น้ำแครนเบอร์รี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
น้ำแครนเบอร์รี
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 248 ก. (1 ถ้วยตวง)
พลังงาน451.9 กิโลจูล (108.0 กิโลแคลอรี)
26.18
น้ำตาล 23.52
0
ใยอาหาร0.2
0.29
อิ่มตัว0.005
ทรานส์0
ไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว0.005
ไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่หลายคู่0.005
0.65
วิตามิน
วิตามินเอ
163 μg
วิตามินเอ60 IU
ไทอามีน (บี1)
(1%)
0.012 มก.
ไรโบเฟลวิน (บี2)
(3%)
0.036 มก.
ไนอาซิน (บี3)
(2%)
0.226 มก.
วิตามินบี6
(3%)
0.043 มก.
โฟเลต (บี9)
(11%)
43 μg
วิตามินบี12
(0%)
0 μg
คลอรีน
(1%)
4.3 มก.
วิตามินซี
(91%)
75.6 มก.
วิตามินดี
(0%)
0 μg
วิตามินดี
(0%)
0.0 IU
วิตามินอี
(0%)
0.02 มก.
วิตามินเค
(0%)
0 μg
แร่ธาตุ
แคลเซียม
(5%)
46 มก.
เหล็ก
(1%)
0.19 มก.
แมกนีเซียม
(3%)
12 มก.
แมงกานีส
(8%)
0.161 มก.
ฟอสฟอรัส
(3%)
19 มก.
โพแทสเซียม
(4%)
182 มก.
โซเดียม
(1%)
14 มก.
สังกะสี
(1%)
0.12 มก.
องค์ประกอบอื่น
น้ำ212.64

ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่
แหล่งที่มา: USDA FoodData Central

น้ำแครนเบอร์รี (อังกฤษ: cranberry juice) เป็นน้ำผลไม้เหลวของแครนเบอร์รี โดยทั่วไปผลิตขึ้นเพื่อให้มีการผสมน้ำตาล, น้ำ และน้ำผลไม้อื่น ๆ ซึ่งแครนเบอร์รี – ผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ – ได้รับการยอมรับว่ามีสีแดงสด, เป็นเอกลักษณ์, รสทาร์ต และมีความอเนกประสงค์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์แครนเบอร์รีที่สำคัญ ได้แก่ แครนเบอร์รีแห้ง, ซอสแครนเบอร์รี, แครนเบอร์รีแช่แข็ง, ผงแครนเบอร์รี และน้ำแครนเบอร์รี[1]

คำว่า "ค็อกเทลน้ำแครนเบอร์รี" หรือ "น้ำแครนเบอร์รีผสม" หมายถึงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำแครนเบอร์รีประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ โดยที่เหลือมาจากน้ำผลไม้เข้มข้นอื่น ๆ (โดยทั่วไปคือองุ่น, แอปเปิล หรือลูกแพร์), น้ำเปล่า และการเติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน ผลิตภัณฑ์น้ำแครนเบอร์รีแคลอรีต่ำใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีแคลอรี ความเปรี้ยวของน้ำแครนเบอร์รีเกิดจากโพลีฟีนอลผสมกัน ซึ่งรวมถึงฟลาโวนอยด์, โปรแอนโธไซยานิดิน, แอนโทไซยานิน, กรดฟีนอลิก และเอลลาจิแทนนิน[2]

แม้จะมีชื่อเสียงมายาวนานในการให้ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTIs) แต่น้ำแครนเบอร์รีก็ไม่มีผลพิสูจน์ดังกล่าว[1] ตามที่คอเครนทบทวนการวิจัยทางคลินิกที่เสร็จสมบูรณ์[3] และคณะกรรมการทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสภาพยุโรปซึ่งได้สรุปความสัมพันธ์ของเหตุและผลซึ่งไม่สามารถกำหนดได้ระหว่างการบริโภคแครนเบอร์รีกับความเสี่ยงของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ[4]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 "Cranberry". National Center for Complementary and Integrative Health, US National Institutes of Health. 1 November 2016. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
  2. Blumberg, JB; Camesano, TA; Cassidy, A; Kris-Etherton, P; Howell, A; Manach, C; Ostertag, LM; Sies, H; Skulas-Ray, A; Vita, JA (2013). "Cranberries and their bioactive constituents in human health". Advances in Nutrition. 4 (6): 618–32. doi:10.3945/an.113.004473. ISSN 2161-8313. PMC 3823508. PMID 24228191.
  3. Jepson, RG; Williams, G; Craig, JC (2012). "Cranberries for preventing urinary tract infections". Cochrane Database of Systematic Reviews. 10 (10): CD001321. doi:10.1002/14651858.CD001321.pub5. PMC 7027998. PMID 23076891. CD001321.
  4. EFSA Panel on Dietetic Products, Nutrition and Allergies (NDA) (May 2014). "Scientific Opinion on the substantiation of a health claim related to CranMax® and reduction of the risk of urinary tract infection by inhibiting the adhesion of certain bacteria in the urinary tract pursuant to Article 14 of Regulation (EC) No 1924/20061". EFSA Journal. 12 (5). doi:10.2903/j.efsa.2014.3657. 3657.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]