ยุทธการที่บูลอญ (ค.ศ. 1940)
ยุทธการที่บูลอญ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ ยุทธการที่ฝรั่งเศส | |||||||
ยุทธการที่ฝรั่งเศส, สถานการณ์เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1940 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เบลเยียม | เยอรมนี | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
Pierre Louis Félix Lanquetot William Fox-Pitt |
ไฮนทซ์ กูเดรีอัน Rudolf Veiel | ||||||
กำลัง | |||||||
Headquarters, garrison and training units 2 infantry battalions, 1,500 Auxiliary Military Pioneer Corps troops supporting units training units | 1 panzer division | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
about 5,000 POW | |||||||
ยุทธการที่บูลอญ เป็นการป้องกันที่ท่าเรือของบูลอญ-ซูร์-แมร์ (Boulogne-sur-Mer) โดยทหารฝรั่งเศส-อังกฤษและเบลเยียมในช่วงยุทธการที่ฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1940 การสู้รบครั้งนี้เป็นช่วงเวลาเดียวกับการล้อมกาแล ในช่วงก่อนปฏิบัติการไดนาโม การอพยพของกองกำลังปฏิบัติการทางทหารของอังกฤษ (British Expeditionary Forces หรือ B.E.F.) ผ่านเดิงแกร์ก ภายหลังจากการโจมตีตอบโต้กลับที่ยุทธการที่อารัส (21 พฤษภาคม) หน่วยทหารเยอรมันได้เตรียมความพร้อมที่จะเริ่มทำการโจมตี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม แม้จะได้รับการทัดทานของนายพลไฮนทซ์ กูเดรีอัน ผู้บัญชาการของกองทัพเหล่าที่ 19 (XIX Armee Korps) ที่ต้องการจะให้เคลื่อนทัพไปยังทางเหนือของช่องแคบอังกฤษเพื่อเข้ายึดครองบูลอญ กาแล และเดิงแกร์ก การโจมตีของกองทัพเหล่าที่ 19 ไม่ได้รับการอนุมัติจนกระทั่งเวลา 12:40 น. ในช่วงคืนที่ 21/22 เดือนพฤษภาคม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม เมื่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรที่บูลอญได้รับการเสริมกำลังจากอังกฤษโดยส่วนใหญ่ของกองพันทหารรักษาการณ์ที่ 20 (20th Guards Brigade) .
ทหารรักษาการณ์ได้มีเวลาในการขุดหลุมบริเวณรอบท่าเรือให้ได้ก่อนที่กองพลแพนเซอร์ที่ 2จะมาถึงซึ่งได้ล่าช้าจากกองกำลังทหารฝรั่งเศสจากเซเมอร์ (Samer) จากนั้นก็ได้เข้าโจมตีพรมแดนที่ถูกยึดครองโดยทหารรักษาการณ์ไอริช เมื่อเวลาประมาณ 05:00 นาฬิกา และถูกขับไล่ออกไปภายหลังหนึ่งชั่วโมง แนวรบของทหารรักษาการณ์เวลส์ได้ถูกโจมตี เมื่อเวลา 8:00 นาฬิกา และอีกครั้งในช่วงเวลาก่อนค่ำก่อนที่จะมีการตัดกำลังทหารรักษาการณ์ไอริช เมื่อเวลา 10:00 นาฬิกา การป้องกันที่บูลอญได้รับการช่วงเหลือจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเบา 8 ลำ ของกองทัพอากาศอังกฤษ (RAF) และในยามรุ่งอรุณ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม เยอรมันได้โจมตีกลับ ได้ผลักดันให้ฝ่ายป้องกันกลับเข้าไปในเมืองในที่สุด
เรือรบของกองทัพเรืออังกฤษได้ระดมยิงใส่และออกจากท่าเรือไปและเรือรบพิฆาตของกองทัพเรือฝรั่งเศสได้ระดมยิงใส่ตำแหน่งของเยอรมันซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ไม่ใช่ทหารได้เริ่มลงเรือและจอดเทียบท่าเพื่อช่วยเหลือทหารจากการถูกทำลาย ในช่วงบ่ายวานนี้ กองทัพลุฟท์วัฟเฟอได้ทำการทิ้งระเบิดที่ท่าเรือ แม้จะถูกสกัดกั้นจากเครื่องบินรบขับไล่ของกองทัพอากาศอังกฤษและเวลา 6:30 นาฬิกา กองพันทหารรักษาการณ์ได้รับคำสั่งให้กลับลงเรือ เรือรบพิฆาตได้เดินหน้าฝ่าอันตรายจากการระดมยิงใส่จากรถถังและปืนใหญ่เยอรมันเพื่อการอพยพทหารรักษาการณ์ ฝ่ายป้องกันฝรั่งเศสบริเวณรอบๆป้อมซิทาเดล ทางตอนล่างของเมืองได้ขาดการติดต่อและเฉพาะในช่วงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม ได้ทำให้นายพล Lanquetot ได้ตระหนักดีว่าอังกฤษได้หนีไปแล้ว,ซึ่งนำไปสู่การถูกประณาม
ฝ่ายฝรั่งเศสและส่วนที่เหลือของทหารอังกฤษไปถอนกำลังจนกระทั่งวันที่ 25 พฤษภาคมและได้ยอมจำนน กูเดเรียนได้เขียนประพันธ์ว่าความล่าช้าในการอนุมัติให้ทำการรุกโจมตีและสงวนกองกำลังไว้จำนวนมากเพื่อป้องกันจากการโจมตีตอบโต้กลับของฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้สูญเสียโอกาสอย่างรวดเร็วเพื่อเข้ายึดครองท่าเรือริมช่องแคบและทำลายล้างกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรในทางเหนือของฝรั่งเศสและเบลเยียม การรุกในเดิงแกร์กได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม และวันต่อมาได้ถูกสั่งให้หยุดจนกระทั่งวันที่ 27 พฤษภาคม และเดิงแกร์กไม่ได้ถูกยึดครองจนกระทั่งวันที่ 4 มิถุนายน โดยส่วนใหญ่ของกองกำลังทหารของกองกำลังปฏิบัติการทางทหารของอังกฤษและกองทหารจำนวนมากของฝรั่งเศสและเบลเยียมกลับหนีรอดไปได้