รัฐเกอดะฮ์
รัฐเกอดะฮ์ Negeri Kedah | |
---|---|
เนอเกอรีเกอดะฮ์ดารุลอามัน Negeri Kedah Darul Aman | |
การถอดเสียงต่าง ๆ | |
• มลายู | Kedah (รูมี) قدح (ยาวี) |
คำขวัญ: เกอดะฮ์ อามัน มักมูร์ ฮาราปัน เบอร์ซามา มักมูร์กัน เกอดะฮ์ | |
เพลง: อัลละฮ์เซอลามัตกันซุลตันมะฮ์โกตา | |
พิกัด: 6°07′42″N 100°21′46″E / 6.12833°N 100.36278°E | |
เมืองหลวง | อาโลร์เซอตาร์ |
เมืองเจ้าผู้ครอง | อานักบูกิต |
การปกครอง | |
• ประเภท | ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา |
• สุลต่าน | สุลต่านซัลเลฮุดดิน |
• มุขมนตรี | มุคริซ มาฮาดีร์ (PH-PPBM) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 9,500 ตร.กม. (3,700 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2015)[2] | |
• ทั้งหมด | 2,071,900 คน |
• ความหนาแน่น | 199 คน/ตร.กม. (520 คน/ตร.ไมล์) |
ดัชนีรัฐ | |
• ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (2010) | 0.800 (สูงมาก) (อันดับที่ 11) |
เขตเวลา | UTC+8 (เวลามาตรฐานมาเลเซีย) |
รหัสไปรษณีย์ | 05xxx to 09xxx |
รหัสโทรศัพท์ | 04 08 (กูลิมและลังกาวี) |
รหัส ISO 3166 | MY-02 |
ทะเบียนพาหนะ | K (เกอดะฮ์แผ่นดินใหญ่) KV (เกาะลังกาวี) |
สหราชอาณาจักรปกครอง | ค.ศ. 1909 |
ญี่ปุ่นยึดครอง | ค.ศ. 1942 |
เข้าร่วมสหพันธรัฐมาลายา | ค.ศ. 1948 |
รับเอกราชเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาลายา | 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 |
เว็บไซต์ | www |
เกอดะฮ์,[3] เกดะห์[3] (มลายู: Kedah, قدح) หรือ ไทรบุรี[4][5] มีชื่อเฉลิมเมืองเป็นภาษาอาหรับว่า ดารุลอามัน ("ถิ่นที่อยู่แห่งสันติภาพ") เป็นรัฐหนึ่งในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซียตะวันตก ครอบคลุมขนาดเนื้อที่ 9,425 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยพื้นที่บนแผ่นดินใหญ่มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบใช้สำหรับปลูกข้าว รวมทั้งเกาะลังกาวี
พรมแดนของรัฐเกอดะฮ์ทางทิศเหนือติดต่อกับรัฐปะลิส และติดต่อกับจังหวัดสงขลาและจังหวัดยะลาของประเทศไทย ทิศใต้ติดต่อกับรัฐเประ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดต่อกับรัฐปีนัง เมืองหลวงของรัฐคือ อาโลร์เซอตาร์ และเมืองของเจ้าผู้ครองคือ อานักบูกิต เมืองหลักอื่น ๆ ได้แก่ ซูไงเปอตานี (Sungai Petani) และกูลิม (Kulim) บนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งกัวะฮ์ (Kuah) บนเกาะลังกาวี
ประวัติศาสตร์
[แก้]เกอดะฮ์เป็นนครรัฐที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่บริเวณหุบเขาบูจัง ซึ่งเป็นร่องรอยการตั้งอยู่ของอาณาจักรฮินดู-พุทธ ในสมัยศตวรรษที่ 4 อาณาจักรแห่งนี้ถือว่าเป็นอารยธรรมที่เก่ามากบนพื้นแผ่นดินมาเลเชีย และมีการสืบเชื้อสายปกครองดินแดนในแถบนี้เรื่อยมาจนถึงสมัยของ กษัตริย์ชื่อ มะโรง มหาวงศ์ ซึ่งพระองค์นับถือศาสนาฮินดู โดยราชวงศ์ของพระองค์ ปกครองเกอดะฮ์เรื่อยมาจนถึงกษัตริย์องค์ที่ 9 พระองค์มหาวงศ์ เกอดะฮ์มีการติดต่อค้าขายกับอาหรับจนรับเอาอารยธรรมและศาสนาของชาวอาหรับเข้ามายึดถือ พระองค์มหาวงศ์ หันมานับถือศาสนาอิสลาม และเปลี่ยนชื่อเป็น สุลต่าน มุสซาฟา ชาห์ ในปี พ.ศ. 1679 (ค.ศ. 1136)
ตามประวัติศาสตร์แต่โบราณมา เมืองเกอดะฮ์ถูกเรียกว่าเมืองไทรบุรีมาโดยตลอด โดยในศตวรรษที่ 7-8 เมืองไทรบุรีขึ้นอยู่กับอาณาจักรศรีวิชัย หลังอาณาจักรศรีวิชัยล่มสลาย และเกิดอาณาจักรมะละกา ทางตอนใต้ เมืองไทรบุรีจึงไปขึ้นอยู่กับมะละกา จนกระทั่งศตวรรษที่ 17 พวกอาเจะฮ์ก็เข้าเข้าโจมตีเมืองไทรบุรี เจ้าเมืองไทรบุรีจึงได้ขอความช่วยเหลือยังอาณาจักรอยุธยาและถ้าปลดปล่อยสำเร็จจะขอเป็นเมืองประเทศราชของอาณาจักรอโยธยา โดยทางอาณาจักรอโยธยาได้ส่งกำลังทหารเข้ามาปลดปล่อยเมืองไทรบุรีจากพวกอาเจะฮ์เป็นผลสำเร็จ ซึ่งตั้งแต่นั้นเมืองไทรบุรี ศตวรรษที่ 18 ก็อยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรอโยธยาต่อมาถึงอาณาจักรสยามมาโดยตลอด ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชอาณาจักรสยามได้มีการปรับปรุงการดูแลหัวเมืองทางใต้ใหม่ โดยตั้งรูปแบบมณฑลขึ้นและเปลี่ยนการเรียกเมืองเป็นจังหวัด จึงทำให้เมืองไทรบุรีเปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดไทรบุรีสังกัดมณฑลมาลัย
ภายหลังจากเสด็จประพาสแหลมมลายูครั้งแรกจึงมีพระราชดำรัสเมื่อปี พ.ศ. 2440 ให้ตั้งมณฑลไทรบุรี (เมืองไทรบุรี เมืองปะลิส เมืองสตูล) ได้แต่งตั้งอับดุล ฮามิต เจ้าเมืองไทรบุรีเป็นข้าหลวงเทศาภิบาล ตำแหน่งพระยาฤทธิสงครามภักดี ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางกรุงเทพฯ โดยมีพระประสงค์ให้เจ้าเมืองเหล่านี้ภักดีต่อสยามมากกว่าจะแทรกแซงการเมืองภายใน รัชกาลที่ 5 ใช้จิตวิทยาในการให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองเมือง แสดงความใส่พระทัยและตักเตือน สั่งสอน เน้นให้ดูแลพัฒนาความเป็นอยู่ราษฎรให้เทียบเท่าในเขตที่ปกครองโดยอังกฤษ อำนาจของรัฐบาลสยามถูกใช้ผ่านกลุ่มผู้นำท้องถิ่นในฐานะหัวเมืองประเทศราชซึ่งได้รับยศ ตำแหน่ง เป็นข้าราชการของราชสำนักสยาม[6]
ต่อมาอังกฤษได้เข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนมลายูทางใต้ของเมืองไทรบุรี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อังกฤษเข้ามามีอำนาจในดินแดนมลายู โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีแผนการหวังที่จะให้อังกฤษโดยมีข้อแม้ว่าต้องช่วยเมืองไทรบุรีให้ปลดปล่อยออกอำนาจของสยาม โดยเจ้าเมืองไทรบุรีมีข้อแลกเปลี่ยนคือยกเกาะหมากหรือเกาะปีนังในปัจจุบัน ให้กับอังกฤษ แต่อังกฤษสนใจเฉพาะการค้าเท่านั้นไม่มีต้องการมีเรื่องกับสยามเพราะการค้าของอังกฤษในสยามกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จึงปฏิเสธเจ้าเมืองไทรบุรีไปโดยให้เหตุผลว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของประเทศอื่น ปีนังจึงอยู่ในการปกครองของต่อไป
ต่อมาอังกฤษยึดอินเดียและพม่าเป็นรัฐอารักขาได้แล้ว และมีแผนขยายอำนาจอังกฤษจึงยอมรับข้อตกลงรับเกาะหมากหรือเกาะปีนังจากเมืองไทรบุรี โดยเรื่องนี้เมืองไทรบุรีไม่ได้แจ้งให้สยามซึ่งมีอำนาจเหนือเมืองไทรบุรีในขณะนั้นทราบ ทางสยามเมื่อทราบจึงส่งกองทัพยกกำลังเพื่อมาจับเจ้าเมืองไทรบุรีเพื่อพิจารณาโทษที่กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเจ้าเมืองไทรบุรีหนีเข้าไปอยู่ในเขตของอังกฤษ โดยสยามในขณะนั้นมีนโยบายไม่อยากเป็นศัตรูและรู้ว่าไม่สามารถทัดทานอำนาจของอังกฤษได้ ซึ่งผลทำให้เกาะปีนังตกเป็นของอังกฤษตั้งแต่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2329 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยต้องการยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่ได้เคยทำไว้กับอังกฤษโดยต้องการให้ได้มาซึ่งอำนาจ ศาลไทยที่จะพิจาณาคดีและบังคับคดีความผิดของคนอังกฤษและคนในบังคับอังกฤษซึ่งขณะนั้นได้สร้างปัญหามากมายกับสยาม โดยอังกฤษมีข้อแลกเปลี่ยนคือสยามจะต้องยกสี่รัฐมาลัยให้เป็นของอังกฤษ ประกอบด้วยกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี และปลิศ ซึ่งสยามได้พิจารณาและตัดสินใจยอมยกสี่รัฐมาลัยให้แก่อังกฤษเมื่อ 10 มีนาคม 2451 (นับศักราชใหม่ต้องเป็นปี 2452 เพราะเดิมทีไทยนับศักราชใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายน ไปสิ้นสุดที่เดือนมีนาคม ในศักราชถัดไปของปฏิทินสากล) เพื่อแลกเปลี่ยนตามเงื่อนไข ด้วยเหตุนี้เมืองไทรบุรีก็ตกอยู่ภายใต้รัฐมลายูของอังกฤษ เมื่อเมืองไทรบุรีได้เข้าไปรวมอยู่รัฐมลายูของอังกฤษซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม จึงได้เปลี่ยนชื่อไทรบุรีเป็นเกอดะฮ์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
รายนามเจ้าเมืองไทรบุรี
[แก้]- พระองค์มหาวังศา
- พระองค์มหาโพธิสัตว์
- พระศรีมหาวังศา
- พระศรีมหาอินทรวังศา
- พระองค์มหายาดดาหรา
- พระองค์มหาโพธิสัตว์ (ตั้งแต่องค์ที่1-6 นับถือพุทธศาสนา ตั้งแต่องค์ที่7เป็นต้นไป เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม)
- พระองค์มหาวังศา (สุลต่านมูนซาฟะ)
- สุลต่านมูอัดลำซะ (ตนกูมูอัดลำซะ)
- สุลต่านมหะมัดซะ (ตนกูมหะมัดซะ)
- สุลต่านมันโลซะ (ตนกูมันโลซะ)
- สุลต่านมหะมุดซะ (ตนกูมหะมุดซะ)
- สุลต่านสุไลยมันซะ (ตนกูสุไลยมันซะ)
- สุลต่านรายาอุดินมหะมัดซะ (ตนกูมหะมัดซะ)
- สุลต่านมหัยยิตดินมันโซร์ซะ (ตนกูมหัยยิตดินมันโซร์ซะ)
- สุลต่านลิยาอุดินมัดรำซะ (ตนกูลิยาอุดินมัดรำซะ)
- สุลต่านอะตาอินลามหะมัดซะ (ตนกูอะตาอินลามหะมัดซะ)
- สุลต่านอมัดตายุดินมัดรำซะ (ตนกูอมัดตายุดินมัดรำซะ)
- สุลต่านมหะมัดยิหวากัยนันอาดิลินมูอัดลำซะ (ตนกูมหะมัดยิหวา)
- พระยาไทรบุรี (สุลต่านอัปดลลามัดรำซะ) (ตนกูอัปดลลา)
- พระยาไทรบุรี (สุลต่านลิยาอุดินมูอัดรำซะ) (ตนกูลิยาอุดินรายามุดา)
- เจ้าพระยาไทรบุรี (สุลต่านอะหมัดตายุดินฮาเลมซะ) (ตนกูปะแงรัน) ครั้งที่1
- พระยาอภัยธิเบศร์ (แสง) บุตรเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
- ตนกูอาหนุ่ม (รักษาการแทน ภายหลังเป็นพระยากะปังปาสู เจ้าเมืองกะปังปาสู Kubang Pasu)
- เจ้าพระยาไทรบุรี (สุลต่านอะหมัดตายุดินฮาเลมซะ) (ตนกูปะแงรัน) ครั้งที่2
- พระยาไทรบุรี (ตนกูดาอิ)
- เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดี ศรีสุลต่านมหะมัดรัตนราชมุนินทร์ฯ เจ้าพระยาไทรบุรี (ตนกูอามัด)
- พระยาฤทธิสงครามรามภักดี ศรีสุลต่านมหะมัดรัตนราชมุนินทร์ฯ พระยาไทรบุรี (ตนกูไซนาระชิด)
- เจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดี ศรีสุลต่านมหะมัดรัตนราชมุนินทร์ฯ เจ้าพระยาไทรบุรี (ตนกูฮามิด)[7]
- สุลต่านบาดิร ชาฮ์
- สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอัซซัม ชาห์
- สุลต่านตวนกู มาห์มุด ซาเลฮุดดิน
การแบ่งเขตการปกครอง
[แก้]รัฐเกอดะฮ์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 12 เขต ได้แก่
- เขตบาลิง (Baling)
- เขตบันดาร์บาฮารู (Bandar Baharu)
- เขตโกตาเซอตาร์ (Kota Setar)
- เขตกัวลามูดา (Kuala Muda)
- เขตกูบังปาซูหรือกุบังปาสู (Kubang Pasu)
- เขตกูลิม (Kulim)
- เขตลังกาวี (Langkawi)
- เขตปาดังเตอรัป (Padang Terap)
- เขตเปินดัง (Pendang)
- เขตซิก์ (Sik)
- เขตยัน (Yan)
ประชากร
[แก้]ประชากรในรัฐเกอดะฮ์ตามกลุ่มชาติพันธุ์ในปี พ.ศ. 2546 ได้แก่ ชาวมลายู (1,336,352 คน) ชาวจีน (252,987 คน) ชาวอินเดีย (122,911 คน) ไร้สัญชาติ (35,293 คน) และอื่น ๆ (27,532 คน) ในจำนวนนี้มีกลุ่มชาวไทยไทรบุรี ซึ่งเป็นชาวไทยพลัดถิ่นที่ตกค้างในประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่การทำสนธิสัญญากับประเทศอังกฤษ
ศาสนา
[แก้]ณ ปี ค.ศ. 2010 ประชากรรัฐเกอดะฮ์ร้อยละ 77.2 นับถือศาสนาอิสลาม, ร้อยละ 14.2 นับถือศาสนาพุทธ, ร้อยละ 6.7 นับถือศาสนาฮินดู, ร้อยละ 0.8 นับถือศาสนาคริสต์, ร้อยละ 0.3 นับถือลัทธิเต๋าหรือศาสนาพื้นบ้านของจีน, ร้อยละ 0.7 นับถือศาสนาหรือลัทธิอื่น ๆ และร้อยละ 0.1 เป็นผู้ที่ไม่มีศาสนา
การคมนาคมขนส่ง
[แก้]รัฐเกอดะฮ์มีเครือข่ายทางหลวงเชื่อมต่ออย่างดี ดังนั้นจึงสะดวกและง่ายที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปถึง ทางด่วนเส้นเหนือ-ใต้ก็ตัดผ่านรัฐเกอดะฮ์ จึงทำให้ย่นระยะเวลาการเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังอาโลร์เซอตาร์ให้เหลือเพียง 5 ชั่วโมง ในทางเดียวกันรถไฟเกเรอตัปปีตานะฮ์เมอลายู (Keretappi Tanah Melayu) ก็เปิดให้บริการทุกวันจากเมืองหลักๆ ของมาเลเซียไปยังเมืองอาโลร์เซอตาร์ และเมืองอื่นๆ
สายการบินแห่งชาติ (มาเลเซียแอร์ไลน์) ก็มีเที่ยวบิน 3 เที่ยวต่อวันไปยังอาโลร์เซอตาร์จากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ สายการบินแอร์เอเชียเป็นสายการบินที่มีเที่ยวบินสองเที่ยวต่อวันไปอาโลร์เซอตาร์ และยังออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริการเรือข้ามฟากที่ออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงจากเกาะลังกาวีไปยังกัวลาเกอดะฮ์ ตั้งแต่ 07.00 ถึง 19.00 น. ทุกวันอีกด้วย
การคมนาคมขนส่งอื่นๆ ก็มีรถโค้ชปรับอากาศและรถลีมูซีนทางไกลหรือแม้กระทั่งรถแท็กซี่ ก็ทำให้ได้บรรยากาศที่สดชื่นไปอีกแบบ
สถานที่ท่องเที่ยว
[แก้]- บาไลเบอซาร์ (Balai Besar)
- สร้างขึ้นในปี 1735 โดยสุลต่านโมฮาหมัด ยิวา (Mohamad Jiwa) สุลต่านองค์ที่ 19 ของรัฐเกอดะฮ์ ด้วยแรงบันดาลใจที่เคยไปเยี่ยมเยือนปาเลมบังในสุมาตรา มันได้ถูกบรรจงสร้างอย่างประณีตด้วยเสา หลังคาและการปูพื้นที่ทำด้วยไม้ แต่โชคไม่ดีนักที่โบราณสถานแห่งนี้ได้ถูกทำลายลงระหว่างการโจมตีของสยาม (ในยุคของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) ในปี 1787 และยังได้ถูกไฟเผาอย่างรุนแรงโดย Bugisin ในปี 1770 หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่และใช้สำหรับการเข้าเฝ้า ราชาภิเษก งานแต่งงาน และราชพิธีต่าง ๆ
- พิพิธภัณฑ์ของรัฐ
- พิพิธภัณฑ์ใหม่ของรัฐเกอดะฮ์นั้นได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มีนาคม 2003 แต่ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี 1997 มันได้สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์แห่งวิถีชีวิตบ้านเรือนแบบฉบับวัฒนธรรมมาเลเซียได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “bumbung panjang” หรือหลังคาแบบยาว ที่ได้กลายมาเป็นรูปแบบหลักของการสร้างบ้านแบบมลายู ตึกหลังนี้มีโถงจัดแสดงหลายห้อง (dewan) เช่น โถงวัฒนธรรม โถงประวัติศาสตร์ โถงด้านการขนส่ง โถงด้านการจารึก โถงอาวุธ โถงเกียรติยศ และโถงธรรมชาติ
- มัสยิดซาฮีร์
- มัสยิดแห่งนี้เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1912 และสร้างในแบบสถาปัตยกรรมมัวร์ อย่างโดดเด่น
- วัดจันดี บูกิต บาตู ปาฮัต (วัดเขาหินสลัก)
- ภายในวัดนี้มีจารึกภาษาสันสกฤต เครื่องกระเบื้องจีน ลูกปัดอินเดีย และเครื่องแก้วจากตะวันออกกลาง
- Padi Museum (พิพิธภัณฑ์ข้าว)
- แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมล่าสุดของนักท่องเที่ยวที่มีการจัดแสดงลักษณะที่แตกต่างกันออกไปของการเก็บเกี่ยวโดยใช้ปาดี (padi) ตั้งแต่อดีตมา รวมไปถึงการจัดแสดงพันธุ์ข้าวจากทั่วโลก พิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่กูนุงเกอเรียง (Gunung Keriang) ประมาณ 8 กิโลเมตรจาก อาโลร์เซอตาร์ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับกรรมวิธีดั้งเดิมของการใช้อุปกรณ์การปลูกข้าวและพัฒนาการของเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวต่างๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน
- อาโลร์เซอตาร์ทาวเวอร์
- เป็นสถานที่ที่นิยมสำหรับชมทิวทัศน์รอบเมืองอาโลร์เซอตาร์ ที่ความสูง 170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตึกโทรคมนาคมสื่อสารที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 19 ของโลกแห่งนี้ยังต้อนรับลูกค้าขาจรหรือลูกค้าบริษัทสำหรับการประชุมและสัมนาที่จะเข้ามารับประทานอาหารในภัตาคารหมุนเซอรีเมอลายู (Seri Melayu) แห่งนี้อีกด้วย
- โกตากัวลาเกอดะฮ์
- ซากปรักหักพังของป้อมปราการที่ยังคงอบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้นั้นตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำเกอดะฮ์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างก่ออิฐชาวอินเดียในตอนต้นศตวรรษที่ 17 ด้วยความช่วยเหลือจากโปรตุเกสเพื่อเป็นป้องกันศัตรูของรัฐเกอดะฮ์ ทุกวันนี้ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นว่ามีอาหารทะเลที่รสชาติเยี่ยมอีกด้วย
- บ้านเกิดอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ มูฮัมหมัด
- สถานที่เกิดของนายกรัฐมนตรีผู้เรืองอำนาจและมีชื่อเสียงระดับโลก – Tun Dr. Mahathir Mohamad สร้างขึ้นในปี 1900 มีการจัดแสดงจากช่วงเวลาที่ท่านยังเป็นเด็กจนเข้าโรงเรียนและจนถึงเวลาที่ท่านเป็นแพทย์
- ตลาดวันพุธ
- Pekan Rabu หรือตลาดวันพุธสร้างขึ้นในปี 1967 มีความเชื่อกันว่าตลาด แห่งนี้นั้นเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกที่รวมสินค้าที่จำเป็นประจำวันเอาไว้ เช่น อาหารพื้นเมืองมลายู, ยาพื้นบ้าน, หัตถกรรมและเสื้อผ้าภายในสถานที่แห่งนี้
- ซินตาซายังกอล์ฟคลับแอนด์คันทรีรีสอร์ต
ตั้งอยู่ห่างออกไปครึ่งชั่วโมงจากปีนัง ในเมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งซูไงเปอตานี คอร์สนี้มี 18 หลุม 72 พาร์ ซึ่งถูกออกแบบเพื่อนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อยู่ด้วย เช่น ที่พัก สถานพักตากอากาศ สโมสรกอล์ฟ อาหารและเครื่องดื่ม สโมสรสุขภาพ และสนามม้า
- Darul Aman Golf & Country Club (ดารุลอะมานกอล์ฟแอนด์คันทรีคลับ)
- สนามกอล์ฟ 18 หลุมที่มีเนื้อที่กว่า 190 เอเคอร์ท่ามกลางพื้นที่แบบเนิน, มีต้นไม้ขึ้นเป็นแถว, เนินเขาเล็ก ๆ และหนองน้ำสลับไปกับสีเขียวชะอุ่ม ของทุ่งหญ้าสุดสายตาจะมองเห็น ที่นี่เป็นสนามกอล์ฟแบบ พาร์ 72 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อท้าทายความสามารถของทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ Darul Aman Golf & Country Club แห่งนี้เป็นสนามกอล์ฟแห่งที่สองในมาเลเซียที่ได้รับรางวัล ISO 9001:2000 ที่ตั้งนั้นอยู่ห่างออกไป 5 นาทีจากสี่แยกบันดาร์ ดารุ้ลอามาน บนทางหลวงสาย North-South; 10 นาทีจากสนามบิน Sultan Abdul Halim; 15 นาทีจากเมือง อาโลร์เซอตาร์; และประมาณครึ่งชั่วโมงจากบูกิตกายูฮีตัม สนามกอล์ฟแห่งนี้ยังได้เสนอบรรยากาศที่ปลดปล่อยและผ่อนคลาย และยังสามารถที่จะพักผ่อนไปท่ามกลางธรรมชาติอีกด้วย
- Black Forest Golf & Country Club
- สนามกอล์ฟแห่งแรกของโลกที่ตั้งอยู่ภายในเขตการค้าเสรี สนามแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสนามแบบ 18 หลุม พาร์ 72 แชมเปียนชิปที่บูกิตกายูฮีตัมบรรจงสร้างจากธรรมชาติอันเขียวขจีด้วยพื้นที่สวยงาม สถานพักตากอากาศกอล์ฟนานาชาติที่ให้ประสบการณ์ทั้งท้าทายและความพอใจมิรู้ลืม
- Calling All Thrill Seekers
- กลิ่นอายแห่งการผจญภัยในแบบเสียว ๆ และล้มคว่ำล้มหงายในเกอดะฮ์ ท่องป่าไปตามเนินเขาป่าเขตร้อนหรือตามเส้นทางที่ชอบไปดูสัตว์ป่าที่หายากและดุร้าย หรือบุกเส้นทางที่ไม่เคยมีใครผ่านไปด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หรืออาจล่องเรือคายัคไปตามแก่งน้ำเชี่ยว และอาจขับรถมอเตอร์ครอสไปตามเส้นทางวิบากได้อีกด้วย
- Ulu Muda Eco Park (อุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอูลูมูดา)
- มรดกทางธรรมชาติพื้นที่ 105,000 ที่ยังคงบริสุทธิ์ นั้นสามารถเข้าถึงได้ทางถนนประมาณ 95 กิโลเมตรจาก อาโลร์เซอตาร์ และประมาณ 140 กิโลเมตร จาก Penang อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 109 ชนิด, นก 174 สายพันธุ์, สัตว์เลื้อยคลาน 54 ชนิด, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 42 พันธุ์, ปลา 33 พันธุ์ บางชนิดก็เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นป่าฝนเท่านั้น ด้วยบริการการนำทางที่มากด้วยประสบการณ์สูง การเดินทางจึงมีการสอดแทรกการศึกษาและสิ่งที่น่าตื่นเต้นไว้ด้วย
- Lasor Eco Park (อุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศลาโซร์)
- แหล่งพบปะของรถ 4WD บนเส้นทางนี้ของผู้ที่กำลังค้นหาความท้าทายและการสำรวจอันน่าตื่นเต้นท่ามกลางที่พำนักในป่าที่ห่างไกลและอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ตั้งอยู่ภายในอุทยานการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอูลูมูดา อุทยานลาโซร์แห่งนี้นั้นมีอุปสรรคมากมายที่ต้องใช้ความพยายาม, พลังงานและความเฉลียวฉลาดอย่างมากเพื่อที่จะได้มาซึ่งชัยชนะ การเดินทางจากอาโลร์เซอตาร์ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 45 นาที หรือเพียงแค่ 30 นาทีจากบาลิง มา Kampung Lubuk Pelanduk ที่ซึ่งจะมีบริการยานพาหนะแบบ 4WD ห่างออกไปเพียง 11 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
- Sungai Sedim White Water Activities (กิจกรรมท่องเที่ยวน้ำจืด ซูไงเซอดิม)
- เมื่อเทียบจากปลายทางการท่องเที่ยว 5 อันดับยอดนิยมของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก โดยผู้เชี่ยวชาญนานาชาติแล้วที่เซดิมแห่งนี้ก็จัดอยู่เป็นหนึ่งในรายการแหล่งท่องเที่ยวนี้ด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่จะมาที่นี้ มีผู้จัดการที่จัดการกิจกรรม white water ต่างๆตลอดเส้นทาง 15 กิโลเมตรของแม่น้ำเซดิม ในจุดนัดพบต่างๆ แก่งนี้ตั้งอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงจาก อาโลร์เซอตาร์ หรือประมาณ 30 นาทีจาก Kulim Hi-Tech Park, นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและความสนุกสนานในกิจกรรมอันยิ่งใหญ่ที่นี่และรวมถึงการล่องแก่ง, ลอดอุโมงค์, คายัค, แคมปิ้งและการปีนเขาหรือจักรยานภูเขาและข้ามไปยังกูนุงบินตุงที่อยู่ใกล้ๆ ด้วย
- Tree Top Wa
- เดินศึกษาธรรมชาติบนทางเดินเท้าที่ยาวที่สุดในโลกซึ่งมีความสูงที่ระดับ 950 เมตร เหนือระดับยอดไม้ป่าฝนและเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและพรรณไม้นานาชนิดตามแม่น้ำเซดิม ที่มีทัศนียภาพอันงดงามและอุดมสมบูรณ์ ทางเดินนั้นเป็นโครงสร้างเหล็กเสริมซึ่งปลอดภัยและแข็งแรงที่มาพร้อมกับรางสำหรับการสำรวจสิ่งแวดล้อมที่ง่ายขึ้น มีศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวบริการข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างและความก้าวหน้าในโครงสร้างทั้งหมดนี้อยู่ด้วย ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของ Sedim ซึ่งประมาณ 2 ชั่วโมงจาก อาโลร์เซอตาร์ และ 30 นาทีจาก Kulim Hi-Tech Park
- Rich Multi-Faceted Legacy
- ด้วยคุณค่าแห่งการวิจัยและการค้นพบทางประวัติศาสตร์ ทำให้รัฐเกอดะฮ์เป็นรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่บนเส้นทางการคมนาคมหลักสายหนึ่งที่ทอดผ่านคาบสมุทรในเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่สายตะวันออก-ตะวันตก รัฐเกอดะฮ์ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญรุ่งเรืองสำหรับการตั้งถิ่นฐานและการค้าในอดีต
- Bujang Valley (หุบเขาบูจัง)
- หุบเขาบูจังเป็นอาณาจักรเก่าที่มีเวลาย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 4 ตั้งอยู่เชิงเขากูนุงเจอไร ประมาณ 35 นาทีจากอาโลร์เซอตาร์ ที่นี่จัดว่าเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมก่อนอิสลามของเกอดะฮ์ มรดกที่ยังหลงเหลือของยุคสมัยที่เรืองวัฒนธรรมของพุทธ-ฮินดู ทุกวันนี้ถูกแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณ์โบราณสถานเลิมบะบูจังที่ บูกิตบารูปาฮัต เจดีย์มากกว่า 50 เจดีย์ถูกขุดขึ้นมาและอีกมากมายถูกสร้างขึ้นหลังยุคเรืองอำนาจของอารยธรรมบูจัง
- Join In Nature’s Panorama
- งดงามและมีเสน่ห์, ความงามแห่งธรรมชาติของหุบเขา, น้ำตกและหุบเขากว้างแห่งเกอดะฮ์ แสดงรูปภาพของมิติที่นูนออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ห้อมล้อมด้วยความเย็นเยือกอย่างสงบของความเขียวขจีที่ส่งกลิ่นอายความสดชื่นและปล่อยสารธรรมชาติซึ่งเป็นเสมือนยารักษาความเครียดได้ พรรณไม้และสัตว์ – สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดสามารถแทนที่ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติได้เท่ากับธรรมชาติเอง
- Gunung Jerai (กูนุงเจอไร)
- ที่ความสูง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยอดเขาเกอดะฮ์เนินหินปูนอันงามสง่า, ซึ่งถูกปกคลุมด้วยสีเขียวขจีที่ให้ทิวทัศน์อันตระการตาของหุบเขาเบื้องล่างที่เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวสด ที่อุทยานนี้ คุณสามารถพบพิพิธภัณฑ์ป่าไม้ที่ซึ่งไม้นานาชนิดจากป่ากูนุง เจอรัย มีแสดงอยู่ที่นี่ และยังเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินป่า, ดูนก และตั้งค่ายพักแรม
- Pedu Lake (ทะเลสาบเปอดู)
- สามารถเขาถึงได้โดยรถ ประมาณ 45 กิโลเมตร จากกัวลาเนอรัง และประมาณ 95 กิโลเมตรจากอาโลร์เซอตาร์ แหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สันโดษแวดล้อมด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าหลากชนิด แม้ว่ากระท่อมทั้งหลายที่นี่จะถูกออกแบบมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้เข้ากันได้ดีกับความเงียบสงบและสภาพแวดล้อมที่เย็นสบาย แต่ในช่วงหนึ่งของปี – เดือนกุมภาพันธ์ จะมีโอกาสได้เห็นนักล่าผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้งป่าเข้ามาบ้าง กิจกรรมอื่นๆที่สามารถหาได้ที่นี่ก็คือการตกปลา, การเดินป่า, การดูนกและกิจกรรมการผจญภัยทั้งหลาย
- Ulu Legong Hotsprings (น้ำพุร้อนอูลูเลอกง)
- ทางเลือกแบบธรรมชาติ, เรียบง่ายและสบายๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนนับไม่ถ้วนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง หรือชายและหญิงที่ต้องการบำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์ต่างต่อแถวเพื่อเข้ามาอาบน้ำแร่ธรรมชาติแห่งนี้กัน ที่พักค้างแรมก็มีบริการไว้ที่นี่ด้วย อูลู เลอกงอยู่ห่างออกไปจากอาโลร์เซอตาร์ ประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองบาลิง
- Pulau Payar Marine Park (อุทยานแห่งชาติทางทะเลปูเลาปายาร์)
- อุทยานแห่งชาติทางทะเลปูเลา ปายาร์อันเก่าแก่และเลื่องชื่อระดับโลกสำหรับการดำน้ำตื้น, น้ำลึก, ว่ายน้ำหรือปิกนิก ท้องเรือเป็นกระจกไว้มองเห็นพื้นน้ำ มองเห็นปะการังและสวนปะการังอันตื่นตา, เม่นทะเล, และปลาอันตรายใต้ท้องทะเลมากมาย
- Kampung Relau Homestay
- ได้รับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวเรือนแรมปี 2003 เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ออกห่างไปในตำบล Bandar Baharu ทางตอนใต้ของเกอดะฮ์ ชายแดนทางตอนเหนือของเประ และทางใต้ของ Seberang Perai ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีเพื่อมาถึงที่นี่จากปีนัง และ 15 นาทีจาก Parit Buntar ในเประ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Laporan Kiraan Permulaan 2010" (PDF). Jabatan Perangkaan Malaysia. p. 27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 27 January 2018. สืบค้นเมื่อ 24 January 2011.
- ↑ "Population by States and Ethnic Group". Department of Information, Ministry of Communications and Multimedia, Malaysia. 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 February 2016. สืบค้นเมื่อ 12 February 2015.
- ↑ 3.0 3.1 "ประกาศสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 139 (พิเศษ 205 ง). 1 กันยายน 2565.
- ↑ "ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง (พ.ศ. 2544)" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 118 (ตอนพิเศษ 117ง): 2. 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-11-28. สืบค้นเมื่อ 2013-03-01.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ Cyril Skinner,The Civil War in Kelantan in 1839, Kuala Lumpur: Monographs of the Malaysian Branch, Royal Asiatic Society, 1965.
- ↑ ชัยวัฒน์ ปะสุนะ. 2564. “รัฐบาลสยามกับการจัดการปกครอง 4 หัวเมืองมลายู (ไทรบุรี ปะลิส กลันตัน และตรังกานู) ระหว่าง ค.ศ. 1873-1910”. วารสารรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 12(2), 223-224. https://so05.tci-thaijo.org/index.php/polscicmujournal/article/view/240247.
- ↑ พงศาวดารเมืองไทรบุรี ตามฉบับที่มีอยู่ในศาลาลูกขุน
- ↑ "2010 Population and Housing Census of Malaysia" (PDF). Department of Statistics, Malaysia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-05-22. สืบค้นเมื่อ 17 June 2012. p. 13
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- KEDAH MAJU 2010 เว็บไซต์ประจำรัฐเกอดะฮ์
- เว็บไซต์การท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของรัฐเกอดะฮ์ เก็บถาวร 2008-05-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Kulim High Tech Park
- ทัวร์รัฐเกอดะฮ์ เก็บถาวร 2007-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Virtual Malaysia เก็บถาวร 2010-03-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - กระทรวงการท่องเที่ยวมาเลเซีย