เขื่อนห้วยเสนง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติความเป็นมา[แก้]

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง
ชื่อทางการโครงการชลประทาน อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง
ที่ตั้งตำบลเฉนียงและตำบลเทนมีย์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
เริ่มต้นการก่อสร้างพ.ศ. 2495
วันที่เปิดพ.ศ. 2521
โครงสร้างและทางน้ำล้น
ความสูง20 เมตร
ความยาว4.4 กิโลเมตร
กั้นห้วยเสนง/ห้วยอำปึล
อ่างเก็บน้ำ
ความจุ20.8 ล้านลูกบาศก์เมตร

คำว่าห้วยเสนง มาจากคำว่า “แสน็ง” เป็นภาษาพื้นบ้านหรือภาษาเขมรถิ่นบ้านเรา กรมชลประทาน  ได้ดำเนินการสำรวจออกแบบโครงการชลประทานห้วยเสนง เป็นโครงการแรกของจังหวัดสุรินทร์ และเริ่มงานก่อสร้างในปี พ.ศ. 2495 งานชลประทานในจังหวัดสุรินทร์ ส่วนใหญ่เป็นโครงการชลประทานประเภทเก็บกักน้ำด้วยการสร้างอ่างเก็บน้ำและฝาย  ในปี พ.ศ. 2527 กรมชลประทานได้จัดตั้งโครงการชลประทานสุรินทร์  เป็นหน่วยงานในสังกัดของกรมชลประทาน  หัวงานโครงการชลประทานสุรินทร์ตั้งอยู่ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง หมู่ที่ 2 บ้านทำเนียบ ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พิกัด 48 PUB 383 – 380 ระวาง  5638 I (1 : 50,000) อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นอ่างเก็บน้ำลักษณะเขื่อนดิน อยู่ในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 7 กิโลเมตร

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2521 ปิดกั้นห้วยเสนงและลำน้ำอำปึลที่บ้านโคกจ๊ะ-บ้านถนน-บ้านเฉนียง ที่รับน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำอำปึลเป็นอ่างแฝดทางด้านเหนือเขื่อนซึ่งเป็นฝ่ายส่งน้ำและบำรุง รักษาที่ 1 ชลประทานสุรินทร์ จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ

ลักษณะทั่วไป[แก้]

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงมีความสูงจากท้องน้ำ 20 เมตร สันเขื่อนยาว 4.4 กิโลเมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 20.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวสุรินทร์มาเป็นเวลานาน ได้ชื่อว่าทะเลสุรินทร์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสวรรค์ชายหาดของคนชาวสุรินทร์ นอกจากนี้บนสันเขื่อนมีที่กว้างออกคล้ายแหลมไปซึ่งเป็นที่ตั้งของ เรือนรับรองที่ประทับแรมของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือ เรือนรับรองที่ประทับ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เมื่อครั้งเสด็จประพาสและทรงงาน ซึงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชม มีเขตพระราชฐานอยู่ด้านในโครงการชลประทาน และมีจุดชมวิวให้ชมอีกด้วย และยังเป็นที่ประทับรับรองพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ครั้นยังทรงพระชนม์) ในยามที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในเขตจังหวัดอีสานใต้

สภาพ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2562 น้ำแห้งขอด ถึงขั้นวิกฤต ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ภายหลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทรงศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของโรงพยาบาลสุรินทร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อสำรวจ รวบรวมข้อมูลนำเสนอ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง  เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในวันที่ 19 ส.ค.62 นี้

หลังปรากฏ น้ำภายในอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงแห่งนี้ แห้งเหือดจนเห็นเสาประภาคาร อาคารสูบน้ำประปาหล่อเลี้ยงคนเมืองสุรินทร์ นำประปาไม่ไหลมานานกว่า 1 สัปดาห์ และเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปี โดยมีต้นเหตุมาจากฝนที่ทิ้งช่วงมานานร่วม 2 เดือน ทำน้ำห้วยเสนงแห้งขอด จนต้องหาแหล่งน้ำดิบแห่งใหม่ เพื่อนำน้ำมาเติมอ่างห้วยเสนงผลิตน้ำประปา โดยได้ทำการสูบน้ำจากบ่อหินของเอกชนโรงโม่หินมุ่งเจริญ บ่อ 1 ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว จนระดับน้ำใกล้หมดแล้ว ซึ่งขณะนี้ ชลประทานสุรินทร์ ได้ทำการย้ายเครื่องสูบมาติดตั้งที่บ่อเหมืองหินมุ่งเจริญบ่อที่ 2 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ ปริมาณน้ำประมาณ 3 ล้านลบ.ม. คาดใช้เวลาอีก 2 วัน จึงจะติดตั้งเสร็จและเริ่มสูบน้ำ ไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงต่อไป

ทั้งนี้ นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ได้ออก  ประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ เรื่อง เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยในพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ จำนวน 31 ชุมชน เพื่อประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยให้เป็นไปตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2558 เรียบร้อยแล้

การเดินทาง[แก้]

อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางถนนสายสุรินทร์-ปราสาท (ทางหลวงหมายเลข 214) ประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 5-6 แยกซ้ายมือไปทางถนนริมคลองชลประทาน มีป้ายชื่อว่า โครงการชลประทานสุรินทร์ สำนักชลประทานที่ ๘ ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร