ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 3: | บรรทัด 3: | ||
| image = Tunku abd rahman.jpg |
| image = Tunku abd rahman.jpg |
||
| order = นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนที่ 1 |
| order = นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนที่ 1 |
||
| monarch = [[สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุล ระห์มัน]] <br> [[สมเด็จพระราชาธิบดีฮีซามุดดิน อาลัม ชาห์]]<br>[[สมเด็จพระราชาธิบดีซัยยิด ปูตรา]]<br>[[สมเด็จพระราชาธิบดีอิสมาอิล นาซีรุดดิน ชาห์]] |
|||
⚫ | |||
| |
| term_start = 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 |
||
| term_end = 22 กันยายน พ.ศ. 2513 |
|||
| predecessor = ''ไม่มี'' (ข้าหลวงใหญ่จากสหราชอาณาจักร) |
|||
| predecessor = ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน <br>{{small|(ในฐานะมุขมนตรีมาลายา)}} |
|||
| successor = [[อับดุล ราซัก ฮุซเซน]] |
| successor = [[อับดุล ราซัก ฮุซเซน]] |
||
| order1 = มุขมนตรีมาลายา |
|||
| monarch1 = [[สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร|สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2]] |
|||
⚫ | |||
| term_end1 = 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 |
|||
| successor1 = ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน<br>{{small|(ในฐานะนายกรัฐมนตรี)}} |
|||
| birth_date = [[8 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2446]] |
| birth_date = [[8 กุมภาพันธ์]] [[พ.ศ. 2446]] |
||
| birth_place = [[อาโลร์เซอตาร์]] [[รัฐเกอดะฮ์|มณฑลไทรบุรี]] [[ประเทศไทย|ราชอาณาจักรสยาม]] |
| birth_place = [[อาโลร์เซอตาร์]] [[รัฐเกอดะฮ์|มณฑลไทรบุรี]] [[ประเทศไทย|ราชอาณาจักรสยาม]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:46, 21 สิงหาคม 2564
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน | |
---|---|
นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนที่ 1 | |
ดำรงตำแหน่ง 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 – 22 กันยายน พ.ศ. 2513 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุล ระห์มัน สมเด็จพระราชาธิบดีฮีซามุดดิน อาลัม ชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีซัยยิด ปูตรา สมเด็จพระราชาธิบดีอิสมาอิล นาซีรุดดิน ชาห์ |
ก่อนหน้า | ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (ในฐานะมุขมนตรีมาลายา) |
ถัดไป | อับดุล ราซัก ฮุซเซน |
มุขมนตรีมาลายา | |
ดำรงตำแหน่ง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2498 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2500 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 |
ถัดไป | ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (ในฐานะนายกรัฐมนตรี) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 อาโลร์เซอตาร์ มณฑลไทรบุรี ราชอาณาจักรสยาม |
เสียชีวิต | 6 ธันวาคม พ.ศ. 2533 (87 ปี) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย |
ศาสนา | อิสลาม |
พรรคการเมือง | พรรคอัมโน |
คู่สมรส | มาเรียม จง (1933-1935) ไวโอเลต คอลสัน (1935-1946) ชารีฟะฮ์ โรเซียะฮ์ (1939-1990) |
ลายมือชื่อ | |
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ปูตรา อัล-ฮัจ อิบนี อัลมาร์ฮุม ซุลตัน อับดุล ฮามิด ฮาลิม ชะฮ์ที่ 2 (มลายู: Tunku Abdul Rahman Putra Al-Haj ibni Almarhum Sultan Abdul Hamid Halim Shah II, تونكوعبدالرحمن ڤوترا الهاج ابن المرحوم سلطان عبدالحميد حاليم شه) หรือ ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 – 6 ธันวาคม พ.ศ. 2533) เป็นผู้นำการเรียกร้องเอกราชและนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย ได้รับยกย่องเป็นบิดาแห่งประเทศมาเลเซียหรือ Bapa of Malaysia
ประวัติ
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน เกิดเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่วังเปอลามิน เมืองอาโลร์เซอตาร์ มณฑลไทรบุรี ประเทศสยาม เป็นบุตรของเจ้าพระยาไทรบุรี (อับดุลฮามิด) (เจ้าพระยาฤทธิสงคราม)[1] สุลต่านองค์ที่ 25 แห่งไทรบุรี กับหม่อมมารดาชาวไทยเชื้อสายมอญนามว่า หม่อมเนื่อง นนทนาคร[2] หรือมะเจ๊ะเนื่อง หรืออีกชื่อว่า ปะดูกา ซรี เจ๊ะเมินยาราลา (Paduka Seri Cik Menjalara) ชายาองค์ที่ 6 ของท่านสุลต่าน ซึ่งเป็นบุตรีของหลวงนราบริรักษ์ (เกล็บ นนทนาคร) เจ้าเมืองนนทบุรีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตุนกู อับดุล ระฮ์มันเป็นลูกชายคนที่ 14 จากบรรดาลูก 20 คนของสุลต่านอับดุลฮามิด
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน มีพระเชษฐาร่วมพระมารดาคือ ร้อยเอกตุนกู ยูซุฟ (รับราชการในกรมตำรวจ) เพื่อนสนิทของพระยาอนุสาสน์พณิชย์การ
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน มีพระเชษฐาต่างพระมารดาคือ สุลต่านบาดิร ชาฮ์ (Sultan Badlishah) สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์องค์ที่ 26 (ค.ศ. 1943 – ค.ศ. 1958) ผู้เป็นพระราชบิดาของสมเด็จพระราชาธิบดี อัลมูตัสสิมู บิลลาฮี มูฮิบบุดดิน ตวนกู อัลฮัจญ์ อับดุล ฮาลิม มูฮัซซัม ชาห์ อิบนี อัลมาฮูม สุลต่าน บาดลิชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียลำดับที่ 5 และ 14 หรือสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม สุลต่านแห่งรัฐเกอดะฮ์องค์ที่ 27
สมรส
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ได้สมรสรวมทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่
- ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2476 กับสตรีชาวไทยเชื้อสายจีนชื่อ ท่านผู้หญิงมาเรียม จง หรือมาเรียม อับดุลละห์ (Meriam Chong หรือ Meriam Abdullah) มีบุตร 2 คนคือ ตุนกู คาดีจะฮ์ (Tunku Khadijah) และตุนกู อะฮ์มัด เนอรัง (Tunku Ahmad Nerang) และภรรยาคนแรกมาเรียม จง ได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. 2478
- ครั้งที่สอง แต่งงานใหม่ที่อังกฤษกับสตรีชาวอังกฤษที่ชื่อว่า ไวโอเลต คอลสัน (Violet Coulson) แต่ได้หย่าร้างกันในปี พ.ศ. 2489
- ครั้งที่สามในปี พ.ศ. 2482 กับชารีฟะฮ์ โรเซียะฮ์ บินตี ไซยิด อัลวี บารักบะฮ์ (Sharifah Rodziah binti Syed Alwi Barakbah) ที่ต่อมากลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของมาเลเซียในเวลาต่อมาที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีบุตรธิดา 4 ท่าน คือ ซูไลมัน (Sulaiman), มาเรียม (Mariam), ชารีฟะฮ์ ฮานีซะฮ์ (Sharifah Hanizah) และฟารีดะฮ์ (Faridah)
- ครั้งที่สี่ กับสตรีเชื้อสายจีน ชื่อบีบี จง (Bibi Chong) มีบุตร 2 คน คือ ตุนกู นูร์ ฮายาตี (Tunku Noor Hayati) และตุนกู มัซตูรา (Tunku Mastura)[ต้องการอ้างอิง]
อับดุล ระฮ์มัน ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ที่กัวลาลัมเปอร์ สิริอายุ 87 ปี ศพถูกฝังที่ the Langgar Royal Mausoleum ในเมืองอาโลร์เซอตาร์ รัฐเกอดะฮ์
ประวัติการศึกษา
เมื่อปี พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ได้เข้าศึกษาในชั้นประถมมลายู (Malay Primary School) ที่ถนนบาฮารู (Jalan Baharu) ในเมืองอาโลร์เซอตาร์ ประเทศมาเลเซีย ต่อด้วยเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนในปกครองของอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาลัยสุลต่านอับดุลฮามิด
ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ท่านเป็นนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ (ท.ศ.1233) ในปี พ.ศ. 2456 ขณะที่มีอายุเพียง 10 ขวบ ถูกส่งตัวมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับพี่ชายของเขาอีก 3 คน ท่านเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนสนิท คือ ถวิล คุปตารักษ์ หรือหลวงถวิลเศรษฐพาณิช เรียนอยู่ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ 2 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2456-2458 ต่อมาปี พ.ศ. 2458 เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนปีนังฟรีสกูล (Penang Free School)
ปี พ.ศ. 2461 ท่านเป็นนักเรียนคนแรกที่ได้ทุนจากรัฐบาลของรัฐเกอดะฮ์ ที่ไปศึกษาในสหราชอาณาจักร ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยเซนต์แคทรีน (St Catharine's College) ในมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ และได้รับปริญญาบัณฑิตสาขาศิลปศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1925
หลังจากกลับมาจากอังกฤษทำงานอยู๋ช่วงเวลาหนึ่ง ได้เดินทางไปศึกษาวิชากฎหมายต่อ ที่ Inner Temple ที่ประเทศอังกฤษ แต่ต้องหยุดเรียน ในปี ค.ศ. 1938 เนื่องจากช่วงนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2ขึ้น ทำให้เขาต้องหยุดเรียนและกลับมาที่มาเลเซีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ในปี ค.ศ. 1947 จึงกลับไปศึกษาที่ Inner Temple อีก และจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1949
ประวัติการทำงาน
หลังจบการศึกษาอับดุลระฮ์มันเข้ารับราชการในเกอดะฮ์ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองที่เขตกูลิม (Kulim) และซูไงเปอตานี (Sungai Petani) ในอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ได้รับเลือกให้เป็นประธานของสมาคมมลายูของสหราชอาณาจักร (the Malay Society of Great Britain)
ปี ค.ศ. 1949 ในช่วงแรกของอาชีพนักการเมือง เขาได้เข้ารับงานราชการเป็นที่แรกที่สำนักงานกฎหมายของเมืองอาโลร์เซอตาร์ ต่อมาเมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นอัยการก็มีคำสั่งให้ย้ายไปประจำที่ กัวลาลัมเปอร์ และหลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานศาล ในช่วงเวลานั้นได้มีกลุ่มลัทธิชาตินิยมในมลายู ในการต่อต้านสหภาพมาลายาของอังกฤษ (Britain's Malayan Union) นำโดย ดาโต๊ะอันจาฟาร์ (Datuk Onn Jaafar) นักการเมืองของมาเลเซียที่เป็นผู้นำขององค์การประชาชาติมาเลเซียหรือพรรคแนวร่วมแห่งสหพันธ์มลายา (UMNO ที่เป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในมาเลเซีย) และท่านตุนกู อับดุล ระฮ์มัน ได้สมัครเข้าร่วมกับพรรคอัมโน (UMNO) ท่านเป็นนักการเมืองเชื้อสายชาวมลายูที่ได้รับความนิยมและยอมรับจนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสาขาของพรรคอัมโนในรัฐเกอดะฮ์
เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1951 เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้นได้รับเลือกให้เป็นประธานพรรคแนวร่วมแห่งสหพันธ์มาลายา (UMNO) คนใหม่และดำรงตำแหน่งเป็นเวลานานถึง 20 ปี และ จนในปี ค.ศ.1954 เป็นตัวแทนคณะผู้แทนเจรจาขอเอกราชมาเลเซียคืนจากสหราชอาณาจักร
ปี ค.ศ. 1955 มีการเลือกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก พรรคชนะการเลือกตั้งได้เสียงข้างมากแบบถล่มทลายในสภา ท่านได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศมาเลเซีย นับเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 จนถึง 22 กันยายน ค.ศ. 1970 และหลังชัยชนะจากการเลือกตั้งท่านยังรณรงค์ต่อสู่เรียกร้องเอกราชคืนจากสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง จนประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา
31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 เป็นวันที่สหพันธ์มาเลเซียได้รับอิสรภาพคืนจากอังกฤษ ท่านได้นำฝูงชน ไปตะโกนร้องว่า "Merdeka!" หมายถึง อิสรภาพ ต่อมาในปี ค.ศ. 1963 รวมรัฐซาบะฮ์และซาราวัก รวมทั้งสิงคโปร์เข้าด้วยกัน จึงเป็นประเทศมาเลเซียอย่างสมบูรณ์แบบ
ปี ค.ศ. 1961 ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมอาเซียน (ASA - the Association of Southeast Asia) ที่ภายหลังในวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1967 เปลี่ยนมาเป็น ASEAN (the Association of Southeast Asian Nations)
ในด้านศาสนา ท่านเป็นผู้ริเริ่มงานให้กับศาสนาอิสลามในรัฐเกอดะฮ์ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951 จนพัฒนาความคิดต่อยอด จัดตั้งองค์กร Islamic Welfare Organisation (PERKIM) ในปี ค.ศ. 1960 จนได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของ PERKIM จนถึงปี ค.ศ. 1989 รวมทั้งใน ค.ศ. 1969 มีส่วนช่วยในการจัดตั้ง the Organisation of Islamic Conference (OIC) และจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลามขึ้น (the Islamic Development Bank) และได้รับการแต่งแต่งเป็นผู้นำเป็นประธานของ the Regional Islamic Da’wah council of South East Asia and Pacific (RISEAP) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1982-1988
ในด้านการกีฬาท่านส่งเสริมสนับสนุนให้มาเลเซีย จัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติขึ้นมากมาย โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลเฉลิมฉลองเอกราชมาเลเซียหรือฟุตบอลเมเดก้า (an International football tournament ,the Pestabola Merdeka) ขึ้นในปี ค.ศ. 1957 หลังจากที่ได้เอกราชคืนจากอังกฤษ ท่านได้รับเลือกเป็นประธานคนแรกของสมาคมฟุตบอลอาเซียน (the Asian Football Confederation –AFC ) ดำรงตำแหน่งจนถึงปี ค.ศ. 1976
ในด้านกีฬาแข่งม้า เป็นที่ชื่นชอบโปรดปรานชมและเล่นพนันเสี่ยงโชคเป็นประจำที่ the Selangor Turf Club
ในด้านสื่อสารมวลชน ท่านได้เข้าเป็นประธานของหนังสือพิมพ์ในปีนังที่ชื่อว่าThe Star เขียนคอลัมน์ “Looking Back”และ “As I see It”
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มาเลเซีย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- พ.ศ. 2505 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[3]
ข้อมูลเพิ่มเติม
ภาษาไทย
- เจ้าพระยาไทรบุรี (ตนกุอับดุลฮามิด) เจ้าผู้ครองนครคนสุดท้ายของเมืองไทรบุรีที่ขึ้นต่อราชอาณาจักรไทย
- บันทึกของตุนกูยิหวา ตำมะหงงแห่งรัฐเคดาห์ บุตรสุลต่านอับดุลฮามิดและหม่อมเนื่อง
- นามสกุลพระราชทาน ลำดับที่ ๓๖๗๑ นนทะนาคร Nandana^gara
- พื้นฐานของสัมพันธภาพระหว่างรัฐเคดะห์ ( เมืองไทรบุรีเดิม ) กับราชอาณาจักรไทย
- ตำนานมะโรงมหาวงศ์ พงศาวดารเมืองไทรบุรี
- สนธิสัญญา พ.ศ. 2451 รัฐบาลไทย ยอมยก ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส รวมทั้งเกาะใกล้เคียง ให้แก่อังกฤษ
- สามจังหวัดชายแดนภาคใต้สมัยต้นรัตนโกสินทร์ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 [ลิงก์เสีย]
- รอยไทรบุรีที่บ้านท่าพรุ[ลิงก์เสีย]
ภาษาอังกฤษ
- The Kedah Sultanate Website เก็บถาวร 2013-03-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- KEDAH : BRIEF HISTORY
- KEDAH : ORDERS & DECORATIONS
- Malaysiafactbook : Encyclopedia of Malaysia
- Lists Sultans of Kedah (1136–present)
- The 14th Yang-di-Pertuan Agong ; The 27th Sultan of Kedah : Sultan Abdul Halim Mu'adzam Shah ( 1958 - present )
- The 26th Sultan of Kedah : Sultan Badlishah ibni al-Marhum Sultan Abdul Hamid Halim Shah (1894–1958)
- Malaysiafactbook - The 25th Sultan of Kedah : Sultan Abdul Hamid Halim Shah ibni Ahmad Taj ud-din al-Mukarram Shah (1864 – 1943)
- Mykedah- The 25th Sultan of Kedah : Sultan Abdul Hamid Halim Shah ibni Ahmad Taj ud-din al-Mukarram Shah (1864 – 1943) เก็บถาวร 2013-03-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
รูปภาพ
- The 14th Yang-di-Pertuan Agong ; The 27th Sultan of Kedah : Sultan Abdul Halim Mu'adzam Shah ( 1958 - present ) เก็บถาวร 2013-03-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The 26th Sultan of Kedah : Sultan Badlishah ibni al-Marhum Sultan Abdul Hamid Halim Shah (1894–1958) เก็บถาวร 2013-03-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The 25th Sultan of Kedah : Sultan Abdul Hamid Halim Shah ibni Ahmad Taj ud-din al-Mukarram Shah (1864 – 1943) เก็บถาวร 2013-03-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- The 21th Sultan of Kedah : Sultan Ahmad Tajuddin Halim Shah II ( 1797 - 1843 ) เก็บถาวร 2013-03-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
อ้างอิง
- ↑ สุลต่าน อับดุลฮามิด
- ↑ เกร็ดกระทู้ - ตอน ตุนกู อับดุล ระฮ์มัน สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวม ๒ เรื่อง, เล่ม 79, ตอน 71 ง, 7 สิงหาคม พ.ศ. 2505 , หน้า 1725
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2446
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2533
- ราชวงศ์เกอดะฮ์
- ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย
- ชาวมาเลเซียเชื้อสายมลายู
- มุสลิมชาวมาเลเซีย
- ชาวไทยเชื้อสายมอญ
- ชาวไทยเชื้อสายมาเลเซีย
- ชาวไทยเชื้อสายมลายู
- มุสลิมชาวไทย
- นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
- เลขาธิการ
- บุคคลจากโรงเรียนเทพศิรินทร์
- บุคคลจากรัฐเกอดะฮ์
- ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า)