ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาอาหรับ"
ย้อนการแก้ไขที่ 9329889 สร้างโดย 2001:E68:4429:3E41:99B5:5B34:7F3E:70E2 (พูดคุย) ป้ายระบุ: ทำกลับ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{เพิ่มอ้างอิง}} |
{{เพิ่มอ้างอิง}} |
||
{{ขีดฆ่า}} |
|||
{{กล่องข้อมูล ภาษา |
|||
| name = อาหรับ |
|||
| nativename = العربية ''อะรอบียะฮฺ'' |
|||
| pronunciation = /alˌʕa.raˈbij.ja/ |
|||
| image = Arabic albayancalligraphy.svg |
|||
| imagesize = 150px |
|||
| imagecaption = '''{{transl|ar|อัลอะเราะบียะฮ์}}''' ที่เขียนด้วยอักษรอาหรับ ([[นัสค์ (แบบอักษร)|แบบอักษรนัสค์]]) |
|||
| states = [[ประเทศแอลจีเรีย|แอลจีเรีย]] [[ประเทศบาห์เรน|บาห์เรน]] [[ประเทศอียิปต์|อียิปต์]] [[ประเทศอิรัก|อิรัก]] [[ประเทศจอร์แดน|จอร์แดน]] [[ประเทศคูเวต|คูเวต]] [[ประเทศเลบานอน|เลบานอน]] [[ประเทศลิเบีย|ลิเบีย]] [[ประเทศมอริเตเนีย|มอริเตเนีย]] [[ประเทศโมร็อกโก|โมร็อกโก]] [[ประเทศโอมาน|โอมาน]] [[ปาเลสไตน์]] [[ประเทศกาตาร์|กาตาร์]] [[ประเทศซาอุดีอาระเบีย|ซาอุดีอาระเบีย]] [[ประเทศซูดาน|ซูดาน]] [[ประเทศซีเรีย|ซีเรีย]] [[ประเทศตูนีเซีย|ตูนีเซีย]] [[สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์]] [[ประเทศเยเมน|เยเมน]]; เป็นภาษากลุ่มน้อยในประเทศอื่น ๆ มากมาย |
|||
| region = [[โลกอาหรับ]] |
|||
| speakers = {{sigfig|313|2}} ล้านคนในหลายแบบ |
|||
| date = 2011–2016<!--reporting dates of the data--> |
|||
| ref = <ref name=e21>{{cite web|title=Arabic – Ethnologue|url=//www.ethnologue.com/language/ara|website=Ethnologue|publisher=Simons, Gary F. and Charles D. Fennig (eds.). 2018. Ethnologue: Languages of the World, 21st edition|accessdate=21 February 2018|archive-url=https://web.archive.org/web/20160105171142/https://www.ethnologue.com/language/ara|archive-date=5 January 2016|url-status=live|df=dmy-all}}</ref> |
|||
| speakers2 = {{sigfig|274|2}} ล้านคน [[ผู้พูดภาษาที่สอง]] ที่พูดภาษาอาหรับมาตรฐาน (สมัยใหม่)<ref name=e21/> |
|||
| rank = 5 ใกล้เคียงกับ[[ภาษาโปรตุเกส]] |
|||
| familycolor = Afro-Asiatic |
|||
| fam2 = [[ภาษากุล่มเซมิติก|เซมิติก]] |
|||
| fam3 = [[ภาษากลุ่มเซมิติกตะวันตก|เซมิติกตะวันตก]] |
|||
| fam4 = [[ภาษากลุ่มเซมิติกกลาง|เซมิติกกลาง]] |
|||
| script = [[อักษรอาหรับ]] |
|||
| nation = [[ภาษาอาหรับมาตรฐานสมัยใหม่]]เป็นภาษาทางการใน [[รายชื่อประเทศที่ภาษาอาหรับเป็นภาษาทางการ|26 รัฐ]] และ 1 ดินแดนพิพาท เป็นอันดับสามรองจากภาษาอังกฤษกับฝรั่งเศส<ref>{{Harvcoltxt|Wright|2001|p=492}}</ref>{{collapsible list |
|||
|{{flag|Algeria}}<br />{{flag|Bahrain}}<br />{{flag|Comoros}}<br />{{flag|Chad}}<br >{{flag|Djibouti}}<br />{{flag|Egypt}}<br />{{flag|Iraq}}<br />{{flag|Jordan}}<br />{{flag|Kuwait}}<br />{{flag|Lebanon}}<br />{{flag|Libya}}<br />{{flag|Mauritania}}<br />{{flag|Morocco}}<br />{{flag|Oman}}<br />{{flag|Palestine}}<br />{{flag|Qatar}}<br />{{flag|Saudi Arabia}}<br />{{flag|Somalia}}<br />{{flag|Sudan}}<br />{{flag|Syria}}<br />{{flag|Tunisia}}<br />{{flag|United Arab Emirates}}<br />{{flag|Yemen}}<br />{{flag|Zanzibar}}({{flag|Tanzania}})<br /> {{flag|Western Sahara}}<br />(พิพาทเรื่องอาณาเขต)<br />'''องค์กร'''<br />[[สหภาพแอฟริกา]]<br />[[สันนิบาตอาหรับ]]<br />[[องค์การความร่วมมืออิสลาม]]<br />[[สหประชาชาติ]]}} |
|||
| minority = {{collapsible list| [[บรูไน]]<br />[[เซวตา]]<br />[[ไซปรัส]]<br />[[เอริเทรีย]]<br />[[อินโดนีเซีย]]<br />[[อิสราเอล]]<br />[[มาลี]]<br />[[เมลียา]]<br />[[ไนเจอร์]]<br />[[ปากีสถาน]]<br />[[เซเนกัล]]<br />[[ซูดานใต้]]}} |
|||
| agency = {{collapsible list |
|||
| [[ไฟล์:Blank.png|26px|link=]] [[Arabic Language International Council]]<br /> |
|||
[[แอลจีเรีย]]: [[Supreme Council of the Arabic language in Algeria]]<br /> |
|||
[[อียิปต์]]: [[Academy of the Arabic Language in Cairo]]<br /> |
|||
[[อิสราเอล]]: [[Academy of the Arabic Language in Israel]]<br /> |
|||
[[อิรัก]]: [[Iraqi Academy of Sciences]]<br /> |
|||
[[จอร์แดน]]: [[Jordan Academy of Arabic]]<br /> |
|||
[[ลิเบีย]]: Academy of the Arabic Language in Jamahiriya<br /> |
|||
[[โมร็อกโก]]: [[Academy of the Arabic Language in Rabat]]<br /> |
|||
[[ซาอุดีอาระเบีย]]: [[Academy of the Arabic Language in Riyadh]]<br /> |
|||
[[โซมาเลีย]]: [[Academy of the Arabic Language in Mogadishu]]<br /> |
|||
[[ซูดาน]]: [[Academy of the Arabic Language in Khartoum]]<br /> |
|||
[[ซีเรีย]]: [[Arab Academy of Damascus]] (เก่าแก่ที่สุด)<br /> |
|||
[[ตูนีเซีย]]: [[Beit Al-Hikma Foundation]] |
|||
}} |
|||
| iso1 = ar |
|||
| iso2 = ara |
|||
| iso3 = ara |
|||
| lc1 = arq |
|||
| ld1 = ภาษาอาหรับแอลจีเรีย |
|||
| lc2 = aao |
|||
| ld2 = ภาษาอาหรับแอลจีเรียแถบซะฮารา |
|||
| lc3 = bbz |
|||
| ld3 = ภาษาอาหรับบาบาเลียครีโอล |
|||
| lc4 = abv |
|||
| ld4 = ภาษาอาหรับบาห์เรน |
|||
| lc5 = shu |
|||
| ld5 = ภาษาอาหรับชาด |
|||
| lc6 = acy |
|||
| ld6 = ภาษาอาหรับมาโรไนต์ |
|||
| lc7 = adf |
|||
| ld7 = ภาษาอาหรับโดฟารี |
|||
| lc8 = avl |
|||
| ld8 = ภาษาอาหรับอาระเบียตะวันตกเฉียงเหนือ |
|||
| lc9 = arz |
|||
| ld9 = ภาษาอาหรับอียิปต์ |
|||
| lc10 = afb |
|||
| ld10 = ภาษาอาหรับอ่าว |
|||
| lc11 = ayh |
|||
| ld11 = ภาษาอาหรับฮัฎเราะมี |
|||
| lc12 = acw |
|||
| ld12 = ภาษาอาหรับฮิญาซ |
|||
| lc13 = ayl |
|||
| ld13 = ภาษาอาหรับลิเบีย |
|||
| lc14 = acm |
|||
| ld14 = ภาษาอาหรับเมโสโปเตเมีย |
|||
| lc15 = ary |
|||
| ld15 = ภาษาอาหรับโมร็อกโก |
|||
| lc16 = ars |
|||
| ld16 = ภาษาอาหรับนัจญ์ดี |
|||
| lc17 = apc |
|||
| ld17 = ภาษาอาหรับลิแวนต์เหนือ |
|||
| lc18 = ayp |
|||
| ld18 = ภาษาอาหรับเมโสโปเตเมียเหนือ |
|||
| lc19 = acx |
|||
| ld19 = ภาษาอาหรับโอมาน |
|||
| lc20 = aec |
|||
| ld20 = ภาษาอาหรับเซาะอีดี |
|||
| lc21 = ayn |
|||
| ld21 = ภาษาอาหรับศ็อนอา |
|||
| lc22 = ssh |
|||
| ld22 = ภาษาอาหรับชิฮฮี |
|||
| lc23 = ajp |
|||
| ld23 = ภาษาอาหรับลิแวนต์ใต้ |
|||
| lc24 = arb |
|||
| ld24 = ภาษาอาหรับมาตรฐาน |
|||
| lc25 = apd |
|||
| ld25 = ภาษาอาหรับซูดาน |
|||
| lc26 = pga |
|||
| ld26 = ภาษาอาหรับซูดานครีโอล |
|||
| lc27 = acq |
|||
| ld27 = ภาษาอาหรับตาอิซซี-อะเดนี |
|||
| lc28 = abh |
|||
| ld28 = ภาษาอาหรับทาจิกิสถาน |
|||
| lc29 = aeb |
|||
| ld29 = ภาษาอาหรับตูนีเซีย |
|||
| lc30 = auz |
|||
| ld30 = ภาษาอาหรับอุซเบกิสถาน |
|||
| lingua = 12-AAC |
|||
| map = Arabic Dispersion.svg |
|||
| mapcaption = บริเวณที่ภาษาอาหรับที่ภาษาท้องถิ่นของชนส่วนใหญ่ (สีเขียวเข้ม) หรือส่วนน้อย (สีเขียวอ่อน) |
|||
| map2 = Arabic speaking world.svg |
|||
| mapcaption2 = ประเทศที่ใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาประจำชาติ (เขียว), โดยเป็นภาษาราชการ (น้ำเงินเข้ม), และภูมิภาค/ภาษารอง (น้ำเงินอ่อน) |
|||
| notice = IPA |
|||
| protoname = [[Proto-Arabic]]<br />[[Old Arabic]]<br />[[Old Hijazi]]<br />[[Classical Arabic]] |
|||
| sign = Signed Arabic (national forms) |
|||
| glotto = arab1395 |
|||
| glottorefname = Arabic |
|||
}} |
|||
'''ภาษาอาหรับ''' ({{lang-ar|العربية}}; {{lang-en|Arabic Language}}) เป็น[[ภาษากลุ่มเซมิติก]] ที่มีผู้พูดมากที่สุด ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดพอควรกับ[[ภาษาฮีบรู]]และ[[ภาษาอราเมอิก]] โดยพัฒนามาจากภาษาเดียวกันคือภาษาเซมิติกดั้งเดิม ภาษาอาหรับสมัยใหม่ถือว่าเป็นภาษาขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสำเนียงย่อยได้ถึง 27 สำเนียง ในระบบ ISO 639-3 ความแตกต่างของการใช้ภาษาพบได้ทั่วโลกอาหรับ โดยมีภาษาอาหรับมาตรฐานซึ่งใช้ในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ภาษาอาหรับสมัยใหม่มาจากภาษาอาหรับคลาสสิกซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เหลืออยู่ในภาษากลุ่มอาหรับเหนือโบราณ เริ่มพบในพุทธศตวรรษที่ 11 และกลายเป็นภาษาทางศาสนาของ[[ศาสนาอิสลาม]]ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 เป็นภาษาของคัมภีร์[[อัลกุรอาน]] และภาษาของการ[[นมาซ]]และบทวิงวอนของชาวมุสลิมทั่วโลก [[ชาวมุสลิม]]จะเริ่มศึกษาภาษาอาหรับตั้งแต่ยังเด็ก เพื่ออ่านอัลกุรอานและทำการ[[นมาซ]] |
'''ภาษาอาหรับ''' ({{lang-ar|العربية}}; {{lang-en|Arabic Language}}) เป็น[[ภาษากลุ่มเซมิติก]] ที่มีผู้พูดมากที่สุด ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดพอควรกับ[[ภาษาฮีบรู]]และ[[ภาษาอราเมอิก]] โดยพัฒนามาจากภาษาเดียวกันคือภาษาเซมิติกดั้งเดิม ภาษาอาหรับสมัยใหม่ถือว่าเป็นภาษาขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสำเนียงย่อยได้ถึง 27 สำเนียง ในระบบ ISO 639-3 ความแตกต่างของการใช้ภาษาพบได้ทั่วโลกอาหรับ โดยมีภาษาอาหรับมาตรฐานซึ่งใช้ในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ภาษาอาหรับสมัยใหม่มาจากภาษาอาหรับคลาสสิกซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เหลืออยู่ในภาษากลุ่มอาหรับเหนือโบราณ เริ่มพบในพุทธศตวรรษที่ 11 และกลายเป็นภาษาทางศาสนาของ[[ศาสนาอิสลาม]]ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 เป็นภาษาของคัมภีร์[[อัลกุรอาน]] และภาษาของการ[[นมาซ]]และบทวิงวอนของชาวมุสลิมทั่วโลก [[ชาวมุสลิม]]จะเริ่มศึกษาภาษาอาหรับตั้งแต่ยังเด็ก เพื่ออ่านอัลกุรอานและทำการ[[นมาซ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:16, 23 พฤษภาคม 2564
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
{{{1}}}
ภาษาอาหรับ (อาหรับ: العربية; อังกฤษ: Arabic Language) เป็นภาษากลุ่มเซมิติก ที่มีผู้พูดมากที่สุด ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดพอควรกับภาษาฮีบรูและภาษาอราเมอิก โดยพัฒนามาจากภาษาเดียวกันคือภาษาเซมิติกดั้งเดิม ภาษาอาหรับสมัยใหม่ถือว่าเป็นภาษาขนาดใหญ่ แบ่งเป็นสำเนียงย่อยได้ถึง 27 สำเนียง ในระบบ ISO 639-3 ความแตกต่างของการใช้ภาษาพบได้ทั่วโลกอาหรับ โดยมีภาษาอาหรับมาตรฐานซึ่งใช้ในหมู่ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ภาษาอาหรับสมัยใหม่มาจากภาษาอาหรับคลาสสิกซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เหลืออยู่ในภาษากลุ่มอาหรับเหนือโบราณ เริ่มพบในพุทธศตวรรษที่ 11 และกลายเป็นภาษาทางศาสนาของศาสนาอิสลามตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 เป็นภาษาของคัมภีร์อัลกุรอาน และภาษาของการนมาซและบทวิงวอนของชาวมุสลิมทั่วโลก ชาวมุสลิมจะเริ่มศึกษาภาษาอาหรับตั้งแต่ยังเด็ก เพื่ออ่านอัลกุรอานและทำการนมาซ
ภาษาอาหรับเป็นแหล่งกำเนิดของคำยืมจำนวนมากในภาษาที่ใช้โดยมุสลิมและภาษาส่วนใหญ่ในยุโรป ภาษาอาหรับเองก็มีการยืมคำจากภาษาเปอร์เซียและภาษาสันสกฤตด้วย ในช่วงยุคกลาง ภาษาอาหรับเป็นภาษาหลักในการขับเคลื่อนวัฒนธรรมโดยเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และปรัชญา จึงทำให้ภาษาในยุโรปจำนวนมากยืมคำไปจากภาษาอาหรับ โดยเฉพาะภาษาสเปนและภาษาโปรตุเกส ทั้งนี้เพราะอารยธรรมอาหรับเคยแผ่ขยายไปถึงคาบสมุทรไอบีเรีย
ภาษาอาหรับทางศาสนาและสมัยใหม่
ชาวอาหรับถือว่าภาษาอาหรับที่ใช้ในทางศาสนาเป็นภาษามาตรฐานและรูปแบบอื่นๆถือเป็นสำเนียง ภาษาอาหรับทางศาสนาในปัจจุบันรวมทั้งภาษาที่ใช้ในสื่อปัจจุบันตลอดแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางและภาษาในอัลกุรอ่าน ส่วนสำเนียงของภาษาอาหรับหมายถึงภาษาอาหรับที่ต่างจากภาษาอาหรับคลาสสิกและใช้พูดกันในบริเวณต่าง ๆ ของแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง และใช้เป็นภาษาพูดในปัจจุบัน บางครั้งมีความแตกต่างกันมากพอที่ทำให้ไม่เข้าใจกันได้ สำเนียงเหล่านี้ไม่มีภาษาเขียน มีการใช้บ้างในสื่อแบบไม่เป็นทางการ เช่นละครหรือทอล์กโชว์ ภาษาอาหรับมาตรฐานหรือภาษาอาหรับทางศาสนาเป็นภาษาราชการของประเทศกลุ่มอาหรับทุกประเทศ และเป็นรูปแบบเดียวที่ใช้สอนในโรงเรียน ทำให้ภาษาอาหรับเป็นตัวอย่างหนึ่งของภาษาที่มีรูปแบบสองชนิดและใช้ในสภาพสังคมที่ต่างกัน ชาวอาหรับที่มีการศึกษาในทุกประเทศ จะใช้ได้ทั้งภาษาอาหรับที่ใช้พูดในท้องถิ่นและภาษาอาหรับที่ใช้ในการศึกษา ดังนั้นชาวอาหรับที่มีการศึกษาและมาจากคนละประเทศ เช่น ชาวโมร็อกโกและชาวเลบานอน จะใช้ภาษาอาหรับมาตรฐานในการติดต่อสื่อสาร
เช่นเดียวกับภาษาอื่น ๆ ภาษาอาหรับทางศาสนายังคงมีพัฒนาการ ภาษาอาหรับคลาสสิกอาจแยกได้จากภาษาอาหรับมาตรฐานสมัยใหม่ที่ใช้ในปัจจุบัน ภาษาอาหรับคลาสสิกเรียงประโยคตามไวยากรณ์แบบคลาสสิกและใช้ศัพท์จากพจนานุกรมยุคคลาสสิก ในภาษาอาหรับสมัยใหม่ มีโครงสร้างที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาอื่น เช่นการพูดถึงของหลายสิ่ง ภาษาอาหรับมาตรฐานใช้ ก ข ค และ ง ในขณะที่ภาษาอาหรับคลาสสิกใช้ ก และ ข และ ค และ ง มากกว่า ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยประธานถือว่าปกติในภาษาอาหรับมาตรฐานมากกว่าภาษาอาหรับคลาสสิก
อิทธิพลของภาษาอาหรับต่อภาษาอื่น
ภาษาอาหรับมีอิทธิพลมากในโลกอิสลามและเป็นแหล่งของคำศัพท์ ที่ใช้ในภาษาเบอร์เบอร์ ภาษาเคิร์ด ภาษาเปอร์เซีย ภาษาสวาฮีลี ภาษาอูรดู ภาษาฮินดี ภาษามลายู ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาตุรกี เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น คำว่ากิตาบ ซึ่งแปลว่าหนังสือในภาษาอาหรับ มีใช้ในทุกภาษาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยกเว้นภาษามลายูและภาษาอินโดนีเซียที่ใช้หมายถึงหนังสือทางศาสนา ภาษาสเปนและภาษาโปรตุเกสมีคำยืมจากภาษาอาหรับมาก และมีในภาษาอังกฤษเล็กน้อย ภาษาอื่นๆเช่น ภาษามอลตา ภาษากินูบี ได้รับอิทธิพลจากภาษาอาหรับทั้งทางด้านคำศัพท์และไวยากรณ์
คำยืมจากภาษาอาหรับมีกว้างขวางทั้งคำจากศาสนา (เช่น ภาษาเบอร์เบอร์ tazallit = ละหมาด) ศัพท์ทางวิชาการ (เช่น ภาษาอุยกูร์ mentiq = วิชา) ศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ (เช่น ภาษาอังกฤษ sugar = น้ำตาล) จนถึงคำสันธานที่ใช้ในการพูดประจำวัน (เช่น ภาษาอูรดู lekin = แต่) ภาษาเบอร์เบอร์ส่วนใหญ่และภาษาสวาฮีลียืมตัวเลขจากภาษาอาหรับ ศัพท์ทางศาสนาอิสลามส่วนใหญ่เป็นคำยืมโดยตรงจากภาษาอาหรับ เช่น salat (ละหมาด) และอิหม่าม ในภาษาที่ไม่ได้ติดต่อกับโลกอาหรับโดยตรง คำยืมจากภาษาอาหรับจะถูกยืมผ่านภาษาอื่น ไม่ได้มาจากภาษาอาหรับโดยตรง เช่น คำยืมจากภาษาอาหรับในภาษาอูรดูส่วนใหญ่ รับผ่านทางภาษาเปอร์เซีย และคำยืมจากภาษาอาหรับส่วนใหญ่ในภาษาฮัวซาได้รับมาจากภาษากานูรี
คำยืมจากภาษาอาหรับในภาษาอังกฤษและภาษาในยุโรปส่วนใหญ่ได้รับผ่านทางภาษาสเปนและภาษาอิตาลี ตัวอย่างที่มีใช้กันทั่วไป เช่น sugar (มาจาก sukkar) cotton (qutn) และ magazine (mahazin) คำในภาษาอังกฤษที่มีต้นกำเนิดจากภาษาอาหรับ algebra alcohol alchemy alkali และ zenith คำบางคำที่ใช้กันทั่วไปเช่น intention และ information มีต้นกำเนิดมาจากศัพท์ทางปรัชญาของภาษาอาหรับ
ภาษาอาหรับและศาสนาอิสลาม
ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ใช้ในอัลกุรอาน มุสลิมทุกคนต้องเรียนอ่านอัลกุรอานภาษาอาหรับเพื่อรักษาความหมายดั้งเดิมไว้ไม่ให้ผิดพลาดเพราะการแปล อย่างไรก็ตาม ภาษาอาหรับคงมีการใช้ในกลุ่มชาวอาหรับที่นับถือศาสนาคริสต์ ชาวอาหรับดรูซ ชาวยิวมิซราฮี และชาวมันเดียนในอิรัก ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาแม่ แต่สามารถอ่านภาษาอาหรับที่เกี่ยวข้องกับศาสนาได้
ประวัติ
หลายคน เชื่อว่าภาษาอาหรับสมัยใหม่เป็นส่วนหนึ่งของสาขาย่อยอาหรับ-คานาอันไนต์ของภาษากลุ่มเซมิติกตะวันตกกลาง ในขณะที่ภาษาอาหรับไม่ใช่ภาษาเซมิติกที่เก่าสุด จึงมีลักษณะร่วมกับภาษาบรรพบุรุษของภาษากลุ่มเซมิติกในตระกูลแอฟโฟร-เอเชียติกคือภาษาเซมิติกดั้งเดิม นักภาษาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าภาษาอาหรับเป็นภาษาที่มีความเป็นเซมิติกมากที่สุดในบรรดาภาษากลุ่มเซมิติกสมัยใหม่ด้วยกัน เพราะรักษาลักษณะของภาษาเซมิติกดั้งเดิมไว้ได้มาก
เอกสารของภาษาอาหรับดั้งเดิมหรือภาษาอาหรับเหนือโบราณคือจารึกที่อาซาเอียนที่พบทางตะวันออกของซาอุดิอาระเบียมีอายุราว 257 ปีก่อนพุทธศักราช เขียนด้วยอักษรอาระเบียใต้ ในยุคต่อมาคือเอกสารลิเชียนไนต์ อายุราว 57 ปีก่อนพุทธศักราช พบทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาอุดิอาระเบีย และเอกสารทามุด (ษะมูด) ที่พบตลอดคาบสมุทรอาระเบียและไซนาย หลักฐานในยุคต่อมาคือจารึกซาไฟติกอายุราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช และชื่อเฉพาะภาษาอาหรับที่พบในจารึกภาษานาบาทาเอียน
เมื่อราว ค.ศ. 400 กษัตริย์ของชาวอาหรับแห่งลักมิดในอิรักภาคใต้ กษัตริย์ฆาสซานัดในซีเรียภาคใต้และราชอาณาจักรกินไดต์ (กินดะหฺ) ได้ก่อตัวขึ้นในคาบสมุทรอาระเบียตอนกลาง ในยุคนั้นพบกวีนิพนธ์ภาษาอาหรับยุคก่อนศาสนาอิสลาม และจารึกภาษาอาหรับยุคก่อนอิสลามเขียนด้วยอักษรอาหรับ
สำเนียงและลูกหลาน
ภาษาอาหรับสนทนาเป็นคำที่ใช้เรียกภาษาอาหรับสำเนียงต่างๆที่เป็นภาษาพูดตลอดโลกอาหรับ และต่างไปจากภาษาอาหรับที่เป็นภาษาเขียน การแบ่งสำเนียงหลักๆคือการแบ่งระหว่างสำเนียงในแอฟริกาเหนือและสำเนียงในตะวันออกกลาง ตามมาด้วยการแบ่งระหว่างสำเนียงประจำถิ่น และสำเนียงที่อนุรักษ์กว่าของชาวเบดูอิน ผู้พูดบางสำเนียงอาจจะไม่เข้าใจภาษาอาหรับอีกสำเนียงหนึ่งได้ ตัวอย่างเช่น ผู้พูดในตะวันออกกลางอาจจะไม่เข้าใจบางสำเนียงในแอฟริกาเหนือ ความแตกต่างระหว่างสำเนียงได้รับอิทธิพลมาจากภาษาที่ใช้พูดอยู่เดิมในบริเวณนั้น ซึ่งมีอิทธิพลทั้งในด้านคำศัพท์และการเรียงประโยค คำบางคำในแต่ละสำเนียง มีความหมายเหมือนกันแต่มาจากรากศัพท์ในภาษาคลาสสิกที่ต่างกัน เช่นคำว่า “มี” สำเนียงอิรักใช้ aku สำเนียงเลบานอนใช้ fih และแอฟริกาเหนือใช้ kayәn (มาจากภาษาคลาสสิก yakun, fihi และ ka’in ตามลำดับ)
กลุ่มของสำเนียงหลักๆ ได้แก่
- ภาษาอาหรับอียิปต์ มีผู้พูด 77 ล้านคนในอียิปต์ และอาจเป็นสำเนียงที่มีผู้เข้าใจมากที่สุดเนื่องจากความนิยมภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จากอียิปต์
- ภาษาอาหรับแบบมักเรบ ได้แก่ภาษาอาหรับแอลจีเรีย โมร็อกโก ตูนีเซีย มอลตา และลิเบียตะวันตก สำเนียงแอลจีเรียและโมร็อกโกมีผู้พูดราว 20 ล้านคน
- ภาษาอาหรับเลอวานต์ ได้แก่ ในซีเรียตะวันตก เลบานอน ปาเลสไตน์ จอร์แดนตะวันตก และภาษาอาหรับมาโรไนต์ในไซปรัส
- ภาษาอาหรับอิรักและภาษาอาหรับคูเซสถาน มีความแตกต่างระหว่างสำเนียงกิสิตทางใต้และสำเนียงบาลตูทางเหนือที่มีลักษณะอนุรักษนิยมมากกว่า
- ภาษาอาหรับตะวันออก ในซาอุดิอาระเบียตะวันออก อิรักตะวันตก ซีเรียตะวันออก จอร์แดน และบางส่วนของโอมาน
- ภาษาอาหรับอ่าว ในบาห์เรน จังหวัดซาอุดิตะวันออก คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์และโอมาน
สำเนียงอื่นๆ ได้แก่
- อัสซานียะ ในมอริตาเนีย มาลีและสะฮาราตะวันตก
- ภาษาอาหรับซูดาน รวมสำเนียงที่ใช้ในชาดด้วย
- ฮิญาซี ในซาอุดิอาระเบียตะวันตก
- ภาษาอาหรับนัจญ์ดี ใช้ในบริเวณนัจญ์ของซาอุดิอาระเบียกลาง
- ภาษาอาหรับเยเมน ใช้ในเยเมนและซาอุดิอาระเบียตอนใต้
- ภาษาอาหรับอันดาลูซิอา เคยใช้ในคาบสมุทรไอบีเรียจนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 22
- ภาษามอลตา ใช้พูดในเกาะมอลตา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นภาษาที่แยกไปเป็นอีกภาษาหนึ่งต่างหาก เมื่อพิจารณาในทางสัทวิทยา ภาษามอลตาใกล้เคียงกับภาษาอาหรับตูนีเซียสำเนียงอูร์บัน แต่ในทางประวัติศาสตร์ ภาษามอลตามีการยืมคำ ลักษณะทางสัทวิทยา และรูปแบบทางไวยากรณ์จากภาษาอิตาลี ภาษาซิซิลี และภาษาอังกฤษ เป็นภาษาอาหรับเพียงสำเนียงเดียวที่เขียนด้วยอักษรโรมัน
- มีสำเนียงอีกมากมาย
เสียง
สระ
ภาษาอาหรับมีสระแท้สามเสียง โดยแต่ละเสียงมีทั้งเสียงสั้นและเสียงยาวคือ อะ-อา อิ-อี อุ-อู แต่เมื่อประสมกับพยัญชนะบางตัวจะออกเป็น เอาะ-ออ มีสระประสมสองเสียงคือ ไอ กับ เอา ที่สำคัญในภาษาอาหรับนั้นจะมีแต่เสียงสระเท่านั้นจะไม่ใส่รูปสระ
พยัญชนะ
พยัญชนะมี 28 ตัว เสียงพยัญชนะในภาษาอาหรับมีทั้งเสียงสั้นและเสียงยาว โดยเสียงยาวจะแทนด้วยอักษรละตินสองตัว เช่น bb หรือแสดงด้วยเครื่องหมายชัดดะหฺในอักษรอาหรับ
โครงสร้างพยางค์
พยางค์ในภาษาอาหรับมีสองชนิดคือพยางค์เปิด (CV, CVV) และพยางค์ปิด (CVC, CVVC, CVCC) ทุกพยางค์เริ่มด้วยพยัญชนะ หรือพยัญชนะที่ยืมมาจากคำก่อนหน้า โดยเฉพาะในกรณีของคำนำหน้านามชี้เฉพาะ al เช่น baytu-l mudiir (บ้านของผู้กำกับ) ซึ่งจะเป็น bay-tul-mu-diir ถ้าออกเสียงแยกทีละพยางค์ โดยผู้กำกับจะเป็น al mudiir
การเน้นหนัก
การเน้นหนักในภาษาอาหรับมีความเกี่ยวข้องกับความยาวของเสียงสระและรูปร่างของพยางค์ การเน้นหนักคำที่ถูกต้องช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น กฎพื้นฐานได้แก่
- เฉพาะพยางค์สุดท้ายของคำที่มีสามพยางค์ที่ถูกเน้นหนัก
- พยางค์ที่มีสระเสียงยาวหรือพยัญชนะคู่จะถูกเน้นหนัก
- ถ้าไม่มีพยางค์ดังกล่าว พยางค์ก่อนพยางค์สุดท้ายจะถูกเน้น หรือพยางค์แรกที่ยอมให้เน้นเสียงได้
- ในภาษาอาหรับมาตรฐาน เสียงสระเสียงยาวเสียงสุดท้ายมักถูกเน้น แต่ไม่ใช้กับสำเนียงที่ใช้พูดซึ่งสระเสียงยาวสุดท้ายดั้งเดิมถูกทำให้สั้นและสระเสียงยาวอันที่สองถูกยกเสียงขึ้น
ในบางสำเนียงจะมีกฎการเน้นเสียงที่ต่างออกไป
ความแตกต่างระหว่างสำเนียง
ในบางสำเนียงมีเสียงพยัญชนะที่ต่างไปจากภาษาอาหรับมาตรฐาน เช่น สำเนียงมักเรบมีเสียง v ซึ่งใช้เขียนชื่อที่ยืมจากภาษาอื่นๆ เสียง p ของภาษากลุ่มเซมิติกกลายเป็นเสียง f ก่อนจะมีการเขียน แต่ในสำเนียงสมัยใหม่ของภาษาอาหรับ เช่น ภาษาอาหรับอิรัก มีการแยกระหว่างเสียง p และ b ซึ่งได้รับอิทธิพลจากภาษาเปอร์เซียและภาษาตุรกี
เสียง /q/ ยังมีการออกเสียงแบบดั้งเดิมในหลายบริเวณ เช่น เยเมน โมร็อกโก และบริเวณมักเรบรอบนอก แต่กลายเป็นเสียงก้อง เกิดที่เพดานอ่อน /g/ ในภาษาอาหรับอ่าว ภาษาอาหรับอิรัก อียิปต์ตอนบน ส่วนใหญ่ของบริเวณมักเรบ และบางส่วนของบริเวณเลอวานต์ (เช่น จอร์แดน) กลายเป็นเสียงก้อง หดตัว เกิดจากลิ้นไก่ /ʁ/ ในภาษาอาหรับซูดาน และกลายเป็นเสียงจากคอหอย /ʔ/ ในสำเนียงที่เป็นที่รู้จักดีหลายสำเนียง เช่น สำเนียงที่ใช้พูดในไคโร เบรุต และดามัสกัส หมู่บ้านชาวคริสต์พื้นเมืองหลายแห่งในบริเวณเลอวานต์ออกเสียงเสียงนี้เป็นเสียง /k/ เช่นเดียวกับชาวชีอะห์ในบาห์เรน สำเนียงบริเวณอ่าวเปอร์เซียบางสำเนียงเปลี่ยนเสียง /q/ เป็นเสียง /d͡ʒ/ หรือ /ʒ/ หลายสำเนียงที่เปลี่ยนเสียง /q/ ไปแล้ว ยังคงเสียง /q/ ไว้เฉพาะในบางคำ (มักเป็นศัพท์ทางศาสนาหรือการศึกษา) ซึ่งยืมมาจากภาษาคลาสสิก
เสียง /d͡ʒ/ ยังคงรักษาการออกเสียงนี้ในอิรักและบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอาระเบีย แต่ออกเสียงเป็น /g/ ในไคโรและบางส่วนของเยเมน เป็น /ʒ/ ในโมร็อกโกและบริเวณเลอวานต์ และเป็น /j/ ในบางคำของภาษาอาหรับอ่าว
เสียง /k/ ส่วนใหญ่จะคงการออกเสียงดั้งเดิมไว้ได้ แต่เปลี่ยนเป็นเสียง /t͡ʃ/ ในหลายคำของภาษาอาหรับปาเลสไตน์ อิรัก และส่วนใหญ่ในคาบสมุทรอาระเบีย ความแตกต่างมักเกิดระหว่างปัจจัย /-ak/ และ /-ik/ ที่กลายเป็น /-ak/ และ /-it͡ʃ / ตามลำดับ ในภาษาอาหรับซานา /-ik/ ออกเสียงเป็น /-iʃ/
ระบบการเขียน
อักษรอาหรับพัฒนามาจากอักษรอราเมอิก ผ่านทางอักษรซีเรียคและอักษรนาบาทาเอียน อักษรที่ใช้ในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางมีความแตกต่างกันบ้าง ตัวอย่างเช่น ฟาอุและกอฟที่มีจุดข้างใต้และจุดเดี่ยวข้างบนตามลำดับพบมากในมักเรบและใช้มากในโรงเรียนสอนอัลกุรอานในแอฟริกาตะวันตก อักษรอาหรับเขียนจากขวาไปซ้าย มีรูปแบบของการเขียนหลายแบบ แบบนัสค์ใช้ในการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ และรุกอะห์ที่ใช้ในการเขียนด้วยมือ
การคัดลายมือ
หลังจากมีการกำหนดรูปแบบของอักษรอาหรับเมื่อราว พ.ศ. 1329 โดยคอลีล อิบนุอะหมัด อัลฟะรอฮีดีย์ มีการเขียนหลายรูปแบบได้ถูกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งใช้ทั้งในการเขียนและการจารึก รวมทั้งนำไปใช้เป็นงานศิลปะ เนื่องจากลักษณะของอักษรที่โค้งตามธรรมชาติ ทำให้ประกอบเป็นรูปต่างๆได้ง่าย
การถอดอักษร
การถอดอักษรอาหรับเป็นอักษรโรมันมีหลายแบบ มีทั้งแบบที่ใช้อักษรคู่แทนเสียงเดี่ยว และระบบที่ใช้อักษรพิเศษแทนเพื่อใช้ 1 อักษรต่อ 1 เสียง ซึ่งเป็นระบบที่นิยมใช้โดยกองทัพสหรัฐ
การถอดอักษรอาหรับเป็นอักษรไทยมีหลายมาตรฐาน แต่ที่มีกำหนดเป็นหลายลักษณ์อักษรคือ มาตรฐานการถอดรูปอักษรอาหรับเป็นอักษรไทยแบบสยามิค นอกจากนี้ราชบัณฑิตยสถานได้กำหนดหลักเกณฑ์ทับศัพท์ภาษาอาหรับของราชบัณฑิตยสถาน
ตัวเลข
ในปัจจุบัน ในแอฟริกาเหนือใช้เลขอารบิก ส่วนในอียิปต์และตะวันออกกลางใช้เลขอารบิกตะวันออก การเขียนตัวเลขเขียนจากซ้ายไปขวา
องค์กรควบคุมมาตรฐานของภาษา
สถาบันการศึกษาภาษาอาหรับเป็นองค์กรควบคุมภาษาอาหรับที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศอาหรับ มีกิจกรรมส่วนใหญ่ในดามัสกัสและไคโร มีหน้าที่ตรวจสอบพัฒนาการของภาษา ตรวจคำใหม่ เพื่อเพิ่มเข้าไปในพจนานุกรมมาตรฐาน รวมทั้งการตีพิมพ์เอกสารโบราณและเอกสารทางประวัติศาสตร์ด้วยภาษาอาหรับ
ไวยากรณ์
คำนามที่ใช้ในภาษาเขียนมี 3 การก คือประธาน กรรม และความเป็นเจ้าของ มี 3 พจน์ คือ เอกพจน์ ทวิพจน์ และพหูพจน์ มี 2 เพศ คือชายกับหญิง และมี 3 สถานะ คือ ทั่วไป ชี้เฉพาะ และผูกประโยค การกของนามเอกพจน์นอกจากที่ลงท้ายด้วย ā แสดงโดยปัจจัยที่เป็นสระเสียงสั้น (/u/ สำหรับประธาน, /a/ สำหรับกรรม และ /i/ สำหรับความเป็นเจ้าของ) นามสตรีเอกพจน์ มักแสดงด้วย /-at/ ซึ่งมักลดรูปเหลือ /-ah/ หรือ /a/ การแสดงพหูพจน์ใช้ได้ทั้งการลงท้ายและการเปลี่ยนแปลงภายในคำ คำนามทุกคำสามารถนำหน้าด้วย /al/ ซึ่งเป็นคำนำหน้านาม นามเอกพจน์รูปชี้เฉพาะนอกจากที่ลงท้ายด้วย ā เติมเสียงตัวสะกด /-n/ เข้าที่สระท้ายการกเป็น /un/ , /an/ และ /in/ ซึ่งเป็นการผันคำนามแบบหนึ่ง มีการเรียงคำแบบ กริยา-ประธาน-กรรม
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/80/Wikipedia-logo-v2.svg/40px-Wikipedia-logo-v2.svg.png)