ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จารึกพ่อขุนรามคำแหง"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ |
|||
บรรทัด 13: | บรรทัด 13: | ||
'''จารึกพ่อขุนรามคำแหง'''<ref name="sac"/> หรือ '''จารึกหลักที่ 1'''<ref name="sac"/> เป็น[[ศิลาจารึก]]ที่[[บันทึกเหตุการณ์]][[ประวัติศาสตร์]]สมัย[[กรุงสุโขทัย]] ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]) ขณะผนวชอยู่เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จ.ศ. 1214 ตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1834 หรือ พ.ศ. 2376<ref>{{cite web|title=17 มกราคม วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช|url=http://www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/pday.htm|publisher=มหาวิทยาลัยรามคำแหง|accessdate=17 มกราคม 2555}}</ref> ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย [[อำเภอเมืองสุโขทัย]] [[จังหวัดสุโขทัย]] มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด<ref name="sac"/> มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่[[พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร]] [[กรุงเทพมหานคร]] |
'''จารึกพ่อขุนรามคำแหง'''<ref name="sac"/> หรือ '''จารึกหลักที่ 1'''<ref name="sac"/> เป็น[[ศิลาจารึก]]ที่[[บันทึกเหตุการณ์]][[ประวัติศาสตร์]]สมัย[[กรุงสุโขทัย]] ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือ[[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]) ขณะผนวชอยู่เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จ.ศ. 1214 ตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1834 หรือ พ.ศ. 2376<ref>{{cite web|title=17 มกราคม วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช|url=http://www.info.ru.ac.th/province/sukhotai/pday.htm|publisher=มหาวิทยาลัยรามคำแหง|accessdate=17 มกราคม 2555}}</ref> ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย [[อำเภอเมืองสุโขทัย]] [[จังหวัดสุโขทัย]] มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด<ref name="sac"/> มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่[[พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร]] [[กรุงเทพมหานคร]] |
||
เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่หนึ่ง บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติ |
เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่หนึ่ง บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติ<ref name="sac">[http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=47 จารึกพ่อขุนรามคำแหง]. ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้น 10 เมษายน 2557.</ref>นหัวใจของชาตินิยมไทย และ[[ไมเคิล ไรท์]] นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้[[ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย|กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ]]ของไทย<ref>''Seditious Histories: Contesting Thai and Southeast Asian Pasts'', by Craig J. Reynolds. University of Washington Press, 2006, p. vii</ref> |
||
จารึกได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น[[มรดกความทรงจำแห่งโลก]]เมื่อปี พ.ศ. 2546<ref name="unesco">[http://www.unesco.org/new/en/communication-and-information/flagship-project-activities/memory-of-the-world/register/full-list-of-registered-heritage/registered-heritage-page-8/the-king-ram-khamhaeng-inscription/ The King Ram Khamhaeng Inscription]. UNESCO</ref> โดย[[ยูเนสโก]]บรรยายว่า "[จารึกนี้] นับเป็นมรดกเอกสารชิ้นหลักซึ่งมีความสำคัญระดับโลก เพราะให้ข้อมูลอันทรงค่าว่าด้วยแก่นหลักหลายประการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลก ไม่เพียงแต่บันทึกการประดิษฐ์อักษรไทยซึ่งเป็นรากฐานแห่งอักษรที่ผู้คนหกสิบล้านคนใช้อยู่ในประเทศไทยปัจจุบัน การพรรณนาสุโขทัยรัฐไทยสมัยศตวรรษที่ 13 ไว้โดยละเอียดและหาได้ยากนั้นยังสะท้อนถึงคุณค่าสากลที่รัฐทั้งหลายในโลกทุกวันนี้ร่วมยึดถือ"<ref name="unesco"/> |
|||
มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อถือได้ของบางส่วนหรือทั้งหมดของศิลาจารึกดังกล่าว<ref>[http://www.nationmultimedia.com/search/page.arcview.php?clid=2&id=85194&usrsess= Centuries-old stone set in controversy], ''[[The Nation (Thailand)|The Nation]]'', Sep 8, 2003</ref> พิริยะ ไกรฤกษ์ นักวิชาการที่สถาบันไทยคดีศึกษา ออกความเห็นว่า การใช้สระในศิลาจารึกนี้แนะว่าผู้สร้างได้รับอิทธิพลมาจากระบบพยัญชนะยุโรป เขาสรุปว่าศิลาจารึกนี้ถูกบางคนแต่งขึ้นในรัชกาลที่ 4 หรือไม่นานก่อนหน้านั้น<ref>''The Ramkhamhaeng Controversy: Selected Papers''. Edited by James F. Chamberlain. The Siam Society, 1991</ref> นักวิชาการเห็นต่างกันในประเด็นว่าด้วยความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้ ผู้ประพันธ์บางคนอ้างว่ารอยจารึกนั้นเป็นการแต่งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งหมด บ้างอ้างว่า 17 บรรทัดแรกนั้นเป็นจริง บ้างอ้างว่ารอยจารึกนั้น[[พระยาลือไทย]]ทรงแต่งขึ้น นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ยังยึดถือความน่าเชื่อถือของศิลาจารึกนี้<ref name="National Myth 2003">''Intellectual Might and National Myth: A Forensic Investigation of the Ram Khamhaeng Controversy in Thai Society'', by Mukhom Wongthes. Matichon Publishing, Ltd. 2003.</ref> รอยจารึกดังกล่าวและภาพลักษณ์ของสังคมสุโขทัยในจินตนาการยังเป็นหัวใจของชาตินิยมไทย และ[[ไมเคิล ไรท์]] นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้[[ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย|กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ]]ของไทย<ref>''Seditious Histories: Contesting Thai and Southeast Asian Pasts'', by Craig J. Reynolds. University of Washington Press, 2006, p. vii</ref> |
|||
ส่วนจิราภรณ์ อรัณยะนาค เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4<ref> http://www.lib.ru.ac.th/pk/extract3.html จารึกพ่อขุนรามคำแหง "ไม่ปลอม" : จากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ </ref> |
ส่วนจิราภรณ์ อรัณยะนาค เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4<ref> http://www.lib.ru.ac.th/pk/extract3.html จารึกพ่อขุนรามคำแหง "ไม่ปลอม" : จากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ </ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:06, 7 มิถุนายน 2564
จารึกพ่อขุนรามคำแหง * | |
---|---|
ความทรงจำแห่งโลกโดยยูเนสโก | |
จารึกพ่อขุนรามคำแหง | |
ที่เก็บรักษา | พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร |
ประเทศ | ไทย |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
อ้างอิง | [1] |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2546 |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีความทรงจำแห่งโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
จารึกพ่อขุนรามคำแหง[1] หรือ จารึกหลักที่ 1[1] เป็นศิลาจารึกที่บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สมัยกรุงสุโขทัย ศิลาจารึกนี้ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ขณะผนวชอยู่เป็นผู้ทรงค้นพบเมื่อวันกาบสี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จ.ศ. 1214 ตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1834 หรือ พ.ศ. 2376[2] ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเป็นหลักสี่เหลี่ยมด้านเท่า ทรงกระโจม สูง 111 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินทรายแป้งเนื้อละเอียด[1] มีจารึกทั้งสี่ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
เนื้อหาของจารึกแบ่งได้เป็นสามตอน ตอนที่หนึ่ง บรรทัดที่ 1 ถึง 18 เป็นการเล่าพระราชประวัติ[1]นหัวใจของชาตินิยมไทย และไมเคิล ไรท์ นักวิชาการชาวอังกฤษ เสนอแนะว่าศิลาจารึกดังกล่าวอาจถูกปลอมขึ้น ทำให้เขาถูกขู่ด้วยการเนรเทศภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย[3]
ส่วนจิราภรณ์ อรัณยะนาค เขียนบทความแสดงทัศนะว่า ศิลาจารึกหลักที่ 1 ได้ผ่านกระบวนการสึกกร่อนผุสลายมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ใกล้เคียงกับศิลาจารึกหลักที่ 3 หลักที่ 45 และหลักที่กล่าวถึงชีผ้าขาวเพสสันดร ไม่ได้ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4[4]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 จารึกพ่อขุนรามคำแหง. ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้น 10 เมษายน 2557.
- ↑ "17 มกราคม วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช". มหาวิทยาลัยรามคำแหง. สืบค้นเมื่อ 17 มกราคม 2555.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Seditious Histories: Contesting Thai and Southeast Asian Pasts, by Craig J. Reynolds. University of Washington Press, 2006, p. vii
- ↑ http://www.lib.ru.ac.th/pk/extract3.html จารึกพ่อขุนรามคำแหง "ไม่ปลอม" : จากมุมมองของนักวิทยาศาสตร์