ภาษาละติน
ภาษาละติน | |
---|---|
จารึกภาษาละตินในโคลอสเซียมแห่งโรม ประเทศอิตาลี | |
ประเทศที่มีการพูด | |
ชาติพันธุ์ | |
ยุค | 700 ปีก่อนคริสตกาล – คริสต์ศตวรรษที่ 18 |
ตระกูลภาษา | อินโด-ยูโรเปียน
|
รูปแบบก่อนหน้า | ละตินเก่า
|
ระบบการเขียน | ชุดตัวอักษรละติน (อักษรละติน) |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | นครรัฐวาติกัน |
ผู้วางระเบียบ | สถาบันสังฆราชสำหรับภาษาละติน |
รหัสภาษา | |
ISO 639-1 | la |
ISO 639-2 | lat |
ISO 639-3 | lat |
Linguasphere | 51-AAB-aa to 51-AAB-ac |
แผนที่จุดสูงสุดของจักรวรรดิโรมันภายใต้จักรพรรดิตรายานุส (ป. ค.ศ. 117) และพื้นที่ที่บริหารโดยผู้พูดภาษาละติน (สีแดงเข้ม) นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาละตินเป็นจำนวนมาก แม้จะอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิ | |
ขอบเขตของกลุ่มภาษาโรมานซ์ ลูกหลานในปัจจุบันของภาษาละตินในทวีปยุโรป | |
ภาษาละติน (อังกฤษ: Latin; ละติน: latīnum, [laˈt̪iːnʊ̃] หรือ lingua latīna, [ˈlɪŋɡʷa laˈt̪iːna]) เป็นภาษาคลาสสิก ซึ่งอยู่ในกลุ่มย่อยของกลุ่มภาษาอิตาลิก ในตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน เดิมเป็นภาษาที่มีถิ่นกำเนิดในที่ราบลาติอูง (หรือ แคว้นลัตซีโย ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นพื้นที่ทางตอนล่างของแม่น้ำไทเบอร์รอบๆ กรุงโรมในปัจจุบัน[1] ด้วยอิทธิพลของสาธารณรัฐโรมัน ภาษาดังกล่าวจึงกลายเป็นภาษาที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี และแพร่หลายต่อมาในยุคของจักรวรรดิโรมัน แม้จะเกิดเหตุการณ์ล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกขึ้น แต่ภาษาละตินก็ยังเป็นภาษากลางสำหรับการสื่อสารระหว่างประเทศ สาขาวิทยาศาสตร์ การศึกษา และสาขาวิชาการในยุโรป จนกระทั่งศตวรรษที่ 18 เมื่อภาษาท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาค (รวมถึงภาษาลูกหลานของตนอย่าง กลุ่มภาษาโรมานซ์) ก็ได้เข้ามาแทนที่ในฐานะบทบาทของภาษาวิชาการทั่วไปและภาษาราชการ ในปัจจุบันภาษาละตินมีสถานะเป็น "ภาษาที่สูญแล้ว" (dead language) ตามคำจำกัดความในยุคสมัยใหม่ หมายถึง ภาษาที่ไม่มีผู้พูดในฐานะภาษาหลักแล้ว แม้ว่าจะมีการใช้อยู่อย่างแพร่หลายและสม่ำเสมอก็ตาม
ภาษาละตินเป็นภาษาที่มีการผันคำหลากหลาย โดยมีเพศทางไวยากรณ์ที่แตกต่างกันถึงสามเพศ (บุรุษเพศ สตรีเพศ และเพศกลาง) มีการผันการกมากถึง 6 หรือ 7 การก (ได้แก่ กรรตุการก กรรมการก สัมปทานการก สัมพันธการก อปาดานการก สวรการก และ อธิกรณการก) มีวิภัติปัจจัย 5 แบบ มีการเปลี่ยนรูปของคำ 4 แบบ กาล 6 กาล (ได้แก่ ปัจจุบันกาล อสมบูรณ์กาล อนาคตกาล สมบูรณกาล อดีตสมบูรณกาล และอนาคตสมบูรณ์กาล) บุรุษ 3 แบบ มาลา 3 แบบ ประโยค 2 แบบ (ได้แก่ ประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ และประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ) การณ์ลักษณะ 2 ถึง 3 แบบ และมีพจน์ 2 พจน์ (ได้แก่ เอกพจน์ และพหูพจน์) โดยชุดตัวอักษรละตินได้หยิบยืมมาจากชุดตัวอักษรอิทรัสคันและชุดตัวอักษรกรีกโดยตรง
ในช่วงท้ายของยุคสาธารณรัฐโรมัน (75 ปีก่อนคริสตกาล) ภาษาละตินเก่าได้รับการจัดระบบให้มีมาตรฐานเป็นภาษาละตินคลาสสิก และมีภาษาละตินสามัญ (Vulgar Latin) เป็นภาษาพูดซึ่งมีมาตรฐานน้อยกว่า โดยมีหลักฐานอยู่ในคำจารึกและงานเขียนของนักเขียนบทละครตลกอย่าง เปลาตุส และ แตแรนติอุส[2] รวมถึงนักประพันธ์อย่าง แปโตรนิอุส ภาษาละตินตอนปลายเป็นภาษาเขียนในคริสตศตวรรษที่ 3 และภาษาละตินในภูมิภาคต่างๆ ก็ได้วิวัฒนาการไปเป็นกลุ่มภาษาโรมานซ์ ในช่วงคริสตศตวรรษที่ 6 ถึงคริสตศตวรรษที่ 9 ในท้ายที่สุด
ต่อมาในยุคกลางไม่มีผู้ใดใช้ภาษาละตินเป็นภาษาแม่อีกแล้ว แต่ถึงอย่างไรภาษาละตินในยุคกลางก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วภูมิภาคยุโรปตะวันตกและในคริสตจักรคาทอลิก นับตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 9 จนถึงสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) ในฐานะของภาษากลางและภาษาวรรณกรรม ซึ่งก็ได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานแบบแผนมากขึ้น เรียกว่า ภาษาละตินยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance Latin) และได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญให้กับกลุ่มภาษาละตินใหม่ (Neo-Latin) ในช่วงต้นยุคสมัยใหม่ ในช่วงเวลาเหล่านี้ ภาษาละตินถูกใช้ในการจดบันทึกและพูดอย่างแพร่หลาย อย่างน้อยก็จนถึงปลายศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาษาละตินได้รับความนิยมลดลง จนเหลือแค่การสอนให้อ่านเพียงอย่างเดียว
ถึงอย่างไรภาษาละตินก็ยังเป็นภาษาราชการของสันตะสำนักและพิธีกรรมโรมันของคริสตจักรคาทอลิก (Catholic Church) ที่นครรัฐวาติกันอยู่จนถึงปัจจุบัน คริสตจักรยังคงรักษาและพัฒนารูปแบบวิธีของภาษาให้มีความทันสมัยอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างความต่อเนื่องในการสืบทอดรูปแบบของภาษาละตินเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ภาษาละตินในยุคปัจจุบัน มักถูกใช้ในการศึกษาเพื่ออ่านเขียนมากกว่าถูกนำไปใช้ในการพูด
ภาษาละตินเป็นภาษาที่มีอิทธิพลต่อภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะตั้งแต่หลังจากการเปลี่ยนมานับถือคริสตศาสนาของชาวแองโกล-แอกซอนและการพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มัน (Norman conquest) ทำให้คำศัพท์หลาย ๆ คำในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ ถูกแทนที่ด้วยคำศัพท์ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน (รวมถึงภาษากรีกโบราณ) โดยคำศัพท์ส่วนใหญ่ที่ยืมมาใช้ในภาษาอังกฤษมักถูกใช้นำไปใช้ในสาขาวิชาเทววิทยา แวดวงวิทยาศาสตร์ (โดยเฉพาะ กายวิภาคศาสตร์ และ อนุกรมวิธาน) รวมไปถึง ทางการแพทย์ และสาขาวิชากฎหมาย
ความเป็นมา
[แก้]มีการจัดแบ่งพัฒนาการของภาษาละตินไว้อย่างแตกต่างกัน ตามแต่ละช่วงสมัยในประวัติศาสตร์ ภาษาละตินในแต่ละยุคสมัยได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันไป ทั้งในด้านของการใช้คำศัพท์ อักขรวิธี สัณฐานวิทยา ไวยากรณ์ ฯลฯ ในที่นี้นักวิชาการได้ทำการวิจัยและศึกษาถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันของภาษาละตินผ่านการใช้งานในแต่ละยุคสมัย ตามการจำแนกชื่อให้แตกต่างกัน
นอกจากนี้ภาษาละตินคริสตจักร (Ecclesiastical Latin) ก็ยังเป็นรูปแบบอนุพันธ์ของภาษาละตินที่นักเขียนของคริสตจักรโรมันคาทอลิก (Roman Catholic Church) นิยมใช้งานมาตลอดทุกช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ในช่วงปลายสมัยโบราณ เช่นเดียวกันกับนักวิชาการโปรเตสแตนต์
หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในปี ค.ศ. 476 ชาวเจอร์แมนิกได้เข้ามาตั้งรกรากในอาณาจักรดั้งเดิมและนําภาษาละตินมาใช้งานสำหรับทางกฎหมายและอื่น ๆ ในกรณีที่เป็นทางการมากยิ่งขึ้น[3]
อิทธิพลของภาษาละติน
[แก้]อิทธิพลทางวรรณคดี
[แก้]งานเขียนของนักเขียนโบราณหลายร้อยคนในภาษาละติน มีหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันเป็นจำนวนมาก และถูกศึกษาในปัจจุบันทั้งในสาขานิรุกติศาสตร์ และวรรณคดีคลาสสิก งานของพวกเขาถูกเผยแพร่ในรูปแบบของเอกสารหรือต้นฉบับตัวเขียน (manuscript) มาตั้งแต่ก่อนที่นวัตกรรมทางการพิมพ์จะถูกประดิษฐ์ขึ้น
วรรณกรรมในภาษาละตินมีทั้งในรูปของ เรียงความ ประวัติศาสตร์ บทกวี บทละคร และงานเขียนอื่น ๆ โดยเริ่มปรากฏตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสกาล และกลายมาเป็นภาษาวรรณกรรมหลักของโลกโรมันโบราณในอีกสองศตวรรษถัดมา ในขณะที่ชาวโรมันที่มีการศึกษาก็ยังอ่านและเขียนโดยใช้ภาษากรีกโบราณควบคู่กันไปด้วย (เช่น จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส ผู้ทรงนิพนธ์งานปรัชญาเป็นภาษากรีก) อาจจะกล่าวได้ว่าวรรณคดีในภาษาละตินก็คือการสืบเนื่องของวรรณกรรมกรีกโบราณ โดยชาวโรมันรับเอารูปแบบงานวรรณคดีของกรีซหลายอย่างมาใช้
เนื่องจากภาษาละตินเป็นภาษากลางในการสื่อสารของยุโรปตะวันตกจนกระทั่งถึงยุคกลาง วรรณคดีภาษาละตินจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่นักเขียนโรมัน เช่น คิเคโร เวอร์จิล โอวิด และโฮเรส เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักเขียนยุโรปที่ยังผลิตงานเขียนในภาษาละตินออกมาแม้อาณาจักรโรมันจะล่มสลายไปแล้ว ตั้งแต่นักเขียนด้านศาสนาอย่าง ธอมัส อไควนัส (1225 - 1274) จนถึงนักเขียนฆารวาสอย่าง ฟรานซิส เบคอน (1561 - 1626) บารุค สปิโนซา (1632 - 1677) และ ไอแซก นิวตัน (1642 - 1727)
อิทธิพลต่อภาษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
[แก้]สัทศาสตร์
[แก้]การออกเสียงแบบโบราณของภาษาละตินได้รับการสืบสร้างทั้งตามข้อสันนิษฐานและหลักฐานการบันทึกไว้ของนักเขียนสมัยโบราณ ซึ่งให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการออกเสียง การสะกด การเล่นคำ และรากคำจากภาษาโบราณไว้ [4]
พยัญชนะ
[แก้]ตารางหน่วยพยัญชนะของภาษาละตินคลาสสิก :[5]
ริมฝีปาก | ทันตะ | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | เส้นเสียง | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
plain | ริมฝีปาก | ||||||
เสียงระเบิด | โฆษะ | b | d | ɡ | ɡʷ | ||
อโฆษะ | p | t | k | kʷ | |||
เสียงเสียดแทรก | โฆษะ | z | |||||
อโฆษะ | f | s | h | ||||
นาสิก | m | n | (ŋ) | ||||
เสียงตัว "ร" | r | ||||||
เสียงเปิด | l | j | w |
ในภาษาละตินเก่าและภาษาละตินคลาสสิก จะไม่มีการแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างอักษรตัวใหญ่ (uppercase) และตัวเล็ก (lowercase) หรือระหว่างตัวอักษร J, U, W แทนที่จะสะกดด้วยอักษร J, U ก็สามารถใช้ อักษร I, V สะกดแทนได้ตามลำดับ นอกจากนี้อักษร I, V ยังสามารถเป็นได้ทั้งสระและพยัญชนะ
อักษร ละติน |
เสียง ละติน |
ตัวอย่างเทียบกับภาษาอังกฤษ |
---|---|---|
c | [k] | Always hard as k in sky, never soft as in central, cello, or social |
t | [t] | As t in stay, never as t in nation |
s | [s] | As s in say, never as s in rise or issue |
g | [ɡ] | Always hard as g in good, never soft as g in gem |
[ŋ] | Before n, as ng in sing | |
n | [n] | As n in man |
[ŋ] | Before c, x, and g, as ng in sing | |
l | [l] | When doubled ll and before i, as clear l in link (l exilis)[6][7] |
[ɫ] | In all other positions, as dark l in bowl (l pinguis) | |
qu | [kʷ] | Similar to qu in quick, never as qu in antique |
u | [w] | Sometimes at the beginning of a syllable, or after g and s, as w in wine, never as v in vine |
i | [j] | Sometimes at the beginning of a syllable, as y in yard, never as j in just |
[jj] | Doubled between vowels, as y y in toy yacht | |
x | [ks] | A letter representing c + s: as x in English axe, never as x in example |
เสียงสระ
[แก้]สระเดี่ยว
[แก้]หน้า | กลาง | หลัง | |
---|---|---|---|
ปิด | iː ɪ | ʊ uː | |
กลาง | eː ɛ | ɔ oː | |
เปิด | a aː |
อักษร ละติน |
ออกเสียง | ตัวอย่าง |
---|---|---|
a | [a] | similar to u in cut when short |
[aː] | similar to a in father when long | |
e | [ɛ] | as e in pet when short |
[eː] | similar to ey in they when long | |
i | [ɪ] | as i in sit when short |
[iː] | similar to i in machine when long | |
o | [ɔ] | as o in sort when short |
[oː] | similar to o in holy when long | |
u | [ʊ] | similar to u in put when short |
[uː] | similar to u in true when long | |
y | [ʏ] | as in German Stück when short (or as short u or i) |
[yː] | as in German früh when long (or as long u or i) |
สระประสมสองเสียง
[แก้]หน้า | หลัง | |
---|---|---|
ปิด | ui /ui̯/ | |
กลาง | ei /ei̯/ eu/eu̯/ |
oe /oe̯/ ou /ou̯/ |
เปิด | ae /ae̯/ au /au̯/ |
ตัวอย่างภาษาละติน
[แก้]-
ตัวอย่างอักษรละตินในไบเบิล
-
ป้ายสลักอักษรละติน ในมหาวิทยาลัย ในประเทศออสเตรีย
-
พจนานุกรมภาษาละติน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Sandys, John Edwin (1910). A companion to Latin studies. Chicago: University of Chicago Press. pp. 811–812.
- ↑ Clark 1900, pp. 1–3
- ↑ "History of Europe – Barbarian migrations and invasions". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-02-06.
- ↑ Allen 2004, pp. viii–ix
- ↑ Sihler, Andrew L. (1995). New Comparative Grammar of Greek and Latin. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-508345-3. สืบค้นเมื่อ 12 March 2013.
- ↑ Sihler 2008, p. 174.
- ↑ Allen 2004, pp. 33–34
บรรณานุกรม
[แก้]- Allen, William Sidney (2004). Vox Latina – a Guide to the Pronunciation of Classical Latin (2nd ed.). Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-22049-1.
- Baldi, Philip (2002). The foundations of Latin. Berlin: Mouton de Gruyter.
- Bennett, Charles E. (1908). Latin Grammar. Chicago: Allyn and Bacon. ISBN 978-1-176-19706-0.
- Buck, Carl Darling (1904). A grammar of Oscan and Umbrian, with a collection of inscriptions and a glossary. Boston: Ginn & Company.
- Clark, Victor Selden (1900). Studies in the Latin of the Middle Ages and the Renaissance. Lancaster: The New Era Printing Company.
- Diringer, David (1996) [1947]. The Alphabet – A Key to the History of Mankind. New Delhi: Munshiram Manoharlal Publishers Private Ltd. ISBN 978-81-215-0748-6.
- Herman, József; Wright, Roger (Translator) (2000). Vulgar Latin. University Park, PA: Pennsylvania State University Press. ISBN 978-0-271-02000-6.
{{cite book}}
:|first2=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - Holmes, Urban Tigner; Schultz, Alexander Herman (1938). A History of the French Language. New York: Biblo-Moser. ISBN 978-0-8196-0191-9.
- Janson, Tore (2004). A Natural History of Latin. Oxford: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-926309-7.
- Jenks, Paul Rockwell (1911). A Manual of Latin Word Formation for Secondary Schools. New York: D.C. Heath & Co.
- Palmer, Frank Robert (1984). Grammar (2nd ed.). Harmondsworth, Middlesex, England; New York, N.Y., U.S.A.: Penguin Books. ISBN 978-81-206-1306-5.
- Sihler, Andrew L (2008). New comparative grammar of Greek and Latin. New York: Oxford University Press.
- Vincent, N. (1990). "Latin". ใน Harris, M.; Vincent, N. (บ.ก.). The Romance Languages. Oxford: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-520829-0.
- Waquet, Françoise; Howe, John (Translator) (2003). Latin, or the Empire of a Sign: From the Sixteenth to the Twentieth Centuries. Verso. ISBN 978-1-85984-402-1.
{{cite book}}
:|first2=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - Wheelock, Frederic (2005). Latin: An Introduction (6th ed.). Collins. ISBN 978-0-06-078423-2.
- Curtius, Ernst (2013). European Literature and the Latin Middle Ages. Princeton University. ISBN 978-0-691-15700-9.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]เครื่องมือภาษา
[แก้]- "Latin Dictionary Headword Search". Perseus Hopper. Tufts University. Searches Lewis & Short's A Latin Dictionary and Lewis's An Elementary Latin Dictionary. Online results.
- "Online Latin Dictionary with conjugator and declension tool". Olivetti Media Communication. Search on line Latin-English and English-Latin dictionary with complete declension or conjugation. Online results.
- "Latin Word Study Tool". Perseus Hopper. Tufts University. Identifies the grammatical functions of words entered. Online results.
- Aversa, Alan. "Latin Inflector". University of Arizona. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-30. สืบค้นเมื่อ 2021-03-13. Identifies the grammatical functions of all the words in sentences entered, using Perseus.
- "Latin Verb Conjugator". Verbix. Displays complete conjugations of verbs entered in first-person present singular form.
- "Online Latin Verb Conjugator". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 May 2016. สืบค้นเมื่อ 30 September 2014. Displays conjugation of verbs entered in their infinitive form.
- Whittaker, William. "Words". Notre Dame Archives. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 June 2006. Identifies Latin words entered. Translates English words entered.
- "Alpheios". Alpheios Project. Combines Whittakers Words, Lewis and Short, Bennett's grammar and inflection tables in a browser addon.
- Latin Dictionaries ที่เว็บไซต์ Curlie
- Dymock, John (1830). A new abridgment of Ainsworth's Dictionary, English and Latin, for the use of Grammar Schools (4th ed.). Glasgow: Hutchison & Brookman.
- "Classical Language Toolkit เก็บถาวร 2016-05-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน" (CLTK). A Natural Language Processing toolkit for Python offering a variety of functionality for Latin and other classical languages.
- "Collatinus web". Online lemmatizer and morphological analysis for Latin texts.
หลักสูตร
[แก้]- Latin Lessons เก็บถาวร 2015-04-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (free online through the Linguistics Research Center at UT Austin)
- Free 47-Lesson Online Latin Course, Learnlangs
- Learn Latin Grammar, vocabulary and audio
- Latin Links and Resources, Compiled by Fr. Gary Coulter
- der Millner, Evan (2007). "Latinum". Latin Latin Course on YouTube and audiobooks. Molendinarius. สืบค้นเมื่อ 2 February 2012.
- Byrne, Carol (1999). "Simplicissimus" (PDF). The Latin Mass Society of England and Wales. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-04-30. สืบค้นเมื่อ 20 April 2011. (a course in ecclesiastical Latin).
- Harsch, Ulrich (1996–2010). "Ludus Latinus Cursus linguae latinae". Bibliotheca Augustiana (ภาษาละติน). Augsburg: University of Applied Sciences. สืบค้นเมื่อ 24 June 2010.
- Beginners' Latin on The National Archives (United Kingdom)
ไวยากรณ์และบทเรียน
[แก้]- Bennett, Charles E. (2005) [1908]. New Latin Grammar (2nd ed.). Project Gutenberg. ISBN 978-1-176-19706-0.
- Griffin, Robin (1992). A student's Latin Grammar (3rd ed.). University of Cambridge. ISBN 978-0-521-38587-9.
- Lehmann, Winifred P.; Slocum, Jonathan (2008). "Latin Online". The University of Texas at Austin. สืบค้นเมื่อ 17 April 2020.
- Ørberg, Hans (1991). LINGVA LATINA PER SE ILLVSTRATA - Pars I FAMILIA ROMANA. ISBN 87-997016-5-0.
- Ørberg, Hans (2007). LINGVA LATINA PER SE ILLVSTRATA - Pars II ROMA AETERNA. ISBN 1-58510-067-6.
- Allen and Greenough (1903). New Latin Grammar. Athanæum Press.
สัทศาสตร์
[แก้]- Cui, Ray (2005). "Phonetica Latinae-How to pronounce Latin". Ray Cui. สืบค้นเมื่อ 25 June 2010.
- . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 (11 ed.). 1911.
- Ranieri, Luke. "Latin Pronunciation (for Classical Latin)". สืบค้นเมื่อ 31 August 2018.
ข่าวและเสียงภาษาละติน
[แก้]- Ephemeris, online Latin newspaper
- Nuntii Latini, from Finnish YLE Radio 1
- Nuntii Latini เก็บถาวร 2020-08-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, monthly review from German Radio Bremen (Bremen Zwei)
- Classics Podcasts in Latin and Ancient Greek, Haverford College
- Latinum Latin Language course and Latin Language YouTube Index
สังคมออนไลน์ภาษาละติน
[แก้]- Grex Latine Loquentium (Flock of those Speaking Latin)
- Circulus Latinus Interretialis (Internet Latin Circle)
- Latinitas Foundation, at the Vatican
- Latin Discord Forum