พายุไต้ฝุ่นทุเรียน (พ.ศ. 2549)
![]() พายุไต้ฝุ่นทุเรียนขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 |
เหลือน้อย | 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549 |
สลายตัว | 6 ธันวาคม พ.ศ. 2549 |
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | 1,497 ราย |
ความเสียหาย | $580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2549 USD) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | แยป, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, ไทย, มาเลเซีย, อินเดีย, หมู่เกาะอันดามัน |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2549 |
พายุไต้ฝุ่นทุเรียน (อักษรโรมัน: Durian)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นเรมิง (ตากาล็อก: Reming)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 2549 และเป็นภัยพิบัติพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากในประเทศฟิลิปปินส์ พายุไต้ฝุ่นทุเรียนเป็นเหตุให้มีประชาชนหลายหมู่บ้านเสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากโคลนถล่มที่ภูเขาไฟมายอน พายุได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประมาณ 200,000 หลัง บ้านเรือนอีกประมาณ 34,000 หลัง และโรงเรียนประมาณ 850 แห่ง ได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก เรือประมาณ 800 ลำ ได้จมลงสู่ทะเล และมีความสูญเสียในการดำรงชีวิตอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่สุดในจังหวัดบิ่ญถ่วน หวุงเต่า จังหวัดเบ๊นแจ และจังหวัดหวิญล็อง รวมถึงนครโฮจิมินห์[1] พายุได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 1,399 ราย ในประเทศฟิลิปปินส์[2] พายุไต้ฝุ่นทุเรียนเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกที่ 24, พายุโซนร้อนลูกที่ 23 และพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 14 ในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2549 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ใกล้ชุก พายุตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสันเขาพายุติดตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือผ่านบริเวณที่มีลมเฉือนต่ำ และเสริมกำลังความรุนแรงของลมเกิดขึ้นในช่วงสองวันต่อมาขณะที่พายุเข้าใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากเข้าสู่สถานะพายุไต้ฝุ่นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และปิดท้ายด้วยความเร็วลมสูงสุด 10 นาทีที่ความเร็วลมสูงสุด 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (130 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.58 นิ้วของปรอท) วันต่อมาพายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้กลายเป็นพายุโซนร้อนที่เคลื่อนตัวพัดไปทางตะวันตกเฉียงใต้ และเคลื่อนตัวพัดถล่มทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามโดยเป็นพายุโซนร้อนก่อนที่จะอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน พายุได้เคลื่อนตัวหันไปทางทิศตะวันตกอีกครั้ง และข้ามคาบสมุทรมลายูไปในที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลกผูกกับพายุไต้ฝุ่นยางิในปี พ.ศ. 2549 อีกด้วย
ปลายเดือนตุลาคมพายุไต้ฝุ่นซีมารอนกลายเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดลูกหนึ่งที่เคลื่อนตัวเข้าเกาะลูซอน อย่างไรก็ตาม ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง และมีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตค่อนข้างน้อย น้อยกว่าสามสัปดาห์ต่อมา พายุไต้ฝุ่นเชบีเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่คล้ายคลึงกันกับพายุไต้ฝุ่นซีมารอน แม้ว่าจะมีขนาดที่เล็กทำให้เกิดความเสียหายได้ค่อนข้างจำกัด พายุไต้ฝุ่นทุเรียนจะกลายเป็นพายุลูกที่ 4 ของพายุที่ส่งผลกระทบถึงประเทศฟิลิปปินส์ ในเดือนธันวาคมพายุไต้ฝุ่นอูตอร์ ซึ่งเป็นพายุที่อ่อนแอที่สุดในห้า และเดินตามทางตอนใต้มากกว่า
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งครั้งแรกที่ประเทศฟิลิปปินส์มีลมแรง ฝนตกหนัก และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อยประมาณ 720 ราย ในประเทศฟิลิปปินส์[3] ความเสียหายส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่จังหวัดอัลไบ ซึ่งพายุได้สร้างโคลนถล่มจากขี้เถ้าภูเขาไฟ และก้อนหินจากภูเขาไฟมายอนที่บารังไก เลกัซปีได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองที่ปกคลุมไปด้วยโคลนจนถึงหลังคาบ้านเรือน พายุได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณกว่า 200 ราย ในประเทศ และสร้างความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 5.9 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ (150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากนั้นก็เข้าสู่ทะเลจีนใต้ และอ่อนกำลังลงเล็กน้อย ก่อนที่จะทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง และขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามใกล้กับนครโฮจิมินห์ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยประมาณ 81 ราย และมีผู้สูญหายอีกประมาณ 16 ราย จากคลื่นลมแรง[4] พายุไต้ฝุ่นทุเรียนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,497 ราย และมีผู้สูญหายมากกว่าประมาณ 100 ราย มูลค่าความเสียหายโดยรวมอย่างน้อยประมาณ 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 4][5]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
[แก้]
พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม



ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน
- วันที่ 24 พฤศจิกายน สภาพอากาศแปรปรวนเริ่มก่อตัวขึ้นในทางตะวันออกเฉียงใต้ของชูก ประเทศไมโครนีเชีย ลมเฉือนใกล้กับสภาพอากาศแปรปรวนลดลงในไม่ช้า จึงทำให้หย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวได้เล็กน้อย
- วันที่ 25 พฤศจิกายน หย่อมความกดอากาศต่ำได้ถูกประกาศให้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 5] และต่อมาในวันนั้น ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 6] ได้เริ่มประกาศออกเตือนว่าพายุดีเปรสชันเขตร้อนมีการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่แยป พายุดีเปรสชั่นเขตร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องมาจากอุณหภูมิสูงบนพื้นผิวทะเล มีเมฆที่มีความกดอากาศสูง และมีการไหลออกของแอนไทไซโคลน
- วันที่ 26 พฤศจิกายน ตามรายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนก่อตัวทางตะวันออกของแยป ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกวม พายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกในตอนบ่าย และได้ถูกตั้งชื่อว่า ทุเรียน
- วันที่ 27 พฤศจิกายน การเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อนทุเรียนจากทางทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พายุโซนร้อนทุเรียนได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างช้า ๆ จนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และในวันต่อมาพายุลูกนี้ได้ถูกตั้งชื่อ เรมิง โดยสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) เมื่อมันเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์
- วันที่ 28 พฤศจิกายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนกำลังแรงทุเรียนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นขณะที่มันยังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ และพายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 4
- วันที่ 29 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ทางสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) แจ้งว่าพายุไต้ฝุ่นมีความเร็วลมถึง 100 นอต ในระดับความรุนแรงของลม ด้วยความเร็วลมสูงสุด 10 นาทีที่ความเร็วลมสูงสุด 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (130 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศต่ำสุดกลางของ 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.58 นิ้วของปรอท) ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้จัดระดับโดยใช้เทคนิคดีโวรัก เทคนิคว่าอยู่ในระดับ 7.0 (140 นอต) จากดาวเทียม ใน 6 ชั่วโมง พายุไต้ฝุ่นทุเรียนทวีความรุนแรงจาก 90 นอต ถึง 140 นอต จากนั้นศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมคาดการณ์ว่าจะขึ้นฝั่งโดยตรงมากกว่าเมโทรมะนิลาในวันนั้นเองที่พายุได้ยกระดับพายุเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 พายุไต้ฝุ่นทุเรียนอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง แต่ก็กลับทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนขณะมีกำลังแรงสูงสุดอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549
- วันที่ 30 พฤศจิกายน สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) รายงานว่าพายุไต้ฝุ่นทุเรียนขึ้นฝั่งในตอนเช้าทางตอนใต้ของจังหวัดคาตันดัวเนส โดยมีลมกระโชกแรงเป็นประวัติการณ์ที่ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (200 ไมล์ต่อชั่วโมง) ถึงแม้ว่าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ก็ตาม พายุไต้ฝุ่นทุเรียนยังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในที่อื่นอีกหลังพัดข้ามอ่าวลาโกนอยในทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดอัลไบ หลังจากนั้นพายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้อ่อนกำลังลง ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมได้ลดระดับให้พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 กลับเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 4 อีกครั้ง พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้เคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ขึ้นแผ่นดินที่คาบสมุทรบอนดอคในจังหวัดเกซอน จังหวัดมารินดูเก และที่สุดท้ายที่จังหวัดโอเรียนตัลมินโดโรก่อนเคลื่อนตัวไปทางทะเลจีนใต้
- วันที่ 1 ธันวาคม พายุไต้ฝุ่นทุเรียนมีการอ่อนกำลังลงเล็กน้อยเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งในเขตบีโคล ปฏิสัมพันธ์ทางบกทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของพายุ แม้ว่าจะยังคงมีสถานะเป็นพายุไต้ฝุ่นอยู่เหนือทะเลจีนใต้
- วันที่ 3 ธันวาคม จากการเผชิญหน้ากับอากาศแห้ง และลมเฉือนแนวดิ่ง ทำให้พายุไต้ฝุ่นทุเรียนอ่อนกำลังลงเล็กน้อยแต่ก็กลับทวีความรุนแรงอย่างช้า ๆ เป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเข้าใกล้ประเทศเวียดนาม พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้เปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันตกเฉียงใต้เล็กน้อยเข้าสู่ญาจาง และนครโฮจิมินห์ จนในที่สุดพายุไต้ฝุ่นทุเรียนก็อ่อนกำลังอีกครั้ง
- วันที่ 4 ธันวาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง พายุยังคงความรุนแรงเคลื่อนที่เลียบชายฝั่งประเทศเวียดนามไปทางตะวันตกเฉียงใต้ และได้ลดระดับลงเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) เมื่อเวลาประมาณ 11:00 น. (04:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) หลังจากทวีความรุนแรงได้ชั่วครู่ พายุไต้ฝุ่นทุเรียนก็ขึ้นฝั่งครั้งสุดท้ายที่จังหวัดเบ๊นแจ
- วันที่ 5 ธันวาคม พายุโซนร้อนกำลังแรงทุเรียนก่อนจะอ่อนกำลังอย่างรวดเร็วสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นและศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานครั้งสุดท้ายว่าพายุโซนร้อนทุเรียนจะเข้าสู่อ่าวไทย และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นเขตร้อนได้พัดข้ามภาคใต้ของประเทศไทยเคลื่อนตัวสู่อ่าวเบงกอล
- วันที่ 6 ธันวาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้หยุดติดตามพายุเมื่อเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก แม้ว่าศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ยังคงติดตามพายุนี้ผ่านอ่าวเบงกอล พายุดีเปรสชั่นเขตร้อนกลายเป็นพายุหมุนหลังเขตร้อนก่อนที่จะสลายไปในที่สุดในอีกสองวันต่อมานอกชายฝั่งรัฐอานธรประเทศ ประเทศอินเดีย
การเตรียมการ
[แก้]ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้เคลื่อนตัวเข้าพัดเขตบีโคลครั้งแรกนั้น ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอน และได้รับผลกระทบจากพายุหมุนเขตร้อนเฉลี่ย 8.4 ลูกต่อปี[8] ก่อนที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนจะสร้างความเสียหายให้กับแผ่นดินในประเทศฟิลิปปินส์ สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ได้ออกคำเตือนพายุหมุนเขตร้อนต่าง ๆ รวมถึงสัญญาณเตือนภัยพายุสาธารณะสำหรับจังหวัดคาตันดัวเนส จังหวัดอัลไบ จังหวัดคามารีเนสซูร์ และจังหวัดอีโลโคสนอร์เต นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยสูงสุด ซึ่งคาดว่าจะมีความเร็วลมมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง)[9] ปากาซาปิดเรดาร์ตรวจอากาศในบีรักเพื่อป้องกันความเสียหาย[10] สภาประสานงานด้านภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์และคำแนะนำเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เลวร้าย[11] และโดยรวม 25 จังหวัด ในหมู่เกาะได้รับการแจ้งเตือนพายุหมุนเขตร้อน ผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่เตือนภัยได้รับคำแนะนำว่าอาจมีคลื่นพายุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม[12]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนที่คุกคามอย่างรุนแรงทำให้ผู้คนกว่า 1.3 ล้านคน ต้องอพยพออกจากบ้าน ซึ่งหลายคนอยู่ในที่พักพิง 909 คน เจ้าหน้าที่แนะนำผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่ำให้แสวงหาพื้นที่ที่สูงขึ้น ชั้นเรียนของโรงเรียนในซอร์โซโกนซิตี และทางเหนือและตะวันออกของจังหวัดซามาร์ถูกระงับ[13] และอาคารหลายหลังถูกเปิดขึ้นเพื่อเป็นที่หลบภัยของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน ในเมืองนากาประชาชนประมาณ 1,500 คน ออกจากที่พักพิงฉุกเฉิน มีการอพยพ 1,000 คน ออกจากที่อื่นในภูมิภาค รวมทั้ง 120 คน ในเมืองหลวงของมะนิลาและอีกกว่า 800 คน ในเลกัซปี ภัยคุกคามจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียนทำให้บริการเรือข้ามฟาก รถบัส สายการบินถูกยกเลิก และผู้คนหลายพันคนติดค้างอยู่หลายวัน การขนส่งทั้งหมดถูกระงับในเขตมีมาโรปา[14] หน่วยยามฝั่งของประเทศฟิลิปปินส์สั่งกักบริเวณเรือทุกลำในน่านน้ำเปิด ผู้โดยสารเรือข้ามฟากประมาณ 4,000 คน อยู่ในจังหวัดเกซอน[15]
ประเทศเวียดนาม
[แก้]
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ขณะที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนพัดถล่มประเทศฟิลิปปินส์ คณะกรรมการกลางเพื่อควบคุมอุทกภัยจากพายุ คณะกรรมการค้นหา และกู้ภัยแห่งชาติ ได้ส่งโทรเลขเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นดังกล่าวให้ทีมค้นหา และกู้ภัยประจำการตามชายฝั่งทั้งหมดของประเทศเวียดนาม จังหวัดกว๋างนิญ ก่าเมา และทุกจังหวัดตามแนวทะเลจีนใต้ได้รับคำแนะนำให้ช่วยเหลือเรือประมาณ 14,585 ลำ ในเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[16] เรือทั้งหมดถูกห้ามไม่ให้ออกจากท่าเรือในเวลาต่อมา[17] ประเทศเวียดนามได้อพยพผู้คนหลายหมื่นคนในทั้งสองภูมิภาคในจังหวัดบิ่ญดิ่ญ และตอนกลาง ผู้คนมากกว่า 6,400 คน ได้รับการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โรงเรียนบางแห่งถูกปิด และยังได้ร้องขอไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่ออนุญาตให้ชาวประมงเวียดนามลี้ภัยในท่าเรือของตน[18]
ได้ประกาศเตือนลมแรงถึงประชาชนระหว่างจังหวัดฟู้เอียน และจังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่า ภายในวันที่ 2 ธันวาคม พื้นที่เหล่านี้ เช่นเดียวกับจังหวัดภายในประเทศ ได้แก่ จังหวัดดั๊กลัก จังหวัดเลิมด่ง และจังหวัดบิ่ญเฟื้อก ได้เปลี่ยนเส้นทางทั้งหมดให้มุ่งเน้นไปที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียน และศักยภาพของน้ำท่วมฉับพลันที่คุกคามชีวิต[19] คำสั่งอพยพสำหรับจังหวัดทางตอนใต้ออกในวันที่ 3 ธันวาคม โดยรองนายกรัฐมนตรี เหงียน ซิน หุ่ง กล่าวว่า "การอพยพจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 ธันวาคม" บ้านจำนวนมากไม่ใส่ใจคำเตือนเนื่องจากสภาพอากาศก่อนหน้าพายุสงบ ในจังหวัดนิญถ่วนประมาณ 6,800 คน ปฏิบัติตามคำสั่งอพยพ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ขอความช่วยเหลือจากกองทัพเวียดนามในการย้ายถิ่นฐานประมาณ 90,000 คน[20] ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางตอนใต้อย่างไม่คาดคิดในเส้นทางของพายุไปยังดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ภายหลังได้กระตุ้นให้ผู้อยู่อาศัย และเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมสำหรับพายุเช่นนั้น "ทุกจังหวัดควรเตรียมพร้อมเพื่อที่เราจะไม่เหมือนพายุไต้ฝุ่นลินดาอีก"[21]
ผลกระทบ
[แก้]แยป
[แก้]ในช่วงเริ่มต้นของพายุที่ทำให้เกิดลมพัดเบา ๆ บนแยปในหมู่เกาะแคโรไลน์โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ กิโลเมตรต่อชั่วโมง (35 ไมล์ต่อชั่วโมง) รวมทั้งมีฝนตกเล็กน้อยรวมประมาณ 52 มิลลิเมตร (2.0 นิ้ว) ก่อนเกิดพายุ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในกวม (NWS Guam) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับพายุโซนร้อนสำหรับเกาะต่าง ๆ ในแยป[22]
ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 3.5 ล้านคน ในประเทศฟิลิปปินส์ และผู้คนประมาณ 120,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัย[23] บ้านเรือนประมาณ 588,037 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนที่สร้างจากไม้ได้รับความเสียหายไปประมาณ 228,436 หลัง โรงเรียนประมาณ 5,685 แห่ง ได้รับความเสียหาย และประเมินความเสียหายในเขตบีโคลคิดเป็น 79 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ประมาณ 63.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ของโรงเรียนที่เสียหายส่งผลกระทบต่อเด็กประมาณ 357,400 คน และมูลค่าความเสียหายอยู่ประมาณประมาณ 5.45 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ (110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 734 ราย และมีผู้สูญหายประมาณ 762 ราย ในวันที่ 27 ธันวาคม[24] ฐานข้อมูลภัยพิบัติระหว่างประเทศระบุว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,399 ราย ในประเทศฟิลิปปินส์ที่เกี่ยวข้องกับพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[25] จึงทำให้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี พ.ศ. 2549 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวในยกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย[26]
ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ทำให้เกิดลมแรง และฝนตกหนัก พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ลดปริมาณน้ำฝนไปประมาณ 466 มิลลิเมตร (18.3 นิ้ว) มีรายงานว่าเกิดน้ำท่วมที่เลกัซปี จังหวัดอัลไบ ใน 24 ชั่วโมง[27] และเกิดโคลนถล่มที่ภูเขาไฟมายอน[28] รวมปริมาณน้ำฝนทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 135 มิลลิเมตร (5.3 นิ้ว) ในเขตบีโคลรวม 24 ชั่วโมง และสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ฝนตกหนักทำให้แม่น้ำ และคลองชลประทานล้นตลิ่ง ลำธารเล็ก ๆ จำนวนมากถูกน้ำท่วมในเขตบีโคล ลมกระโชกแรงสูงประมาณ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ขณะที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนกำลังเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ จึงทำให้เกิดไฟฟ้าดับในจังหวัดอัลไบ จังหวัดซอร์โซโกน จังหวัดคามารีเนสซูร์ และจังหวัดคามารีเนสนอร์เต ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยหลายหมื่นคน การสื่อสารที่หยุดชะงักได้ป้องกันรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด[29] ผลกระทบจากพายุที่เลวร้ายที่สุดอยู่ในจังหวัดอัลไบ จังหวัดคามารีเนสซูร์ จังหวัดคาตันดัวเนส มินโดโร และจังหวัดเกซอน[30]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนักไปครึ่งหนึ่งในบีรัก จังหวัดคาตันดัวเนส ลมพายุได้พัดบ้านเรือน และต้นไม้ที่ถูกถอนรากถอนโคน ต้นไม้ทุกต้นในบารังไกได้โค่นล้มลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านครึ่งหนึ่งทั่วประเทศ นาข้าวประมาณ 30,000 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไร่ข้าวโพดคิดเป็น 65,481 ตัน และข้าวประมาณ 19,420 ตัน ได้รับความเสียหายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม พืชผลได้รับการเก็บเกี่ยวแล้ว ดังนั้นผลกระทบทางการเกษตรของพายุ จึงมีน้อย พายุยังทำให้เรือประมงประมาณ 1,200 ลำ ได้รับความเสียหาย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมประมงในท้องถิ่น และมีปศุสัตว์จำนวนมากได้ตายลง[31] ศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติประเทศฟิลิปปินส์ได้สรุปความเสียหายออกมาว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,086 ราย และไร้ที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 1.14 ล้านคน ความเสียหายด้านทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่าประมาณ 274 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ภูเขาไฟมายอน
[แก้]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนเคลื่อนตัวผ่านใกล้ภูเขาไฟมายอนในขณะที่กระทบเขตบีโคลในพื้นที่ภูเขากระบวนการยกตัว เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่ทำให้เกิดปริมาณน้ำฝนที่หนักกว่าบริเวณใกล้ชายฝั่งโดยอาจสูงถึงประมาณ 600 มิลลิเมตร (24 นิ้ว) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ฝนตกหนักมาก และเป็นเวลานานทำให้ดินอิ่มตัว โคลนภูเขาไฟเป็นประเภทของดินถล่มที่เกิดจากขี้เถ้าภูเขาไฟทำให้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตามแนวขอบด้านใต้ และทางตะวันออกของภูเขาไฟมายอน ซึ่งทำให้เกิดชั้นขี้เถ้าในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 โคลนภูเขาไฟได้ทำให้เขื่อนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และเขื่อนที่มีจุดประสงค์เพื่อกักเก็บเศษซากจากกระแสน้ำ ซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันดินถล่มครั้งใหญ่ และมีการออกคำเตือนสำหรับโคลนภูเขาไฟที่อาจเกิดขึ้น แต่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วของการไหลของเศษซาก และเกิดไฟฟ้าดับทำให้ประชาชนไม่ได้รับคำเตือนที่เพียงพอ โคลนภูเขาไฟถูกกักโดยทุ่งหญ้า แม้ว่าธรรมชาติที่ไม่เสถียรของดินภูเขาไฟจะทำให้พื้นที่ถล่มภายใน 21 นาที โคลนภูเขาไฟไหลลงมาจากภูเขาไฟมายอนได้ครอบคลุมชุมชนประมาณ 6 แห่ง อย่างรวดเร็ว หลังจากโคลนภูเขาไฟ และขี้เถ้าไหลลงสู่มหาสมุทรทางตอนเหนือของภูเขาไฟมายอน พื้นที่รอบภูเขาไฟถูกน้ำท่วมประมาณ 1.5 เมตร และยังมีรายงานว่าน้ำท่วมอย่างกว้างขวางในเลกัซปี
ทางตอนเหนือของเลกัซปีมีขี้เถ้าไหลปกคลุม หรือเสียหายบางส่วนของทางหลวงสายแพน-ฟิลิปปินส์ในบารังไก หรือเมืองเล็ก ๆ ของไมปอน กีโนบาตัน ลำธารที่อยู่ใกล้เคียงรวมกันเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยน้ำโคลน ดินถล่มมาถึงอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้บ้านเรือนถูกดินถล่มพัดพาไป และหลายรายเสียชีวิตในขณะที่พยายามข้ามไปยังที่สูง สภาพที่คล้ายคลึงกันส่งผลกระทบต่อดารากาที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 149 ราย รอบ ๆ เมืองนั้น ดินถล่มได้ลึกถึง 2 เมตร และกว้าง 307 เมตร ซึ่งเพียงพอที่จะครอบคลุมอาคาร 3 ชั้น ในขณะที่น้ำท่วมได้ขยายแม่น้ำยาวาที่อยู่ใกล้เคียง 600 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณกว่า 1,000 ราย และครอบครัวประมาณ 13,000 ครัวเรือน ต้องอพยพออกจากบ้าน เนื่องจากเหตุดินถล่ม[32] ถนน และสะพานหลายแห่งถูกทำลายรอบภูเขาไฟ ซึ่งทำให้การขนส่งหยุดชะงักส่งผลกระทบต่องานบรรเทาทุกข์ และมีรายงานว่าพายุไต้ฝุ่นทุเรียนอาจคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วประมาณกว่า 300 ราย และส่งผลกระทบต่อผู้คนราวประมาณ 22,000 คน ทั่วทางตอนเหนือ และตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ จึงทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยประมาณ 11,000 คน[33] เฉพาะในจังหวัดอัลไบเพียงแห่งเดียว มีผู้เสียชีวิตประมาณ 604 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,465 ราย ความเสียหายในจังหวัดรวมเป็นประมาณ 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[34] พายุไต้ฝุ่นทุเรียนยังสร้างความเสียหายให้กับโรงเรียนประมาณ 704 แห่ง ในจังหวัดอัลไบ
ประเทศเวียดนาม
[แก้]
พายุไต้ฝุ่นทุเรียนอยู่บริเวณชายฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนามมีความเร็วลมสูงสุด 10 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) และลมกระโชกแรงถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (90 ไมล์ต่อชั่วโมง) เคลื่อนตัวไปยังชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม และลมแรงพัดเรือล่มนอกชายฝั่งประเทศเวียดนามหลายลำ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้สูญหาย 1 ราย ประชาชนหลายพันคนในจังหวัดทางตอนใต้ และตอนกลางของประเทศเวียดนามได้อพยพออกบ้าน และหาที่หลบภัยเพื่อรอพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[35] เรือประมาณ 820 ลำ ในจังหวัดบิ่ญถ่วนได้รับความเสียหาย จังหวัดตามชายฝั่ง 12 จังหวัด ในตอนกลาง และทางตอนใต้ของประเทศเวียดนามได้รับผลกระทบจนถึงขณะนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อยประมาณ 48 ราย มีผู้สูญหายประมาณ 49 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 433 ราย บ้านเรือนประมาณ 120,899 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และเรือประมงประมาณ 896 ลำ ได้รับความเสียหายทั่วประเทศ[36]
ผู้อยู่อาศัยในภาคใต้ของประเทศเวียดนามยังคงได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน ซึ่งทำให้แผ่นดินถล่มในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม หลังคาบ้านเรือนประมาณ 170,000 หลัง ถูกลมแรงพัดไป คร่าชีวิตผู้คนประมาณ 67 ราย มีผู้สูญหายอีกประมาณ 50 ราย เรือขนาดใหญ่ และขนาดเล็กมีความเสียหายประมาณกว่า 22,000 ลำ[37] พายุฝนฟ้าคะนองได้ทำให้โรงเรียนประมาณ 22 แห่ง และบ้านเรือนราษฎร 1,120 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดบิ่ญถ่วน ลมแรงได้พัดหลังคาบ้านไปประมาณ 500 หลัง ในจังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่า[38] ทั่วประเทศ พายุไต้ฝุ่นทุเรียนได้ทำให้บ้านเรือนประมาณ 34,000 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และบ้านเรือนเสียหายอีกประมาณ 166,000 หลัง คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 85 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,379 ราย ในประเทศเวียดนาม ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุโซนร้อนทุเรียนในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 59 ราย ในวันที่ 14 ธันวาคม ขณะที่ทางการเริ่มทำความสะอาดชายฝั่งทางใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีบ้านเรือนมากกว่าประมาณ 120,000 หลัง ถูกทำลาย ความเสียหายที่เลวร้ายที่สุด คือ จังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่า ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยประมาณ 34 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณกว่า 450 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในบ้านที่พังถล่ม[39] มีความเสียหายโดยรวมประมาณ 7,234 พันล้านด่ง (450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[40]
ผลที่ตามมา
[แก้]ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม กลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ประกาศภาวะภัยพิบัติระดับชาติอันเนื่องมาจากผลกระทบต่อเนื่องของพายุไต้ฝุ่นซ้างสาน พายุไต้ฝุ่นซีมารอน และพายุไต้ฝุ่นทุเรียน กลอเรีย มาคาปากัล-อาร์โรโย สั่งให้บริจาคเงินประมาณ 1 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ (20.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในทันทีเพื่อบรรเทาทุกข์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน พายุไต้ฝุ่นซ้างสาน และพายุไต้ฝุ่นซีมารอน[41] กองทุนบรรเทาทุกข์นี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3.6 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ (74.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) วันที่ 6 ธันวาคม รวมถึงอีก 150 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (3.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการซ่อมแซมโครงข่ายไฟฟ้า รัฐบาลใช้เงินกว่า 500 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากกองทุนเพื่อการพัฒนาชนบท[42] ไม่นานหลังจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียนเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงทะเลจีนใต้ คนงานเริ่มซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่หักโค่น หรือสายไฟขาด และกวาดล้างเศษซากต้นไม้ที่โค่นล้มออกจากถนน ซึ่งจำเป็นก่อนที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์จะมาถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด วันที่ 1 ธันวาคม ครอบครัวประมาณ 3,316 ครัวเรือน ได้อพยพออกจากบ้านไปยังที่พักพิงชั่วคราวหลังพายุไต้ฝุ่นทุเรียนเคลื่อนตัวผ่านไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ติดต่อกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด มียอดผู้เสียชีวิตอย่างรวดเร็วเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 190 ราย และ 720 ราย ในสองสัปดาห์ต่อมา[43]

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม รัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ได้ยื่นอุทธรณ์จำนวน 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อสหประชาชาติเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินในการจัดการกับพายุไต้ฝุ่นทุเรียน นี่เป็นหลังจากที่ประเทศได้หมดเงินฉุกเฉินประจำปีสำหรับภัยพิบัติแล้ว[44] ในการตอบสนองหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์การสหประชาชาติได้ให้เงินช่วยเหลือฉุกเฉินประมาณ 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และภายในปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 14 ประเทศได้บริจาคเงินให้กับประเทศฟิลิปปินส์ ภายในสิ้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 มีเพียง 7.1 เปอร์เซ็นต์ ของการอุทธรณ์เท่านั้นที่ถูกยกขึ้น ภายในสิ้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 4 ประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ ได้บริจาคอุปกรณ์ฉุกเฉินมูลค่าประมาณ 54 ล้านยูโร (2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เช่น เสื้อผ้า ยารักษาโรค และอาหาร เป็นต้น[45][46]
องค์กรท้องถิ่นหลายแห่งบริจาคเงินเพื่อบรรเทาทุกข์ เช่น ยา อาหาร น้ำ อุปกรณ์ขนส่ง เสื้อผ้า และเงิน เป็นต้น[47] องค์กรบริจาคเงินสด และสิ่งของจำนวน 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การตอบสนองระหว่างประเทศมาหลังจากประกาศสถานะภัยพิบัติได้ไม่นาน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ประเทศแคนาดาได้บริจาคเงินมูลค่าประมาณ 1 ล้านดอลลาร์แคนาดา (860,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อบรรเทาทุกข์ในท้องถิ่นผ่านสถานทูตในมะนิลา และผ่านขบวนการสภากาชาดระหว่างประเทศ[48] กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติบริจาคหีบห่อที่ประกอบด้วยอาหาร ที่นอน และผ้าห่มจำนวน 4,000 ชิ้น และสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติบริจาคเงินมูลค่าประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสิ่งของบรรเทาทุกข์ ประเทศสเปนบริจาคเงินมูลค่าประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งทีมแพทย์ ยา อาหาร และเวชภัณฑ์ไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ[49] สหรัฐบริจาคเงินมูลค่าประมาณ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมทั้งเสบียงอาหารผ่านโครงการหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ และชุมชนชาวฟิลิปปินส์บนไซปันบริจาคเงิน อาหาร และเสบียง เป็นต้น ประเทศออสเตรเลียบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (792,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านโครงการความช่วยเหลือจากออสเตรเลีย ประเทศอินโดนีเซียส่งเครื่องบินซี-130 เฮอร์คิวลิส จำนวน 2 ลำ ไปยังเลกัซปีโดยบรรทุกอาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้าจำนวน 25 ตัน และเงินมูลค่าประมาณ 1.17 พันล้านรูปียะฮ์ (129,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ประเทศญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นเกี่ยวกับเต็นท์ ผ้าห่ม เครื่องปั่นไฟ และอุปกรณ์การจัดการน้ำ ผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซียบริจาคอาหาร และยา 20 ตัน ประเทศสิงคโปร์ส่งเสบียง 2 ชุด และเงินมูลค่าประมาณ 50,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (36,257 ดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านสิงคโปร์แอร์ไลน์ ประเทศเกาหลีใต้ให้คำมั่นสัญญาเงิน 126.5 ล้านวอนเกาหลีใต้ (100,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะที่ประเทศจีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะบริจาคเงินประมาณ 1 ล้านหยวนจีน (200,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และประเทศอิสราเอลบริจาคเงินมูลค่าประมาณ 24,775 นิวเชเกลอิสราเอล (7,500 ดอลลาร์สหรัฐ) ส่วนใหญ่จะเป็นยา และเวชภัณฑ์ เป็นต้น

กาชาดซึ่งตอบสนองต่อพายุที่เกิดซ้ำในปี พ.ศ 2549 ได้เปิดตัวการอุทธรณ์ที่ระดมทุน 9.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 หน่วยงานได้เสร็จสิ้นภารกิจในการตอบสนองต่อพายุในปี พ.ศ. 2549 และโอนเงินส่วนที่เหลือเพื่อช่วยซ่อมแซมจากพายุไต้ฝุ่นเฟิงเฉินในปี พ.ศ. 2551[50] องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานได้พัฒนาระบบตรวจสอบการตอบสนองด้านมนุษยธรรมเพื่อตอบสนองต่อปัญหาในการจัดการ ผลพวงของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[51] มูลนิธิฉือจี้ได้จัดตั้งค่ายแพทย์ชั่วคราวในทาบาโกเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพฟรีแก่ผู้ประสบภัยจากพายุ[52] องค์การแรงงานระหว่างประเทศได้สร้างศูนย์การดำรงชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เพื่อช่วยจัดหางานให้กับผู้ประสบภัยจากพายุ ธนาคารโลกร่วมกับเนชั่นแนล เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้ทุนสนับสนุนโครงการมูลค่าประมาณ 21.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซ่อมแซมสายไฟที่เสียหายจากผลพวงของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน หน่วยงานยังได้ซ่อมแซมเสาไฟฟ้าจำนวน 118 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2551 เพื่อรักษาเสถียรภาพของแหล่งจ่ายไฟระหว่างพายุลูกอื่น ๆ เป็นผลให้มีไฟฟ้าดับน้อยที่สุดระหว่างทางผ่านของพายุโซนร้อนฮีโกสในปี พ.ศ. 2551
เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2550 องค์การอาหาร และการเกษตรแห่งสหประชาชาติได้ แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ผัก และเครื่องมือทำฟาร์มประมาณ 150 ห่อ ให้กับผู้พลัดถิ่นใน 3 จังหวัด เขตบีโคล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูอย่างยั่งยืนที่วางแผนโดยรัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์สำหรับผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[53] หนึ่งปีหลังจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน เกษตรกรปลูกข้าว และผักขึ้นใหม่ โดยใช้ระบบชลประทานที่สร้างขึ้นใหม่ โครงการอาหารโลกได้จัดหาวัสดุต่าง ๆ ให้กับชาวประมงเพื่อสร้างเรือที่เสียหาย ทำให้พวกเขากลับมาจับปลาได้ภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550 หน่วยงานยังให้การปันส่วนอาหารรายเดือนแก่ผู้พลัดถิ่นในจังหวัดอัลไบ[54] รวม 294 ตัน ของข้าวเป็นประมาณ 6,000 ครอบครัว[55] อย่างไรก็ตาม โครงการจำหน่ายอาหารสิ้นสุดในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 ทำให้ขาดแคลนอาหารในช่วงสองสามเดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 ในหมู่ผู้พลัดถิ่น กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติบริจาคยาจำนวน 1,750 เม็ด พร้อมด้วยถังน้ำมัน และภาชนะบรรจุน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้

หลังจากผลกระทบต่อเนื่องของพายุไต้ฝุ่นซ้างสาน และพายุไต้ฝุ่นทุเรียน ทำให้เกิดไฟฟ้าดับในวงกว้างเขตบีโคล สูญเสียผลผลิตทางเศรษฐกิจประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราการว่างงานในเขตบีโคล เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และหลายคนที่ยังหางานทำอยู่ได้น้อยกว่าก่อนเกิดพายุ ผลพวงของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน กิจกรรมบรรเทาทุกข์ทั้งหมดได้รับการประสานงานผ่านหน่วยงานด้านกรมอนามัย กรมสวัสดิการสังคม และการพัฒนาประเทศฟิลิปปินส์ กองเรือกว่า 200 ลำ ขนส่งเสบียงบรรเทาทุกข์ อาหาร วัสดุก่อสร้าง เสื้อผ้า และยา เป็นต้น ไปยังเขตบีโคล เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม กองทัพอากาศประเทศฟิลิปปินส์ได้ส่งเสบียง และทีมแพทย์ไปยังเขตบีโคล และนอกชายฝั่งจังหวัดคาตันดัวเนส โดยมีสภาประสานงานด้านภัยพิบัติแห่งชาติเป็นผู้จัดหาข้าว 17,350 กระสอบ ไปยังพื้นที่เหล่านั้น กรมอนามัย กรมสวัสดิการสังคม และการพัฒนาได้ส่งทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากความเครียด และปลอบโยนครอบครัวของผู้เสียชีวิตโดยได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์
กรมอนามัยยังแจกจ่ายเต็นท์ และถุงนอน จัดหาวัคซีนให้กับผู้คนในค่ายอพยพ และดูแลผู้บาดเจ็บจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน มีการระบาดเล็กน้อยของอาการท้องร่วงในค่ายอพยพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อ 142 คน ในเลกัซปี และผู้อพยพคนอื่น ๆ ป่วยด้วยไข้หวัด ไอ และมีไข้ รัฐบาลท้องถิ่นในจังหวัดอัลไบทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่ต่าง ๆ จะกักเก็บน้ำสะอาดโดยใช้สารฆ่าเชื้อ และส้วมชั่วคราวรัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ให้เงิน 119 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างโรงเรียน หรือปรับปรุงขึ้นมาใหม่ที่ได้รับความเสียหายในจังหวัดอัลไบ เพียง 23 เปอร์เซ็นต์ ของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมโรงเรียนทั้งหมด
รัฐบาลประเมินว่าประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่สูญเสียบ้านของพวกเขามีทรัพยากรที่จะสร้างใหม่โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ นี่หมายความว่าต้องสร้างบ้านใหม่ 144,692 หลัง เหยื่อพายุไต้ฝุ่นทุเรียนจำนวนมากปล่อยให้คนอาศัยอยู่ในค่ายเต็นท์ โรงเรียน และที่พักพิงชั่วคราว จนกระทั่งมีการสร้างอาคารขึ้น สภากาชาดเป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 60,000 คน ใน 10 จังหวัดในที่พักพิงชั่วคราว[56] รัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์วางแผนที่จะสร้างบ้านถาวรขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีปัญหาในการรักษาความปลอดภัยที่ดิน และวัสดุสำหรับบ้านเรือน หรือที่อยู่อาศัยใหม่ ภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 รัฐบาล และหน่วยงานระหว่างประเทศได้จัดหาบ้านที่จำเป็นเพียง 6.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องอยู่ในที่พักอาศัยนานกว่าที่คาดไว้ หนึ่งปีหลังจากเกิดพายุ 10,000 ครอบครัว ยังคงอาศัยอยู่ในค่ายพักระหว่างทางในจังหวัดอัลไบ และจังหวัดคามารีเนสซูร์
องค์กรต่าง ๆ ได้ช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัยให้อยู่ที่ปลอดภัย รัฐบาลประเทศอิตาลีให้ทุนสนับสนุนโครงการ 26 ล้านยูโร (525,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างบ้าน 180 หลัง ในจังหวัดอัลไบ รัฐบาลประเทศอิตาลียังได้ช่วยสร้างศูนย์ดำรงชีวิตแห่งใหม่เพื่อจัดหางาน จัดหาเรือลำใหม่ และบริจาคเมล็ดมะพร้าวประมาณ 80,000 เมล็ด เพื่อปลูกต้นไม้ทดแทน[57] ในช่วงแปดเดือนหลังจากที่พายุไต้ฝุ่นทุเรียนถล่ม สภากาชาดแห่งชาติฟิลิปปินส์ ร่วมกับกาชาดสากล ได้ส่งมอบอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านให้ประมาณ 12,000 ครอบครัว เพื่อซ่อมแซมบ้าน หรือสร้างบ้านใหม่ องค์กรต่าง ๆ สนับสนุนให้ผู้อยู่อาศัยสร้างบ้านใหม่ห่างจากพื้นที่เสี่ยงภัย[58] องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ร่วมกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐได้สร้างบ้าน 907 หลัง และศูนย์ชุมชนใหม่[59] รัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ออกกองทุน 76 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างบ้าน 1,089 หลัง[60] กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติจัดหาเงินทุนฉุกเฉินเพื่อสร้างศูนย์รับเลี้ยงเด็ก 50 แห่ง ที่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นทุเรียน[61] องค์การที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากลช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนประมาณ 1,200 หลัง[62] และสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่ 4 แห่ง ในจังหวัดซอร์โซโกน[63]
ประเทศเวียดนาม
[แก้]ในประเทศเวียดนามเพิ่งได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นซ้างสาน รัฐบาลแห่งชาติได้ให้อาหารแก่ประชาชนเวียดนามมูลค่าประมาณ 150,000 ล้านด่ง (9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อาหาร และเสบียงให้กับครอบครัวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ สหรัฐบริจาคเงินมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และองค์กรออกซ์แฟมได้บริจาคเงินประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด[64] สภากาชาดระหว่างประเทศได้ยื่นอุทธรณ์ฉุกเฉินเป็นเงินประมาณ 2.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนความพยายามของสภากาชาดเวียดนาม ซึ่งแจกจ่ายพัสดุประมาณกว่า 2,000 แพ็ค เช่น ข้าว ยารักษาโรค และเสื้อผ้ากว่า 2 ตัน เป็นต้น[65]
การถอนออกจากรายชื่อ
[แก้]หลังจากที่สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ได้ถอนชื่อ เรมิง ออกจากรายชื่อพายุของฟิลิปปินส์ เนื่องจากพายุได้ก่อให้เกิดความเสียหาย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูง ชื่อนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยชื่อ รูบี ซึ่งภายหลังได้เลิกใช้ชื่อนี้ในปี พ.ศ. 2557 อีกด้วย[66] และชื่อ ทุเรียน กับชื่ออื่น ๆ อีก 4 ชื่อ ได้ถูกถอนออกจากรายชื่อพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิกอย่างเป็นทางการในระหว่างการประชุมประจำปีครั้งที่ 39 ของคณะกรรมการไต้ฝุ่น คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)[67] ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 คณะกรรมการไต้ฝุ่นได้เลือกชื่อ มังคุด มาเป็นชื่อแทนในรายชื่อพายุหมุนเขตร้อนเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2551[68] และถูกถอนออกจากรายชื่อพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิกในภายหลังปี พ.ศ. 2561[69][70]
ดูเพิ่ม
[แก้]- ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2549
- รายชื่อของพายุทุเรียน
- พายุไต้ฝุ่นที่มีเส้นทางที่คล้ายกัน
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "ทุเรียน" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 1 ลำดับที่ 26 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "เรมิง" (27 ถึง 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
- ↑ ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 10 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2549 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[6]
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Viet Nam: Typhoons Revised Appeal No. MDRVN001 Operation Update No. 3 - Viet Nam". ReliefWeb (ภาษาอังกฤษ). 2007-01-23. สืบค้นเมื่อ 23 January 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Disaster data: A balanced perspective - Mar 2007 - Indonesia". ReliefWeb (ภาษาอังกฤษ). 2007-03-30. สืบค้นเมื่อ 30 March 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: NDCC media update - Typhoon "Reming" (Durian) 13 Dec 2006 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-13. สืบค้นเมื่อ 13 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: NDMP Durian typhoon damage update 08 Dec 2006 - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-08. สืบค้นเมื่อ 8 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Costliest Typhoons Of The" (ภาษาอังกฤษ). Typhoon2000.ph. 2015-12-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-17. สืบค้นเมื่อ 23 December 2015.
- ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ Jerry A. Fano; Michael T. Alpasan; Takeo. Mitsunaga; Yoshio Tokunaga (October 2007). The Mayon 2006 Debris Flow (PDF). FCSEC Technical Report (Report). Vol. 3. Department of Public Works and Highways. pp. 2, 4. สืบค้นเมื่อ 26 December 2015.
- ↑ "Philippines: Typhoon OCHA Situation Report No. 1 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 1 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: NDCC media update - Typhoon "Reming" (Durian) 30 Nov 2006 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-11-30. สืบค้นเมื่อ 30 November 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Powerful Typhoon Durian blows away houses, knocks off power as it slams into Philippines" (ภาษาอังกฤษ). Associated Press. 2007-02-20. สืบค้นเมื่อ 29 November 2006.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). 2015-12-26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 December 2015.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). 2015-12-26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 December 2015.
- ↑ "Philippines: NDCC media update Typhoon "Reming" (Durian) 01 Dec 2006". Government of the Philippines (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 20 October 2014.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Powerful Typhoon Durian lashes eastern Philippines". USA Today (ภาษาอังกฤษ). Associated Press. 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 20 February 2007.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: Flash report No. 367 - 1st December 2006 - Viet Nam". ReliefWeb (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 1 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Vietnam evacuates 50,000 ahead of typhoon Durian". Hanoi, Vietnam: ReliefWeb. Agence France-Presse. December 4, 2006. สืบค้นเมื่อ July 19, 2013.
- ↑ "Typhoon Durian claims 18 lives in Vietnam - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-05. สืบค้นเมื่อ 5 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: Urgent telegraph - No.09 typhoon with strong wind force - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-02. สืบค้นเมื่อ 2 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 August 2016. สืบค้นเมื่อ 18 April 2022.
- ↑ "Typhoon kills 44 in Vietnam, flooding fears - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-05. สืบค้นเมื่อ 5 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Wikisource. (ภาษาอังกฤษ). Tinian, Guam National Weather Service. 4 December 2006 – โดยทาง
- ↑ "Philippines: Asia's "super-storm" gathers over South China Sea - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-11-23. สืบค้นเมื่อ 23 November 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). 2015-12-26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 December 2015.
- ↑ CRED. "EM-DAT - The international disaster database". www.emdat.be (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Getting out of the mud: How the ILO helps typhoon victims in the Philippines - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-03-27. สืบค้นเมื่อ 27 March 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Paguican, E. M. R.; Lagmay, A. M. F.; Rodolfo, K. S.; Rodolfo, R. S.; Tengonciang, A. M. P.; Lapus, M. R.; Baliatan, E. G.; Obille, E. C. (2009-10-01). "Extreme rainfall-induced lahars and dike breaching, 30 November 2006, Mayon Volcano, Philippines". Bulletin of Volcanology. 71: 845–857. doi:10.1007/s00445-009-0268-8. ISSN 0258-8900. สืบค้นเมื่อ 1 October 2009.
- ↑ Steve Lang (2006). "Typhoon Durian Triggers Massive Mudslides in the Philippines" (ภาษาอังกฤษ). NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2007. สืบค้นเมื่อ 20 February 2007.
- ↑ "Philippines: Typhoon Reming appeal - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-11-30. สืบค้นเมื่อ 30 November 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Typhoons Appeal no. MDRPH002 Operations Update no.6 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-03-07. สืบค้นเมื่อ 7 March 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: The slow process of typhoon recovery - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-03-31. สืบค้นเมื่อ 31 March 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Seeking to rebuild lives swept away by mudslides - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-03-25. สืบค้นเมื่อ 25 March 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Aid teams head into typhoon zone - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 1 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Uy, Noralene; Takeuchi, Yukiko; Shaw, Rajib (2011-06-10). "Local adaptation for livelihood resilience in Albay, Philippines". Environmental Hazards (ภาษาอังกฤษ). 10 (2): 139–153. doi:10.1080/17477891.2011.579338. ISSN 1747-7891.
- ↑ CBC (2006-12-04). "Vietnam braces for weakened Typhoon Durian". CBC News. สืบค้นเมื่อ 24 February 2007.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: Typhoon Durian OCHA Situation Report No. 1 - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-06. สืบค้นเมื่อ 6 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Vietnam: Emergency funds sought following Durian - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-08. สืบค้นเมื่อ 8 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Typhoon Durian tears into southern Vietnam, killing 26". Reuters. 2006-12-05. สืบค้นเมื่อ 24 February 2007.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Death toll in Vietnam rises to 59 from storm". NBC News (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-06. สืบค้นเมื่อ 6 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: Typhoon Durian OCHA Situation Report No. 2 - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-14. สืบค้นเมื่อ 14 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: PGMA declares state of national calamity in aftermath of typhoon 'Reming' - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-03. สืบค้นเมื่อ 3 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Gov't tap CDF savings for rehabilitation of areas damaged by "Reming" - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-01. สืบค้นเมื่อ 1 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: NDCC media update - Typhoon "Reming" (Durian) 13 Dec 2006 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-13. สืบค้นเมื่อ 13 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: 2006 typhoon appeal - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-02-12. สืบค้นเมื่อ 12 February 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Donations thru the DSWD for victims of typhoon "Reming" as of 30 April 2007 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-04-30. สืบค้นเมื่อ 30 April 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: DSWD kicks-off Japan-funded food-for-work project for typhoon Reming victims - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-07-20. สืบค้นเมื่อ 20 July 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: DSWD list of donors and donations for victims of TY Reming - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-01-29. สืบค้นเมื่อ 29 January 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Typhoon OCHA Situation Report No. 4 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-05. สืบค้นเมื่อ 5 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: NDCC media update - Typhoon "Reming" (Durian) 06 Dec 2006, 6pm - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-06. สืบค้นเมื่อ 6 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Typhoons Appeal no. MDRPH002 Final report - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2009-03-06. สืบค้นเมื่อ 6 March 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "IOM Hands Over Disaster Response Tracking Database to Philippines Government - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2010-01-15. สืบค้นเมื่อ 15 January 2010.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Tzu Chi's medical mission to Philippines: Protecting the health of the poor - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-03-09. สืบค้นเมื่อ 9 March 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: FAO donates vegetable seeds, farm tools to new settlements - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-08-05. สืบค้นเมื่อ 5 August 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines president visits WFP typhoon relief operation - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-08-29. สืบค้นเมื่อ 29 August 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "WFP expands aid to victims of typhoon Reming in the Philippines - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-02-23. สืบค้นเมื่อ 23 February 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Typhoons Appeal no. MDRPH002 Operations Update no.5 - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-07-20. สืบค้นเมื่อ 20 July 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Italian gov't-assisted projects in Albay amount to P26 million - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-11-11. สืบค้นเมื่อ 11 November 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Red Cross builders brace for Philippine storms - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2009-06-26. สืบค้นเมื่อ 26 June 2009.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines - US Ambassador hands over IOM-USAID homes to displaced survivors of Typhoon Reming - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-10-24. สืบค้นเมื่อ 24 October 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: DSWD releases P76m for construction of core shelter units in Bicol - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-07-06. สืบค้นเมื่อ 6 July 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: UNICEF assists construction/rehab of day-care centers in Bicol - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2008-08-12. สืบค้นเมื่อ 12 August 2008.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Philippines: Blitz build to boost HFH Philippines' new home constructions In typhoon-hit Bicol - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-09-03. สืบค้นเมื่อ 3 September 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "HFH Philippines to rebuild four schools and 3,000 homes for Typhoon Durian survivors - Philippines | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2007-02-06. สืบค้นเมื่อ 6 February 2007.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Viet Nam: Typhoon Durian OCHA Situation Report No. 2 - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-14. สืบค้นเมื่อ 14 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Vietnam: Emergency funds sought following Durian - Viet Nam | ReliefWeb". reliefweb.int (ภาษาอังกฤษ). 2006-12-08. สืบค้นเมื่อ 8 December 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Flores, Ghio Ong,Helen (2011-05-16). "'Bebeng' out of Pagasa name list". Philstar.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 16 May 2011.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ ESCAP/WMO Typhoon Committee Thirtyninth Session (PDF) (Report). World Meteorological Organization. 2006. สืบค้นเมื่อ 23 December 2015.
- ↑ "List of Retired Tropical Cyclone Names | Typhoon Committee" (ภาษาอังกฤษ). 2015-12-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-09. สืบค้นเมื่อ 23 December 2015.
- ↑ "Typhoon Committee adopt new typhoon name" (ภาษาอังกฤษ). China Meteorological Agency. 2007. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2007. สืบค้นเมื่อ 11 December 2007.
- ↑ "Typhoon Committee adopt new typhoon name" (ภาษาอังกฤษ). China Meteorological Agency. 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2024. สืบค้นเมื่อ 11 December 2007.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน (0621)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน (0621)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นทุเรียน (0621)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นทุเรียน (24W)
- พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5
- พายุหมุนเขตร้อน
- พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น
- พายุไต้ฝุ่นรุนแรง
- พายุไต้ฝุ่น
- ภัยธรรมชาติในปี พ.ศ. 2549
- ประเทศไมโครนีเชียในปี พ.ศ. 2549
- แยปในปี พ.ศ. 2549
- ประเทศฟิลิปปินส์ในปี พ.ศ. 2549
- ประเทศเวียดนามในปี พ.ศ. 2549
- บทความพายุหมุนเขตร้อน
- พายุไต้ฝุ่นในประเทศไมโครนีเชีย
- พายุไต้ฝุ่นในแยป
- พายุไต้ฝุ่นในประเทศฟิลิปปินส์
- พายุไต้ฝุ่นในประเทศเวียดนาม
- ภัยพิบัติในประเทศไมโครนีเชีย
- ภัยพิบัติในแยป
- ภัยพิบัติในประเทศฟิลิปปินส์
- ภัยพิบัติในประเทศเวียดนาม