ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าจิงกูจา"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
}} |
}} |
||
'''พระเจ้าจิงกูจา''' ({{lang-en|Singu Min}},{{lang-my|စဉ့်ကူးမင်း}}) พระโอรสของ[[พระเจ้ามังระ]] ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชันษาเพียง 20 ปี ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ามังระ พระเจ้าจิงกูจา ได้ทำการปราบบรรดาผู้ที่ต่อต้านน้อยใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้อพระวงศ์ พระญาติ และเหล่าขุนนางด้วยวิธีการที่เด็ดขาด คือ ประหารชีวิต |
'''พระเจ้าจิงกูจา''' ({{lang-en|Singu Min}},{{lang-my|စဉ့်ကူးမင်း}}) พระโอรสของ[[พระเจ้ามังระ]] ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชันษาเพียง 20 ปี ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ามังระ พระเจ้าจิงกูจา ได้ทำการปราบบรรดาผู้ที่ต่อต้านน้อยใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้อพระวงศ์ พระญาติ และเหล่าขุนนางด้วยวิธีการที่เด็ดขาด คือ ประหารชีวิตเสียหลายคน และหลายคนก็ถูกลดอำนาจหรือส่งไปอยู่หัวเมืองที่ห่างไกล เช่น [[พระเจ้าปดุง]] ทรงถูกส่งให้ไปครองเมืองสะกายและมีผู้ทำการควบคุมอีกชั้นหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาพระองค์ก็ทรงปลด[[อะแซหวุ่นกี้]]แม่ทัพคู่บารมีของ[[พระเจ้ามังระ]]พระราชบิดาของพระองค์ลง ทั้งที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้ยกกองทัพกลับมาจากการตี[[กรุงธนบุรี]] เพื่อมาควบคุมสถานะการในกรุงอังวะจนเรียบร้อยและมอบพระราชอำนาจเต็มแก่พระองค์ ซึ่งหากวิเคราะห์แล้วก็อาจเป็นเพราะอะแซหวุ่นกี้มีอำนาจและบารมีทางการทหารมากเกินไป รวมไปถึงแม่ทัพ ขุนนางเก่าใน[[พระเจ้ามังระ]]พระองค์ก็ทรงปลดทิ้งเสียจากตำแหน่งลงไปอีกหลายคน ซึ่งการใช้พระเดชเช่นนี้ทำให้ระหว่างการครองราชย์ผู้คนรอบตัวต่างหวาดระแวงภัยที่อาจมาถึงตัวเมื่อใดก็ได้ |
||
ในที่สุดหลังจากพระเจ้าจิงกูจาครองราชย์เพียง5ปี ก็ถูกเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คือ [[พระเจ้าหม่องหม่อง|หม่องหม่อง]] โอรสของ[[พระเจ้ามังลอก]] ทำการ[[รัฐประหาร]]ยึดพระราชวัง ในระหว่างที่พระองค์เสด็จไปสักการะพระพุทธรูปสิงหดอที่ทางเหนือ โดยความช่วยเหลือของขุนนางและเชื้อพระวงศ์หลายคน (เชื่อว่า |
ในที่สุดหลังจากพระเจ้าจิงกูจาครองราชย์เพียง 5 ปี ก็ถูกเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คือ [[พระเจ้าหม่องหม่อง|หม่องหม่อง]] โอรสของ[[พระเจ้ามังลอก]] ทำการ[[รัฐประหาร]]ยึดพระราชวัง ในระหว่างที่พระองค์เสด็จไปสักการะพระพุทธรูปสิงหดอที่ทางเหนือ โดยความช่วยเหลือของขุนนางและเชื้อพระวงศ์หลายคน (เชื่อว่ารวมทั้ง[[อะแซหวุ่นกี้]]ที่ทนต่อการบริหารราชการของพระองค์ไม่ได้) พระเจ้าจิงกูจาจึงหลบหนีไปอยู่เมืองทางใต้ |
||
[[พระเจ้าปดุง]]จึงให้สั่งทหาร |
[[พระเจ้าปดุง]]จึงให้สั่งทหาร 2,000 ยกขึ้นไปจับพระเจ้าจิงกูจา ได้ตัวมาพร้อมกับทั้งบุตรภรรยาและขุนนางทั้งปวง พระเจ้าปดุงให้เอาพระเจ้าจิงกูจาถ่วงน้ำเสีย พระราชบุตรและนางสนมกับขุนนางพรรคพวกนั้น ให้ประหารชีวิตเสียสิ้น พระเจ้าจิงกูจาอยู่ในราชสมบัติได้ 5 ปีเศษ |
||
พระเจ้าจิงกูจา มีชื่อเรียกใน[[ภาษาพม่า]]ว่า "เซงกูเมง"<ref>[[ตลับเทป|เทป]]สนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.[[สุเนตร ชุตินธรานนท์]] [[วีระ ธีรภัทร]] ([[เมษายน]] [[พ.ศ. 2544]])</ref><ref>[http://www.royalark.net/Burma/konbaun3.htm "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Singu".]</ref> |
พระเจ้าจิงกูจา มีชื่อเรียกใน[[ภาษาพม่า]]ว่า "เซงกูเมง"<ref>[[ตลับเทป|เทป]]สนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.[[สุเนตร ชุตินธรานนท์]] [[วีระ ธีรภัทร]] ([[เมษายน]] [[พ.ศ. 2544]])</ref><ref>[http://www.royalark.net/Burma/konbaun3.htm "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Singu".]</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:46, 29 กันยายน 2560
พระเจ้าจิงกูจา စဉ့်ကူးမင်း | |||||
---|---|---|---|---|---|
พระมหากษัตริย์พม่า เจ้าชายจิงกู | |||||
ครองราชย์ | 10 มิถุนายน 1776 – 5 กุมภาพันธ์ 1782 (ถูกปลด)[1] | ||||
ราชาภิเษก | 23 ธันวาคม ค.ศ.1776 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้ามังระ | ||||
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าหม่องหม่อง | ||||
ประสูติ | 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1756 อังวะ | ||||
สวรรคต | 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1782 อังวะ | (25 ปี)||||
ชายา | ชิน มิน พระชายาอีก 13 พระองค์ | ||||
พระราชบุตร | 6 ราชบุตร, 6 ราชธิดา | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์คองบอง | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้ามังระ | ||||
พระราชมารดา | เม ฮลา | ||||
ศาสนา | พุทธศาสนา |
พระเจ้าจิงกูจา (อังกฤษ: Singu Min,พม่า: စဉ့်ကူးမင်း) พระโอรสของพระเจ้ามังระ ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชันษาเพียง 20 ปี ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้ามังระ พระเจ้าจิงกูจา ได้ทำการปราบบรรดาผู้ที่ต่อต้านน้อยใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเชื้อพระวงศ์ พระญาติ และเหล่าขุนนางด้วยวิธีการที่เด็ดขาด คือ ประหารชีวิตเสียหลายคน และหลายคนก็ถูกลดอำนาจหรือส่งไปอยู่หัวเมืองที่ห่างไกล เช่น พระเจ้าปดุง ทรงถูกส่งให้ไปครองเมืองสะกายและมีผู้ทำการควบคุมอีกชั้นหนึ่ง เมื่อได้อำนาจมาพระองค์ก็ทรงปลดอะแซหวุ่นกี้แม่ทัพคู่บารมีของพระเจ้ามังระพระราชบิดาของพระองค์ลง ทั้งที่แม่ทัพเฒ่าผู้นี้ยกกองทัพกลับมาจากการตีกรุงธนบุรี เพื่อมาควบคุมสถานะการในกรุงอังวะจนเรียบร้อยและมอบพระราชอำนาจเต็มแก่พระองค์ ซึ่งหากวิเคราะห์แล้วก็อาจเป็นเพราะอะแซหวุ่นกี้มีอำนาจและบารมีทางการทหารมากเกินไป รวมไปถึงแม่ทัพ ขุนนางเก่าในพระเจ้ามังระพระองค์ก็ทรงปลดทิ้งเสียจากตำแหน่งลงไปอีกหลายคน ซึ่งการใช้พระเดชเช่นนี้ทำให้ระหว่างการครองราชย์ผู้คนรอบตัวต่างหวาดระแวงภัยที่อาจมาถึงตัวเมื่อใดก็ได้
ในที่สุดหลังจากพระเจ้าจิงกูจาครองราชย์เพียง 5 ปี ก็ถูกเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่ง คือ หม่องหม่อง โอรสของพระเจ้ามังลอก ทำการรัฐประหารยึดพระราชวัง ในระหว่างที่พระองค์เสด็จไปสักการะพระพุทธรูปสิงหดอที่ทางเหนือ โดยความช่วยเหลือของขุนนางและเชื้อพระวงศ์หลายคน (เชื่อว่ารวมทั้งอะแซหวุ่นกี้ที่ทนต่อการบริหารราชการของพระองค์ไม่ได้) พระเจ้าจิงกูจาจึงหลบหนีไปอยู่เมืองทางใต้
พระเจ้าปดุงจึงให้สั่งทหาร 2,000 ยกขึ้นไปจับพระเจ้าจิงกูจา ได้ตัวมาพร้อมกับทั้งบุตรภรรยาและขุนนางทั้งปวง พระเจ้าปดุงให้เอาพระเจ้าจิงกูจาถ่วงน้ำเสีย พระราชบุตรและนางสนมกับขุนนางพรรคพวกนั้น ให้ประหารชีวิตเสียสิ้น พระเจ้าจิงกูจาอยู่ในราชสมบัติได้ 5 ปีเศษ
พระเจ้าจิงกูจา มีชื่อเรียกในภาษาพม่าว่า "เซงกูเมง"[2][3]
อ้างอิง
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อcb-3
- ↑ เทปสนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ วีระ ธีรภัทร (เมษายน พ.ศ. 2544)
- ↑ "The Konbaung Dynasty Genealogy: King Singu".
ก่อนหน้า | พระเจ้าจิงกูจา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้ามังระ | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 3) (พ.ศ. 2319 - พ.ศ. 2325) |
พระเจ้าหม่องหม่อง |