ลูทีน
ชื่อ | |
---|---|
IUPAC name
β,ε-carotene-3,3'-diol
| |
ชื่ออื่น
Luteine; trans-lutein; 4-[18-(4-Hydroxy-2,6,6-trimethyl-1-cyclohexenyl)-3,7,12,16-tetramethyloctadeca-1,3,5,7,9,11,13,15,17-nonaenyl]-3,5,5-trimethyl-cyclohex-2-en-1-ol
Xanthophyll | |
เลขทะเบียน | |
3D model (JSmol)
|
|
ChEBI | |
ChEMBL | |
เคมสไปเดอร์ | |
ECHA InfoCard | 100.004.401 |
เลขอี | E161b (colours) |
ผับเคม CID
|
|
UNII | |
CompTox Dashboard (EPA)
|
|
| |
| |
คุณสมบัติ | |
C40H56O2 | |
มวลโมเลกุล | 568.871 g/mol |
ลักษณะทางกายภาพ | ของแข็งผลึกสีแดง-ส้ม |
จุดหลอมเหลว | 190 องศาเซลเซียส (374 องศาฟาเรนไฮต์; 463 เคลวิน)[1] |
ไม่ละลาย | |
ความสามารถละลายได้ ใน ไขมัน | ละลายได้ |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
ลูทีน (อังกฤษ: lutein) เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์และแซนโทฟิลล์ ลักษณะเป็นของแข็งสีแดงส้ม ไม่ละลายน้ำ มีมวลโมเลกุล 568.9 g/mol[2] ลูทีนเป็นไอโซเมอร์กับซีอาแซนทินโดยมีสูตรเคมีเหมือนกันคือ C40H56O2 นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่มีอะตอมคาร์บอน 40 อะตอมและวงแหวนที่ปลายเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงตำแหน่งของพันธะคู่ที่วงแหวน ทำให้ลูทีนมีตำแหน่งไครัล 3 ตำแหน่ง ในขณะที่ซีอาแซนทินมี 2 ตำแหน่ง[3] ชื่อลูทีนมาจากคำภาษาละติน luteus แปลว่า สีเหลือง[4]
ลูทีนสามารถสังเคราะห์ได้ในพืชโดยมีสารตั้งต้นมาจากเดลตา-แคโรทีน[5] พืชใช้ลูทีนในการปรับกลไกการรับแสงระหว่างการสังเคราะห์แสง[6] มนุษย์ได้รับลูทีนจากการทานพืช เมื่อรับลูทีนซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมันเข้าไป ลูทีนจะผ่านระบบย่อยอาหารไปพร้อมกับลิพิดอื่น ๆ เช่น คอเลสเตอรอล ฟอสโฟลิพิดหรือกรดไขมันอิสระ ก่อนจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กผ่านเอนเทอโรไซต์[7] ลูทีนเป็นหนึ่งในสารแคโรทีนอยด์สองชนิดที่พบเฉพาะในตา โดยพบมากบริเวณจุดเหลืองจอตา (macula lutea) ซึ่งเป็นพื้นที่วงรีใกล้กับกลางจอตา[8]
ลูทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในอาหารหลายชนิด ได้แก่ คะน้า ปวยเล้ง บรอกโคลี ผักกาดหอม หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วลันเตา ข้าวโพด ฟักทอง มะเขือเทศ และไข่แดง[9][10] เมื่อใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร ลูทีนจะมีเลขอีคือ E161b มีงานวิจัยบางส่วนรายงานว่าลูทีนช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงเป็นต้อกระจก และโรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม[11][12][13]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ MSDS at Carl Roth (Lutein Rotichrom, German).
- ↑ "Lutein - MSDS". Fisher Scientific. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ "Lutein and Zeaxanthin Molecule". World of Molecules. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ "Lutein - Definition". Dictionary.com. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ "Lutein biosynthesis". BioCyc. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ Jahns, Peter; Holzwarth, Alfred R. (January 2012). "The role of the xanthophyll cycle and of lutein in photoprotection of photosystem II". Biochimica et Biophysica Acta (BBA) - Bioenergetics. 1817 (1): 182–193. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ Reboul, Emmanuelle (April 2019). "Mechanisms of Carotenoid Intestinal Absorption: Where Do We Stand?". Nutrients. 11 (4). สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ Eisenhauer, Bronwyn; Natoli, Sharon; Flood, Victoria M. (February 2017). "Lutein and Zeaxanthin—Food Sources, Bioavailability and Dietary Variety in Age-Related Macular Degeneration Protection". Nutrients. 9 (2). สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ "Lutein" (PDF). Agricultural Marketing Service - USDA. สืบค้นเมื่อ October 24, 2019.
- ↑ Lehman, Shereen (September 20, 2019). "15 Healthy Foods That Are High in Lutein". Verywell Fit. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
- ↑ "NIH study provides clarity on supplements for protection against blinding eye disease". US National Eye Institute, National Institutes of Health, Bethesda, MD. 5 May 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-15. สืบค้นเมื่อ 10 August 2017.
- ↑ "Carotenoids". Micronutrient Information Center, Linus Pauling Institute, Oregon State University, Corvallis. July 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-21. สืบค้นเมื่อ 10 August 2017.
- ↑ O'Brien, Sharon (July 11, 2018). "Lutein and Zeaxanthin: Benefits, Dosage and Food Sources". Healthline. สืบค้นเมื่อ October 25, 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ลูทีน
- "ลูทีน ดีต่อดวงตา มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงหรือ ?". Pobpad.