วัดมหาธาตุ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ปรางค์ประธานในปี พ.ศ. 2566 และวิหารเล็กในปี พ.ศ. 2565 | |
ที่ตั้ง | ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
---|---|
ประเภท | วัด |
ส่วนหนึ่งของ | อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 |
สร้าง | พ.ศ. 1917 |
ละทิ้ง | พ.ศ. 2310 |
สมัย | อยุธยา |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
ผู้ขุดค้น | กรมศิลปากร |
สภาพ | ซากปรักหักพัง |
ผู้บริหารจัดการ | กรมศิลปากร |
การเปิดให้เข้าชม | ทุกวัน 08.00-18.30 น. |
สถาปัตยกรรม | |
รูปแบบสถาปัตยกรรม | อยุธยา |
เกณฑ์ | วัฒนธรรม: (iii) |
ขึ้นเมื่อ | 1991 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
เลขอ้างอิง | 576 |
ชื่อที่ขึ้นทะเบียน | วัดมหาธาตุ |
ขึ้นเมื่อ | 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 |
เป็นส่วนหนึ่งของ | อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา |
เลขอ้างอิง | 0000328 |
วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นโบราณสถานหนึ่งภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางภายในเกาะเมืองอยุธยา ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา
วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุของพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลา จวบจนถูกทำลายและทิ้งร้างลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2
ประวัติ
[แก้]วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ใกล้วัดราชบูรณะ ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างในสมัย สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ขุนหลวงพะงั่ว เมื่อปี พ.ศ. 1917 แต่ไม่แล้วเสร็จ เสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้สร้างเพิ่มเติมจนเสร็จ ในสมัย สมเด็จพระราเมศวร โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระปรางค์ประธาน และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 1927 ซึ่งปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
ความสำคัญของวัดมหาธาตุนั้น นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังถือเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยา โดยมีสมเด็จพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสีประทับอยู่ภายในวัด ส่วนพระสังฆราช ฝ่ายอรัญวาสีนั้น ประทับอยู่ที่วัดป่าแก้ว (วัดใหญ่ชัยมงคล) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ ๆ พระศรีศิลป์และจหมื่นศรีสรรักษ์ พร้อมคณะได้ซุ่มพลที่ปรางค์วัดมหาธาตุ ก่อนยกพลเข้าพระราชวังทางประตูมงคลสุนทร เพื่อจับกุมสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปรางค์ของวัดองค์เดิมที่สร้างด้วยศิลาแลง ยอดพระปรางค์ได้ทลายลงมาเกือบครึ่งองค์ถึงชั้นครุฑ แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซมให้คืนดีดั้งเดิมในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงบูรณะใหม่รวมเป็นความสูง 25 วา เมื่อปี พ.ศ. 2176 และในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2275 - 2301 จนถึงช่วงเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 วัดมหาธาตุโดนทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพังและถูกทิ้งร้าง ต่อมายอดพระปรางค์ได้พังทลายลงมาอีกครั้งในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
สิ่งก่อสร้าง
[แก้]- พระปรางค์ขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันพังทลายลงมาหมดแล้ว แต่ราชทูตลังกาที่ได้เคยมาเยี่ยมชมวัดมหาธาตุ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไว้ว่า ที่ฐานของพระปรางค์ มีรูปราชสีห์ หมี หงส์ นกยูง กินนร โค สุนัขป่า กระบือ มังกร เรียงรายอยู่โดยรอบ รูปเหล่านี้อาจหมายถึงสัตว์ในป่าหิมพานต์ที่รายล้อมอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นแกนกลางของจักรวาล
- เจดีย์แปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา
- วิหารที่ฐานชุกชี ของพระประธานในวิหาร กรมศิลปากรพบว่ามีผู้ลักลอบขุดลงไปลึกถึง 2 เมตร จึงดำเนินการขุดต่อไปอีก 2 เมตร พบภาชนะดินเผาขนาดเล็ก 5 ใบ บรรจุแผ่นทองเบารูปต่างๆ
- วิหารเล็ก วิหารเล็กแห่งนี้ มีรากไม้แผ่รากขึ้นเกาะเต็มผนัง รากไม้ส่วนหนึ่งได้ล้อมเศียรพระพุทธรูปไว้
- พระปรางค์ขนาดกลางภายในพระปรางค์ มีภาพจิตรกรรม เรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ
- ตำหนักพระสังฆราช บริเวณพื้นที่ว่างทางด้านทิศตะวันตก เคยเป็นที่ตั้งพระตำหนักพระสังฆราช ฝ่ายคามวาสี ราชทูตลังกาได้เล่าไว้ว่า เป็นตำหนักที่สลักลวดลายปิดทอง มีม่านปักทอง พื้นปูพรม มีขวดปักดอกไม้เรียงรายเป็นแถวเพดานแขวนอัจกลับ (โคม) มีบังลังก์ 2 แห่ง
จารึกแผ่นดีบุก
[แก้]เมื่อ พ.ศ. 2500 มีการขุดค้นพบจารึกแผ่นดีบุกบริเวณกรุฐานพระปรางค์ พร้อมกับโบราณวัตถุอีกหลายอย่าง ตัวจารึกเป็นอักษรไทยอยุธยา เนื้อหาโดยสังเขปเป็นคำอุทิศส่วนกุศลจากการหล่อพระพุทธพิมพ์เท่าจำนวนวันเกิด การภาวนา และการบูชาพระรัตนตรัย ตอนท้ายระบุชื่อและอายุของผู้สร้างพระพิมพ์คือ พ่ออ้ายและแม่เฉา อายุ 75 ปี และระบุจำนวนวันตามอายุของตนว่า “..ญิบหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยวัน..” (หมายถึง 27,500 วัน ซึ่งหากคำนวณแล้วจะพบว่าจำนวนวันมากกว่าตามความจริงเล็กน้อย) เนื้อหาในจารึกแผ่นนี้จึงทำให้ทราบถึงการสร้างพระพิมพ์ในสมัยอยุธยาว่า นอกจากจะสร้างเพื่อสืบทอดศาสนาแล้ว ยังมีขนบการสร้างตามจำนวนเท่ากับวันเกิดของตนด้วย[1]
คลังภาพ
[แก้]-
พระปรางค์ประธาน เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2566
-
เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม หรือเจดีย์ทรงถัก เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2566
-
เจดีย์
-
พระพุทธรูปและเจดีย์
-
เศียรพระ หน้าวิหารเล็ก
-
วิหารเล็กในปี พ.ศ. 2556
อ้างอิง
[แก้]- ↑ https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/672 จารึกแผ่นดีบุก วัดมหาธาตุ
- วิไลรัตน์. 2546. กรุงศรีอยุธยา. อมรินทร์พริ้นติ้ง
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ วัดมหาธาตุ (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)