ข้ามไปเนื้อหา

รัฐบาลเอโดะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ)
รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ

  • 徳川幕府
  • Tokugawa bakufu
1603–1868
ตราประจำชาติ
經文緯武

(ค.ศ. 1857)
ที่ตั้งของโทกูงาวะ Shogunate
เมืองหลวงเอโดะ
(ที่ประทับของโชกุน)
เฮอังเกียว
(ที่ประทับของจักรพรรดิ)
เมืองใหญ่สุดโอซากะ (1600–1613)
เฮอังเกียว (1613–1638)
เอโดะ (1638–1868)
ภาษาทั่วไปญี่ปุ่นสมัยใหม่ตอนต้น[1]
ญี่ปุ่นสมัยใหม่[1]
ศาสนา
ศาสนาประจำชาติ:
พุทธแบบญี่ปุ่น[2]
ลัทธิขงจื๊อ[3]
อื่น ๆ:
ชินโต[3]
ชินบุตสึชูโง[4]
พุทธแบบญี่ปุ่น[5]
คริสต์[6] (ถูกแบนจนกระทั่ง ค.ศ. 1853)[3]
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้ตระกูลแบบศักดินา[7][8]
เผด็จการทหาร[9][10]
จักรพรรดิ 
• 1600–1611 (องค์แรก)
โกะ-โยเซ[11]
• 1867–1868 (องค์สุดท้าย)
เมจิ[12]
โชกุน 
• 1603–1605 (คนแรก)[13]
โทกูงาวะ อิเอยาซุ
• 1866–1867 (คนสุดท้าย)
โทกูงาวะ โยชิโนบุ
ยุคประวัติศาสตร์ยุคเอโดะ
21 ตุลาคม 1600[14]
8 พฤศจิกายน 1614
1635
31 มีนาคม 1854
29 กรกฎาคม 1858
3 มกราคม 1868[15]
สกุลเงินระบบเหรียญกระษาปณ์โทกูงาวะ ประกอบด้วยมง (文), เหรียญเงิน, และเรียว (両)
ก่อนหน้า
ถัดไป
ยุคอาซูจิ–โมโมยามะ
ตระกูลโทกูงาวะ
จักรวรรดิญี่ปุ่น
สาธารณรัฐเอโซะ
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น

รัฐบาลเอโดะ (ญี่ปุ่น: 江戸幕府โรมาจิEdo bakufu) หรือ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ (ญี่ปุ่น: 徳川幕府โรมาจิTokugawa bakufu) เป็นฝ่ายบริหารของประเทศญี่ปุ่นซึ่งใช้ระบอบศักดินา สถาปนาโดยโทกูงาวะ อิเอยาซุ มีผู้ปกครองสูงสุดเป็นโชกุน ซึ่งต้องมาจากตระกูลโทกูงาวะ เท่านั้น ในสมัยที่ประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองโดยรัฐบาลโชกุนนั้น จะเรียกว่ายุคเอโดะ ตามชื่อเมืองเอโดะ ซึ่งรัฐบาลโชกุนสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ ปัจจุบัน คือกรุงโตเกียว มีปราสาทเอโดะเป็นศูนย์กลางการปกครองตั้งแต่ ค.ศ. 1603 ถึง 1868[17][18][19] จนกระทั่งถูกจักรพรรดิเมจิล้มล้างไปในการฟื้นฟูเมจิ

หลังจากยุคเซ็งโงกุ หรือยุคไฟสงคราม โอดะ โนบูนางะ และโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ได้ร่วมกันรวมอำนาจสู่ศูนย์กลาง และตั้งเป็นรัฐบาลกลางขึ้นอีกครั้งในยุคอาซูจิ–โมโมยามะ ซึ่งเป็นยุคสั้น ๆ ก่อนยุคเอโดะ ต่อมา หลังจากยุทธการที่เซกิงาฮาระ ซึ่งเป็นการรบครั้งใหญ่ใน ค.ศ. 1600 การปกครองและอำนาจทั้งหมด ได้ตกอยู่ในมือของโทกูงาวะ อิเอยาซุโดยเบ็ดเสร็จ และสถาปนาตนเองเป็นโชกุนในปี ค.ศ. 1603 ซึ่งเป็นไปตามประเพณีโบราณ ที่ผู้เป็นโชกุนจะต้องสืบเชื้อสายจากต้นตระกูลมินาโมโตะ

ในยุคของโทกูงาวะ ต่างจากยุคโชกุนก่อน ๆ คือมีการนำระบบชนชั้นที่เริ่มใช้โดยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ มาใช้อีกครั้งอย่างเข้มงวด โดยชนชั้นนักรบ หรือซามูไร อยู่บนสุด ตามด้วยชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า การใช้ระบบชนชั้นอย่างเข้มงวดและไม่ยืดหยุ่นได้ทำให้เกิดจลาจลมาตลอดสมัย ภาษีที่เรียกเก็บจากชนชั้นชาวนานั้น อยู่ในอัตราคงที่โดยไม่คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อหรือการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ของค่าเงิน ส่งผลให้รายได้ภาษีที่เรียกเก็บจากชนชั้นซามูไร ผู้เป็นเจ้าของที่ดินมีมูลค่าลดลงเรื่อย ๆ ตลอดยุค ซึ่งสาเหตุนี้ ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างซามูไรผู้ทรงเกียรติแต่ฐานะทางการเงินต่ำลงเรื่อย ๆ จากการจ่ายภาษี กับชาวนาผู้มีอันจะกิน เกิดเป็นการปะทะกันหลายต่อหลายครั้งที่เริ่มจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ลุกลามเป็นเหตุการณ์วุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงระบบสังคมยุคเอโดะได้ ตราบจนการเข้ามาของชาวตะวันตก

เมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 กลุ่มไดเมียวผู้มีอำนาจ เช่น ตระกูลชิมาซุ ได้ร่วมมือกับจักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งในสมัยเอโดะเคยทรงเพียงศักดิ์แต่ไร้อำนาจ เพื่อโค่นล้มระบอบโชกุนในโดยสงครามโบชิน ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปเมจิโดยจักรพรรดิเมจิ รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะถูกล้มล้างโดยสมบูรณ์ในค.ศ. 1868 โดยมีโทกูงาวะ โยชิโนบุ เป็นโชกุนคนที่ 15 และเป็นโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่น จากนั้น ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ยุคเมจิ อันมีการฟื้นฟูราชวงศ์มายังเมืองเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงโตเกียวดังเช่นปัจจุบัน

การปกครอง

[แก้]

การปกครองของรัฐบาลโชกุนเอโดะนั้นเรียกว่า บะกุฮัง เทเซ (ญี่ปุ่น: 幕藩体制โรมาจิBakuhan teisei) คือระบอบที่ประกอบไปด้วย "รัฐบาลโชกุน" (ญี่ปุ่น: 幕府โรมาจิBakufu) อันเป็นการปกครองส่วนกลาง และ "แคว้น" (ญี่ปุ่น: โรมาจิhan) ซึ่งเป็นการปกครองส่วนภูมิภาค มีลักษณะการปกครองตามแบบระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ คือการที่รัฐบาลส่วนกลางแบ่งสรรปันส่วนที่ดินให้แก่ขุนนางไปปกครอง โดยที่ขุนนางเหล่านั้นมีอำนาจเหนือประชาชนและทรัพยากรในแคว้นของตนเอง โดยที่จะต้องให้กองกำลังทหารแก่รัฐบาลกลางเมื่อร้องขอเป็นการตอบแทน

บากูฟุ

[แก้]

บากูฟุ แปลว่า "เสนาภิบาล" หมายถึงระบอบการปกครองที่นำโดยโชกุน โชกุน หรือชื่อตำแหน่งทางการว่า เซอิไทโชกุน (ญี่ปุ่น: 征夷大将軍โรมาจิSeii Taishōgun) เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยองค์พระจักรพรรดิที่เมืองเกียวโต มอบให้แก่ตระกูลผู้นำซามูไรที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมินาโมโตะโบราณ ซึ่งในสมัยเอโดะนั้นก็คือตระกูลโทกูงาวะ ตำแหน่งโชกุนนั้นเป็นตำแหน่งที่สืบทอดภายในตระกูลโทกูงาวะ ในทางทฤษฏีโชกุนมีหน้าที่รับใช้ราชสำนักเกียวโตในฐานะประมุขของชนชั้นซามูไรทั้งมวลในญี่ปุ่น แต่ในทางปฏิบัตินั้นโชกุนคือผู้ปกครองมีอำนาจเหนือประเทศญี่ปุ่นที่แท้จริง

ใต้ต่อโชกุนลงมาคือสภาขุนนางทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำชี้แนะแก่โชกุน ประกอบด้วย

  • โรจู (ญี่ปุ่น: 老中โรมาจิRōjū) เป็นตำแหน่งขุนนางอาวุโสที่สูงที่สุดรองจากโชกุน ในสมัยของโชกุน โทกูงาวะ อิเอะยะซุ และโทกูงาวะ ฮิเดะตะดะ มีโรจูจำนวนสองอัตรา และในสมัยของโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิตสึ เพิ่ม โรจู เป็นห้าอัตรา เป็นกลุ่มขุนนางอาวุโสที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อโชกุน และเป็นผู้กำหนดนโยบาลหลักของรัฐบาลในขณะนั้น เป็นสื่อกลางระหว่างไดเมียวแคว้นต่างๆกับโชกุน ตำแหน่งนี้เสื่อมอำนาจลงในสมัยของโชกุนโทกูงาวะ อิเอสึนะเป็นต้นมา เนื่องจากการแข่งขันอำนาจกับโซะบะโยะนิง
  • ไทโร (ญี่ปุ่น: 大老โรมาจิTairō) เป็นตำแหน่งขุนนางอาวุโสที่มีอำนาจเหนือโรจู ตำแหน่งนี้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในค.ศ. 1636 อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา เป็นการแต่งตั้งในกรณีพิเศษ และต่อมาภายหลังกลายเป็นเพียงตำแหน่งทางพิธีการ
  • วากาโดะชิโยริ (ญี่ปุ่น: 若年寄โรมาจิWakadoshiyori) ตำแหน่งขุนนางอายุน้อย ทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของโชกุน เป็นสื่อกลางระหว่างบากูฟุกับพ่อค้า ช่างฝีมือ และสามัญชน

โชกุนโทกูงาวะ อิเอสึนะ มีนโยบายลดทอนอำนาจของขุนนางอาวุโสในบากูฟุ โดยการดึงเอากลุ่มขุนนางอายุน้อยที่เป็นคนสนิทของตนเรียกว่า โซะบะโยะนิง (ญี่ปุ่น: 側用人โรมาจิSobayōnin) เข้ามามีอำนาจในบากูฟุ เป็นผู้กำหนดนโยบายหลักของประเทศแทนที่โรจู นับแต่นั้นมารัฐบาลโชกุนเอโดะจึงตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนสนิทของโชกุน

ในค.ศ. 1779 รัฐบาลโชกุนเข้าควบคุมการตั้งรกรากของชาวญี่ปุ่นบนเกาะฮกไกโดโดยตรง นำไปสู่การจัดตั้งฮาโกดาเตะ-บูเงียว (ญี่ปุ่น: 箱館奉行โรมาจิHakodate-bugyō)

หลังจากเหตุการณ์ที่พลเรือจัตวาแมทธิว ซี. เพร์รี (Matthew C. Perry) นำเรือรบของสหรัฐอเมริกาเข้าบังคับให้รัฐบาลโชกุนโทกูงาวะเปิดประเทศในค.ศ. 1853 รัฐบาลโชกุนมีการเปิดเมืองท่าต่างๆเพื่อให้ชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายนำไปสู่การจัดตั้งบูเงียวต่างๆเพื่อดูแลเมืองท่าเหล่านั้นได้แก่ฮาเนดะ-บูเงียว เฮียวโง-บูเงียว คานางาวะ-บูเงียว นีอีงาตะ-บูเงียว และชิโมดะ-บูเงียว

แคว้นและไดเมียว

[แก้]

แคว้น คือหน่วยของที่ดินที่บากูฟุมอบหมายให้ขุนนางซามูไรที่เรียกว่า "ไดเมียว" ไปปกครอง โดยที่ไดเมียวเหล่านั้นไม่ได้รับเบี้ยหวัดจากรัฐบาลส่วนกลางแต่มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในทรัพยากรและผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ภายในฮังของตน ในสมัยเอโดะฮังและไดเมียวมีสามประเภทได้แก่

ในค.ศ. 1635 โชกุนอิเอมิตสึ ต้องการที่จะลดอำนาจของไดเมียวโทซามะ จึงออกนโยบายซังกิง โคไต (ญี่ปุ่น: 参勤交代โรมาจิSankin kōtai) ให้ไดเมียวทุกแคว้นสร้างที่พำนักภายในนครเอโดะ แล้วพำนักอยู่ในนครเอโดะเป็นเวลาหนึ่งปี สลับกับกลับไปพำนักที่แคว้นของตนอีกหนึ่งปี หมุนเวียนไปเรื่อย โดยที่ภรรยาเอกและทายาทของไดเมียวจะต้องอยู่ในนครเอโดะตลอด การเดินทางไปยังนครเอโดะและกลับไปยังแคว้นของตนนั้นเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก สำหรับไดเมียวโทซามะซึ่งมักจะอยู่ห่างไกลจากเอโดะ เป็นการตัดกำลังและลดอำนาจ

รายนามโชกุนตระกูลโทกูงาวะ

[แก้]
ลำดับ ภาพ ชื่อ
(เกิด-เสียชีวิต)
เริ่มต้น สิ้นสุด
1 โทกูงาวะ อิเอยาซุ
(1543–1616)
1603 1605
2 โทกูงาวะ ฮิเดตาดะ
(1579–1632)
1605 1623
3 โทกูงาวะ อิเอมิตสึ
(1604–1651)
1623 1651
4 โทกูงาวะ อิเอ็ตสึนะ
(1641–1680)
1651 1680
5 โทกูงาวะ สึนาโยชิ
(1646–1709)
1680 1709
6 โทกูงาวะ อิเอโนบุ
(1662–1712)
1709 1712
7 โทกูงาวะ อิเอ็ตสึงุ
(1709–1716)
1713 1716
8 โทกูงาวะ โยชิมูเนะ
(1684–1751)
1716 1745
9 โทกูงาวะ อิเอชิเงะ
(1712–1761)
1745 1760
10 โทกูงาวะ อิเอฮารุ
(1737–1786)
1760 1786
11 โทกูงาวะ อิเอนาริ
(1773–1841)
1787 1837
12 โทกูงาวะ อิเอโยชิ
(1793–1853)
1837 1853
13 โทกูงาวะ อิเอซาดะ
(1824–1858)
1853 1858
14 โทกูงาวะ อิเอโมจิ
(1846–1866)
1858 1866
15 โทกูงาวะ โยชิโนบุ
(1837–1913)
1866 1867

ข้อมูล:[20]

พงศาวลี

[แก้]

ตลอดยุคเอโดะ ญาติผู้มีอิทธิพลของโชกุนได้แก่:

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Shibatani, Masayoshi. "Japanese language | Origin, History, Grammar, & Writing". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 31, 2020. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  2. Yamagishi, Keiko (2016). Ferrari, Silvio; Cristofori, Rinaldo (บ.ก.). Law and Religion, An Overview. Vol. 1. Routledge. p. 458. ISBN 978-1-4094-3600-3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 May 2023. สืบค้นเมื่อ 31 May 2023. The Tokugawa Shogunate had sanctioned Buddhism as a state religion.
  3. 3.0 3.1 3.2 Calabresi, Steven Gow (2021). The History and Growth of Judicial Review. Vol. 2. Oxford University Press. p. 116. ISBN 9780190075750. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 May 2023. สืบค้นเมื่อ 31 May 2023. A dew sexteenth-century Chiristian missionaries left a small following in Japan, but from 1600 until 1853, the countory was governed by the Tokugawa Shogunate banned Christianity, forbade travel overseas, and only allowed foreign trade in the port of Nagasaki with the Netherlands and China. Confucianism, with its emphasis on harmony, was the prevailing "state religion", although it coexisted with Shintoism, a religion that worshipped nature gods and that was personified by the emperor.
  4. Hirai, Naofusa. "Shinto § The encounter with Buddhism". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 11, 2023. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021. Buddhistic Shintō was popular for several centuries and was influential until its extinction at the Meiji Restoration.
  5. Tucci, Giuseppe. "Buddhism - Korea and Japan". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 13, 2022. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  6. "Kirishitan | religion". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 3, 2021. สืบค้นเมื่อ June 15, 2021.
  7. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ britannica
  8. "Japan § Introduction". The World Factbook. Central Intelligence Agency. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 January 2021. สืบค้นเมื่อ 9 March 2021.
  9. "Shogunate". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 9, 2020. สืบค้นเมื่อ October 21, 2020. The shogunate was the hereditary military dictatorship of Japan (1192–1867).
  10. "Tokugawa period". britannica.com. Encyclopædia Britannica, Inc. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 24, 2019. สืบค้นเมื่อ June 3, 2020.
  11. จักรพรรดิโกะ-โยเซเริ่มครองราชย์ใน ค.ศ. 1586 หลังการสละราชสมบัติของจักรพรรดิโองิมาจิ
  12. จักรพรรดิเมจิทรงครองราชย์จนกระทั่งสวรรคตใน ค.ศ. 1912
  13. "Tokugawa Ieyasu JapanVisitor Japan Travel Guide". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-18. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
  14. "The Story of the Battle of Sekigahara". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-16. สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
  15. "meiji-restoration Tokugawa Period and Meiji Restoration". สืบค้นเมื่อ 2021-05-28.
  16. "Daimyo Flags, 19th Century". Flags of the World. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-09-20. สืบค้นเมื่อ 2022-09-15.
  17. Nussbaum 2002, p. 978
  18. Nussbaum 2002, p. 167
  19. Nussbaum 2002, p. 525
  20. Jansen 2002, p. 44
  21. 21.0 21.1 Nussbaum 2002, p. 979
  22. Nussbaum 2002, p. 954
  23. Nussbaum 2002, p. 616
  24. Nussbaum 2002, p. 617

บรรณานุกรม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]