ข้ามไปเนื้อหา

คาโรลีเนอแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คาโรลีเนอแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค
สมเด็จพระราชินีแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์
พระชายาในเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งฮันโนเฟอร์
ดำรงพระยศ11 มิถุนายน 1727 – 20 พฤศจิกายน 1737
ราชาภิเษก11 ตุลาคม 1727
ก่อนหน้าจอร์จแห่งเดนมาร์ก
(พระราชสวามี)
ถัดไปชาร์ล็อทเทอแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์
(พระราชินี)
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
แห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์
ระหว่างพฤษภาคม – กันยายน 1729
มิถุนายน – กันยายน 1732
พฤษภาคม – ตุลาคม 1735
และ 1736 – 1737
พระมหากษัตริย์พระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่
พระราชสมภพ1 มีนาคม ค.ศ.1683
อันส์บัค ราชรัฐอันส์บัค จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
สวรรคต20 พฤศจิกายน ค.ศ.1737 (พระชนมายุ 54 พรรษา)
พระราชวังเซนต์เจมส์ ลอนดอน
ฝังพระศพ17 ธันวาคม ค.ศ.1737
เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ ลอนดอน
พระสวามีพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่
(อภิเษกสมรส 2 กันยายน ค.ศ.1705)
พระราชบุตร
รายละเอียด
พระนามเต็ม
วิลเฮลมินา ชาร์ล็อต คาโรลีเนอ
ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น
ราชวงศ์ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น (ประสูติ)
ราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ (สมรส)
พระราชบิดาโยฮันน์ ฟรีดริช มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค
พระราชมารดาเจ้าหญิงเอเลนอร์
ศาสนาลูเทอรัน (โปรเตสแตนต์)
ธรรมเนียมพระยศของ
คาโรลีเนอแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค
ตราประจำพระอิสริยยศ
ธงประจำพระอิสริยยศ
การทูลHer Majesty (ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท)
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับYour Majesty (พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ)

สมเด็จพระราชินีคาโรลีเนอแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค (อังกฤษ: Caroline of Brandenburg-Ansbach; ประสูติ 1 มีนาคม ค.ศ. 1683 – สวรรคต 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1737) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งบริเตนใหญ่ และ ไอร์แลนด์ และ เจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งฮันโนเฟอร์ ในฐานะพระมเหสีของพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่

คาโรลีเนอทรงเป็นที่รู้จักในฐานะสตรีผู้ทรงปัญญา ฉลาดหลักแหลม และ มีความสนใจอย่างลึกซึ้ง ในด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา พระองค์ทรงมีอิทธิพลอย่างมากต่อพระสวามีและ นโยบายของรัฐบาลอังกฤษในช่วงรัชสมัยของพระองค์ ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปิน นักคิด และนักวิทยาศาสตร์หลายคน และ ทรงมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ในอังกฤษ

ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา

[แก้]

คาโรลีเนอ ประสูติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1683 ณ เมืองอันส์บัค (Ansbach) ซึ่งเป็นรัฐเล็ก ๆ ใน จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของเยอรมนี) พระองค์เป็นพระธิดาของโยฮันน์ ฟรีดริช มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค (Johann Friedrich, Margrave of Brandenburg-Ansbach) และ เจ้าหญิงเอเลนอร์ แอร์คมูเทอแห่งซัคเซิน-ไอเซอนัค (Princess Eleonore Erdmuthe of Saxe-Eisenach)

ชีวิตช่วงต้นของคาโรลีเนอเต็มไปด้วยความยากลำบาก พระบิดาของพระองค์เสด็จสวรรคตด้วยไข้ทรพิษ เมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง 3 พรรษา และ พระมารดาของพระองค์ก็สิ้นพระชนม์เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 13 พรรษา ทำให้พระองค์ และ พระอนุชา (วิลเลียม ฟรีดริช) กลายเป็นกำพร้า อย่างไรก็ตาม โชคชะตาก็ยังคงเข้าข้างพระองค์ เมื่อพระองค์ได้รับการอุปถัมภ์จาก เจ้าหญิงโซเฟีย ชาร์ล็อตต์แห่งฮันโนเฟอร์ (Sophia Charlotte of Hanover) ซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งปรัสเซีย และ เป็นพระขนิษฐาของพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ในอนาคต คาโรลีเนอทรงย้ายไปประทับที่ราชสำนักปรัสเซียในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางปัญญา และ วัฒนธรรมที่สำคัญ

ภายใต้การดูแลของ โซเฟีย ชาร์ล็อตต์ คาโรลีเนอได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม พระองค์ได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางปัญญาที่เปิดกว้าง และ เสรี ทรงมีความสนใจอย่างลึกซึ้งในด้านปรัชญา เทววิทยา วิทยาศาสตร์ และศิลปะ ทรงเป็นบุคคลที่ฉลาด และ กระตือรือร้น พระนางมีความสัมพันธ์อันดีกับนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่าง กอทท์ฟรีด วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ (Gottfried Wilhelm Leibniz) ซึ่งพระองค์ได้ติดต่อโต้ตอบทางจดหมายกับเขาอย่างสม่ำเสมอ ความรู้ และมุมมองที่กว้างขวางนี้จะหล่อหลอมให้คาโรลีเนอเป็นสตรีผู้ทรงปัญญาและมีอิทธิพลในอนาคต

การอภิเษกสมรสและฐานะเจ้าหญิงแห่งเวลส์

[แก้]

คาโรลีเนอทรงเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในฐานะเจ้าสาว เนื่องจาก ทรงมีทั้งความงาม ความฉลาด และ สายเลือดที่สูงส่ง พระองค์เคยได้รับข้อเสนอให้อภิเษกสมรสกับอาร์ชดยุกชาลส์แห่งออสเตรีย (Archduke Charles of Austria) ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นกษัตริย์แห่งสเปน แต่คาโรลีเนอทรงปฏิเสธข้อเสนอนี้ เนื่องจากพระองค์จะต้องเปลี่ยนไปนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ไม่ยอมรับ เพราะทรงยึดมั่นในนิกายลูเทอรัน (โปรเตสแตนต์) อย่างแรงกล้า

ในปี ค.ศ.1705 คาโรลีเนอทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายจอร์จ ออกัสตัส (George Augustus) ซึ่งเป็นพระโอรสของ จอร์จ ลุดวิก เจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งฮันโนเฟอร์ (ต่อมาคือ พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่) การสมรสนี้เป็นการจับคู่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ทั้งสองพระองค์ทรงมีความรัก และ ความเคารพซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ซึ่งหาได้ยากในราชวงศ์ยุคนั้น ทั้งคู่มีพระโอรสธิดารวม 8 พระองค์ที่รอดชีวิตมาจนถึงวัยผู้ใหญ่

ในปี ค.ศ.1714 เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ สวรรคตโดยไม่มีทายาท ราชบัลลังก์บริเตนใหญ่จึงตกเป็นของเจ้านครรัฐผู้คัดเลือก จอร์จ ลุดวิก ตามพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์ (Act of Settlement 1701) ซึ่งกำหนดให้ผู้สืบราชบัลลังก์ต้องเป็นโปรเตสแตนต์ ทำให้พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ เจ้าชายจอร์จ ออกัสตัส พระสวามีของคาโรลีเนอ จึงได้เป็น เจ้าชายแห่งเวลส์ และ คาโรลีเนอได้ย้ายมาประทับที่อังกฤษอย่างถาวร

ในฐานะ เจ้าชาย และ เจ้าหญิงแห่งเวลส์ คาโรลีเนอ และ พระสวามีมักจะมีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งเป็นพระสัสสุระ (พ่อสามี) ของพระองค์ ความขัดแย้งระหว่างพระบิดากับพระโอรสเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ คาโรลีเนอทรงพยายามเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งเหล่านี้ และ ทรงสร้างราชสำนักของตนเองที่พระราชวังริชมอนด์ (Richmond Palace) และ พระราชวังเค็นซิงตัน (Kensington Palace) ซึ่งกลายเป็นศูนย์รวมของนักคิด นักเขียน และศิลปินชั้นนำของยุค

สมเด็จพระราชินีคาโรลีเนอแห่งบริเตนใหญ่ ภาพเขียนโดย โจเซฟ ไฮมอร์ (Joseph Highmore) ราวปี ค.ศ.1731

สมเด็จพระราชินีแห่งบริเตนใหญ่

[แก้]

ในปี ค.ศ.1727 เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 1 เสด็จสวรรคต เจ้าชายจอร์จ ออกัสตัสได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ และ คาโรลีเนอทรงได้รับการราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ ในวันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ.1727 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์

คาโรลีเนอทรงเป็นหนึ่งในพระราชินีที่มีอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ พระองค์ทรงมีอิทธิพลอย่างมากต่อพระสวามี พระเจ้าจอร์จที่ 2 ทรงเชื่อมั่นในสติปัญญา และ ความสามารถในการตัดสินใจของพระองค์อย่างเต็มที่ แม้ว่าพระเจ้าจอร์จที่ 2 จะทรงเป็นกษัตริย์ที่มักจะแสดงออกถึงความเด็ดขาด แต่ก็ทรงพึ่งพาคำแนะนำของพระราชินีอย่างลับๆ ในประเด็นสำคัญหลายประการ มีคำกล่าวในยุคนั้นว่า "You may strut, dapper George, but 'twill all be in vain; We know 'tis Queen Caroline, not you, that reign." (เจ้าอาจจะวางท่าผึ่งผาย จอร์จผู้สง่า แต่ก็ไร้ประโยชน์ เราต่างรู้ว่าคือพระราชินีคาโรลีเนอต่างหาก ไม่ใช่เจ้าที่ปกครอง)

คาโรลีเนอทรงทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ถึงสี่ครั้ง ในช่วงที่พระเจ้าจอร์จที่ 2 เสด็จเยือนฮันโนเฟอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไว้วางพระทัยที่พระสวามีมีต่อพระองค์ ในช่วงที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการ พระองค์ทรงบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ชาญฉลาด

พระองค์ทรงเป็นผู้สนับสนุนหลักของ เซอร์โรเบิร์ต วอลโพล (Sir Robert Walpole) นายกรัฐมนตรีคนแรกของบริเตนใหญ่ คาโรลีเนอทรงใช้ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพระสวามี เพื่อรักษาตำแหน่งของวอลโพลไว้ และ ทำงานร่วมกับเขาอย่างใกล้ชิดในการกำหนดนโยบายทั้งใน และ ต่างประเทศ วอลโพลเองก็ตระหนักดีถึงอิทธิพลของพระราชินี และ มักจะขอคำแนะนำจากพระองค์

ราชสำนักของคาโรลีเนอเป็นศูนย์กลางของยุคภูมิธรรม (Enlightenment) ในอังกฤษ พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปิน นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ และ นักปรัชญามากมาย ทรงสนับสนุนงานของ จอร์จ ฟรีดริช แฮนเดล (George Frideric Handel) นักประพันธ์เพลงชื่อดัง และ ทรงมีความสนใจอย่างยิ่งในการส่งเสริมความรู้ และ นวัตกรรม ทรงสนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญในยุคนั้น

พระโอรสธิดาและความขัดแย้งในครอบครัว

[แก้]

คาโรลีเนอ และ พระเจ้าจอร์จที่ 2 มีพระโอรสธิดารวม 8 พระองค์ที่รอดชีวิตมาจนถึงวัยผู้ใหญ่ ได้แก่

  • เจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์ (Frederick, Prince of Wales; ค.ศ. 1707–1751) รัชทายาทในราชบัลลังก์
  • เจ้าหญิงแอนน์ เจ้าหญิงพระราชกุมารี (Anne, Princess Royal; ค.ศ. 1709–1759) ต่อมาเป็นเจ้าหญิงแห่งออเรนจ์
  • เจ้าหญิงอมีเลีย โซเฟีย เอเลนอร์ (Princess Amelia Sophia Eleanor; ค.ศ. 1711–1786)
  • เจ้าหญิงคาโรลีเนอ เอลิซาเบธ (Princess Caroline Elizabeth; ค.ศ. 1713–1757)
  • เจ้าชายจอร์จ วิลเลียม (Prince George William; ค.ศ. 1717–1718) สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์
  • เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งคัมเบอร์แลนด์ (Prince William, Duke of Cumberland; ค.ศ. 1721–1765)
  • เจ้าหญิงแมรี แลนด์เกรฟวีนแห่งเฮสส์-คาสเซิล (Princess Mary, Landgravine of Hesse-Kassel; ค.ศ. 1722–1772)
  • เจ้าหญิงลูอีซา พระราชินีแห่งเดนมาร์กและนอร์เวย์ (Princess Louisa, Queen of Denmark and Norway; ค.ศ. 1724–1751)


เช่นเดียวกับพระสวามีของพระองค์ คาโรลีเนอก็มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับพระโอรสองค์โต เจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์ เฟรเดอริกมีความทะเยอทะยาน และ มักจะพยายามสร้างราชสำนักคู่แข่งกับพระบิดา และ พระมารดา ความบาดหมางนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และ ไม่ได้รับการแก้ไขจนกระทั่งคาโรลีเนอสวรรคต ซึ่งสร้างความเสียใจอย่างมากแก่พระองค์

เจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์ พระโอรสองค์โตของสมเด็จพระราชินีคาโรลีเนอ ผู้มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับพระมารดา

พระพลานามัย การสวรรคต และพระราชมรดก

[แก้]

คาโรลีเนอทรงมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังมาหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการไส้เลื่อนที่รุนแรง ซึ่งพระองค์ทรงเก็บเป็นความลับและทรงไม่ยอมเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังด้วยความอับอาย และ ไม่ต้องการให้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1737 พระอาการของพระองค์ทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว แพทย์พยายามทำการผ่าตัดหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ สมเด็จพระราชินีคาโรลีเนอเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ.1737 ณ พระราชวังเซนต์เจมส์ (St. James's Palace) กรุงลอนดอน พระชนมายุ 54 พรรษา

การสวรรคตของคาโรลีเนอสร้างความโศกเศร้าอย่างหนักแก่พระเจ้าจอร์จที่ 2 พระองค์ทรงสั่งให้สร้างโลงพระศพของทั้งสองพระองค์ให้สามารถเปิดด้านข้างออกได้ เพื่อที่ว่าเมื่อถึงเวลาที่พระองค์สวรรคต โลงพระศพของทั้งคู่จะสามารถวางเคียงข้างกัน และ "ธุลีของทั้งสองจะผสมผสานกันได้" ซึ่งแสดงถึงความรักและความผูกพันอันลึกซึ้งที่ทรงมีต่อพระราชินี

พระศพของคาโรลีเนอถูกฝังเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ.1737 ณ เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey) กรุงลอนดอน

คาโรลีเนอแห่งบรันเดินบวร์ค-อันส์บัค ทรงทิ้งมรดกอันสำคัญในฐานะพระราชินีมเหสีผู้ทรงปัญญา และ มีอิทธิพล พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของสตรีผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมือง และ วัฒนธรรมในยุคที่ผู้หญิงยังคงถูกจำกัดบทบาท ทรงช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับราชวงศ์ฮันโนเฟอร์ในอังกฤษ และ ทรงส่งเสริมยุคภูมิธรรมในบริเตนใหญ่ ผ่านการอุปถัมภ์ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และปรัชญา ทำให้พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระราชินีที่ประสบความสำเร็จ และ มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ

ดูเพิ่ม

[แก้]