ข้ามไปเนื้อหา

เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เจ้าหญิงยูริโกะ
เจ้าหญิงพระชายา
เจ้าหญิงยูริโกะเมื่อ พ.ศ. 2555
ประสูติ4 มิถุนายน พ.ศ. 2466 (101 ปี)
โตเกียว จักรวรรดิญี่ปุ่น
พระภัสดาเจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ (พ.ศ. 2484–2559)
พระบุตรยาซูโกะ โคโนเอะ
เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ
เจ้าชายโยชิฮิโตะ คัตสึระโนะมิยะ
มาซาโกะ เซ็ง
เจ้าชายโนริฮิโตะ ทากามาโดะโนะมิยะ
ราชวงศ์ญี่ปุ่น (เสกสมรส)
พระบิดามาซานาริ ทากางิ
พระมารดาคูนิโกะ อิริเอะ
ธรรมเนียมพระยศของ
เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาฯ
ตราประจำพระอิสริยยศ
ธงประจำพระอิสริยยศ
การทูลชินโนฮิเด็งกะ
การแทนตนโบกุ (บุรุษ) / วาตาชิ (สตรี)
การขานรับเด็งกะ (殿下)

เจ้าหญิงยูริโกะ พระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ (ญี่ปุ่น: 崇仁親王妃百合子โรมาจิTakahito Shinnōhi Yuriko; 4 มิถุนายน พ.ศ. 2466) พระนามเดิม ยูริโกะ ทากางิ (ญี่ปุ่น: 高木百合子โรมาจิTakagi Yuriko) เป็นพระชายาในเจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ พระราชโอรสพระองค์เล็กในจักรพรรดิไทโช กับจักรพรรดินีเทเม พระองค์เป็นพระปิตุลานีในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และเป็นพระกุลเชษฐ์แห่งราชวงศ์เพียงพระองค์เดียวที่ประสูติในรัชสมัยไทโชที่ยังทรงพระชนม์ชีพ

พระประวัติ

[แก้]

พระชนม์ชีพช่วงต้น

[แก้]

เจ้าหญิงยูริโกะประสูติในโตเกียว เป็นธิดาของไวเคานต์มาซานาริ ทากางิ (พ.ศ. 2437–2491) กับคูนิโกะ ทากางิ (สกุลเดิม อิริเอะ; พ.ศ. 2444–2531) พระชนกสืบสันดานมาจากตระกูลทากางิ อดีตตระกูลขุนนางที่ดูแลพื้นที่แถบทันอัง (Tan'an) และทรงเป็นลื่อของฮตตะ มาซาโยริ โรจูคนสำคัญในยุคบากูมัตสึ เมื่อนับจากพระบิดา ส่วนพระชนนีสืบเชื้อสายมาแต่ตระกูลยานางิวาระ และเป็นพระญาติชั้นที่สองของจักรพรรดิโชวะ[1]

เจ้าหญิงยูริโกะทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกากูชูอิงเมื่อปี พ.ศ. 2484

เสกสมรส

[แก้]

มีการประกาศว่าเจ้าชายทากาฮิโตะ มิกาซะโนะมิยะ จะทรงหมั้นกับยูริโกะ ทากางิ พระญาติชั้นที่สองเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2484 โดยพระราชพิธีหมั้นจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2484 และมีพระราชพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมปีเดียวกัน ทั้งสองมีพระโอรส-ธิดา 5 พระองค์ ได้แก่

  1. เจ้าหญิงยาซูโกะแห่งมิกาซะ (ญี่ปุ่น: 甯子内親王โรมาจิYasuko Naishinno; 26 เมษายน พ.ศ. 2487) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อเสกสมรสกับทาดาเตรุ โคโนเอะ (ญี่ปุ่น: 近衛 忠煇โรมาจิKonoe Tadateru) มีพระโอรสหนึ่งคน
  2. เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ (ญี่ปุ่น: 寬仁親王โรมาจิTomohito Shinnō; 5 มกราคม พ.ศ. 2489 – 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555) เสกสมรสกับโนบุโกะ อะโซ (ญี่ปุ่น: 麻生信子โรมาจิAsō Nobuko) มีพระธิดาสองพระองค์
  3. เจ้าชายโยชิฮิโตะ คัตสึระโนะมิยะ (ญี่ปุ่น: 桂宮宜仁親王โรมาจิKatsura-no-miya Yoshihito Shinnō; 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 – 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557)
  4. เจ้าหญิงมาซาโกะแห่งมิกาซะ (ญี่ปุ่น: 容子内親王โรมาจิMasako Naishinnō; 23 ตุลาคม พ.ศ. 2494) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อเสกสมรสกับโซชิตสึ เซ็งที่ 16 (ญี่ปุ่น: 千宗室โรมาจิSen Sōshitsu) มีพระโอรส-ธิดาสามคน
  5. เจ้าชายโนริฮิโตะ ทากามาโดะโนะมิยะ (ญี่ปุ่น: 高円宮憲仁親王โรมาจิTakamado-no-miya Norihito Shinnō; 29 ธันวาคม พ.ศ. 2497 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545) เสกสมรสกับฮิซาโกะ ทตโตริ (ญี่ปุ่น: 鳥取久子โรมาจิTottori Hisako) มีพระธิดาสามพระองค์

พ.ศ. 2565 พระองค์มีพระบุตร 5 พระองค์ พระนัดดา 9 คน และพระปนัดดาอีก 7 คน[2]

หลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะผู้เป็นโอรสเป็นต้นมา เจ้าหญิงยูริโกะจึงเสด็จเยี่ยมพระสวามีที่ทรงรักษาพระองค์ในโรงพยาบาลบ่อยครั้งในช่วงบั้นปลายพระชนม์ของเจ้าชายทากาฮิโตะ กระทั่งวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เจ้าหญิงยูริโกะและพระสวามีได้ฉลองครบรอบ 75 ปีแห่งการเสกสมรส ณ ห้องพักภายในโรงพยาบาล ถือเป็นการฉลองร่วมกันครั้งสุดท้ายของทั้งสองพระองค์[3] ไม่กี่วันหลังจากนั้น เจ้าชายทากาฮิโตะก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559 โดยมีเจ้าหญิงยูริโกะคอยประทับอยู่เคียงข้างในวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ[3] หลังจากนั้นเจ้าหญิงยูริโกะจึงทรงรับเป็นเจ้าภาพในพระราชพิธีปลงพระศพพระภัสดาในฐานะพระชายา[4]

พระพลานามัย

[แก้]

เจ้าหญิงยูริโกะมิได้เข้าร่วมในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจักรพรรดินารูฮิโตะเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562[5] กันยายน พ.ศ. 2563 เจ้าหญิงยูริโกะขณะพระชันษา 97 ปี เข้ารับการถวายการรักษาเพราะประชวรด้วยพระหทัยพิการและปับผาสะอักเสบ[6] มีนาคม พ.ศ. 2564 เจ้าหญิงยูริโกะเข้ารับการถวายการรักษาการประชวรด้วยพระอาการพระหทัยเต้นผิดจังหวะ ณ โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้ก แต่พระอาการประชวรไม่ร้ายแรงนัก สามวันหลังจากนั้นเจ้าหญิงยูริโกะจึงเสด็จกลับไปประทับที่พระตำหนักตามเดิม[7][8]

กรกฎาคม พ.ศ. 2565 มีรายงานว่าเจ้าหญิงยูริโกะ ขณะพระชันษาได้ 99 ปี มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพราะมีพระปรอทมากกว่า 37 องศา และมีพระกรรสะเล็กน้อย ส่วนสถานะการรับวัคซีนไม่ได้รับการเผยแพร่ ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนพระองค์[9]

ช่วงต้น พ.ศ. 2567 เจ้าหญิงยูริโกะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้กเนื่องจากมีพระอาการใกล้เคียงกับกล้ามเนื้อหัวใจตาย[10] เบื้องต้นพระองค์ไม่สามารถเสวยพระกระยาหารได้ หลังคณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด เจ้าหญิงยูริโกะกลับมาเสวยน้ำเปล่าได้ และออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567[11] ต่อมาวันที่ 18 มีนาคม 2567 เจ้าหญิงยูริโกะถูกส่งกลับไปโรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้กอีกครั้ง หลังมีพระอาการพระหทัยพิการและหลอดพระโลหิตในพระสมองตีบ[12] กระทั่งวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567 พระอาการประชวรของพระองค์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีพระอาการกลับไปอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตอนที่พระองค์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในครั้งแรก[13] เจ้าหญิงยูริโกะมีพระชันษาครบ 101 ปี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2567 การนี้เจ้าหญิงฮิซาโกะ พระชายาในเจ้าชายโนริฮิโตะ พร้อมด้วยเจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ เจ้าหญิงโยโกะแห่งมิกาซะ และเจ้าหญิงสึงูโกะแห่งทากามาโดะ เสด็จพระดำเนินไปทรงเยี่ยมที่โรงพยาบาลนานาชาติเซนต์ลู้ก โดยเจ้าหญิงอากิโกะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายดอกไม้แก่เจ้าหญิงยูริโกะ[14]

พระกรณียกิจ

[แก้]

เจ้าหญิงยูริโกะเป็นประธานกิตติมศักดิ์ขององค์กรการกุศลต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น และทรงมีบทบาทยิ่งในสภากาชาดญี่ปุ่น[15]

ในปี พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงยูริโกะเป็นประธานมูลนิธิอิมพีเรียลกิฟต์โบชิไอกุไก (Imperial Gift Foundation Boshi-Aiiku-kai) และทรงลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 นอกจากนี้ยังทรงเข้าร่วมกับองค์กรการกุศลต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของแม่และเด็ก[15]

พระบุตร

[แก้]
พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ เสกสมรส พระนัดดา
ยาซูโกะ โคโนเอะ 26 เมษายน พ.ศ. 2487 16 ธันวาคม พ.ศ. 2509 ทาดาเตรุ โคโนเอะ ทาดาฮิโระ โคโนเอะ
เจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ 5 มกราคม พ.ศ. 2489 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 โนบูโกะ อาโซ เจ้าหญิงอากิโกะแห่งมิกาซะ
เจ้าหญิงโยโกะแห่งมิกาซะ
เจ้าชายโยชิฮิโตะ คัตสึระโนะมิยะ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557
มาซาโกะ เซ็ง 23 ตุลาคม พ.ศ. 2494 14 ตุลาคม พ.ศ. 2526 โซชิตสึ เซ็งที่ 16 อากิฟูมิ คิกูจิ
มากิโกะ ซากาตะ
ทากาฟูมิ เซ็ง
เจ้าชายโนริฮิโตะ ทากามาโดะโนะมิยะ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2497 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 6 ธันวาคม พ.ศ. 2527 ฮิซาโกะ ทตโตริ เจ้าหญิงสึงูโกะแห่งทากามาโดะ
โนริโกะ เซ็งเงะ
อายาโกะ โมริยะ

พงศาวลี

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "高木氏 (Takagi genealogy)". Reichsarchiv. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-24. สืบค้นเมื่อ 28 May 2017. (ญี่ปุ่น)
  2. "Princess Yuriko, oldest in Japan's Imperial Family, turns 99". Arab News. 4 June 2022. สืบค้นเมื่อ 12 June 2022.
  3. 3.0 3.1 "UPDATE: Prince Mikasa, uncle of Akihito, dies at 100 years old". Asahi Shimbun. 27 October 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-03-29. สืบค้นเมื่อ 27 October 2016.
  4. "Prince Mikasa laid to rest in Imperial rite". The Japan Times. 4 November 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-30. สืบค้นเมื่อ 5 January 2017.
  5. https://english.kyodonews.net/news/2019/10/31bf12d1744f-japan-emperor-to-announce-enthronement-in-ancient-style-ceremony.html
  6. https://english.kyodonews.net/news/2020/10/933cf64a2687-update1-princess-yuriko-great-aunt-of-emperor-released-from-hospital.html
  7. "Japan emperor's great-aunt Princess Yuriko hospitalized for heart trouble". Kyodo News. 1 March 2021. สืบค้นเมื่อ 17 March 2021.
  8. "Emperor's great-aunt Princess Yuriko released from hospital". Kyodo News. 4 March 2021. สืบค้นเมื่อ 10 June 2021.
  9. 入院中の三笠宮妃百合子さま、コロナ感染…皇室の感染者は2人目
  10. "Princess Yuriko hospitalized for possible cerebral infarction". The Japan Times (ภาษาอังกฤษ). 2024-03-04. สืบค้นเมื่อ 2024-03-04.
  11. 日本テレビ. "入院中の三笠宮妃百合子さま、一般病室に 順調に回復へ 宮内庁|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2024-03-12.
  12. 日本テレビ. "三笠宮妃百合子さま、心不全と新たな脳梗塞の症状 皇室最高齢の100歳|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2024-03-18.
  13. 日本テレビ. "三笠宮妃百合子さま、心不全と脳梗塞の症状かなり改善 宮内庁|日テレNEWS NNN". 日テレNEWS NNN (ภาษาญี่ปุ่น). สืบค้นเมื่อ 2024-03-26.
  14. 日本放送協会 (2024-06-04). "皇室で最高齢 三笠宮妃の百合子さま 101歳に 皇族方が病院訪問 | NHK". NHKニュース. สืบค้นเมื่อ 2024-06-04.
  15. 15.0 15.1 "Activities of Their Imperial Highnesses Prince and Princess Mikasa and their family". The Imperial Household Agency. สืบค้นเมื่อ 18 October 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]