หลี่ เหลียนเจี๋ย
หลี่ เหลียนเจี๋ย Jet Li 李連杰 | |
![]() หลี่ เหลียนเจี๋ย ในงานสภาเศรษฐกิจโลกเมื่อปี ค.ศ. 2009 | |
ชื่อเกิด | Li Lian Jie |
เกิด | 26 เมษายน ค.ศ. 1963 (56 ปี) จีน |
คู่สมรส | Huang Qiuyan (1987-1990) Nina Li Chi (1997-ปัจจุบัน) |
อาชีพ | นักแสดง, ผู้กำกับ, ผู้อำนวยการสร้าง |
ผลงานเด่น | หวง เฟยหง ใน Once Upon a Time in China ฟ่ง ไสหยก ใน Fong Sai-Yuk ฮั่ว หยวนเจี๋ย ใน Fearless |
[www.jetli.com/ เว็บทางการ] |
---|
หลี่ เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ท ลี / Jet Li (จีนตัวย่อ: 李连杰; จีนตัวเต็ม: 李連杰; พินอิน: Lǐ Liánjié) เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นนักแสดง ,โปรดิวเซอร์ , ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ของเกาะฮ่องกง อดีตแชมป์เยาวชนกีฬาวูซู 5 ปีซ้อน เป็นผู้นำศิลปะการต่อสู้วิชา กังฟู (อักษรจีน : 功夫; พินอิน: gōngfu) หรือ วูซู (ในภาษาจีนกลาง ; จีนตัวย่อ: 武术; จีนตัวเต็ม: 武術; พินอิน: wǔshù) สู่โลกภาพยนตร์ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
เนื้อหา
ประวัติ[แก้]
หลี่ เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมด 5 คน บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียง 2 ขวบ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่มาเพียงลำพัง
หลี่ อายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการฝึกฝนวิชาวูซู (ภาษาจีนกลาง ; จีนตัวย่อ: 武术 ; จีนตัวเต็ม: 武術; พินอิน : wǔshù ) หรือ กังฟู (อักษรจีน: 功夫; พินอิน : gōngfu ) ในช่วงเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนของทุกปี หลี่ อุทิศชีวิตตลอดช่วงวัยเด็กให้กับกีฬาวูซู พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้เป็นตัวแทนนักกีฬาวูซูของจีนไปแข่งขันยังมหกรรมกีฬาต่างๆมากมาย จนเขาได้เป็น แชมป์เยาวชนกีฬาวูซู 5 ปีซ้อน ต่อมาในปี 1974 หลี่กับทีมของเขาไปแสดงศิลปะการต่อสู้วูซู ต่อหน้าประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา ในสมัยเรียนวิชาวูซูกับอาจารย์อู๋ปิน หลีมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คือ เจิ้น จื่อตัน หลังจากนั้น หลี่ก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชทีมกีฬาวูซู เริ่มเข้าสู่วงการแสดงตอนอายุเพียง 20 ปี มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกจากบท หวง เฟยหง ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง Once Upon a Time in China (1991) หรือ หวง เฟยหง เขามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับโลกในกาลต่อมา
ในต้นปี 2010 หลี่เปิดเผยว่า จะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อที่จะไปทุ่มเทให้กับการทำมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ชื่อ The One Foundation หลังจากที่เจ้าตัวรอดตายมาจาก เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศไทยเมื่อปลายปี 2004 โดยบอกว่าตนพบว่าศิลปะการต่อสู้มิได้ช่วยอะไรให้รอดชีวิตได้เลยเมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติ และการแสดงต่อไปนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น[1]
ปัจจุบัน หลี่ ได้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวระบบไทรอยด์ มานานหลายปีแล้ว จึงห่างหายจากการแสดงภาพยนตร์ไปพักหนึ่ง และจะกลับมาแสดงภาพยนตร์ให้กับค่ายดิสนีย์ ในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ มู่หลาน (Mulan) ในปี 2019 นี้
ก้าวแรกของการเป็นดารา[แก้]
หลังจากหลี่เป็นโค้ชทีมชาติกีฬาวูซูมานานหลายปี เขาอายุได้ 20 ปี ถูกแมวมองดึงให้มาเป็นพระเอกหนังเรื่อง Shaolin Temple (1982) โดยหนังเรื่องนี้ เป็นงานแจ้งเกิดให้เขาอย่างเต็มตัวในฐานะนักแสดงกังฟู แต่ภาคต่อของหนังชุดนี้คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin (1984) และ Martial Arts of Shaolin (1986) กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้น หลี่ก็หันมากำกับหนังของตนเองเป็นครั้งแรก ในเรื่อง Born to Defence (1988) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน จนมารับบท หวง เฟยหง ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง Once Upon a Time in China (1991) หรือ หวง เฟยหง เขาจึงโด่งดังเป็นพลุแตกเป็นต้นมา
ภาพยนตร์ฮ่องกง[แก้]
หลี่ ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง ฉีเคอะ (Tsui Hark) โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน คือ หวง เฟยหง หรือ Once Upon a Time in China (1991) หนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของ หลี่ เหลียนเจี๋ย เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาเรื่อยๆ เช่น Swordsman II (1992) หรือ เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2 The Master (1992) หรือ ฟัดทะลุโลก หวงเฟยหง ภาค 2 , ภาค 3 หรือ Once Upon a Time in China II (1992) , Once Upon a Time in China III (1993) Black Mask (1996) หรือ ดำมหากาฬ และ หวง เฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก หรือ Once Upon a Time in China and America (1997) เป็นเรื่องสุดท้าย ผลงานกับผู้กำกับคนอื่นๆ เช่น
หยวน หวูปิง (Yuen Woo-Ping) : หวง เฟยหง ภาค 2 หรือ Once Upon a Time in China II (1992) The Tai-Chi Master (1993) หรือ มังกรไทเก๊ก คนไม่ยอมคน Last Hero in China (1993) หรือ เล็บเหล็กหวงเฟยหง และงานรีเมคของ บรู๊ซ ลี Fist of Legend (1994) หรือ ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า
เฉิงเสี่ยวตง (Tony Ching) : Swordsman II (1992) หรือ เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2 และ Dr. Wai in the “The Scripture with no Words” (1996) หรือ ดร.ไวน์ คนใหญ่สุดขอบโลก
หยวนขุย (Corey Yuen) : ฟง ไสหยก สู้บนหัวคน ภาค 1 หรือ Fong Sai-Yuk (1993) , ปึง ซีเง็ก ปิดตาสู้ หรือ Fong Sai-Yuk II (1993) , The New Legend of Shaolin (1994) หรือ ห้าพยัคฆ์ เสียวลิ้มยี่ , The Bodyguard from Beijing (1994) หรือ เดอะบอดี้การ์ด ขอบอกว่าเธอเจ็บไม่ได้ , My Father is a Hero (1995) หรือ ต้องใหญ่ให้โลกตลึง และ High Risk (1995) หรือ ตายยาก เพราะเธอเจ็บไม่ได้
หงจินเป่า (Sammo Hung) : Kung-Fu Cult Master (1993) หรือ ดาบมังกรหยก และ Once Upon a Time in China and America (1997) หรือ หวงเฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก
ฮอลลีวูด[แก้]
หลังจากเกาะฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 1997 หลี่ ได้หันมาทำงานในฮอลลีวู้ด มีผลงานในฮอลลีวูดครั้งแรก คือ Lethal Weapon 4 (1998) หรือ ริกส์ คนมหากาฬ ภาค 4 หนังแอ็คชันตำรวจภาคต่อโดยร่วมแสดงกับ เมล กิบสัน , แดนนี่ โกลเวอร์, โจ เปสซี, เรเน รุสโซ และ คริส ร็อก หลี่ รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่อง ในปี 2000 หลี่ รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die (2000) นับว่าเป็นหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของเขาที่รับบทพระเอก หลังจากออกฉายก็สามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิสสหรัฐอเมริกา นานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
หลี่ เริ่มประสบปัญหาในการแสดงภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด สาเหตุจากหนังฮอลลีวู้ดใช้เวลาในการถ่ายทำค่อนข้างนานเป็นปีต่อเรื่อง เทียบกับหนังฮ่องกง หรือ หนังฝั่งยุโรป ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำเพียงสามหรือสี่เดือนต่อเรื่องเท่านั้น
ในปี 2001 หลี่ จึงตัดสินใจไปแสดงหนังให้กับค่ายหนังฝั่งยุโรป มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon (2001) โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับลุค เบซอง ผู้อำนวยการสร้างชาวฝรั่งเศส ร่วมแสดงกับ บริดเจต ฟอนดา และ เชกี คาร์โย ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น - ไซไฟ เรื่อง The One (2001) อีกทั้ง หลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง Icon Production สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ (Pilot) แนวกำลังภายใน เรื่อง Invincible (2001) ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก
ในปี 2003 หลี่ กลับมาทำงานในฮอลลีวู้ด รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ ดีเอ็มเอ็กซ์ ใน Cradle 2 the Grave (2003) ผู้อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ และผู้กำกับ แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก จาก Romeo Must Die (2000) โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาวไต้หวัน ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดงคิกบ็อกซิงอย่าง มาร์ค ดาคาสคอส เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิสในสัปดาห์แรกของการฉายในสหรัฐอเมริกา
ในปี 2005 หลี่ กลับทำงานในฝั่งยุโรปอีกรอบ ร่วมงานกับ ลุค เบซอง อีกครั้ง ในเรื่อง Danny the Dog หรืออีกชื่อ Unleashed (2005) ร่วมแสดงกับ มอร์แกน ฟรีแมน, บ็อบ ฮอสกินส์ และ เคอร์รี คอนด็อน ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี
ในปี 2007 หลี่ ได้ร่วมงานกับ เจสัน สเตแธม นักแสดงแอ็คชั่นชื่อดังของโลกชาวอังกฤษ ในภาพยนตร์เรื่อง War หรืออีกชื่อ Rogue Assassin (2007)
ในปี 2008 หลี่ กลับมาทำงานให้ฮอลลีวู้ดอีกครั้ง มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ The Forbidden Kingdom ด้วยทุนสร้าง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงกังฟูชื่อดังอย่าง เฉินหลง เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง ไซอิ๋ว มาบางส่วน ผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับภาพ) , หยวนวูปิง (ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้) และนักแสดงอย่าง หลิว อี้เฟย์, หลี่ ปิงปิง, คอลลิน โชว และไมเคิล แองการาโน และภาพยนตร์ภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) ร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น หยาง จื่อฉยง และ หวง ชิวเซิน พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง เบรนแดน เฟรเซอร์, มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์
ในปี 2010 หลี่ก็ร่วมแสดงนำในหนังแอ็คชันรวมดาราอาวุโสแห่งยุค 80s เรื่อง The Expendables (2010) โดยประกบคู่กับนักแสดงอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, เจสัน สเตธัม, ดอล์ฟ ลุนด์เกรน, มิกกีย์ รูร์ก, สตีฟ 'สโตน โคล' ออสติน, แรนดี้ เคาท์เชอร์, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์
ภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้[แก้]
หลี่ กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Hero (2002) หนังจีนแผ่นดินใหญ่ทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับโดย จางอี้โหมว นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง เหลียง เฉาเหว่ย, จาง ม่านอวี้, เฉิน เตาหมิง, จาง จื่ออี๋ และ เจิน จื่อตัน โดยเฉพาะ เจิ้น จื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน หวง เฟยหง ภาค 2 หรือ Once Upon a Time in China II (1992) และภาพยนตร์เรื่อง Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากนั้น หลี่ ก็กลับมาแสดงหนังกำลังภายในเรื่องเยี่ยมอย่าง Fearless (2006) โดยเรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและอำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu) ทุนสร้าง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของฮั่วหยวนเจี๋ย ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังกำลังภายในเรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่วเอเชีย และยังสามารถทำรายได้ไปพอสมควรในสหรัฐอเมริกา และมีดาราภาพยนตร์ชาวไทยที่มีโอกาสร่วมแสดงกับหลี่ คือ สมรักษ์ คำสิงห์ (นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก) ในภาพยนตร์ชุดดังกล่าว
ปี 2007 หลี่ ได้มีส่วนร่วมในหนังมหากาพย์สงครามย้อนยุคเรื่อง The Warlords (2007) หรือ สามอหังการ์ เจ้าสุริยา หนังรีเมคภาพยนตร์เรื่อง Blood Brothers (1973) ของ จางเชอะ ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน ร่วมแสดงกับ หลิว เต๋อหัว และ ทาเคชิ คาเนชิโร ทุนสร้าง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังกำลังภายในอย่างที่เข้าใจกัน และเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้าย ในตอนท้ายเรื่องของหนัง ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีน ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ยังคว้าตุ๊กตาทองฮ่องกง ครั้งที่ 27 มาได้ถึง 8 รางวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คือ หลี่ เหลี่ยนเจี๋ย นั่นเอง
หลี่ ได้ร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์รวมชาติจีน ในเรื่อง The Founding of a Republic (2009) หรือ มังกรสร้างชาติ และรับบทนำในหนังดราม่าเรื่อง Ocean Heaven (2010) หนังเล็กๆทุนสร้าง 7 ล้านหยวน โดยรับบทเป็นพนักงานในสวนน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ซึ่งถือเป็นงานแสดงดราม่าเต็มตัวครั้งแรก โดยที่ไม่มีฉากแอ็คชั่นในหนังสักฉากเดียว
เกม[แก้]
บุคลิกของหลี่ได้ถูกนำไปเป็นตัวละครในเกมมาแล้ว โดยเกมนี้มีชื่อว่า Rise to Honor ผลิตโดย Sony Computer Entertainment America โดยเรื่องราวในเกมอ้างอิงเนื้อเรื่องในหนังแอ๊คชั่นของหลี่ และหลี่ยังเป็นผู้ให้เสียงกับตัวละครของเขาในเกม และได้หยวน ขุย (Corey Yuen) ผู้กำกับคิวบู๊คู่หูมาทำหน้าที่ออกแบบท่าทางต่อสู้ในเกมอีกด้วย วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และในแถบยุโรปเดือนเมษายน 2004 จำหน่ายในรูปแบบเพลย์สเตชัน 2 เท่านั้น
ผลงานภาพยนตร์[แก้]
มีการเสนอว่า บทความนี้หรือส่วนนี้ควรแยกเป็นบทความใหม่ชื่อ ผลงานด้านภาพยนตร์ของหลี่ เหลียนเจี๋ย (อภิปราย) |
อ้างอิง[แก้]
- จอมคนผงาดโลก: เจ็ท ลี / หมิงซิงคลับ โดย ผู้จัดการออนไลน์
- เจ็ต ลี-เฉินหลง เปิดตัวหนัง THE FORBIDDEN KINGDOM โดย สำนักข่าวไทย
- แห่กรี๊ดส์ เจ็ต ลี - พี่หลิว แอนด์ ทาเคชิ ถึงไทยขายหนัง yenta4.com
- สมรักษ์ ซัด เจ็ท ลี น่วม กลางกองถ่าย ฮั่วหยวนเจี่ย hunsa.com
- "เจ็ท ลี" ประกาศงดรับงานแสดง ตั้งใจทุ่มสุดตัวให้งานกุศล blike.net
- "เจ็ทลี" ท้อ ทำกี่เรื่องก็โดนจีนแบน kratookfilm.com
หนังสืออ่านเพิ่ม[แก้]
- Ducker, Chris, and Stuart Cutler. The HKS Guide to Jet Li. London: Hong Kong Superstars, 2000.
- Marx, Christy. Jet Li. Martial Arts Masters. Rosen Publishing Group, 2002. ISBN 0823935191.
- Parish, James Robert. Jet Li: A Biography. New York: Thunder's Mouth Press, 2002. ISBN 1560253762.
- Farquhar, M.(2010) ‘Jet Li: "Wushu Master" in Sport and Film’ in Jeffreys, Elaine. & Edwards, Louise (eds.), Celebrity in China, Hong Kong University Press, Hong Kong pp. 103–124. ISBN 9622090885
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: หลี่ เหลียนเจี๋ย |