ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอเอ็มดี"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 29: | บรรทัด 29: | ||
[[ไฟล์:AMDmarkham4.jpg|thumb|left|แคมปัสของเอเอ็มดี ใน [[Markham, Ontario|Markham, ออนทาริโอ, แคนาดา]], เดิมคือสำนักงานใหญ่ของ ATI]] |
[[ไฟล์:AMDmarkham4.jpg|thumb|left|แคมปัสของเอเอ็มดี ใน [[Markham, Ontario|Markham, ออนทาริโอ, แคนาดา]], เดิมคือสำนักงานใหญ่ของ ATI]] |
||
[[ไฟล์:Amdheadquarters.jpg|thumb|right|250px|สำนักงานใหญ่ของ [[Sunnyvale, California]]]] |
[[ไฟล์:Amdheadquarters.jpg|thumb|right|250px|สำนักงานใหญ่ของ [[Sunnyvale, California]]]] |
||
บริษัท ผลิต การ์ดจอ และ จีพียู ที่ดีกว่า Intel และ Nvidia เพราะผมเด็กค่ายแดง อิอิ ซื้อเลย ดีคุ้ม |
|||
แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1969,<ref>{{cite book|last=Rodengen|first=Jeffrey L.|title=The spirit of AMD, Advanced Micro Devices|year=1998|publisher=Write Stuff Engerprises|location=Fort Lauderdale, FL|isbn=978-0-945903-21-5|page=30}}</ref> โดยกลุ่มผู้บริหารเดิมจาก [[Fairchild Semiconductor]], ประกอบด้วย [[เจอรี่ แซนเดอร์]] [[เอ็ดวิน เทอร์นี่]], จอห์น คาเรย, สเวน ซิมอนเซน, [[แจ๊ค กิฟฟอร์ด]] และ สมาชิก 3 คนในกลุ่มของแจ๊ค, แฟรงค์ บ๊อทเต้, จิม ไจลส์, และ แลรี่ สเตรนเจอร์.โดยที่บริษัทเริ่มผลิต ลอจิกชิป , ต่อมาจึงเข้าสู่ธุรกิจการผลิตแรมในปี 1975. และในปีเดียวกันนี้เอง พวกเขาก็เริ่มจำหน่ายสิ่งที่ได้จากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับซึ่งเป็นสิ่งที่เลียนแบบมาจาก หน่วยประมวลผล [[Intel 8080]]. ในช่สงเวลานั้น,เอเอ็มดีก็ได้ออกแบบและสร้างหน่วยประมวลผลในซีรีส์ ([[Am2900]], Am29116, Am293xx) ซึ่งถูกนำมาใช้แพร่หลายในการออกแบบวงจรของมินิคอมพิวเตอร์เวลาต่อมา, เอเอ็มดีก็พยายามที่จะทำให้โปรเซสเซอร์เล็กลง โดยการรวม [[Am29000|AMD 29K processor]], ให้เข้ากับ อุปกรณ์กราฟิกและเสียง เช่นเดียวกับหน่วยความจำแบบ EPROM. โดยมันเสร็จในช่วงกลางปี 1980 เรียกกันว่า AMD7910 and AMD7911 "World Chip" โดยเป็นอุปกรณ์แรกๆที่ ครอบคลุมทั้ง Bell และCCITT. โดย AMD 29K ยังเป็น [[embedded processor]] อีกด้วย และ เอเอ็มดี ยังแยกให้ Spansion ออกไปเพื่อสร้าง [[หน่วยความจำแฟลช]]. เอเอ็มดี ยังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแนวทางสู้กับหน่วยประมวลผลจาก อินเทล โดยวางให้เป็นธุรกิจหลัก และให้ตลาดหน่วยความจำแฟลชเป็นตลาดรอง |
|||
เอเอ็มดี ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ [[ATI Technologies]] ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2006.โดยที่ เอเอ็มดี จ่ายเงินสด$4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นจำนวน 58 ล้านหุ้น, รวมมูลค่าทั้งหมด$5.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2006<ref>{{cite web |url=http://www.newswire.ca/en/releases/archive/October2006/25/c4187.html |title=AMD Completes ATI Acquisition and Creates Processing Powerhouse |publisher=NewsWire |date=October 25, 2006}}{{ลิงก์เสีย|date=มีนาคม 2556}}</ref> ในปี ค.ศ. 2010 หน่วยประมวลผลทั้งหมดของบริษัทเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรด์ AMD ในการทำตลาด.<ref>{{cite web|url=http://www.arnnet.com.au/article/358774/ati_re-branded_amd/ |title=ATI to be re-branded as AMD – branding, ATI Radeon, ati, amd – ARN |publisher=Arnnet.com.au |date=2010-08-30 |accessdate=2011-02-19}}</ref> |
เอเอ็มดี ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ [[ATI Technologies]] ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2006.โดยที่ เอเอ็มดี จ่ายเงินสด$4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นจำนวน 58 ล้านหุ้น, รวมมูลค่าทั้งหมด$5.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2006<ref>{{cite web |url=http://www.newswire.ca/en/releases/archive/October2006/25/c4187.html |title=AMD Completes ATI Acquisition and Creates Processing Powerhouse |publisher=NewsWire |date=October 25, 2006}}{{ลิงก์เสีย|date=มีนาคม 2556}}</ref> ในปี ค.ศ. 2010 หน่วยประมวลผลทั้งหมดของบริษัทเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรด์ AMD ในการทำตลาด.<ref>{{cite web|url=http://www.arnnet.com.au/article/358774/ati_re-branded_amd/ |title=ATI to be re-branded as AMD – branding, ATI Radeon, ati, amd – ARN |publisher=Arnnet.com.au |date=2010-08-30 |accessdate=2011-02-19}}</ref> |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:01, 2 พฤษภาคม 2560
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
![]() | |
ประเภท | บริษัทจำกัดมหาชน S&P 500 Component |
---|---|
การซื้อขาย | แม่แบบ:New York Stock Exchange |
ISIN | US0079031078 ![]() |
อุตสาหกรรม | เซมิคอนดัคเตอร์ |
ก่อตั้ง | 1 พฤษภาคม 1969 |
ผู้ก่อตั้ง | เจอรี่ แซนเดอร์ เอ็ดวิน เทอร์นี่ ผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ |
สำนักงานใหญ่ | |
พื้นที่ให้บริการ | ทั่วโลก |
บุคลากรหลัก | ดร.ลิซ่า ซู (ประธานกรรมการบริหาร) ดร.ลิซ่า ซู (ซีอีโอ) |
ผลิตภัณฑ์ | ไมโครโพรเซสเซอร์ เมนบอร์ดชิปเซ็ต การ์ดแสดงผล หน่วยความจำหลัก TV tuner cards |
รายได้ | ![]() |
รายได้จากการดำเนินงาน | ![]() |
รายได้สุทธิ | ![]() |
สินทรัพย์ | ![]() |
ส่วนของผู้ถือหุ้น | ![]() |
พนักงาน | 9,687 (2014)[2]อ้างอิงผิดพลาด: พารามิเตอร์ในป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง |
เว็บไซต์ | www.amd.com |
แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์, Inc. หรือ เอเอ็มดี เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งเมื่อ ปี ค.ศ. 1969 โดยพนักงานเก่าจากบริษัท Fairchild Semiconductor โดย เอเอ็มดี ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ เซมิคอนดัคเตอร์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นผู้พัฒนา ซีพียู และเทคโนโลยีต่างๆ ออกสู่ตลาด และ ผู้ใช่ทั่วไป.โดยที่สินค้าหลักของบริษัทคือ ไมโครโพรเซสเซอร์,เมนบอร์ดชิปเซ็ต,การ์ดแสดงผล,ระบบฟังตัว สำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์,คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และ ระบบฝังตัวต่าง โดยที่ผลิตภัณฑ์ของเอเอ็มดีที่เป็นที่รู้จักได้แก่ไมโครโพรเซสเซอร์ตระกูล APU,Phenom II,Athlon II, Sempron, บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, APU Mobile ในคอมพิวเตอร์แบบพกพา,Opteron สำหรับเซิร์ฟเวอร์ และชิปกราฟิก Readeon เอเอ็มดี เป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ในตลาดของไมโครโพรเซสเซอร์ ที่มีพื้นฐานอยู่บน x86 อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปกราฟิกการ์ดรายใหญ่ของโลก และ ยังผลิตหน่วยความจำแบบแฟลช โดยในปี 2010 เอเอ็มดี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ อันดับที่ 12 ของโลก[3]
เอเอ็มดีนับเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอินเทลในตลาดไมโครโพรเซสเซอร์ และมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ในหลายประเทศ เรื่องอินเทลผูกขาดการค้า ปัจจุบันได้ทำการยอมความกันไปแล้ว[4]
ประวัติของบริษัท
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/aa/AMDmarkham4.jpg/220px-AMDmarkham4.jpg)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/46/Amdheadquarters.jpg/250px-Amdheadquarters.jpg)
บริษัท ผลิต การ์ดจอ และ จีพียู ที่ดีกว่า Intel และ Nvidia เพราะผมเด็กค่ายแดง อิอิ ซื้อเลย ดีคุ้ม เอเอ็มดี ประกาศว่าได้เข้าซื้อกิจการของ ATI Technologies ในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2006.โดยที่ เอเอ็มดี จ่ายเงินสด$4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นจำนวน 58 ล้านหุ้น, รวมมูลค่าทั้งหมด$5.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ. โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นเมื่อ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2006[5] ในปี ค.ศ. 2010 หน่วยประมวลผลทั้งหมดของบริษัทเปลี่ยนมาใช้ชื่อแบรด์ AMD ในการทำตลาด.[6]
ในรายงานเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2006 ของ เอเอ็มดี, และคู่แข่งในอุตสาหกรรมอย่าง Nvidia, ได้รับหมายศาลจาก กระทรวงยุติธรรม ของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการตั้งราคาของการ์ดจอให้มีการแข่งขันกันอย่างยุติธรรมไม่ให้ร่วมกันตั้งราคาสูงเอาเปรียบผู้บริโภค[7]
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008, เอเอ็มดี ได้ประกาศแผนที่จะแยกโรงงานผลิตโปรเซสเซอร์ โดยได้รับการลงทุนจาก Advanced Technology Investment Co., โดยร่วมทุนกับบริษัทจากรัฐบาลของ Abu Dhabi. โดยบริษัทใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า GlobalFoundries Inc.. โดยทางบริษัทใหม่นี้จะทำหน้าที่การผลิตชิปต่างๆให้กับ เอเอ็มดี ผู้เดียว[8] โดยการแยกตัวออกมาครั้งนี้ทำให้พนักงานกว่า 1,000 ตำแหน่งถูกเลิกจ้าง ซึ่งนับเป็น 10% ของพนักงาน เอเอ็มดี ทั่วโลก .[9]
ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011, เอเอ็มดี ประกาศว่าอดีตซีอีโอจาก เลโนโว โรรี่ รีด จะมาทำหน้าที่เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารต่อจาก ดริก มีเยอร์.[10] และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆและจึงทำให้มีแผนการแก้ไขแรงงานให้มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการพัฒนาของ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์พลังงานต่ำ,ในเดือน พฤศจิกายน เอเอ็มดีจึงได้ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 1400 คน ซึ่งนับว่าเป็น 10% จากพนักงานทั่วโลก.[9] โดยแผนนี้มีเวลาสิ้นสุดถึง ไตรมาสที่ 1 ปี ค.ศ. 2012 [9]
เอเอ็มดียังประกาศแผนในตุลาคม ค.ศ. 2012 โดยมีแผนจะเลิกจ้างพนักงานเพิ่ม 15% เพื่อลดค้าใช้จ่ายลงอีก.[11]
ในปี ค.ศ. 2012 นี้ AMD ยังเข้าซื้อกิจการ SeaMicro ผู้ผลิตเซิฟเวอร์ประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในแผนเพื่อส่วนแบ่งการตลาดของผลิตภันฑ์กลุ่มนี้[12]
ประวัติของโปรเซสเซอร์ในตลาด
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/84/KL_Advanced_Micro_Devices_AM9080.jpg/220px-KL_Advanced_Micro_Devices_AM9080.jpg)
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/b/b1/KL_AMD_D8086.jpg/220px-KL_AMD_D8086.jpg)
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของไอบีเอ็มและสถาปัตยกรรม x86
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1982, เอเอ็มดี ได้ลงนามทำสัญญากับ อินเทล, เพื่อมีสิทธิในการผลิตซีพียูที่มีต้นแบบมาจาก 8086 และ 8088 โปรเซสเซอร์. เพราะว่า IBM ต้องการใช้ Intel 8088 ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขาเอง,แต่ในข้อตกลงของ IBM ในเวลานั้น ต้องการให้มีการผลิตชิป 2 เจ้าจึงจะใช้ชิปนี้ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของพวกเขา. ภายหลังนั้น เอเอ็มดี ได้ผลิต Am286 ขึ้นมา ภายใต้ข้อตกลงเดียวกัน, แต่ว่าอินเทลยกเลิกข้อตกลงนี้ในปี ค.ศ. 186 และ ปฏิเสธที่จะถ่ายทอดรายละเอียดทางเทคนิคในส่วนของ i386 . เอเอ็มดี จึงได้ต่อสู้ฟ้องร้อง ไม่ให้อินเทลยกเลิกสัญญานี้ และพวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะในการฟ้องร้อง, แต่อินเทลได้ยื่นอุทรณ์. ทำให้คดีความนั้นเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน จนไปจบลงในปี ค.ศ. 1994 เมื่อศาลแห่งแคลิฟฟอร์เนีย ได้ตัดสินให้ เอเอ็มดี เป็นฝ่ายชนะคดี. ซึ่งเป็นกลางต่อ เอเอ็มดี และ เอเอ็มดี ยังมีสิทธิตามกฎหมายที่จะใช้ Intel's microcode. ระหว่างที่คดีความยังไม่แน่นอนนั้น เอเอ็มดี ก็ได้พัฒนาการดีไซน์ซีพียูจากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับจากโค๊ดของอินเทลอีกด้วย.
ในปี ค.ศ. 1991, เอเอ็มดี ได้วางจำหน่าย Am386,ซึ่งเลียนแบบมาจากโปรเซสเซอร์ Intel 386 . ซึ่งมันสามารถทำยอดขายถึง 1 ล้านชิ้นในเวลาไม่นาน.หลังจากนั้น, Am486 ก็ถูกใช้เป็นส่วนประกอบของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อย่าง, คอมแพค, และบริษัทอื่นๆ. ผลิตภันฑ์ที่มีพื้นฐานมาจาก Am486-based ,ได้แก่ Am5x86, ก็สร้างความสำเร็จให้แก่ เอเอ็มดี ในตลาดระดับล่าง. อย่างไรก็ตาม, ผลิตภัณฑ์นี้ก็มีช่วงระยะเวลาไม่นานในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล, เพราะว่าโปรเซสเซอร์ที่ได้จากการทำสถาปัตยกรรมย้อนกลับจากโค๊ดของอินเทลก็ได้วางตลาด และเป็นกำลังหลักของบริษัทในเวลาต่อมา.
K5, K6, แอททอล์น, ดูรอน และ เซมพรอน
โปรเซสเซอร์ x86 ลำดับแรกของเอเอ็มดีคือK5, ซึ่งว่างจำหน่ายในปี ค.ศ. 1996.[13] โดยที่ตัว "K" ที่อยู่ด้านหน้าของรุ่นซีพียูคือ คริปโตไนต์. (เป็นแร่ในจินตนาการจากการ์ตูนฝรั่งเรื่อง ซูเปอร์แมน ของ ค่ายดีซีคอมิก และแร่นี้จะปล่อยกัมมันตภาพรังสีซึ่งสามารถที่จะส่งผลให้ซูเปอร์แมนอ่อนแอลงได้.ซึ่งทางเอเอ็มดีนั้นเปรียบอินเทลเป็นเสมือน ซูเปอร์แมน เพราะว่ามีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด[14]) โดยที่หมายเลข 5 นั้นก็คือ รุ่นของหน่วยประมวลผล, ซึ่งเอเอ็มดีไม่สามารถใช้ชื่อตามอินเทลได้ เพราะเมื่ออินเทลได้วางตลาดเพนเทียม,พวกเขาก็ได้จดชื่อเป็นชื่อทางการค้า มิใช่เลขสามัญดังเดิม ทำให้เอเอ็มดีไม่สามารถใช้ชื่อเพนเทียมทำการค้าได้.
ในปี ค.ศ. 1996,เอเอ็มดีได้เข้าซื้อกิจการของ NexGen,สำหรับเพื่อมีสิทธิ์ในการใช้ Nx series กับโปรเซสเซอร์แบบ x86 อย่างถูกต้อง.เอเอ็มดีได้ให้ทีมดีไซน์ของ NexGen ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์นั้น, ให้อยู่ตามลำพัง, และมอบเวลาและเงินให้พวกเขาสร้าง Nx686 ใหม่. ผลของการสร้างนั้นทำให้ได้โปรเซสเซอร์ K6 , ซึ่งออกวางจำหน่ายในปีค.ศ. 1997. โดยที่ตัวโปรเซสเซอร์ K6 นั้นใช้ Socket 7 ในการติดตั้งลงบนเมนบอร์ด,และยังไม่พอรุ่น K6-3/450 ของพวกเขานั้นสามารถทำความเร็วได้มากกว่าอินเทล เพนเทียม II (ซึ่งเป็นเจอเนอเรชั่นที่ 6 ของโปรเซสเซอร์). K7 เป็นโปรเซสเซอร์รุ่นที่ 7 ของเอเอ็มดี, โดยเริ่มวางขายเมื่อ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1999, ภายใต้ชื่อแบรนด์ แอททอล์น . ซึ่งแตกต่างจากโปรเซสเซอร์รุ่นก่อนๆของเอเอ็มดี,แอททอล์น นั้นยังไม่สามารถใช้เมนบอร์ดร่วมกับอินเทลเมื่ออย่างแต่ก่อนได้อีกเนื่องจากปัญหาทางลิขสิทธิ์ของ Slot 1 , แอททอล์นจึงใช้ Slot A แทน, ซึ่งเป็นซ๊อกเก็ตของโปรเซสเซอร์จากทางบริษัท Alpha. ดูรอน เป็นโปรเซสเซอร์ที่มีราคาถูกและจำกัดคุณสมบัติบางอย่างให้ต่ำลงจากแอททอล์น (มี L2 cache 64KB จาก 256KB ของแอททอล์น) ใช้ในซ๊อกเก็ตแบบ 462 เข็ม (ซ๊อกเก็ต A) หรือเมนบอร์ดที่บัดกรีซีพียูลงโดยตรงบนเมนบอร์ด. เซมพรอน วางจำหน่ายโดยเป็นเวอร์ชันที่ถูกลงของแอททอล์น เอ๊กซ์พี, โดยที่วางจำหน่ายทับไลน์เดิมของดูรอน ในซ๊อกเก็ต A ยุค PGA และยังได้รับการพัฒนาให้เป็นซีพียูในยุคของซ๊อกเกต AM 3 อีกด้วย
แอททอล์น เอ๊กซ์พีนั้นเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2001, และแอททอล์นเอ๊กซ์พีที่มาพร้อมกับหน่วยความจำแบบ L2 จำนวน 512 KB นั้นได้วางตลาดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003.[15]
แอททอล์น 64, ออพเทอรอน และ ฟีน่อม
สถาปัตยกรรม K8 นั้นพัฒนามาจากสถาปัตยกรรม K7 มาก, โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดเพิ่มมาอย่างคำสั่งของโปรเซสเซอร์แบบ 64-bit ซึ่งนำมาใช้ร่วมกับคำสั่งของโปรเซสเซอร์ x86ได้เป็นครั้งแรก (เรียกันว่า x86-64, AMD64, หรือ x64), เพิ่มหน่วยความคุมหน่วยความจำเข้าไปในตัวโปรเซสเซอร์, แลเพิ่มการเชื่อต่อแบบจุดต่อจุดซึ่งมีความเร็วสูง เรียกกันว่า ไฮเปอร์ทรานสปอร์ต, ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อโดยตรง. ซึ่งเทคโนโลยีนี้เริ่มปรากฏเป็นครั้งแรกในออพเทอรอนซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มุ่งเน้นการทำตลาดในฝั่งของเซิฟเวอร์ซึ่งเปิดตัวในวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 2003 s.[16] Shortly thereafter it was incorporated into a product for desktop PCs, branded Athlon 64.[17]
วันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2005 เอเอ็มดีก็ได้วางตลาดออพเทอรอน ซึ่งเป็นซีพียูแบบดูอัลคอร์รุ่นแรกของเอเอ็มดี, และบนเครื่องเซิฟเวอร์ที่ใช้ซีพียูแบบ x86.[18] ในเดือนต่อมาเแอเอ็มดีก็ได้วางขาย แอนทล์น 64 X2, ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์รุ่นแรกบนตลาดโปรเซสเซอร์แบบทั่วไป .[19] หลังจากเดือนพฤษภาคม ปี 2007 , เอเอ็มดีก็ได้ยกเลิกการใช้เลข 64 ในโปรเซสเซอร์ที่วางตลาดทั่วไป, และเปลี่ยนชื่อให้เป็นแอททอร์น X2 เฉยๆ, เพราะว่าความสำคัญของสัญลักษณ์โปรเซสเซอร์ของ64-bit computing ในโปรเซสเซอร์เริ่มมีความสำคัญน้อยลง . และการปรับปรุงบางอย่างจะเกิดขึ้นเพียงบางส่วนในการออกแบบสถาปัตยกรรม, และเปลี่ยนเป้าหมายจากการทำตลาดทั่วไปลงไปสู่การทำการตลาดโปรเซสเซอร์ที่มีราคาประหยัดลงมา.ในปี 2008, เอเอ็มดีก็ได้เริ่มวางตลาด เซมพรอนแบบดูอัลคอร์ โดยในช่วงแรกวางขายในเฉพาะในประเทศจีน, โดยมีชื่อเรียกทางการตลาดว่า เซพพรอน 2000 ซีรีส์, มาพร้อมกับ ไฮเปอร์ทรานสปอร์ตรุ่นเล็ก และ L2 cache ที่น้อยลง. ดังนั้นจึงทำให้เอเอ็มดีมีกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเซสเซอร์แบบดูอัลคอร์ สำหรับแต่ละเซ็กเมนต์ตลาด.
หลังจากที่ยุคของ K8 ก็มี K10 เข้ามาแทน.ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2007 , เอเอ็มดีก็ได้จำหน่ายโปรเซสเซอร์ K10 ตัวแรกโดยมีวางจำหน่ายต่อจากโปรเซสเซอร์ออพเทอรอนยุคที่ 3 ซึ่งมีสี่แกนประมวลผล. เรียกกันว่า ฟีน่อม ซึ่งเป็นโปรเซสซอร์สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล. สถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์แบบ K10 นั้นออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับหน่วยประมวลผลแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ และ คอว์ดคอร์,[20] , โดยที่ทุกแกนประมวลผลนั้นอยู่บน Die เดียวเท่านั้น. ขณะเดียวกันเองเอเอ็มดีก็ได้วางจำหน่ายแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "สไปเดอร์", ซึ่งหมายถึงการทีในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นมี โปรเซสเซอร์ฟีน่อม, ชิปกราฟิก R770 และชิปเซ็ต790 GX/FX จาก ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 700.
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009, เอเอ็มดีได้จำหน่ายซีพียูรุ่นใหม่คือ ฟีน่อม II,ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีพื้นฐานมาจาก ฟีน่อม ซึ่งใช้การผลิตแบบ 45 นาโนเมตร (รุ่นก่อนหน้าใช้การผลิตแบบ 65 นาโนเมตร). และมีชื้อแพลต์ฟอร์ตใหม่ว่า, “ดราก้อน”, ซึ่งในพลตฟอร์มนั้นต้องประกอบด้วยโปรเซสเซอร์ฟีน่อม II, ชิปกราฟิก R770 และชิปเซ็ต790 GX/FX จาก ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 700. โดยฟีน่อม II นั้นวางจำหน่ายทั้งในแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ และ คอว์ดคอร์ ที่อยู่บน die เดียวกัน, โดยที่บางคอร์นั้นถูกปิดลงเพื่อใช้จำหน่ายเป็นรุ่นแบบ ดูอัลคอร์ ทริปเปิ้ลคอร์ . ฟีน่อม II นั้นได้แก่ปัญหาบางส่วนที่พบใน ฟีน่อม,อาทิเช่น สัญญาณนาฬิกาที่มีความเร็วต่ำเกินไป , L3 cache ที่มีน้อยและบักของเทคโนโลยี คูลแอนด์'ควายเอ็ด ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์นั้นลดลง. โดยได้วางขายในระดับเดียวกับ คอร์ทู ควอร์ จากอินเทล. ฟีน่อม II นั้นได้เพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยความคุมความจำจากฟีน่อมรุ่นแรก,ซึ่งทำให้สามารถใช้แรมแบบ DDR3 ได้ในซ๊อกเก็ตใหม่ คือ AM3, รวมไปถึงยังรองรับซ๊อกเก๊ตแบบเก่าคือ AM2+, ซึ่งในซ๊อกเก็ตนั้นใช้กับฟีน่อมรุ่นแรก,และสามารถใช้แรมแบบ DDR2 ได้อีกด้วย.
ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2010 เอเอ็มดีก็ได้วางแผง ฟีน่อม II แบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์ (6-คอร์) ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ทูบาน".ซึ่งมีพื้นฐานมาจากออพเทอรอนแบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์ ที่มีชื่อเรียกว่า “อิสตันบูล” . และในโปรเซสเซอร์ใหม่นี้ก็มีความสามารถใหม่อย่าง เอเอ็มดี เทอร์โบคอร์,ซึ่งจะปรับการทำงานตามสภาพแวดล้อมการใช้งานของโปรเซสเซอร์ และเพิ่มสัญญาณนาฬิกาให้เร็วกว่าสัญญาณนาฬิกาเดิมถ้าสภาพแวดล้อมนั้นมีการทำงานหนัก . และยังได้เพิ่มแพลตฟอร์มใหม่ก็คือ ”ลีโอ”, ซึ่งประกอบไปด้วยฟีน่อม II แบบเฮ็กซ์ซาร์คอร์, ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 800 และชิปกราฟิกจาก ATI คือ “Cypress” ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลจาก อีเวอร์กรีน (ตระกูลหน่วยประมวลผลกราฟิก) .
ฟิวชั่น, บ๊อบแคท และ บูลโดเซอร์
หลังจากการควบรวมกิจการกันของ เอเอ็มดีและเอทีไอ, ก็ได้เกิดโปรเซสเซอร์ชิ้นหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกเล่นว่า ฟิวชั่น ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีแนวคิดที่จะรวม ซีพียู และ จีพียู ไว้บนชิปเดียวกัน,ซึ่งประกอบด้วย PCI Express 16 เลน เชื่อมกับ PCI Express ที่อยู่ภายนอกโดยทำงานแยกกัน (จีพียูซึ่งอยู่บนตัวซีพียูความเร็ว X16 และสล๊อตบนเมนบอร์ดจะมีความเร็ว X16 เหมือนเดิม ไม่ไปลดการทำงานของกันและกัน) , ซึ่งที่จะทำได้นั้นต้องการชิป นอร์ทบริดจ์ระดับสูง ที่เข้ากับเมนบอร์ด.โดยการทำงานของเอพียูคำสั่งดั้งเดิมจะถูกแบ่งไปให้ซีพียูทำงาน ส่วนการประมวลผลในงานบางอย่างจะถูกแบ่งไปที่จีพียู (เช่น. การประมวลผล ทศนิยม ), เมื่อทำการเหมาะกับการคำนวณต่างๆ เช่น การประมวลผล ทศนิยม ได้นั้น ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น. หน่วยประมวลแบบหลอมรวมกัน คือ เอพียู. [21]
ไลโน่เป็น เอพียูตัวที่สองที่วางขายในตลาด ,[22]ซึ่งทำตลาดในระดับที่มีกำลังซื้อปานกลาง.[21] ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มี ซีพียู และ จีพียูอยู่บน die เดียวกัน, และไลโน่ยังสามารถทำงานกับ นอร์ทบริดจ์ได้อย่างดี, และยังทำงานบนซ๊อกเก็ตใหม่ของเอเอ็มดีอย่าง "ซ๊อกเก็ต เอฟเอ็ม 1" ซึ่งซ๊อกเก็ตนี้ทำงานร่วมกับแรมแบบ DDR3 . แต่ไลโน่ยังไม่ได้ใช้โปรเซสเซอร์ใหม่อย่างบูลโดเซอร์แต่อย่างใด ไลโน่ใช้ซีพียูที่มีสถานปัตยกรรมมาจากฟีน่อม II (ชื่อเรียก เดเนบ) ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่สูงสุดของเอเอ็มดีในขนาดนั้น และนำมาลดขนาดการผลิตซีพียูจาก 45 นาโนเมตร เป็น 32 นาโนเมตร. ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 2011, เอเอ็มดีได้รายงานว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2011 บริษัทได้โอกาสที่จะสร้างรายได้ 10 เปอร์เซ็น จากการที่ ไลโน่มีปัญหาในการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร,เพราะว่าโรงงานนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับการผลิตแบบ 32 นาโนเมตร.[23]
บูลโดเซอร์ คือซีพียูสำหรับเซิฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของ แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์' (เอเอ็มดี) ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011. โดยสถาปัตยกรรมใน ซีพียูตระกูล K15 นี้เป็นรุ่นต่อจากสถาปัตยกรรมซีพียู (K10) ที่ใช้การออกแบบที่มีชื่อว่า M-SPACE ในซีพียูรุ่นนี้นั้นยังออกแบบเพิ่มสิ่งที่มีในซีพียูก่อนหน้าเข้าไปในซีพียู (อาทิเช่นค่ำสั่งบางส่วนจากชุดคำสั่ง SSE 5).[24]โดยอัตราการใช้พลังงานในแต่ละซีพียูจะอยู่ระหว่าง 10-125 วัตต์ ในมาตรฐาน TDP ของผลิตภัณฑ์. เอเอ็มดีอ้างว่าหน่วยประมวลผลนี้จะให้ประสิทธิภาพต่อพลังงานได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอ้างจากการทดสอบในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับสูงและบูลโดเซอร์
บ๊อบแคท เป็นโปรเซสเซอร์ล่าสุดที่ออกแบบมาสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ราคาถูกและใช้หลังงานน้อยโดยมันถูกเปิดเผยครั้งแรกจากการให้สัมภาษณ์ของ เฮนรี่ ริชาร์ด ในงาน คอมพิวเท็กซ์ ปี 2007 และวางจำหน่ายในฐานะผลิตภัณฑ์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2011.[22] โดยบุคคลที่เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนนี้คือรองประธานบริษัท มาริโอ้ เอ. ริวาส ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันในตลาดที่ใช้ไฟ 1-10 วัตต์และซีพียูมีแกนประมวลผลเดี่ยว ดังนั้นพวกเขาจึงได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ซีพียูแบบแกนเดี่ยวที่ใช้ไฟ 1-10 วัตต์ออกมา ผลลัพธ์ที่ได้โปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานมากๆ และถ้านำเข้าไปในมือถือก็สามารถใช้ไฟต่ำกว่า 1 วัตต์ได้.
ชิปจากสถาปัตยกรรม ARM
เอเอ็มดีตั้งใจที่จะวางจำหน่ายชิปที่ใช้สถาปัตยกรรมของ ARM ในปี 2014 โดยชิปนี้จะถูกใช้ในเซิฟเวอร์และคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ เพื่อทดแทนชิป X86 ซึ่งเสียส่วนแบ่งการตลาดไปมากและใช้ในเซิฟเวอร์ของธุรกิจต่างๆ[12]
ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม
ผลิตภัณฑ์ด้านกราฟิก
นอกจากการผลติโปรเซสเซอร์ประมวลผล เอเอ็มดีนั้นยังมีผลิตภัณฑ์หน่วยประมวลผลด้านกราฟิกในตลาดสำหรับลูกค้าทั่วไป,มืออาชีพ และหน่วยประมวลผลสำหรับคอมพิวเตอร์ระดับสูงอีกด้วย
- เรเดียน เป็นการ์ดหน่วยประมวลผลกราฟิก 3 มิติ. โมบิล เรเดียน คือการ์ดหน่วนระมวลผลกราฟิกที่ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานจากเรเดียนเดิม โดยใช้ในคอมพิวเตอร์แบบพกพาทั่วไป. โดยมีนวัตกรรมภายในประกอบไปด้วยแรมของหน่วยประมวลผลกราฟิก,ตัวโค๊ดเร่งการประมวลผลของ DVD (MPEG2) , ช่องใส่จีพียูในคอมพิวเตอร์แบบพกพา,และเทคโนโลยีจัดการพลังงาน. ล่าสุดเอเอ็มดีประกาศว่าหน่วยประมวลผลกราฟิกเรเดียนในคอมพิวเตอร์พกพานั้นรองรับมาตรฐาน DirectX 11.1 แล้วด้วย.[25]
- ไฟร์โปร เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบในเชิงธุรกิจที่การ์ดทั่วไปไม่สามารถประมวลผลให้ละเอียดได้ มีคำสั่งเฉพาะในการประมวลผล. มีพื้นฐานมาจากเรเดียน,โดยมาทำการตลาดแทนไฟล์-จีเอล ที่ใช้ทำงานเกี่ยวกับ CAD/CAM , และ ไล์-เอ็มวี ที่ใช้ทำงานเกี่ยวกับการประมวลผลกราฟิกแบบ 2 มิติ.
- ไฟล์สตรีมเป็นหน่วนประมวลผลแบบสตรีม ซึ่งออกแบบมาจากการใช้ จีพียูทำงานหนัก สำหรับการประมวลผล floating-point ซึ่งใช้กันมากในโรงงานอุตสาหกรรม,ในการคำนวณที่ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสูง, ในด้านวิทยาศาสตร์, และด้านการเงิน
- อายฟินิตี้ – เป็นเทคโนโลยีที่ใช้หน้าจอ 6 เครื่องขึ้นไปในการแสดงผลจากหน่วยประมวลผลกราฟิกชิ้นเดียว.
- อายสปีด – เป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมโดยเพิ่มความสมจริง หน่วยปัญญาประดิษฐ์ ฟิสิกส์ในเกม และอื่นๆอีกมากมาย.
แคททาลีส เป็นชื่อเรียกไดร์เวอร์ควบคุมการทำงานการ์ดจอ ซึ่งมีใน ไมโครซอฟท์ วินโดวส์, แม็คโอเอส, และ ลินุกซ์. ในลินุกซ์นั้นไดร์เวอร์จะเป็นแบบโอเพ่นซอร์ส ที่สนับสนุนการพัฒนาจากเอเอ็มดี. โดยที่ชุมชุผู้ใช้ลินุกซ์ภายนอกนั้นสามารถนำไดร์เวอร์ไปปรับปรุงให้เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ของตนได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างไร.
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นมา เอเอ็มดี ก็ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาใมนการพัฒนาไดร์เวอร์ฟรี, แต่ในส่วนของซอฟต์แวร์ แคททาสิสนั้นไม่ฟรี. โดยที่นักพัฒนานั้นได้พัฒนาคุณสมบัติต่างๆสำหรับชิปเซ็ต หลายๆครั้ง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่วิเศษ ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาจากเดิมหลายเท่าตัว, จนตอนนี้นั้นพวกเขาได้หยุดการสนับสนุนไดร์เวอร์ฟรีไปแล้ว. หลังจากที่ได้มอบสเป็คต่างๆออกไปยังชุมชนนักพัฒนา, ต่อจากนั้นเอเอ็มดีก็ได้เริ่มพัฒนาไดร์เวอร์โอเพ่นซอร์สตัวใหม่ , โดยจ้างพนักงานบางคนเข้ามารับผิดชอบในการทำไดร์เวอร์ใหม่นี้อีกด้วย.[26][ลิงก์เสีย]
ชิปเซตของ เอเอ็มดี
หลังจากที่วางจำหน่าย แอททอล์น 64 ในปี ค.ศ. 2003, เอเอ็มดีก็ได้ออกแบบชิปเซ็ต สำหรับโปรเซสเซอร์ของพวกเขาหลังจากยุคของ สถาปัตยกรรม K6 และ K7 . โดยชิปเซ็ตนี้ได้แก่ชิปเซ็ต AMD-640, ชิปเซ็ต AMD-751 และชิปเซ็ต AMD-761 .แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ในปี 2003 ณ ขณะหลังจากวางขาย แอททอล์น 64 , ทำให้เอเอ็มดีนั้นเลือกที่จะไม่ออกแบบชิปเซ็ตของตัวเองและอนุญาตให้ผู้ผลิตรายอื่นๆออกแบบชิปเซ็ตของตัวเองได้ แต่ต้องเปิดเผยการทำงานให้กับเอเอ็มดี. ทำให้ได้ “สถาปัตยกรรมการควบคุมแบบเปิด” จาก เอทีไอ, เวีย และ ซิส ได้พัฒนาชิปเซ็ตของตนเองสำหรับ แอททอล์น 64 ,แอททอล์น 64 X2 และ แอททอล์น 64 FX ,และชิปเซ็ตจาก เอ็นวีเดียสำหรับ Quad FX platform.
สถานการณ์เดียวกันนี้ทำให้เอเอ็มดีเลือกที่จะหยุดพัฒนาชิปเซ็ตสำหรับโปรเซสเซอร์ของเซิฟเวอร์อย่าง ออพเทอรอน ในปี 2004 หลังจากชิปเซ็ต AMD-8111, และทำให้เอเอ็มดีนั้นเลือกที่จะไม่ออกแบบชิปเซ็ตของตัวเองและอนุญาตให้ผู้ผลิตรายอื่นๆออกแบบชิปเซ็ตของตัวเองได้ แต่ต้องเปิดเผยการทำงานให้กับเอเอ็มดี. ทุกวันนี้, เอ็นวีเดีย และ บรอดคอม ยังจำหน่ายชิปเซ็ตที่ใช้กับโปรเซสเซอร์บนเซิฟเวอร์อย่าง ออพเทอรอน.
หลังจากที่เข้าซื้อกิจการของ เอทีไอ เทคโนโลยี ในปี 2006 ทำให้บริษัทได้ทีมออกแบบชิปเซ็ตที่ได้ออกแบบ ชิปเซ็ตรุ่นก่อนหน้าอาทิเช่น เรเดียน เอ๊กซ์เพรส 200 และ เรเดียน เอ๊กซ์เพรส 3200. เอเอ็มดีได้เปลี่ยนชื่อชิปเซ็ตสำหรับใช้กับโปรเซสเซอร์ของบริษัทให้เป็น เอเอ็มดีทั้งหมด (ชิปเซ็ตครอสไฟล์ เอ๊กซ์เพรส 3200 ถูกเปลี่ยนเป็น เอเอ็มดี 580X ครอสไฟล์). ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007I, เอเอ็มดีได้เปิดตัวชิปเซ็ตภายใต้แบรนด์ของตัวเองเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 พร้อมกับวางจำหน่ายชิปเซ็ต [ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 690|690G]] (ก่อนหน้านั้นพัฒนาโดยมีชื่อเล่นเรียกกันว่า RS690), โดยมาพร้อมกับ IGP.ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวแรกในวงการที่ใช้พอร์ต HDMI 1.2 บนเมนบอร์ด, โดยมียอดจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านชิ้น. และยังมุ่งเป้าแข่งขันกับชิปเซ็ต อินเทล IGP , โดยการใช้ชิป เรเดียน เอ๊กเพรส 1250 (มีชื่อเรียกว่า RS600, ขายภายใต้แบรนด์ ATI) โดยการขายให้กับผู้ผลิตอย่าง, Abit และ ASRock. โดยขณะที่เอเอ็มดีผลิตเซ็ตนี้, อินเทลยังไม่ได้อนุญาตให้ ATI ใช้งาน FSB ความเร็ว 1333 MHz .
ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007, เอเอ็มดีได้เปิดตัวชิปเซ็ตซีรีส์ใหม่ คือ ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 7XX, ซึ่งทำตลาดตั้งแต่ผู้ใช้ที่ต้องการการเชื่อมต่อการ์ดประมวลผลกราฟิกหลายใบ จนไปถึงผู้ใช้ที่ต้องการความประหยัดโดยการมีหน่วยประมวลผลกราฟิกฝังอยู่ในเมนบอร์ด, โดยมาทดแทน ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 470/570/580 และ ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 690, โดยเป็นครั้งแรกที่เอเอ็มดีมีชิปเซ็ตที่สามารถใส่การ์ดประมวลผลกราฟิกหลายใบ.โดยชิปเซ้ตนี้วางขายในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม สไปเดอร์, ส่วนชิปเซ็ตที่มีหน่วยประมวลผลกราฟิกฝังอยู่ในเมนบอร์ด ได้วางจำหน่ายภายหลังฤดูฝน ปี 2008 เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม คาร์ทวิลล์ .
เอเอ็มดีกลับมาทำตลาดชิปเซ็ตของเซิฟเวอร์อีกครั้งพร้อมกับชิปเซ็ต ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 800 สำหรับเซิฟเวอร์. โดยมันสนับสนุนซาต้า 6.0 จิกะบิต/วินาที 6 พอร์ต, สถานพลังงานแบบ C6 , พร้อมคุณสมบัติรองรับในโปรเซสเซอร์ เอเอ็มดี ฟิวชั่น และ AHCI รุ่น 1.2 พร้อม SATA ที่มีคุณสมบัติ FIS–based switching . โดยชิปเซ็ตนี้รองรับโปรเซสเซอร์ ฟีน่อม และ เอเอ็มดีแพลตฟอร์ม ควอร์ด เอฟเอ๊กซ์ (890FX), IGP (890GX).
แพลตฟอร์ม เอเอ็มดี คอว์ด เอฟ-เอ๊กซ์
แพลตฟอร์ม เอเอ็มดี คอว์ด เอฟ-เอ๊กซ์เป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความแรงมากกว่าแบบธรรมดา,โดยแพลตฟอร์มนี้จะอนุญาตให้ใช้โปรเซสเซอร์ 2 ตัวเชื่อต่อกันได้ผ่านเทคโนโลยี ไฮเปอร์ทรานสปอร์ต, และยังสามารถใช้หน่ายความจำแบบ buffered memory/registered memory DIMM ที่ใช้กันในเครื่องเซิฟเวอร์ได้ด้วย, และในเมนบอร์ดสำหรับเซิฟเวอร์, สามารถติดตั้งโปรเซสเซอร์ แอททอล์น 64 FX ซีรีส์ 70 และเมนบอร์ดแบบพิเศษ .[27] เอเอ็มดีวางขายแพลตฟอร์มนี้สำหรับคนที่ต้องการและเรียกมันว่า"เมก้า ทาสก์กิ้ง",[28] ซึ่งทำให้การประมวลผลในระบบเดียวกันนั้นสามารถทำได้มากขึ้น. โดยแพลตฟอร์มนี้กลับมาอีกครั้งเมื่อเปิดตัว สถาปัตยกรรม K10 และชิปเซ็ต ชิปเซ็ตเอเอ็มดีซีรีส์ 700 , โดยมีชื่อเล่นเรียกว่า "FASN8".
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)
แหล่งข้อมูลอื่น
อ้างอิง
- ↑ AMD Headquarters. Retrieved July 26, 2010.
- ↑ "AMD 2011 CR Report" (PDF), Corporate Responsibility Report, สืบค้นเมื่อ 2012-05-31
- ↑ "Semiconductor market declines less than expected". iSuppli. November 23, 2009.
- ↑ "AMD รับ 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก Intel เพื่อยอมความระหว่างกัน". Blognone. August 6,2011.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ "AMD Completes ATI Acquisition and Creates Processing Powerhouse". NewsWire. October 25, 2006.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ATI to be re-branded as AMD – branding, ATI Radeon, ati, amd – ARN". Arnnet.com.au. 2010-08-30. สืบค้นเมื่อ 2011-02-19.
- ↑ "Justice Dept. subpoenas AMD, NVIDIA". New York Times. December 1, 2006.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Vance, Ashlee (October 7, 2008). "A.M.D. to Split Into Two Operations". The New York Times. สืบค้นเมื่อ March 26, 2010.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 "AMD To Fire 1,400". November 4, 2011.
- ↑ Dylan McGrath, EE Times. "Former IBM, Lenovo exec takes the helm at AMD". August 25, 2011. Retrieved August 25, 2011.
- ↑ Ian King (October 18, 2012), Tom Giles (บ.ก.), AMD Forecast Misses Estimates; to Cut 15 Percent of Staff, Bloomberg, สืบค้นเมื่อ October 31, 2012
- ↑ 12.0 12.1 Ashlee Vance (October 30, 2012), "AMD Finds the Courage for Another Server Chip Gambit", Bloomberg Businessweek, businessweek.com, สืบค้นเมื่อ October 31, 2012
- ↑ "AMD K5". CPU-INFO.COM. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 August 2007. สืบค้นเมื่อ July 11, 2007.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Hesseldahl, Arik (July 6, 2000). "Why Cool Chip Code Names Die". Forbes Inc. สืบค้นเมื่อ July 14, 2007.
{{cite news}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า :|coauthors=
(help) - ↑ Huynh, Jack (February 10, 2003). "The AMD Athlon XP Processor with 512KB L2 Cache" (PDF). amd.com. AMD. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 26 October 2007. สืบค้นเมื่อ October 2, 2007.
{{cite news}}
: Cite ไม่รู้จักพารามิเตอร์ว่างเปล่า :|coauthors=
(help); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Scott Wasson. "Workstation platforms compared", techreport.com, The Tech Report, LLC., 2003-09-15, Retrieved on July 29, 2007.
- ↑ Scott Wasson. "AMD's Athlon 64 processor", techreport.com, The Tech Report, LLC., September 23, 2003. Retrieved on July 29, 2007.
- ↑ Scott Wasson. "AMD's dual-core Opteron processors", techreport.com, The Tech Report, LLC., April 21, 2005. Retrieved on July 29, 2007.
- ↑ Scott Wasson. "AMD's Athlon 64 X2 processors", techreport.com, The Tech Report, LLC., May 9, 2005. Retrieved on July 29, 2007.
- ↑ AMD announcement. Retrieved September 17, 2007.
- ↑ 21.0 21.1 Stokes, Jon (February 8, 2010). "AMD reveals Fusion CPU+GPU, to challege Intel in laptops". Ars Technica. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 February 2010. สืบค้นเมื่อ February 9, 2010.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ 22.0 22.1 Hruska, Joel (July 16, 2010). "AMD Flip-Flops: Llano Later, Bobcat Bounding Forward". HotHardware.
- ↑ Jeffrey Burt, eWeek. "AMD Cuts Q3 Forecast Due to Chip Manufacturing Problems". September 28, 2011. Retrieved October 7, 2011.
- ↑ Bulldozer 50% Faster than Core i7 and Phenom II, techPowerUp, สืบค้นเมื่อ 2012-01-23
- ↑ "AMD launches DirectX 11 graphics chips for laptops". techworld.com. 2010-01-08. สืบค้นเมื่อ 2010-01-08.
- ↑ An overview of graphic card manufacturers and how well they work with Ubuntu Ubuntu Gamer, January 10, 2011 (Article by Luke Benstead)
- ↑ AMD FX-4130 Benchmark
- ↑ Official Press Release (AMD Quad FX Platform with Dual Socket Direct Connect Architecture Redefines High-End Computing for Megatasking Enthusiasts)