ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอประจันตคาม"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Schatthong84 (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Schatthong84 (คุย | ส่วนร่วม) →ประวัติเมืองประจันตคาม: คัดลอกมาจากหนังสือประวัติอำเภอประจันตคาม เขียนและพิมพ์โดยนาย |
||
บรรทัด 22: | บรรทัด 22: | ||
ในปี พ.ศ. 2369 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ ยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา เมื่อชาวเมืองนครราชสีมาได้รวมกำลังตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ แต่งทัพ และให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) เมื่อครั้งเป็นพระยาราชสุภาวดี เป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏให้ราบคาบ |
ในปี พ.ศ. 2369 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ ยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา เมื่อชาวเมืองนครราชสีมาได้รวมกำลังตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ แต่งทัพ และให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) เมื่อครั้งเป็นพระยาราชสุภาวดี เป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏให้ราบคาบ |
||
เมื่อตีเมืองเวียงจันทน์ได้แล้ว อพยพครอบครัวลี้พลบางส่วนจากเมืองเวียงจันทน์ เมืองมหาชัยกองแก้ว เมืองทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เมืองสกลนคร และอีกหลายเมืองในภาคอีสานของไทยมาด้วย ท้าวอุเทน บุตรท้าวสร้อย เพียเมืองแสน พร้อมกับท้าวฟอง บุตรพระยาชัยสุนทร เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ และท้าวอินทร์บุตรเจ้าเมืองสกลนคร ซึ่งคุมกำลังพลเป็นนายกองของทัพหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองส่งไปช่วยรบกับทัพเมืองกรุงได้นำคนที่ถูกอพยพมาตั้งกองรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่ในพื้นที่อำเภอประจันตคามในปัจจุบัน ต่อมาท้าวฟองยกกำลังไพร่พลแยกไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่กบินทร์บุรี ท้าวอินทร์ยกกำลังไพร่พลไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่พนัสนิคม ฝ่ายท้าวอุเทนได้รวบรวมกำลังไพร่พลไปเลือกที่ตั้งเมืองอีกเช่นกัน เลือกทำเลที่เหมาะสมได้ที่ดงยาง หรือบ้านเมืองเก่าปัจจุบันตั้งเป็นเมือง |
เมื่อตีเมืองเวียงจันทน์ได้แล้ว อพยพครอบครัวลี้พลบางส่วนจากเมืองเวียงจันทน์ เมืองมหาชัยกองแก้ว เมืองทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เมืองสกลนคร และอีกหลายเมืองในภาคอีสานของไทยมาด้วย ท้าวอุเทน บุตรท้าวสร้อย เพียเมืองแสน พร้อมกับท้าวฟอง บุตรพระยาชัยสุนทร เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ และท้าวอินทร์บุตรเจ้าเมืองสกลนคร ซึ่งคุมกำลังพลเป็นนายกองของทัพหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองส่งไปช่วยรบกับทัพเมืองกรุงได้นำคนที่ถูกอพยพมาตั้งกองรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่ในพื้นที่อำเภอประจันตคามในปัจจุบัน ต่อมาท้าวฟองยกกำลังไพร่พลแยกไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่กบินทร์บุรี ท้าวอินทร์ยกกำลังไพร่พลไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่พนัสนิคม ฝ่ายท้าวอุเทนได้รวบรวมกำลังไพร่พลไปเลือกที่ตั้งเมืองอีกเช่นกัน เลือกทำเลที่เหมาะสมได้ที่ดงยาง หรือบ้านเมืองเก่าปัจจุบันตั้งเป็นเมือง |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:21, 4 กรกฎาคม 2558
อำเภอประจันตคาม | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Prachantakham |
คำขวัญ: ดินแดนไม้กวาดงาม ลือเลื่องนามน้ำตกใส ไผ่เศรษฐกิจอำไพ รวมหลากหลายหัตถกรรม | |
แผนที่จังหวัดปราจีนบุรี เน้นอำเภอประจันตคาม | |
พิกัด: 14°3′54″N 101°30′54″E / 14.06500°N 101.51500°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | ปราจีนบุรี |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 904.005 ตร.กม. (349.038 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2557) | |
• ทั้งหมด | 54,187 คน |
• ความหนาแน่น | 59.94 คน/ตร.กม. (155.2 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 25130 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 2507 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอประจันตคาม หมู่ที่ 2 ถนนหน้าอำเภอ ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี 25130 |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
อำเภอประจันตคาม เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี มีประวัติดังต่อไปนี้
ประวัติเมืองประจันตคาม
ในปี พ.ศ. 2369 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ ยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา เมื่อชาวเมืองนครราชสีมาได้รวมกำลังตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไปแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ แต่งทัพ และให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) เมื่อครั้งเป็นพระยาราชสุภาวดี เป็นแม่ทัพยกไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏให้ราบคาบ เมื่อตีเมืองเวียงจันทน์ได้แล้ว อพยพครอบครัวลี้พลบางส่วนจากเมืองเวียงจันทน์ เมืองมหาชัยกองแก้ว เมืองทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เมืองสกลนคร และอีกหลายเมืองในภาคอีสานของไทยมาด้วย ท้าวอุเทน บุตรท้าวสร้อย เพียเมืองแสน พร้อมกับท้าวฟอง บุตรพระยาชัยสุนทร เจ้าเมืองกาฬสินธุ์ และท้าวอินทร์บุตรเจ้าเมืองสกลนคร ซึ่งคุมกำลังพลเป็นนายกองของทัพหัวเมืองซึ่งเจ้าเมืองส่งไปช่วยรบกับทัพเมืองกรุงได้นำคนที่ถูกอพยพมาตั้งกองรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านใหญ่ในพื้นที่อำเภอประจันตคามในปัจจุบัน ต่อมาท้าวฟองยกกำลังไพร่พลแยกไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่กบินทร์บุรี ท้าวอินทร์ยกกำลังไพร่พลไปเลือกพื้นที่ตั้งเป็นเมืองอยู่ที่พนัสนิคม ฝ่ายท้าวอุเทนได้รวบรวมกำลังไพร่พลไปเลือกที่ตั้งเมืองอีกเช่นกัน เลือกทำเลที่เหมาะสมได้ที่ดงยาง หรือบ้านเมืองเก่าปัจจุบันตั้งเป็นเมือง
เมืองประจันตคามจึงอุบัติขึ้นใน ปี พ.ศ. 2376 เมื่อตั้งเป็นเมืองเรียบร้อยแล้ว ท้าวอุเทนเจ้าเมืองได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงภักดีเดชะ ว่าราชการเมืองได้ 2 ปีเศษ เกิดศึกญวนมาตีเมืองพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดฯให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเมืองพนมเปญ และได้เกณฑ์เมืองประจันตคาม เมืองพนัสนิคม และ เมืองกบินทร์บุรี รวมเป็นกองทัพหน้าส่วนหนึ่ง ยกไปสู้รบข้าศึกญวน ทำการรบอยู่ประมาณ 3 ปีเศษ จึงขับไล่ข้าศึกญวนถอยไป เจ้าเมืองทั้ง 3 ผู้ร่วมรบมีความชอบในราชการทัพ เมื่อกลับมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นที่พระในนามเดิมทั้ง 3 ท่าน เจ้าเมืองประจันตคามจึงได้เป็นพระภักดีเดชะ
ต่อมาอีกประมาณ 1 ปี ข้าศึกหวนกลับมาตีเมืองพนมเปญอีก เจ้าเมืองตะวันออกได้รับใบบอกและโปรดให้เกณฑ์คนไปช่วยรบ พระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน) ได้นำกำลังพลชาวเมืองประจันตคามเข้ากองทัพร่วมกับเจ้าเมืองกบินทร์เช่นครั้งก่อน ส่วนเจ้าเมืองพนัสนิคมในฐานะเป็นหัวเมืองใกล้ทะเลนัยว่าถูกเกณฑ์ไปเข้าประจำกองทัพเรือในกรุงเทพฯ ในการไปราชการทัพครั้งนี้ พระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน) เจ้าเมืองประจันตคามเสียทีแก่ข้าศึกตายในที่รบเยี่ยงวีรบุรุษไทยในปัจจุบัน โดยสรุป พระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) จึงเป็นเจ้าเมืองคนแรกอยู่ได้ 6 ปี ก็มาสิ้นชีพในที่รบ ขณะนั้น เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) แม่ทัพเห็นว่าบุตรพระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน) ยังเยาว์นัก ไม่สามารถจะว่าราชการได้ จึงแต่งตั้งท้าวอินทร์บุตรของพี่สาวพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) ซึ่งเวลานั้นเป็นหลวงศักดาสำแดง ยกกระบัตร รั้งตำแหน่งเจ้าเมือง ท้าวคำ น้องท้าวอินทร์ ขณะนั้นเป็นขุนอรัญไพรศรี รั้งตำแหน่งปลัดเมืองควบคุมไพร่พลเมืองประจันตคามทำการรบต่อไป ราชการทัพครั้งที่ 2 นี้ รบอยู่ประมาณ 6 ปี จึงมีชัยชนะต่อข้าศึกญวน เมื่อเสร็จศึกสงครามกลับมาแล้ว หลวงศักดาสำแดง(ท้าวอินทร์) ผู้รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองประจันตคามได้รับบำเหน็จความชอบในที่รบ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระภักดีเดชะ (ท้าวอินทร์) เจ้าเมืองประจันตคามสืบต่อเป็นท่านที่ 2 ขุนอรัญไพรศรี ผู้น้องเจ้าเมืองคนใหม่ เป็นหลวงสุรฤทธา ปลัดเมือง ส่วนท้าวโทบุตรเจ้าเมืองคนแรกซึ่งเสียชีวิตในที่รบ มีอายุและความสามารถพอจะรับราชการได้จึงได้รับบำเหน็จตกทอดจากบิดาให้เป็นขุนอรัญไพรศรี ซึ่งในระยะต่อมาภายหลังได้เลื่อนเป็นหลวงศักดาสำแดงยกกระบัตร พร้อมกับท้าวสุวรรณบุตร ท้าวสุโท หลานพี่สาวท้าวอุเทน ได้เป็นหลวงศรีวิเศษผู้ช่วยราชการขวาพระภักดีเดชะ (ท้าวอินทร์) เจ้าเมืองคนที่ 2 ว่าราชการเมืองอยู่นานถึง 44 ปี ก็สิ้นชีพตักษัย หลวงสุรฤทธา (ท้าวคำ) ปลัดเมือง น้องชายเจ้าเมืองคนที่ 2 ได้เลื่อนเป็นพระภักดีเดชะเจ้าเมืองคนที่ 3 หลวงศักดาสำแดง (ท้าวโท) เป็นหลวงสุรฤทธาปลัดเมือง พระภักดีเดชะ(ท้าวคำ) เป็นเจ้าเมืองคนที่ 3 เมื่ออายุมากแล้ว ว่าราชการอยู่ได้เพียง 6 ปี ก็สิ้นชีพตักษัย หลวงศรีวิเศษ (ท้าวสุวรรณ) ผู้ช่วยราชการขวา ได้เป็นพระภักดีเดชะเจ้าเมืองประจันตคามคนที่ 4 ส่วนหลวงสุรฤทธา (ท้าวโท) ปลัดเมือง บุตรพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) เจ้าเมืองคนแรกเป็นง่อย ไม่สามารถรับราชการได้ขอลาออก จึงให้ท้าวพรหมา บุตรคนที่ 1 ของเจ้าเมืองคนเดิมเป็นขุนคลังขึ้นเป็นหลวงสุรฤทธา ปลัดเมืองแทน พระภักดีเดชะ(ท้าวสุวรรณ) ว่าราชการอยู่ 13 ปี ก็สิ้นชีพตักษัย ต่อจากนั้นมาในสมัยรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรีกำลังทรงดำริปฎิรูปการปกครองหัวเมือง จะทรงยุบหัวเมืองเล็ก เช่น เมืองประจันตคาม เมืองกบินทร์บุรีลงเป็นอำเภอ จึงยังไม่ตั้งเจ้าเมืองอีก แต่ให้หลวงสุรฤทธา (ท้าวพรหมา) ปลัดเมืองรั้งราชการอยู่ 3 ปี ก็ถึงคราวยุบเมืองประจันตคามลงเป็นอำเภอ เรียกว่าอำเภอประจันตคาม ในปี พ.ศ. 2448 รวมระยะเวลาก่อตั้งเป็นเมืองประจันตคามอยู่ 72 ปี
เมืองประจันตคาม มีเจ้าเมืองปกครองตามลำดับ 4 ท่าน ดังนี้
- พระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) เป็นเจ้าเมือง 6 ปี
- พระภักดีเดชะ (ท้าวอินทร์) บุตรพี่สาวท้าวอุเทนเป็นเจ้าเมือง 44 ปี
- พระภักดีเดชะ (ท้าวคำ) บุตรพี่สาวท้าวอุเทนเป็นเจ้าเมือง 6 ปี
- พระภักดีเดชะ (ท้าวสุวรรณ) หลานท้าวอุเทนเป็นเจ้าเมืองอยู่ 13 ปี [1]
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอประจันตคาม ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ได้ทรงจัดการบ้านเมืองทุกสิ่ง...ได้ยกบ้านขึ้นเป็นเมืองก็หลายตำบลเมืองมหาดไทย บ้านกบแจะยกขึ้นเป็นเมืองประจันตคาม ปัจจุบันมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอปากช่องและอำเภอวังน้ำเขียว (จังหวัดนครราชสีมา)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอนาดีและอำเภอกบินทร์บุรี
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอศรีมหาโพธิ
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองปราจีนบุรี และอำเภอปากพลี (จังหวัดนครนายก)
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอประจันตคามแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 9 ตำบล 106 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | ประจันตคาม | (Prachantakham) | 11 หมู่บ้าน | 6. | คำโตนด | (Kham Tanot) | 18 หมู่บ้าน | ||||||||||
2. | เกาะลอย | (Ko Loi) | 7 หมู่บ้าน | 7. | บุฝ้าย | (Bu Fai) | 13 หมู่บ้าน | ||||||||||
3. | บ้านหอย | (Ban Hoi) | 10 หมู่บ้าน | 8. | หนองแก้ว | (Nong Kaeo) | 12 หมู่บ้าน | ||||||||||
4. | หนองแสง | (Nong Saeng) | 6 หมู่บ้าน | 9. | โพธิ์งาม | (Pho Ngam) | 19 หมู่บ้าน | ||||||||||
5. | ดงบัง | (Dong Bang) | 10 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอประจันตคามประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลประจันตคาม ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลประจันตคาม
- เทศบาลตำบลโพธิ์งาม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโพธิ์งามทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลประจันตคาม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลประจันตคาม (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลประจันตคาม)
- องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลอย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเกาะลอยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหอย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านหอยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแสง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองแสงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลดงบัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลดงบังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลคำโตนด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคำโตนดทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบุฝ้าย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบุฝ้ายทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองแก้วทั้งตำบล
ดูเพิ่ม
- ↑ เขียนและพิมพ์โดยนายสามหมาย ฉัตรทอง