มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม
ตราอาร์มประจำมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม | |
คติพจน์ | ลาติน: Sapientia urbs conditur อังกฤษ: A city is built on wisdom ไทย: รากฐานของเมืองคือปัญญา |
---|---|
ประเภท | สถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาล |
สถาปนา | พ.ศ. 2491 - ได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2424 - วิทยาลัยอุดมศึกษานอตทิงแฮม |
ที่ตั้ง | , , 52°56′20″N 1°11′49″W / 52.939°N 1.197°W |
สี | เขียวแก่ เหลืองทอง คราม ขาว |
เครือข่าย | สมาคมมหาวิทยาลัยเครือจักรภพ สมาคมบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต EQUIS สมาคมมหาวิทยาลัยยุโรป กลุ่มรัสเซล กลุ่มเวอร์โก ยูนิเวอร์ซิตัส 21 ซัตตันทรัสต์ กลุ่มเอ็มห้า |
เว็บไซต์ | www.nottingham.ac.uk |
มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม (University of Nottingham) เป็นสถาบันอุดมศึกษาเน้นวิจัยขนาดใหญ่มากในสหราชอาณาจักร มีชื่อเสียงด้านแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ตั้งที่เมืองนอตทิงแฮม แคว้นนอตทิงแฮมเชอร์ นอกจากที่ตั้งในเมืองนอตทิงแฮมแล้ว มหาวิทยาลัยยังขยายการสอนไปยังประเทศมาเลเซียและประเทศจีนอีกด้วย
มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2424 ในฐานะวิทยาลัยอุดมศึกษานอตทิงแฮม และได้รับพระบรมราชโองการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2491 มหาวิทยาลัยเป็นสมาชิกก่อตั้งกลุ่มรัสเซล ซึ่งเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเป็นสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาทุกระดับมากที่สุดเป็นอันดับที่สอง รองจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ โดยไม่นับมหาวิทยาลัยเปิด (Open University)[1]
ประวัติ
[แก้]มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมเริ่มต้นจากโรงเรียนผู้ใหญ่ประจำอำเภอนอตทิงแฮมซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2341 ครั้นโรงเรียนผู้ใหญ่ดำเนินการไปได้ระยะหนึ่ง มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ขยายหลักสูตรมาสอนที่โรงเรียนเมื่อ พ.ศ. 2416[2] การดำเนินการสอนเป็นไปได้ด้วยดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2420 วิลเลียม แกลดสตัน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยอุดมศึกษา (university college) ซึ่งเปิดดำเนินการในห้วงเวลาสี่ปีต่อมา เพื่อรองรับจำนวนสาขาวิชาที่มีมากขึ้นและวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้นตาม[3] หลังจากการสร้างอาคารต่าง ๆ เสร็จแล้ว เจ้าชายลีโอโพลด์ พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารเรียนถนนเชคสเปียร์[3] การเรียนการสอนในขณะนั้นมีอาจารย์เพียงสี่คนในสาขาวิชาวรรณคดี เคมี ฟิสิกส์ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ผู้สอบได้ตามหลักสูตรในขณะนั้นจะได้รับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยลอนดอน เนื่องจากวิทยาลัยฯ เป็นส่วนงานของมหาวิทยาลัยลอนดอน
หลังจากที่วิทยาลัยเปิดดำเนินการไปสักระยะ มีการเพิ่มสาขาวิชาต่าง ๆ ดังนี้
- พ.ศ. 2427 จัดตั้งสาขาวิชาวิศวกรรม
- พ.ศ. 2436 จัดตั้งสาขาวิชาปรัชญา
- พ.ศ. 2440 จัดตั้งสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส
- พ.ศ. 2448 จัดตั้งสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ และแยกสาขาวิชาฟิสิกส์กับเคมีออกจากกัน
- พ.ศ. 2454 จัดตั้งสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาเหมืองแร่
- พ.ศ. 2455 จัดตั้งสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และสาขาวิชาธรณีวิทยา
- พ.ศ. 2457 จัดตั้งสาขาวิชาประวัติศาสตร์
- พ.ศ. 2466 จัดตั้งสาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่
- พ.ศ. 2468 จัดตั้งสาขาวิชาเภสัชศาสตร์[2]
- ได้มีการเพิ่มคณะวิชาวิศวกรรมเมื่อ พ.ศ. 2427 คณะวิชาปรัชญาเมื่อ พ.ศ. 2436 คณะวิชาภาษาฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2440 และคณะวิชาศึกษาศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2448 โดยลำดับ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง ทรงตราพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมขึ้น โดยแปรสภาพวิทยาลัยอุดมศึกษานอตทิงแฮมที่มีอยู่เดิม
ส่วนงาน
[แก้]มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมมีคณะวิชาทั้งสิ้น 5 คณะ แต่ละคณะมีภาควิชาต่าง ๆ ปฏิบัติการสอนและวิจัยในสาขาวิชาของตน ดังนี้[4]
- คณะศิลปศาสตร์
- ภาควิชาอเมริกันและแคนาดาศึกษา
- ภาควิชาโบราณคดี
- ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
- ภาควิชาศิลปะโบราณ
- ภาควิชาวัฒนธรรม ภาพยนตร์ และสื่อ
- ภาควิชาวัฒนธรรม ภาษา และท้องถิ่นศึกษา
- ภาควิชาภาษาอังกฤษ
- ภาควิชาภาษาฝรั่งเศสและฝรั่งเศสศึกษา
- ภาควิชาเยอรมันศึกษา
- ภาควิชาประวัติศาสตร์
- ภาควิชามนุษยศาสตร์
- ศูนย์ภาษา
- ภาควิชาดุริยศาสตร์
- ภาควิชาปรัชญา
- ภาควิชารัสเซียและสลาฟศึกษา
- ภาควิชาสเปน โปรตุเกส และลาตินอเมริกันศึกษา
- ภาควิชาเทววิทยาและศาสนศาสตร์
- คณะแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ
- ภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
- ภาควิชาชีววิทยาศาสตร์ (life science)
- ภาควิชาแพทยศาสตร์
- ภาควิชาสัตวแพทยศาสตร์
- คณะวิทยาศาสตร์
- ภาควิชาชีววิทยาและชีวประยุกต์ (biosciences)
- ภาควิชาเคมี
- ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
- ภาควิชาคณิตศาสตร์
- ภาควิชาเภสัชศาสตร์
- ภาควิชาฟิสิกส์และดาราศาสตร์
- ภาควิชาจิตวิทยา
- คณะวิศวกรรมศาสตร์
- ภาควิชาสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง
- ภาควิชาวิศวกรรมเคมีและสิ่งแวดล้อม
- ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
- ภาควิชาวิศวกรรมพื้นฐานและวิทยาศาสตร์กายภาพ
- ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
- ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล วัสดุ และการผลิต
- คณะสังคมศาสตร์
- ภาควิชาจีนศึกษาร่วมสมัย
- ภาควิชาเศรษฐศาสตร์
- ภาควิชาศึกษาศาสตร์
- ภาควิชาภูมิศาสตร์
- ภาควิชานิติศาสตร์
- ภาควิชาบริหารธุรกิจ
- ภาควิชารัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ภาควิชาสังคมวิทยาและนโยบายสังคม
ที่ตั้ง
[แก้]มหาวิทยาลัยทำการสอนเป็นหลักภายในเขตจังหวัดนอตทิงแฮมเชอร์ และมีวิทยาเขตต่างประเทศสองแห่ง แห่งหนึ่งที่ประเทศจีน อีกแห่งหนึ่งที่ประเทศมาเลเซีย
วิทยาเขตยูนิเวอร์ซิตีพาร์ก
[แก้]มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมมีที่ตั้งหลักที่ด้านตะวันตกของเมืองนอตทิงแฮม มีพื้นที่ 834 ไร่เศษ ลักษณะเป็นมหาวิทยาลัยในสวนออกแบบสวยงาม[5][6]จนได้รับรางวัลธงเขียวติดกันหลายปีซ้อน[7]
วิทยาเขตเฉลิมภาญจนาภิเษก
[แก้]นอกจากวิทยาเขตยูนิเวอร์ซิตีพาร์กแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้จัดสร้างวิทยาเขตจูบิลี หรือวิทยาเขตเฉลิมกาญจนาภิเษกขึ้น ออกแบบโดยไมเคิล ฮอปกินส์ (Michael Hopkins) สถาปนิกชาวอังกฤษ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2542 ใช้เป็นที่ตั้งของภาควิชาศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยผู้นำโรงเรียนแห่งชาติ (National College for School Leadership) ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และภาควิชาบริหารธุรกิจ วิทยาเขตจูบิลีได้รับรางวัลอนุรักษ์พลังงานเมื่อ พ.ศ. 2548[8] จุดเด่นในวิทยาเขตประกอบด้วยเสาแดงแอสไปร์ (Aspire) ซึ่งเป็นประติมากรรมทำด้วยเหล็กทาสีแดงสูง 60 เมตร วิทยาเขตจูบิลีได้รับการต่อเติมอาคาร โดยล่าสุดเป็นอาคารที่ออกแบบโดยเคน ชัทเทิลเวิร์ท (Ken Shuttleworth) ซึ่งเป็นผู้ออกแบบอาคารเกอร์คิน (Gherkin) ในกรุงลอนดอน ด้วยหมายจะทำให้วิทยาเขตแห่งนี้ได้รับความสนใจ แต่ประชาชนกลับลงคะแนนให้เป็นอาคารที่ออกแบบได้แย่อันดับสองของประเทศ[9]
ล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2557 อาคารแกล็กโซสมิทไคลน์ ขณะกำลังก่อสร้างได้ถูกไฟไหม้เสียหาย[10][11]
วิทยาเขตขนาดเล็ก
[แก้]มหาวิทยาลัยทำการเรียนการสอนสาขาแพทย์เฉพาะทาง อาทิ เวชศาสตร์ทางเดินหายใจ เวชศาสตร์โรคหัวใจล้มเหลว วิทยาเนื้องอก กายภาพบำบัด และสาธารณสุข ที่โรงพยาบาลนอตทิงแฮมเบสต์วูด ทางตอนเหนือของตัวเมือง ส่วนสาขาชีวศาสตร์ สาขาสัตวแพทยศาสตร์ ทำการสอนที่วิทยาเขตซัตตันโบนิงตัน (Sutton Bonington Campus) ในท้องที่อำเภอรัชคลิฟฟ์ (Rushcliffe) ติดกับจังหวัดเลสเตอร์เชอร์ ห่างจากใจกลางเมืองไปทางใต้ 19 กิโลเมตร
วิทยาเขตคิงส์มีโดว์ (King's Meadow Campus) ตั้งไม่ห่างจากวิทยาเขตยูนิเวอร์ซิตีพาร์กมากนัก เดิมทีเป็นสถานีส่งวิทยุโทรทัศน์เซนทรัลอินดีเพนเดนซ์ ปัจจุบันใช้เป็นสถานฝึกสอนด้านการถ่ายภาพยนตร์และข่าวโทรทัศน์
วิทยาเขตต่างประเทศ
[แก้]นอกเหนือจากที่ตั้งในอำเภอนอตทิงแฮมแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้จัดตั้งวิทยาเขตต่างประเทศที่รัฐสลังงอ ประเทศมาเลเซีย (พ.ศ. 2542) และจังหวัดหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน (พ.ศ. 2548)
วิทยาเขตมาเลเซียของมหาวิทยาลัยได้รับรางวัลพระราชทานสำหรับวิสาหกิจดีเด่น (Queen's Award for Enterprise) เมื่อ พ.ศ. 2544 และรางวัลพระราชทานสำหรับอุตสาหกรรม (ด้านการค้าต่างประเทศ) เมื่อ พ.ศ. 2549[12] ต่อมาได้ย้ายที่ตั้งจากรัฐสลังงอเข้ามายังตอนใต้ของกัวลาลัมเปอร์
วิทยาเขตจีน เปิดดำเนินการเมื่อ พ.ศ. 2548 โดยได้สร้างอาคารปลอดมลพิษแห่งแรกของจีน ต่อมาได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีนตะวันออก จัดตั้งสถานศึกษาชั้นสูงซั่งไห่-นอตทิงแฮม (Shanghai Nottingham Advanced Academy (SNAA)) เพื่อให้การเรียนการสอนร่วมกันในทุกระดับ โดยกำหนดให้นักศึกษาต้องไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมระยะหนึ่งด้วย[13]
วิชาการ
[แก้]มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย และมีอาจารย์ได้รับรางวัลโนเบลแล้วสองท่าน[14] หนึ่งในนั้นคือปีเตอร์ แมนสฟีลด์ (Peter Mansfield) ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาแพทยศาสตร์ประจำปี พ.ศ. 2546 งานวิจัยหลักที่เขาทำเป็นด้านการถ่ายภาพด้วยการสั่นพ้องแม่เหล็ก (Magnetic Resonance Imaging; MRI) นอกจากนี้ เฟรเดอริก คิปปิง (Frederick Kipping) ศาสตราจารย์สาขาเคมี (พ.ศ. 2440 - 2479) ได้ค้นพบโพลิเมอร์ซิลิโคน[15] ไม่เพียงเท่านั้น มหาวิทยาลัยยังได้คิดค้นการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมะเขือเทศ การฝังเครื่องช่วยฟัง (Cochlear Implant) และการจัดการเหตุฉุกเฉินบนอากาศยาน ด้วยเหตุนี้เอง มหาวิทยาลัยได้จัดหาคอมพิวเตอร์กำลังสูงเทราฟลอป 16 เครื่องมาใช้งาน[16]
ภาควิชา 26 ภาคของมหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับ 5 หรือ 5* (ยอดเยี่ยมระดับนานาชาติ) ในการประเมินกำลังวิจัยประจำปี พ.ศ. 2544 (Research Assessment Exercise) โดยสภาทุนวิจัยแห่งสหราชอาณาจักร[17] การประเมินครั้งถัดมาเมื่อ พ.ศ. 2551 มหาวิทยาลัยยังคงได้รับอันดับที่ดีตามเคย คือ ได้กำลังวิจัยอันดับ 7 ของสหราชอาณาจักร[18] ในปีการศึกษา 2552/2553 มหาวิทยาลัยได้รับเงินทุนวิจัยนับ 150 ล้านปอนด์[19] และนับเป็นมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จในการสมัครขอรับทุนวิจัยเป็นอันดับสอง นำหน้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน และวิทยาลัยอุดมศึกษาลอนดอน[20]
มหาวิทยาลัยมีความร่วมมือกันกับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผลิตบัณฑิตหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต โดยใน 3 ปีแรก (ระดับพรีคลินิก) นิสิตจะศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม ส่วน 3 ปีหลัง จะฝึกปฏิบัติระดับคลินิกที่ศูนย์การแพทย์ มศว องครักษ์ ทั้งนี้นิสิตต้องเสียค่าเล่าเรียนให้แก่สถาบันทั้งสองเอง และจะได้รับปริญญาบัตรของสถาบันทั้งสองเมื่อสำเร็จการศึกษา[21][22] นอกจากนี้ มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[23] และมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ จัดการเรียนการสอนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต โดยกำหนดให้นักศึกษาเรียนสองปีแรกที่ มธ. และสองปีหลังที่ UoN หลังสำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญาบัตรของทั้งสองสถาบันเช่นกัน
การรับเข้าศึกษา
[แก้]จากข้อมูลของสำนักสถิติอุดมศึกษา (Higher Education Statistics Agency; HESA) มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมมีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าหากนับตามการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษา[24] โดยมีนักศึกษามากถึง 30,000 คน จาก 130 ประเทศทั่วโลก[25]
ในปี พ.ศ. 2543 มหาวิทยาลัยได้รับใบสมัครถึง 49,000 ใบ แต่สามารถรับเข้าศึกษาได้เพียง 5,500 คนเท่านั้น จึงทำให้เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนนิยมเลือกมากที่สุดในสหราชอาณาจักร ในจำนวนนี้ 40% เป็นนักเรียนโรงเรียนเอกชน[26] แนวโน้มเดียวกันนี้พบได้ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งได้แก่ มหาวิทยาลัยบริสตอล มหาวิทยาลัยเดอแรม และมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ซึ่งมีนักศึกษาฐานะดีจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยจึงต้องเปิดสอนภาคฤดูร้อน (ซัมเมอร์สคูล) เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกและนักศึกษาสถาบันอื่นเข้ามาเรียนได้โดยไม่ยึดฐานะ[27]
มหาวิทยาลัยเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนักศึกษามาก โดยมีนักศึกษาทุกระดับมากเป็นอันดับสองรองจากมหาวิทยาลัยเปิดและมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และมีนักศึกษาต่างชาตินอกสหภาพยุโรปมากที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์และมหาวิทยาลัยลอนดอน[1]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Table 1 - UK/EU/non-EU students by HE provider". hesa.ac.uk. Higher Education Statistics Agency. 21 January 2014. สืบค้นเมื่อ 12 February 2015.
- ↑ 2.0 2.1 The University of Nottingham Calendar . "The University of Nottingham Calendar 2010–11". Nottingham.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
{{cite web}}
: CS1 maint: extra punctuation (ลิงก์) - ↑ 3.0 3.1 "A Brief History of the University". University of Nottingham. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-04. สืบค้นเมื่อ 5 October 2008.
- ↑ [1]
- ↑ "360° tour — The University of Nottingham — University Park campus". BBC. สืบค้นเมื่อ 12 May 2007.
- ↑ "University profiles: University of Nottingham". The Guardian. London. 1 May 2007. สืบค้นเมื่อ 12 May 2007.
- ↑ "University Park is England's greenest campus". Su.nottingham.ac.uk. 20 July 2009. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "Jubilee Campus – The University of Nottingham". Ukcorr.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-28. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ By dmonk. "The Amenities Building by Make Architects at the University of Nottingham came second in the Carbuncle Award". Thisisnottingham.co.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-09-17. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "University of Nottingham blaze: Sixty firefighters at scene". BBC News. สืบค้นเมื่อ 13 September 2014.
- ↑ "Nottingham university fire destroys new multimillion-pound chemistry building". Guardian.
- ↑ "Malaysia Campus – The University of Nottingham". Nottingham.ac.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-22. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "A new joint venture in China for The University of Nottingham". Nottingham.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 15 March 2013.
- ↑ "The University of Nottingham – Undergraduate Study – Nobel winners". Nottingham.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "Kipping Silicone Polymers". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-01. สืบค้นเมื่อ 2 September 2012.
- ↑ "Minerva is "Notts most powerful computer"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-05. สืบค้นเมื่อ 5 June 2013.
- ↑ "UK Education | Oxbridge research is tops". BBC News. 2001-12-14. สืบค้นเมื่อ 2012-06-04.
- ↑ "The University of Nottingham – Undergraduate Study – Why Nottingham". Nottingham.ac.uk. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "Research funding hits £150m at The University of Nottingham – The University of Nottingham". Nottingham.ac.uk. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-24. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "News ArticleUniversity hits record high in research funding". Communications.nottingham.ac.uk. 10 September 2009. สืบค้นเมื่อ 2 January 2011.
- ↑ "The Joint Medical Programme University of Nottingham, UK and Srinakharinwirot University, Thailand". swu.ac.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-02-28. สืบค้นเมื่อ 10 February 2015.
- ↑ "ประกาศ มศว. เรื่อง คัดเลือกหลักสูตร พ.บ. มศว. - นอตติงแฮม" (PDF). 1 สิงหาคม 2556. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์: โครงการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตสองสถาบัน (TEP)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-08-24. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2558.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "Table 0a — All students by institution, mode of study, level of study, gender and domicile 2006/07" (Microsoft Excel spreadsheet). Higher Education Statistics Agency. สืบค้นเมื่อ 11 April 2008.
- ↑ University of Nottingham: International Students เก็บถาวร 2008-09-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 23 June 2008.
- ↑ ในอังกฤษเรียก Public School
- ↑ "Most Middle Class" (PDF). The Times. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-10-10. สืบค้นเมื่อ 27 May 2010.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- เว็บไซต์มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม
- สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม เก็บถาวร 2013-02-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ภาพถ่ายยูนิเวอร์ซีตีพาร์กและไฮฟีลด์พาร์ก มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม เก็บถาวร 2011-07-15 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ภาพถ่ายไฮฟีลด์พาร์กจากอาคารนอตทิงแฮม 21