ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐบาลโชกุนอาชิกางะ"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
|flag_p1 =Imperial_Seal_of_Japan.svg |
|flag_p1 =Imperial_Seal_of_Japan.svg |
||
|flag_p2 =Ashikaga_mon.svg |
|flag_p2 =Ashikaga_mon.svg |
||
| s1 = ยุคอะ |
| s1 = ยุคอะซุชิ-โมะโมะยะมะ |
||
| s2 = |
| s2 = |
||
|flag_s1 =Mon-Oda.png |
|flag_s1 =Mon-Oda.png |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:19, 18 กันยายน 2560
รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะ 足利幕府 อะชิกะงะ บะกุฟุ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1338–1573 | |||||||||||
ตราประจำตระกูลอะชิกะงะ
เป็นตราราชการของรัฐบาลโชกุนอะชิกะงะ | |||||||||||
สถานะ | รัฐบาลสำเร็จราชการโดยโชกุน | ||||||||||
เมืองหลวง | เคียวโตะ | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาญี่ปุ่นยุคกลาง | ||||||||||
ศาสนา | ชิมบุสึชูโง | ||||||||||
การปกครอง | เผด็จการ ศักดินา ทหาร | ||||||||||
จักรพรรดิ | |||||||||||
• 1332–1334 | โคงง | ||||||||||
• 1557–1586 | โองิมะชิ | ||||||||||
โชกุน | |||||||||||
• 1338–1358 | อะชิกะงะ ทะกะอุจิ | ||||||||||
• 1568–1573 | อะชิกะงะ โยะชิอะกิ | ||||||||||
ประวัติศาสตร์ | |||||||||||
• ก่อตั้ง | 11 สิงหาคม 1338 | ||||||||||
• การยอมแพ้ของ จักรพรรดิโกะ-คะเมะยะมะ | 15 ตุลาคม ค.ศ. 1392 | ||||||||||
1467–1477 | |||||||||||
• โอะดะ โนะบุนะงะ ยึดเคียวโตะ | 2 กันยายน 1573 | ||||||||||
สกุลเงิน | มง | ||||||||||
|
รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะ (ญี่ปุ่น: 足利幕府; โรมาจิ: Ashikaga bakufu) หรือที่มักรู้จักในชื่อ รัฐบาลโชกุนมุโระมะชิ (ญี่ปุ่น: 室町幕府; โรมาจิ: Muromachi bakufu) เป็นระบอบการปกครองโดยกลุ่มทหารในญี่ปุ่นระหว่างปี ค.ศ. 1338-1573 ซึ่งมีโชกุนจากตระกูลอะชิกะงะ เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล
ห้วงเวลาใต้การปกครองของรัฐบาลโชกุนนี้รู้จักกันในชื่อ ยุคมุโระมะชิ ซึ่งมาจากชื่อถนนมุโระมะชิ ในนครเคียวโตะ
อะชิกะงะ ทะกะอุจิ สามารถจัดตั้งรัฐบาลโชกุนของเขาได้ อันเนื่องมาจากการต่อต้านของจักรพรรดิต่อรัฐบาลโชกุนคะมะกุระ รัฐบาลก่อนหน้า ดังนั้นรัฐบาลโชกุนอะชิกะงะจึงได้แบ่งอำนาจและหน่วยงานราชการให้กับฝ่ายราชสำนักมากกว่าสมัยคะมะกุระ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะ เป็นรัฐบาลโชกุนที่มีอำนาจน้อยกว่ารัฐบาลโชกุนคะมะกุระ หรือ รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ซึ่งระบบศักดินาส่วนกลางที่ใช้ในสมัยคะมะกุระก็ถูกแทนที่ด้วยระบบไดเมียว (ข้าหลวงของแต่ละท้องที่) ดังนั้นอำนาจทางการทหารของรัฐบาลโชกุนอะชิกะงะก็ขึ้นอยู่กับความจงรักภักดีของไดเมียว
รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะประกอบด้วย สถาบันโชกุนเป็นผู้นำสูงสุดของรัฐบาล การปกครองของรัฐบาลโชกุนฯแบ่งออกเป็นสองฝ่ายได้แก่ การปกครองส่วนกลาง และการปกครองส่วนภูมิภาค
โชกุนและคังเร
เมื่ออะชิกะงะ ทะกะอุจิ (ญี่ปุ่น: 足利 尊氏; โรมาจิ: Ashikaga Takauji ) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซอิไทโชงุง (ญี่ปุ่น: 征夷大将軍; โรมาจิ: Seii Taishōgun ) เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลโชกุนฯ หรือ บะกุฟุ โดยที่โชกุนนั้นมาจากตระกูลอะชิกะงะ ซึ่งอ้างสิทธิ์ในตำแหน่งโชกุนผ่านการสืบเชื้อสายจากตระกูลเซวะเง็งจิ (ญี่ปุ่น: 清和源氏; โรมาจิ: Seiwa Genji ) ในช่วงสิบปีแรกของรัฐบาลโชกุนประเทศญี่ปุ่นยังคงตกอยู่ในช่วงสงครามระหว่างพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือและฝ่าย ในยุคราชวงศ์เหนือใต้ (ญี่ปุ่น: 南北朝; โรมาจิ: Nanboku-chō) มีการแบ่งอำนาจกับระหว่างปฐมโชกุนทะกะอุจิและน้องชายคือ อะชิกะงะ ทะดะโยะชิ (ญี่ปุ่น: 足利 直義; โรมาจิ: Ashikaga Tadayoshi) โดยที่โชกุนทะกะอุจิดูแลเรื่องการทหารและการสงคราม ในขณะที่ทะดะโยะชิน้องชายดูแลเรื่องการบริหาร สองพี่น้องตระกูลอะชิกะงะปกครองญี่ปุ่นร่วมกันเป็นเวลาประมาณสิบปีจนกระทั่งสงครามปีคันโน (ญี่ปุ่น: 観応の擾乱; โรมาจิ: Kannō no shōran) โชกุนมะกะอุจิได้สร้างตำแหน่งชิซึจิ (ญี่ปุ่น: 執事; โรมาจิ: Shitsuji) หรือผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนขึ้นมาแทนที่ทะดะโยะชิผู้เป็นน้องชาย ทำหน้าที่ในด้านการบริหารแทนโชกุน
ในค.ศ. 1362 โชกุนคนต่อมา อะชิกะงะ โยะชิอะกิระ จัดตั้งตำแหน่ง คังเร (ญี่ปุ่น: 管領; โรมาจิ: Kanrei) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนแทนที่ชิซึจิ โดยเพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลใหญ่ตระกูลเดียวมีอำนาจดังที่เป็นในยุคคะมะกุระ ผู้ดำรงตำแหน่งคังเรจึงเวียนมาจากสามตระกูลใหญ่เรียกว่า ซังกังเร (ญี่ปุ่น: 三管領; โรมาจิ: Sankanrei) ได้แก่ โฮะโซะกะวะ (ญี่ปุ่น: 細川; โรมาจิ: Hosokawa) ฮะตะเกะยะมะ (ญี่ปุ่น: 畠山; โรมาจิ: Hatakeyama) และชิบะ (ญี่ปุ่น: 志波; โรมาจิ: Shiba) อำนาจของคังเรมีแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย ในสมัยของโชกุนอะชิกะงะ โยะชิมิสึ (ญี่ปุ่น: 足利 義満; โรมาจิ: Ashikaga Yoshimitsu) ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งโชกุนด้วยอายุเพียงเก้าปี คังเรโฮะโซะกะวะ โยะริยุกิ (ญี่ปุ่น: 細川 頼之; โรมาจิ: Hosokawa Yoriyuki) จึงเป็นผู้ปกครองรัฐบาลโชกุนในทางพฤตินัย เมื่อโชกุนโยะชิมิสึเติบโตมีอำนาจเต็มแล้ว อำนาจของคังเรจึงลดลง หลังจากสงครามปีโอนิง (ญี่ปุ่น: 応仁の乱; โรมาจิ: Ōnin no Ran) อำนาจของสถาบันโชกุนลดลงมาก คังเรจึงขึ้นมามีอำนาจเหนือโชกุนสามารถปลดเปลี่ยนและตั้งโชกุนใหม่ได้ตามต้องการ
รายนามโชกุน
- อะชิกะงะ ทะกะอุจิ, ปี 1338–1358
- อะชิกะงะ โยะชิอะกิระ, ปี 1359–1368
- อะชิกะงะ โยะชิมิสึ, ปี 1368–1394
- อะชิกะงะ โยะชิโมะชิ, ปี 1395–1423
- อะชิกะงะ โยะชิกะซุ, ปี 1423–1425
- อะชิกะงะ โยะชิโนะริ, ปี 1429–1441
- อะชิกะงะ โยะชิกะสึ, ปี 1442–1443
- อะชิกะงะ โยะชิมะซะ, ปี 1449–1473[1]
- อะชิกะงะ โยะชิฮิซะ, ปี 1474–1489[1]
- อะชิกะงะ โยะชิตะเนะ, ปี 1490–1493, 1508–1521[2]
- อะชิกะงะ โยะชิซุมิ, ปี 1494–1508[2]
- อะชิกะงะ โยะชิฮะรุ, ปี 1521–1546
- อะชิกะงะ โยะชิเตะรุ, ปี 1546–1565
- อะชิกะงะ โยะชิฮิเดะ, ปี 1568
- อะชิกะงะ โยะชิอะกิ, ปี 1568–1573
การปกครองส่วนกลาง
รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะมีฐานที่มั่นตั้งอยู่ที่เมืองเกียวโต การปกครองส่วนกลางของรัฐบาลโชกุนฯมีหน้าที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับโชกุนและนครหลวง การปกครองส่วนกลางของรัฐบาลโชกุนอะชิกะงะนั้น ได้รับแบบอย่างโดยส่วนใหญ่มาจากรัฐบาลโชกุนคะมะกุระ มีองค์กรต่างๆที่สำคัญดังนี้
- ซะมุไร-โดะโกะโระ (ญี่ปุ่น: 侍所; โรมาจิ: Samurai-dokoro) เป็นสภาซึ่งดูแลกิจการของซะมุไรทั้งปวง เป็นตำรวจนครบาลภายในเมืองเกียวโต และเกณฑ์ไพร่พลจัดทัพของรัฐบาลโชกุนฯในการสู้รบต่างๆ สมาชิกในสภาซะมุไร-โดะโกะโระได้รับการแต่งตั้งจากโชกุนและมาจากตระกูลใหญ่ที่สำคัญในยุคมุโระมะชิสี่ตระกูลรองลงมาจากซังกังเร เรียกว่า ชิชิกิ (ญี่ปุ่น: 四職; โรมาจิ: Shishiki) ได้แก่ ตระกูลอิชชิกิ (ญี่ปุ่น: 一色; โรมาจิ: Isshiki) ตระกูลยะมะนะ (ญี่ปุ่น: 山名; โรมาจิ: Yamana) ตระกูลอะกะมะซึ (ญี่ปุ่น: 赤松; โรมาจิ: Akamatsu) และตระกูลเคียวโงะกุ (ญี่ปุ่น: 京極; โรมาจิ: Kyōgoku) หัวหน้าของสภาซะมุไร-โดะโกะโระ เรียกว่าโทนิง (ญี่ปุ่น: 頭人; โรมาจิ: Tōnin) ซึ่งมีอำนาจในบะกุฟุรองจากโชกุนและคังเร
- เฮียวโจชู (ญี่ปุ่น: 評定衆; โรมาจิ: Hyōjōshū) และ ฮิกิซึเกะชู (ญี่ปุ่น: 引付衆; โรมาจิ: Hikitsuke-shū) มีหน้าตัดสินคดีความฟ้องร้องต่างๆของซะมุไร โดยที่ฮิกิซึเกะชูส่งสำนวนคดีความให้แก่เฮียวโจชูเป็นผู้ตัดสิน
- มังโดะโกะโระ (ญี่ปุ่น: 政所; โรมาจิ: Mandokoro) เป็นสภาทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารและการเงินของรัฐบาลโชกุนฯ หัวหน้าสภามังโดะโกะโระ เรียกว่า มังโดะโกะโระ-ชิซิจิ (ญี่ปุ่น: 政所執事; โรมาจิ: Mandokoro-shitsuji) ซึ่งเป็นตำแหน่งของตระกูลอิเซะ (ญี่ปุ่น: 伊勢; โรมาจิ: Ise)
- มงชูโจ (ญี่ปุ่น: 問注所; โรมาจิ: Monchūjo)
การปกครองส่วนภูมิภาค
การปกครองส่วนภูมิภาคของญี่ปุ่นในสมัยมุโระมะชิเป็นไปตามระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) เช่นเดียวกับในยุคคะมะกุระ โดยที่รัฐบาลโชกุนมอบที่ดินให้แก่ซะมุไรให้ปกครอง โดยที่ซะมุไรเหล่านั้นมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในดินแดนของตนและเข้าร่วมศึกสงครามของรัฐบาลโชกุนเป็นการตอบแทน
รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะแบ่งประเทศญี่ปุ่นออกเป็น 66 แคว้น เรียกว่า คุนิ (ญี่ปุ่น: 国; โรมาจิ: kuni) ดังเช่นที่เคยเป็นมาแต่ก่อน ซึ่งในแต่ละคุนิรัฐบาลโชกุนฯแต่งตั้งเจ้าซะมุไรเข้าไปปกครองเรียกว่า ชุโงะ (ญี่ปุ่น: 守護; โรมาจิ: Shugo) หรือ ชุโงะไดเมียว (ญี่ปุ่น: 守護大名; โรมาจิ: Shugo-daimyō) ซึ่งชุโงะในยุคอะชิกะงะนั้นมีอำนาจเหนือดินแดนของตน เป็นอิสระจากรัฐบาลโชกุนส่วนกลางมากกว่าในยุคคะมะกุระ โดยที่ชุโงะสามารถเก็บภาษีในดินแดนของตน และส่งทอดตำแหน่งของตนเองต่อให้ลูกหลานได้
นอกเหนือจากชุโงะแล้ว ยังมีองค์กรส่วนภูมิภาคซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนสาขาย่อยของรัฐบาลโชกุนฯในแต่ละภูมิภาค ซึ่งตัวแทนเหล่านี้มีอาณาเขตอำนาจที่กว้างใหญ่และในเวลาต่อมาพัฒนากลับกลายเป็นศัตรูทางการเมืองของรัฐบาลโชกุนอะชิกะงะ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การล่มสลายของอำนาจของรัฐบาลโชกุนในยุคเซ็งโงะกุ
เนื่องจากชุโงะมักจะพำนักอาศัยอยู่ภายในนครหลวงเกียวโต เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อโชกุนและเพื่อติดตามข่าวสารการเมือง การบริหารงานภายในแคว้นของตนนั้นชุโงะจึงดำเนินการผ่านผู้แทน เรียกว่า ชุโงะได (ญี่ปุ่น: 守護代; โรมาจิ: Shugo-dai)
คันโตคุโบ และ คันโตคังเร
ในค.ศ. 1349 ปฐมโชกุนอะชิกะงะ ทะกะอุจิ แต่งตั้งให้บุตรชายของตนคือ อะชิกะงะ โมะโตะอุจิ (ญี่ปุ่น: 足利基氏; โรมาจิ: Ashikaga Motouji) ดำรงตำแหน่งเป็น คันโตคังเร (ญี่ปุ่น: 関東管領; โรมาจิ: Kantō kanrei) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนในภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่น พำนักอยู่ที่เมืองคะมะกุระและมีอำนาจเหนือซะมุไรในภูมิภาคคันโตทั้งมวล เมื่ออะชิกะงะ โมะโตะอุจิถึงแก่กรรม ตำแหน่งคันโตคังเรจึงตกทอดแก่ลูกหลานของโมะโตะอุจิ และเนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งคันโตคังเรเป็นสมาชิกตระกูลอะชิกะงะระดับสูง ตำแหน่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า คันโตคุโบ (ญี่ปุ่น: 関東公方; โรมาจิ: Kantō kubō) หรือ โชกุนแห่งภูมิภาคคันโต ซึ่งคันโตคุโบมีผู้ช่วยเป็นผู้สำเร็จราชการอีกทอดหนึ่ง เรียกว่า ชิซึจิ เป็นตำแหน่งของตระกูลอุเอะซุงิ (ญี่ปุ่น: 上杉; โรมาจิ: Uesugi)
ตำแหน่งคันโตคุโบกลับทำให้เสถียรภาพทางการเมืองของภูมิภาคคันโตตกต่ำลง เนื่องจากคันโตคุโบมักมีความขัดแย้งกับตระกูลอุเอะซุงิซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนตนอยู่เนืองๆ และนอกจากนี้คันโตคุโบยังมีความพยายามที่จะตั้งตนขึ้นเป็นอิสระจากรัฐบาลโชกุนฯที่เกียวโตนำไปสู่สงคราม หลังจากที่คันโตคุโบคนสุดท้ายถูกตระกูลอุเอะซุงิขับไล่ออกจากเมืองคะมะกุระไปในค.ศ. 1455 ไม่มีการแต่งตั้งสมาชิกตระกูลอะชิกะงะมาดำรงตำแหน่งนี้อีก ตำแหน่งคันโตคุโบจึงถูกล้มเลิกไป จากนั้นตระกูลอุเอะซุงิขึ้นเถลิงอำนาจในภูมิภาคคันโตโดยดำรงตำแหน่งเป็นคันโตคังเรในยุคเซ็งโงะกุ
คีวชูทังได
ในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ เกาะคีวชูเป็นฐานที่มั่นของกองกำลังของพระราชวงศ์ฝ่ายใต้ โชกุนทะกะอุจิตั้งตำแหน่งคีวชูทังได (ญี่ปุ่น: 九州探題; โรมาจิ: Kyūshū-tandai) ขึ้นในค.ศ. 1336เพื่อดูแลปกครองเกาะคีวชูและปราบปรามกองกำลังของฝ่ายใต้ โดยมีฐานการบัญชาการอยู่ที่เมืองฮะกะตะ (ญี่ปุ่น: 博多; โรมาจิ: Hakata จังหวัดฟุกุโอะกะในปัจจุบัน) โดยตำแหน่งคีวชูทังไดในยุคต้นเป็นของตระกูลอิชชิกิ แต่ทว่าตระกูลอิชชิกิไม่สามารถปราบปรามกองกำลังของฝ่ายใต้ได้ ในค.ศ. 1370 สมัยของโชกุนโยะชิมิสึ คังเรโฮะโซะกะวะ โยะริยุกิซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทน แต่งตั้งให้ อิมะกะวะ ซะโดะโยะ (ญี่ปุ่น: 今川 貞世; โรมาจิ: Imagawa Sadayo) ดำรงตำแหน่งเป็นคีวชูทังได ซึ่งอิมะกะวะ ซะโดะโยะ สามารถปราบกองกำลังของฝ่ายใต้ซึ่งนำโดยเจ้าชายคะเนะโยะชิ (ญี่ปุ่น: 懐良親王; โรมาจิ: Kaneyoshi shinnō) ได้สำเร็จ แต่ทว่าหลังจากสูญสิ้นอำนาจของคังเรโฮะโซะกะวะ โยะริยุกิ โชกุนโยะชิมิสึมองว่า อิมะกะวะ ซะโดะโยะ เป็นคู่แข่งทางการเมือง จึงปลดอิมะกะวะ ซะโดะโยะ ออกจากตำแหน่งคีวชูทังไดไปในค.ศ. 1395 หลังจากนั้นตำแหน่งคีวชูทังไดเป็นของตระกูลชิบุกะวะ (ญี่ปุ่น: 渋川; โรมาจิ: Shibukawa) หลังจากที่เกาะคีวชูสงบเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งคีวชูทังไดจึงมีความสำคัญและอำนาจลดลง บรรดาชุโงะไดเมียวเจ้าครองแคว้นต่างๆบนเกาะคีวชูปฏิบัติตามคำสั่งของโชกุนที่เมืองเกียวโตโดยตรง
โอชูทังได
ภูมิภาคโทโฮะกุนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของคันโตคุโบ ในค.ศ. 1392 โชกุนโยะชิมิสึตั้งตำแหน่ง โอชูทังได (ญี่ปุ่น: 奥州探題; โรมาจิ: Ōshū-tandai) ขึ้นเพื่อดูแลภูมิภาคโทโฮะกุ แต่ตำแหน่งโอชูทังไดนั้นในทางปฏิบัติมีอำนาจไม่มากและเป็นเพียงแค่ชุโงะตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 Ackroyd, p. 298; n.b., Shogun Yoshimasa was succeeded by Shogun Yoshihisa (Yoshimasa's natural son), then by Shogun Yoshitane (Yoshimasa's first adopted son), and then by Shogun Yoshizumi (Yoshimasa's second adopted son)
- ↑ 2.0 2.1 Ackroyd, p. 385 n104; excerpt, "Some apparent contradictions exist in various versions of the pedigree owing to adoptions and name-changes. Yoshitsuna (sometimes also read Yoshikore) changed his name and was adopted by Yoshitane. Some pedegrees show Yoshitsuna as Yoshizumi's son, and Yoshifuyu as Yoshizumi's son."
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Ashikaga Bakufu จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยรัฐวอชิงตัน
- Kyoto City Web