร์หายตัวไป ทิ้งให้เอมี่กับแดนต้องเอาชีวิตรอด เอมี่ค้นพบว่าเงื่อนงำแรกนำไปสู่บุคคลในประวัติศาสตร์ท่านหนึ่ง คือ เบนจามิน แฟรงคลิน ซึ่งภายหลังได้ค้นพบว่าเขาเป็นหนึ่งในสายตระกูลลูเซี่ยน เมื่อสองพี่น้องรอดมาจากการวางเพลิงได้ ทั้งคู่ซมซานไปหาเนลลี่ โกเมซ พี่เลี้ยงของพวกเขา ผู้ใหญ่คนเดียวในตอนนี้ที่ทั้งสองไว้ใจ เงื่อนงำทั้งหมดพาไปสู่ความลับในสุสานกระดูกใต้กรุงปารีส คำไขปริศนาคือ "เหล็กละลาย"

หนึ่งโน้ตมรณะ (One False Note)[แก้]

เขียนโดย กอร์ดอน คอร์แมน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กล่าวถึงการผจญภัยของสองพี่น้องคาฮิลล์ในเวียนนา และเวนิส เพื่อตามหาคำไขปริศนาที่โมซาร์ทและพี่สาวเก็บไว้ ทั้งสามค้นพบสามหน้าที่หายไปจากสมุดบันทึกของมาเรีย แอนนา โมซาร์ทผู้เป็นพี่สาวของโมซาร์ท ซึ่งแท้จริงแล้วมาเรียเองมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีไม่แพ้น้องชาย แต่ด้วยความเป็นหญิงจึงถูกกีดกัน สมุดบันทึกของมาเรียเขียนไว้ว่าโมซาร์ทสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากจากฟิเดลิโอ รัคโค่ และยังค้นพบอีกว่าแท้จริงแล้วประโยคของพระนางมารี อังตัวเนตที่พูดกับชาวนาว่าให้ไปกินเค้กแทนนั้น จริง ๆ แล้วพระนางใช้คำว่า "gataux" (กาโต้) แทนคำว่าเค้ก ซึ่งเมื่อตัดตัวอักษรภาษาอังกฤษที่แทนด้วยตัวโน้ตออกแล้ว (C D E F G A B) ก็จะได้คำว่า TU ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ธาตุของทังสเตนนั่นเอง คำไขปริศนาที่สามคือ "ทังสเตน"

จอมโจรจอมดาบ (The Sword Thief)[แก้]

เขียนโดย ปีเตอร์ ลีแรนกิส วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552 แดน, เอมี่ และพี่เนลลี่เดินทางไปโตเกียว ในขณะที่กำลังขึ้นเครื่อง อิริน่า สปัสกี้ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินมาขวางทางแดนกับเอมี่ไว้ เอียนกับนาตาลี คาบร้าสวมรอยเป็นแดนกับเอมี่ขึ้นเครื่องบินไปแทน ทำให้สองพี่น้องต้องออกมาจากสนามบิน และพี่เนลลี่ต้องเผชิญกับสองพี่น้องคาบร้าจอมวางร้าย เอมี่และแดนพบกับอลิสแตร์ โอหน้าสนามบิน อลิสแตร์เสนอตัวพาทั้งสองไปส่ง โดยแลกกับการที่ทั้งสองบอกเงื่อนงำปริศนาในครั้งนี้ให้ เอมี่และแดนตกลง ทั้งสามจึงนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปโตเกียวได้สำเร็จ ทางฝั่งของเนลลี่ โกเมซ ซึ่งต้องเผชิญกับสองพี่น้องคาบร้า นาตาลี คาบร้าแอบหยดยาพิษลงในน้ำอัดลมของเนลลี่ แต่เนลลี่รู้ทันจึงสาดน้ำใส่หน้าทั้งสอง เอียนและนาตาลียอมยกเงินที่มีทั้งหมดในตัวให้เนลลี่ เพื่อแลกกับยาถอนพิษ ทางฝั่งของแดน, เอมี่ และลุงอลิสแตร์ก็กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับโทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยะชิ ซึ่งเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เป็นบรรบุรุษของสายตระกูลโทมัส ทั้งสามค้นพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในแผนที่อุโมงค์สมัยก่อนกับแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินกรุงโตเกียว ทั้งสามจึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจในรางรถไฟฟ้าใต้ดิน คำปริศนานำไปสู่เงื่อนงำใหญ่ในโซล ประเทศเกาหลีใต้ คำไขปริศนาคือ "ทองคำ"

ความลับสุสานฟาโรห์ (Beyond the Grave)[แก้]

เขียนโดย จู๊ต วัตซัน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เงื่อนงำที่เกาหลีใต้นำสองพี่น้องไปสู่เงื่อนงำใหม่ในอียิปต์ เอมี่, แดน และเนลลี่ออกเดินทางไปไคโร ในวันแรกที่ทั้งสามถึง เอมี่กับแดนได้พบอิริน่า อิริน่าพยายามไล่จับเด็กทั้งสองแต่ไม่สำเร็จ ทั้งสองเข้าไปหลบในร้านขายวัตถุโบราณและได้พบกับธีโอ นักศึกษาไอยคุปต์วิทยา เด็ก ๆ พาเนลลี่และธีโอไปที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งพบกับตราประจำตระกูลลูเซี่ยนบนกระเบื้อง แดนงัดกระเบื้องชิ้นนั้นออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่ตามเด็กทั้งสอง แดนกับเอมี่ตัดสินใจพาพี่เนลลี่หนีไปอยู่โรงแรม ซึ่งโรงแรมแห่งนี้มีห้องลับของสายตระกูลอีคาเทรีน่า เอมี่และแดนแอบเข้าไปในฐานลับนั้นและพบกับตู้โชว์ซึ่งบรรจุรูปปั้นเสคเมตสามองค์ ยังไม่ทันที่สองพี่น้องจะพบเงื่อนงำ แบ โอผู้เป็นลุงของอลิสแตร์ โอก็เข้ามาพบเด็กทั้งสอง ทั้งสองพยายามหนีแต่ไม่สำเร็จ แบ โอขังทั้งสองไว้ในตู้กระจก ท้ายที่สุดเนลลี่ก็สามารถเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ทั้งสามหนีแบ โอออกมาที่ล็อบบี้โรงแรม ขณะกำลังหนีก็พบกันฮิลารี่ เวลซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเกรซ คาฮิลล์ ฮิลารี่อาสาพาทั้งสามไปพักที่บ้านของตน พร้อมกับบอกเด็ก ๆ ว่าเกรซมีของมาให้ ของที่เกรซให้เด็ก ๆ ก็คือโปสการ์ดและรูปปั้นเทพีเสคเมต ซึ่งเมื่อแดนและเอมี่กดที่จมูกของรูปปั้นก็พบว่ามีช่องว่างภายใน ซึ่งบรรจุกระดาษพาไพรัสอยู่ ทั้งสามตัดสินใจว่าจ้างธีโอให้เป็นมัคคุเทศก์ประจำตัว พร้อมกับเดินทางไปลักซอร์ทันที เด็ก ๆ ค้นพบเงื่อนงำอักษรไฮโรกลิฟภายในพีระมิดของพระนางเนเฟอร์ตารี ซึ่งแดนกับเอมี่แอบเข้าไปสำรวจกันเองตอนกลางคืน ระหว่างที่สำรวจ เด็ก ๆ พบว่ามีผู้ไม่หวังดีแอบเข้ามาในพีระมิด ซึ่งผู้ไม่หวังดีคนนั้นคืออิริน่านั่นเอง อิริน่าเก็บสมุดบันทึกของเกรซได้และกำลังจะระเบิดพีระมิดปิดทางเข้าออก แต่เนลลี่และธีโอมาช่วยไว้ทัน เอมี่และแดนกลับไปที่เรือริมแม่น้ำไนล์ ทั้งสองกลับพบโจนาห์กับพ่ออยู่บนเรือ โจนาห์ซักไซ้ถามเงื่อนงำจากเด็กทั้งสอง และปล่อยพวกเขาลงไปบนเกาะกลางแม่น้ำไนล์ จระเข้ตัวหนึ่งคลานขึ้นมาบนเกาะ ทำให้สองพี่น้องหวาดกลัวเป็นอย่างมาก โชคดีที่มีชาวประมงมาช่วยและพาสองพี่น้องไปส่งได้ทันท่วงที คำไขปริศนาที่สี่คือ "มดยอบ" (อังกฤษ: Myrrh)

วงล้อมทมิฬ (The Black Circle)[แก้]

เขียนโดย แพตทริก คาร์แมน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ขณะที่เอมี่และแดนพักอยู่ที่รัสเซีย ทั้งสองพบโทรเลขปริศนาซึ่งนำไปสู่เงื่อนงำใหม่ในรัสเซีย สองพี่น้องตัดสินใจทิ้งพี่เนลลี่ไว้ และออกเดินทางไปรัสเซียทันที เมื่อถึงมอสโก ทั้งสองออกเดินทางไปอนุสาวรีย์เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ สองพี่น้องพบแฮมิลตัน ฮอลต์ ทั้งสามตกลงร่วมมือกันในภารกิจตามล่าคำไขปริศนาครั้งนี้ แดนพบเงื่อนงำบริเวณส่วนหัวของอนุสาวรีย์ ทั้งสองแบ่งงานกับแฮมิลตัน ต่างฝ่ายต่างช่วยกันไขปริศนา เอมี่พบเงื่อนงำสำคัญคือก้อนอำพันซึ่งถูกเย็บติดกับฉลองพระองค์ของแกรนด์ดัชเชสอะนัสตาซียา นีคะลายีฟนา แห่งรัสเซีย ซึ่งก้อนอำพันนี้นำไปสู่เงื่อนงำใหม่คือห้องอำพัน สองพี่น้องค้นหาห้องอำพันโดยการช่วยเหลือจากบุคคลลึกลับที่ใช้ชื่อย่อว่า เอ็นอาร์อาร์ ซึ่งแท้จริงแล้ว เอ็นอาร์อาร์ คือนาตาลีย่า ซึ่งเธอเป็นทายาทของแกรนด์ดัชเชสอะนัสตาซียา นีคะลายีฟนา แห่งรัสเซีย และเป็นสมาชิกของสายตระกูลลูเซี่ยน ท้ายที่สุดเอมี่และแดนก็ค้นพบห้องอำพันและคำไขปริศนาที่ห้าคือ "อำพันครึ่งกรัม"

ปฏิบัติการทะเลใต้ (In Too Deep)[แก้]

เขียนโดย จู๊ต วัตซัน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ในประเทศไทยวางจำหน่ายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 สองพี่น้อง แดนและเอมี่ คาฮิลล์ พบเงื่อนงำบันทึกการเดินทางของพ่อแม่ ซึ่งทั้งสองเคยไปประเทศออสเตรเลีย เอมี่, แดน และเนลลี่จึงเดินทางไปออสเตรเลียทันที เมื่อถึงออสเตรเลียทั้งสามเดินทางไปพบอาแชปญาติของพวกเขา ระหว่างทางเอมี่โดนหญิงชรานางหนึ่งขโมยสร้อยคอหยกของเกรซไป เมื่อทั้งสามพบอาแชป อาแชปยินดีให้อาศัยอยู่ในบ้านของเขาได้ อาแชปชวนเด็ก ๆ กับพี่เลี้ยงไปเล่นกระดานโต้คลื่น ระหว่างที่เล่นกระดานโต้คลื่นอยู่นั้นเด็ก ๆ ก็พบกับครอบครัวฮอลต์ ซึ่งไอเซนฮาวเวอร์วิ่งฝ่าเกลียวคลื่นมาหาสองพี่น้องทันที อาแชปจัดการบอกเพื่อน ๆ นักโต้คลื่นให้สั่งสอนครอบครัวฮอลต์ สองพี่น้องพบเงื่อนงำว่าการตามหาปริศนาในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลลึกลับชื่อ บ๊อบ ทร็อปโป ทั้งสามเดินทางตามรอยบ๊อบไปทั่วออสเตรเลีย เอียน คาบร้าโทรศัพท์มาบอกเอมี่ว่ามีบางอย่างที่เขาอยากจะบอก และความจริงที่ว่าการตายพ่อแม่ของเอมี่นั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ เอมี่ไปหาเอียนทันที ระหว่างทางเธอพบอิริน่า สปัสกี้ อิริน่าเตือนเธอว่าไม่ควรยุ่งกับครอบครัวคาบร้า โดยเฉพาะอิซาเบล คาบร้าผู้เป็นแม่ อิริน่าปล่อยตัวเอมี่ไป เธอพยายามหาทางกลับที่พัก แต่เอียนพบเธอก่อน เอมี่จำใจขึ้นเรือไปกับแม่ลูกคาบร้า อิซาเบลคะยั้นคะยอเอมี่ให้บอกคำไขปริศนาทั้งหมดที่เธอมี เอมี่ไม่ยอม อิซาเบลจึงโยนชิ้นเนื้อลงไปในน้ำเพื่อเรียกฉลามให้มาว่ายวนรอบ ๆ เรือ เธอขู่เอมี่ว่าหากไม่บอกคำไขปริศนาแล้วเธอจะโยนเอมี่ให้ฉลามกิน ในตอนแรกเอมี่คิดว่าเธอคงไม่รอดชีวิต แต่โชคเข้าข้างเธอ แฮมิลตัน ฮอลต์ซึ่งเคยติดหนี้บุญคุณเธอมาช่วยไว้ได้ทัน แฮมิลตันร่อนเครื่องร่อนลงและเอมี่กระโดดจับขาเขาไว้ได้ทันท่วงที สองพี่น้องตามเงื่อนงำของบ๊อบไปเรื่อย ๆ จนพบว่าบ๊อบนำเงื่อนงำเกือบทั้งหมดมาซุกซ่อนจากคาฮิลล์คนอื่น ๆ ที่อินโดนีเซีย เด็ก ๆ กับพี่เลี้ยงเดินทางไปอินโดนีเซียทันที เอมี่กับแดนแอบพี่เนลลี่ไปเกาะเกาะหนึ่งบริเวณภูเขาไฟกรากะตัว ซึ่งหลังจากค้นพบความจริงมากมายเกี่ยวกับพี่เลี้ยงคนนี้ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะสามารถไว้ใจเธอได้หรือเปล่า พายุพัดโหมกระหน่ำจนทั้งสองต้องค้างคืนบนเกาะแห่งนั้น และได้พบกับลุงอลิสแตร์ โอ ในขณะที่เด็ก ๆ กับลุงหลับใหล อิซาเบล คาบร้าจุดไฟเผากระท่อมที่ทั้งสามอาศัยอยู่ เหมือนกับที่เคยจุดไฟซึ่งคร่าชีวิตพ่อแม่เด็กทั้งสองที่บอสตัน เด็ก ๆ กับลุงอลิสแตร์เกือบเอาชีวิตไม่รอด อิริน่า สปัสกี้ผู้ซึ่งเอมี่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกลับเข้ามาช่วยชีวิตทั้งสามไว้ และยอมสละชีวิตอยู่ในกองเพลิง เอมี่และแดนออกมานั่งร้องไห้อยู่ริมหาด เรื่องราวเงื่อนงำทั้งหมดประติดประต่อกับทำให้ทั้งสองทราบว่าคำไขปริศนาในครั้งนี้คือ "น้ำ"

บุกรังอสรพิษ (The Viper's Nest)[แก้]

เขียนโดย ปีเตอร์ ลีแรนกิส วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ในประเทศไทยวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 เรื่องราวดำเนินในประเทศแอฟริกาใต้ และมาดากัสการ์ กล่าวถึงชาคา ซูลู ผู้นำเผ่าซูลูที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคำไขปริศนา ซึ่งวินสตัน เชอร์ชิลเป็นผู้ค้นพบระหว่างทำภารกิจลับก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในหนังสือเล่มนี้สองพี่น้องและพี่เลี้ยงได้บุกเข้าไปในฐานบัญชาการโทมัสด้วย โดยฐานบัญชาการของสายตระกูลโทมัสนั้นมีโรงงานเป็นฉากบังหน้า แดนใช้วิธีปลอมตัวเป็นแฮมิลตัน ฮอลต์ ในการแอบเข้าไปในฐานบัญชาการนี้ ระหว่างทางที่ทั้งสามจะไปสนามบิน ทั้งสามพบกับครอบครัวคาบร้าเข้า อิซาเบลขู่เอาชีวิตแดนกับเอมี่ แลกกับคำปริศนาที่ทั้งสองมี แต่ทั้งสองไม่ยอมปริปาก โชคเข้าข้างมีมีคนมาช่วยเด็ก ๆ ไว้ได้ทัน แดนแอบขโมยน้ำยาของลูเซี่ยนมาด้วย ขณะที่สองพี่น้องกำลังนั่งอยู่บนแฮลิคอปเตอร์นั้น เอมี่เผลอทำหลอดน้ำยาแตก น้ำยาสีเขียวภายในกระเด็นใส่แดน โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าน้ำยานั้นเป็นยาพิษ แดนเจ็บปวดทุรนทุรายมาก แต่สุดท้ายแดนก็สามารถถอนยาพิษได้ทันด้วยว่านหางจระเข้ คำไขปริศนาคือ "ว่านหางจระเข้"

รหัสลับจักรพรรดิโลกไม่ลืม (The Emperor's Code)[แก้]

เขียนโดย กอร์ดอน คอร์แมน วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553 ในประเทศไทยวางจำหน่ายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เอมี่, แดน และเนลลี่เดินทางไปจีน ตามเงื่อนงำที่ได้รับ แดนสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ของสายตระกูลจานัสในภาพยนต์เรื่องจักรพรรดิโลกไม่ลืม เขาจึงตัดสินใจไปค้นหาเงื่อนงำในพระราชวังต้องห้ามทันที แดนค้นพบผ้าไหมซึ่งมีลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิผู่อี๋ สองพี่น้องเดินทางต่อไปที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เอมี่สงสัยว่าพ่อแม่ของทั้งสองเป็นคนเลวหรือเปล่า และพ่อแม่สมควรถูกฆาตกรรมแล้วใช่ไหม แดนโกรธมากที่พี่สาวคิดเช่นนี้ เขาเดินหนีไปทันที ยังไม่ทีนที่แดนจะเดินจากไปไกล ครอบครัวคาบร้าก็แอบลักพาตัวเขาไป แดนตื่นมาอีกทีบนสายพานโรงงานลูกอม ผลิตภัณฑ์ของโจนาห์ วิซาร์ด เขารีบหนีออกจากสายพานทันที แดนเจอโจนาห์เดินชมโรงงานอยู่ โจนาห์ชวนเขามาเข้าร่วมการตามล่าคำไขปริศนาด้วย ในตอนแรกแดนไม่คิดจะตามโจนาห์ไป แต่เขาคิดได้ว่าหากไม่ตามไปแล้ว เขาก็ไม่มีที่ไป คำไขปริศนาคือ "น้ำยาจากหนอนไหม"

ฝ่าพายุแคริบเบียน (Storm Warning)[แก้]

เขียนโดย ลินดา ซู ปาร์ก วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ในประเทศไทยวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 เอมี, แดน และพี่เนลลี่เดินทางไปที่ประเทศแถบทะเลแคริบเบียน คือบาฮามาส และจาเมกา ทั้งสามตามรอยแอนน์ บอนนี่ และแมรี ริ้ด โจรสลัดหญิงสายตระกูลมาดริกัลที่ปลอมตัวเดินทางไปกับโจรสลัดชายเพื่อตามล่าคำไขปริศนาและซ่อนอันหนึ่งเอาไว้ ในเล่มนี้เอมี่และแดนได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสายตระกูลมาดริกัล ว่าแท้จริงแล้วสายตระกูลมาดริกัลนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกเขาคิด หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้และการเสียชีวิตของกิเดียน คาฮิลล์ ไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วโอลิเวียผู้เป็นภรรยาได้ตั้งท้องธิดาคนที่ห้า ซึ่งเธอก็คือ มาเดอแลน คาฮิลล์ โอลิเวียได้พร่ำสอนมาเดอแลนให้นำความสามัคคีกลับมาสู่ตระกูลคาฮิลล์อีกครั้ง หลังจากการเสียชีวิตของโอลิเวีย มาเดอแลนก็ตามหาพี่ ๆ ของเธอไปทั่วทุกหนแห่ง แต่เธอไม่สามารถทำสิ่งที่มารดาปรารถนาได้สำเร็จ เธอจึงส่งต่อเจตนารมณ์นี้ให้กับลูกหลานสายตระกูลมาดริกัลสืบต่อไป นอกจากทั้งสองจะได้ทราบเรื่องความจริงของสายตระกูลแล้ว เนลลี่ โกเมซ พี่เลี้ยงของทั้งสองก็เป็นบุคคลคนนอกสายตระกูลคนแรกที่ได้รับสิทธิให้เข้าร่วมสายตระกูลอีกด้วย คำไขปริศนาคือ "ดอกจันทน์เทศ"

มหันตภัยปลายทาง (Into the Gauntlet)[แก้]

เขียนโดย มาร์กาเร็ต ปีเตอร์สัน แฮ็ดดิกซ์ วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553 สำหรับฉบับภาษาไทยวางจำหน่ายในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เอมี่และแดน คาฮิลล์ ค้นพบความจริงแล้วว่ามาดริกัลไม่ใช่สายตระกูลที่ชั่วร้ายอย่างที่พวกเขาคิด แท้จริงแล้วมาดริกัลเป็นสายตระกูลซึ่งต้องการให้ทุกสายตระกูลสมานฉันท์กัน โดยพยายามขัดขวางไม่ให้สายตระกูลใดสายตระกูลหนึ่งมีอำนาจมากเกินไป สองพี่น้องกับญาติ ๆ เดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ ทั้งสองค้นพบว่าคำไขปริศนาสุดท้ายนี้เกี่ยวข้องกับกวีชื่อดังนามวิลเลียม เชกสเปียร์ ซึ่งเชกสเปียร์นั้นก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสายตระกูลมาดริกัลด้วย แดนค้นพบว่าบริเวณหลุมศพของเชกสเปียร์ที่มีคำสาปแช่งผู้ที่เคลื่อนย้ายหลุมศพนั้น ยังมีข้อความอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก ซึ่งข้อความดังกล่าวเขียนไว้ว่าหากเป็นลูกหลานของมาดริกัลแล้ว ขอให้ขุดหลุมศพขึ้นมาโดยพลัน สองพี่น้องตัดสินใจขุดหลุมศพของเชกสเปียร์ขึ้นมา ทั้งสองพบว่ามีเงื่อนงำบอกให้ทั้งคู่ไปที่เกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล ซึ่งเคยเป็นเกาะที่กิเดียนและโอลิเวีย คาฮิลล์อาศัยอยู่นั่นเอง สองพี่น้องกับพี่เนลลี่เดินทางไปที่เกาะแห่งนั้นโดยไม่รอช้า ญาติ ๆ ซึ่งแอบติดเครื่องสะกดรอยก็แอบตามมาจนครบทุกสายตระกูล ทุกคนบุกเข้าไปในทางเดินลับใต้ดินซึ่งนำไปสู่คำไขปริศนาสุดท้าย คำไขปริศนาคือ "สูตรน้ำยา"


การตามล่าคำไขปริศนา[แก้]

การแตกหัก[แก้]

ตระกูลคาฮิลล์เริ่มขึ้นที่ดับลิน ไอร์แลนด์ กิเดียนและโอลีเวียให้กำเนิดบุตรธิดา 4 คนราว ค.ศ. 1494 การแตกคอระหว่างพี่น้องคาฮิลล์ทั้ง 4 คนเริ่มขึ้นเมื่อกิเดียน คาฮิลล์ ค้นพบสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลก และแบ่งคำไขปริศนาให้ลูกๆ ปี ค.ศ. 1507[18] บ้านถูกลอบวางเพลิง กิเดียนตายในกองเพลิงเพราะต้องการปกป้องผลงานของตนเอง บุตรทั้งสี่และมารดารอดชีวิต คาฮิลล์ทั้งสี่ทะเลาะกัน โทมัสกับแคทเธอรีนกล่าวหาว่าลุคเป็นคนวางเพลิง ทั้งสองเดินทางออกจากดับลินไปอังกฤษ ต่อด้วยไปยังโปรตุเกสเพื่อหลบหนีจากสายลับของลุค และสานต่อผลงานของพ่อ โทมัสแต่งงานกับหญิงชาวโปรตุเกส แต่ทอดทิ้งน้องสาวและครอบครัว จนสามปีให้หลังแคทเธอรีนทนไม่ไหวที่โทมัสเห็นเรื่องรักดีกว่าหน้าที่ จึงหนีไป พร้อมกับขโมยคำไขปริศนาจากพี่ชายไปด้วย ทำให้โทมัสโกรธมากและออกตามหาเธอ[19][20]

แคทเธอรีนหนีไปยังอียิปต์ ที่นั่นเธอได้ซื้อรูปปั้นเทพีเสคเมต 3 ตัว และจ้างวานนักปล้นสุสานให้พาเธอไปยังสุสานฟาโรห์ต่างๆ เพื่อซ่อนหนทางสู่คำไขปริศนา ซึ่งซ่อนอยู่ในช่องลับของรูปปั้น[21] จากนั้นก็ไม่มีข่าวจากเธออีกเลย

โทมัสในญี่ปุ่น[แก้]

แม้จะมีความสามารถ แต่โทมัสก็หาแคทเธอรีนไม่พบ ในที่สุดก็ยอมแพ้และเริ่มชีวิตใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเพื่อศึกษาวัฒนธรรมซามูไร ที่นั่นเขาใช้ชื่อปลอมว่า "เออะมอน" (อังกฤษ: Yeamon) และแต่งงานกับเคโกะ หญิงสาวชาวญี่ปุ่น ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดบุตรชายที่ต่อมาคือโทะโยะโทะมิ ฮิเดะโยะริ [20] ฮิเดโยชิต่อสู้กับสมาชิกสายตระกูลอีคาเทริน่าที่เป็นชาวนาในต่างจังหวัด และรวบรวมดาบจากชาวนาทุกคนเพื่อป้องกันการต่อต้าน[22] เมื่อเขาเข้ายึดเกาหลี เขานำดาบและทองคำไปซ่อนที่เขาบุกคันก่อนจะพ่ายแพ้ ทำให้เชื่อว่าฮิเดโยชิกำลังสร้างหินนักปรัชญาขึ้น[23] ผู้คุ้มกันของฮิเดโยชิต่อมาได้กลายเป็นกลุ่ม ยากูซ่า ปกป้องคำไขปริศนาในญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน

เบนจามิน แฟรงคลิน[แก้]

เบนจามิน แฟรงคลินเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไปฝรั่งเศสในฐานะทูตประจำฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1785 แฟรงคลินกลับมาจากฝรั่งเศส แต่ได้ทิ้งเบาะแสเป็นจัตุรัสกลสลักบนหัวกะโหลกในสุสานใต้ดินตรงทางเข้าจากสถานีดองแฟรฺ-รอชเชอโร [24] เป็นพิกัดเก่าแก่ของฝรั่งเศส ซึ่งพาไปยังโบสถ์แซง-ปีแอรฺ[25] หลุมศพหลุมหนึ่งนำไปสู่โถงในสุสานใต้ดินที่วาดภาพผู้นำสี่สายตระกูลหน้าบ้านที่ถูกไฟไหม้ แฟรงคลินซ่อนเบาะแสต่อไปซึ่งเป็นเพลงของโมซาร์ท รวมถึงหลอดบรรจุน้ำยาซึ่งทำงานเมื่ออัดไฟฟ้าจากฟ้าผ่าเข้าไป

พระนางมารี อังตัวเนต[แก้]

บ็อป ทร็อปโป[แก้]

คำไขปริศนากับราชวงศ์โรมานอฟ[แก้]

พระเจ้าคอนสแตนตินที่ 1 แห่งรัสเซียสละสิทธิสืบต่อราชสมบัติให้นิโคลัส พระอนุชา เพื่อจะได้มีเวลาเสาะหาคำไขปริศนามากขึ้น ในปี ค.ศ. 1826 ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คอนสแตนตินเขียนจดหมายถึงพระอนุชาว่าสามารถรวบรวมคำไขปริศนาได้เกือบครบทุกชิ้นแล้ว แต่ว่าวันที่ 7 ตุลาคม ก็ถูกมาดริกัลทำลายจนหมดสิ้น คอนสแตนตินเตือนนิโคลัสให้ระวังพระองค์ มาดริกัลอาจมุ่งร้ายมาที่พระองค์เป็นรายต่อไป[26]

ค.ศ. 1918 ราชวงศ์โรมานอฟถูกสังหารที่ยีคาเทอรินเบิร์ก[27] เอมี่เชื่อว่าอาจเป็นมาดริกัลที่สังหารราชวงศ์[26] ห้องอำพันซึ่งของราชวงศ์เดิมอยู่ที่วังแคเธอรีน หมู่บ้านซาร์สโกเย่ เซโล่ถูกย้ายไปยังโบสถ์ปีเตอร์แอนด์พอล เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ลูเซี่ยนมีอิทธิพล พวกเขาย้ายมันกลับมาที่ยีคาเทอรินเบิร์ก ในสุสานที่ราชวงศ์ถูกสังหาร ต่อมาจึงมีการสร้างโบสถ์แห่งพระโลหิต (อังกฤษ: Church on the Blood) บนนั้น ภายในห้องอำพันเก็บเอกสารของลูเซี่ยนเอาไว้ส่วนหนึ่ง และคำไขปริศนาที่ลูเซี่ยนเก็บไว้เป็นความลับ คือ อำพันหลอมละลาย 1 กรัม[28]

ภาคต่อ[แก้]

สำหรับภาคภาษาไทยมีการแปลถึงเพียงแค่เล่ม 10 (มหันตภัยปลายทาง) เท่านั้น แต่ในฉบับภาษาอังกฤษนั้นนวนิยายชุดนี้ยังมีภาคต่อ ชื่อเรื่องว่า Vespers Rising[29] เนื้อหาในเล่มเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงของเหตุเพลิงไหม้บ้านตระกูลคาฮิลล์เมื่อปีค.ศ. 1507 แท้จริงแล้วผู้ที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้คือดามีน เวสเปอร์ ซึ่งเนื้อหาในเล่มในจะเผยให้เห็นถึง "เวสเปอร์" เป็นตระกูลอีกตระกูลหนึ่งที่ชั่วร้ายมาก และเป็นคู่ปรับกับตระกูลคาฮิลล์ตลอดมา

อ้างอิง[แก้]

  1. ผจญค่ายกลกระดูก หน้า 20
  2. ผจญค่ายกลกระดูก หน้า 29
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 ผจญค่ายกลกระดูก หน้า 192-193
  4. หนึ่งโน้ตมรณะ หน้า 108-109
  5. Tomas Branch in the 39 Clues Wiki
  6. Ivan Kleister ใน The 39 Clues Wiki
  7. ความลับสุสานฟาโรห์ หน้า 35-36
  8. ปฏิบัติการทะเลใต้ หน้า 66
  9. วงล้อมทมิฬ หน้า 160
  10. ปฏิบัติการทะเลใต้ หน้า 186
  11. ฝ่าพายุแคริบเบียน หน้า 181, 182, 184
  12. มหันตภัยปลายทาง หน้า 248
  13. ปฏิบัติการทะเลใต้ หน้า 86-91
  14. บุกรังอสรพิษ หน้า 188
  15. ฝ่าพายุแคริบเบียน หน้า 184
  16. The Black Book of Buried Secrets
  17. ฝ่าพายุแคริบเบียน หน้า 190
  18. มหันตภัยปลายทาง หน้า 244
  19. จอมโจรจอมดาบ หน้า 106-110
  20. 20.0 20.1 [1]
  21. ความลับสุสานฟาโรห์ หน้า 47-48
  22. จอมโจรจอมดาบ หน้า 42-44
  23. จอมโจรจอมดาบ หน้า 110-112
  24. ผจญค่ายกลกระดูก หน้า 161
  25. ผจญค่ายกลกระดูก หน้า 189
  26. 26.0 26.1 วงล้อมทมิฬ หน้า 158-160
  27. วงล้อมทมิฬ หน้า 85
  28. วงล้อมทมิฬ หน้า 155-156
  29. Vespers Rising หน้า 1