แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | เบน แอฟเฟล็ก |
บทภาพยนตร์ | คริส เทอร์ริโอ |
สร้างจาก | The Master of Disguise โดย อันโตนิโอ เจ. เมนเดซ The Great Escape โดย โจชัวห์ แบร์แมน |
อำนวยการสร้าง | เบน แอฟเฟล็ก จอร์จ คลูนีย์ แกรนต์ เฮสลอฟ |
นักแสดงนำ | เบน แอฟเฟล็ก ไบรอัน แครนสตัน อลัน อาร์คิน จอห์น กูดแมน |
กำกับภาพ | โรดรีโก ปรีเอโต |
ตัดต่อ | วิลเลียม โกลเดนเบิร์ก |
ดนตรีประกอบ | อาแล็กซ็องดร์ แดสปลาต์ |
บริษัทผู้สร้าง | GK Films Smokehouse Pictures |
ผู้จัดจำหน่าย | Warner Bros. |
วันฉาย | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 (เทศกาลภาพยนตร์เทลลูไรด์) 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (ไทย) 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (สหรัฐอเมริกา) |
ความยาว | 120 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 44.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ทำเงิน | 232.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2] |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก (อังกฤษ: Argo) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวดรามาทริลเลอร์ในปี พ.ศ. 2555 กำกับ ร่วมอำนวยการสร้างและร่วมแสดงโดยเบน แอฟเฟล็ก ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือชื่อ The Master of Disguise ที่แต่งโดยโทนี เมนเดซ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการซีไอเอ และบทความ The Great Escape แต่งโดยโจชัวห์ แบร์แมน ลงตีพิมพ์ในนิตยสารไวร์ (Wired) ในปี พ.ศ. 2550 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับปฏิบัติการแคนาเดียนคาเปอร์ (Canadian Caper)[3] ซึ่งเมนเดซเป็นผู้นำทีมช่วยเหลือนักการทูตชาวอเมริกันหกคนจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ในช่วงวิกฤติตัวประกันอิหร่านในปี พ.ศ. 2522[4]
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เบน แอฟเฟล็กแสดงเป็นโทนี เมนเดซ โดยมีไบรอัน แครนสตัน, อลัน อาร์คิน และจอห์น กูดแมนในบทสมทบ ภาพยนตร์ดังกล่าวออกฉายในอเมริกาเหนือเมื่อ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555 และได้รับผลตอบรับทั้งเสียงวิจารณ์และรายได้ในแง่บวก เรื่องราวของการช่วยเหลือครั้งนี้เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สำหรับโทรทัศน์ชื่อ Escape from Iran: The Canadian Caper มาก่อนแล้ว และมีลามอนต์ จอห์นสันเป็นผู้กำกับ [5][6]
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 85 รวม 7 รางวัล และได้รับรางวัลทั้งสิ้น 3 รางวัล ได้แก่สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม[7] สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง Driving Miss Daisy ในปี พ.ศ. 2532 ภาพยนตร์ดังกล่างยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำรวม 5 รางวัล โดยได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ประเภทดรามา และรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม โดยอลัน อาร์คินได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม อาร์โกยังได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมในรางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ ครั้งที่ 19 โดยอาร์คินได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม นอกจากนี้อาร์โกยังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ลำดับภาพยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม (เบน แอฟเฟล็ก) ในงานประกาศผลรางวัลบาฟต้าครั้งที่ 66 อีกด้วย
เนื้อเรื่อง
[แก้]ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2522 กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเตหะราน เพื่อตอบโต้กรณีที่ซีไอเอมีส่วนร่วมในความขัดแย้งในอิหร่าน เจ้าหน้าที่สถานทูตกว่า 50 คนถูกจับเป็นตัวประกัน แต่มีหกคนหนีออกมาได้และไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านของเคน เทย์เลอร์ (แสดงโดยวิกเตอร์ กาเบอร์) ทูตแคนาดา ในขณะที่เหตุการณ์การหลบหนีของตัวประกันยังถูกปกปิดเป็นความลับ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พยายามหาทางที่จะนำตัวประกันออกจากอิหร่าน และโทนี เมนเดซ (เบน แอฟเฟล็ก) ผู้เชี่ยวชาญด้านการนำคนออกจากประเทศของซีไอเอได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมหารือแผนดังกล่าวด้วย เมนเดซวิจารณ์แต่ละแผนที่มีผู้เสนอมาว่าไม่สามารถปฏิบัติได้จริง แต่เขาเองก็ไม่สามารถเสนอแผนที่ดีกว่านี้ จนกระทั่งเมื่อเขาคุยโทรศัพท์กับบุตรชายและได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Battle for the Planet of the Apes จากโทรทัศน์ เขาจึงเริ่มคิดแผนสร้างเรื่องปลอมให้ผู้หลบหนีหกคนเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ชาวแคนาดา ผู้มาดูสถานที่ในต่างแดนเพื่อใช้สำหรับสร้างหนังแนวไซไฟดังกล่าว
เมนเดซและหัวหน้าของเขา แจ็ค โอ'ดอนเนล (ไบรอัน แครนสตัน) ติดต่อไปยังจอห์น เชมเบอร์ส (จอห์น กูดแมน) ช่างแต่งตัวในฮอลลีวูดที่เคยทำเรื่องอำพรางรูปลักษณ์ให้กับซีไอเอ เชมเบอร์สให้พวกเขาไปหาโปรดิวเซอร์เลสเตอร์ ซีกัล (อลัน อาร์คิน) ทั้งหมดช่วยกันสร้างสตูดิโอภาพยนตร์ที่มีโทรศัพท์เข้าถึง เปิดเผยแผนการต่อสาธารณชน และลวงให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องอาร์โก ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีวิทยาศาสตร์ทำนองเดียวกับสตาร์ วอร์สกำลังจะเริ่งสร้าง เพื่อให้การสร้างเรื่องเป็นผู้ถ่ายทำภาพยนตร์มีน้ำหนักมากขึ้น ในระหว่างนั้นในที่พักของทูตแคนาดา ผู้หลบหนีทั้งหกเริ่มเกิดความกลัว ในขณะที่คณะปฏิวัติพยายามนำเอกสารในสถานทูตที่ถูกตัดทำลายมาเรียงต่อกันจนพบว่ามีคนบางคนหนีไปได้
เมนเดซซึ่งแสดงตัวเป็นโปรดิวเซอร์ของอาร์โกเข้าไปยังอิหร่านและสามารถติดต่อกับผู้หลบหนีได้ เขาให้หนังสือเดินทางแคนาดาและอัตลักษณ์ปลอมของแต่ละคนเพื่อฝึกทุกคนให้ผ่านการตรวจตราที่สนามบินไปได้ ผู้หลบหนีทั้งหมดที่รู้สึกไม่เชื่อกับแผนนี้แต่แรกตัดสินใจที่จะยอมทำตามแผนนี้ไป เพราะรู้ว่าเมนเดซก็เสี่ยงชีวิตเขาเองด้วย การสำรวจสถานที่ที่บาซาร์เพื่อทำให้เรื่องการสร้างภาพยนตร์ยังมีน้ำหนักอยู่เป็นไปอย่างไม่ดีนัก แต่คนอิหร่านซึ่งมาด้วยกันสามารถพาพวกเขาออกจากสถานการณ์อันย่ำแย่ได้ ต่อมาเมื่อเมนเดซได้รับการบอกกล่าวว่าปฏิบัติการนี้ยกเลิกเพื่อไม่ให้กระทบกับปฏิบัติการทางทหารที่จะเข้าช่วยเหลือตัวประกัน เขากลับดื้อดึงที่จะดำเนินแผนต่อไป ทำให้โอ'ดอนเนลต้องเร่งขออนุญาตเพื่อดำเนินแผนการนี้ต่อเพื่อให้ทุกคนได้ตั๋วเครื่องบินในเที่ยวบินของสวิสแอร์ ความตึงเครียดเกิดขึ้นที่สนามบินเมื่อตั๋วเครื่องบินได้รับการยืนยันในนาทีสุดท้าย และโทรศัพท์ของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่สนามบินที่โทรไปยังสตูดิโอที่ฮอลลีวูดได้รับการตอบรับในนาทีสุดท้าย เมนเดซและผู้หลบหนีทั้งหมดขึ้นเครื่องบินได้ก่อนที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของอิหร่านจะทราบความจริงและพยายามสกัดเครื่องบินไม่ให้ขึ้นบิน แต่ก็ไม่ทัน เพราะเครื่องบินบินออกจากอิหร่านไปเรียบร้อยแล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันที่เหลือในเตหะรานถูกแก้แค้น สหรัฐฯ จึงไม่มีชื่อในฐานะผู้เกี่ยวข้องในการพาคนหลบหนีครั้งนี้เลย โดยให้แคนาดาและทูตเทย์เลอร์เป็นผู้รับความดีความชอบไปทั้งหมด (ทูตเทย์เลอร์และภรรยาใช้สถานะความเป็นทูตออกจากอิหร่านระหว่างวิกฤตตัวประกันนั้นเอง ส่วนแม่บ้านชาวอิหร่านผู้ทราบถึงเรื่องคนอเมริกันหลบหนีแต่โกหกกับคณะปฏิวัติเพื่อช่วยพวกเขาได้หลบหนีไปยังอิรัก) เมนเดซได้รับเหรียญ Intelligence Star แต่เนื่องจากความเป็นปฏิบัติการลับ เขาจึงไม่สามารถเก็บเหรียญดังกล่าวไว้ได้จนกระทั่งข้อมูลของปฏิบัติการนี้ได้รับการเปิดเผยในปี 2540 ตัวประกันทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 20 มกราคม 2524 วันที่โรนัลด์ เรแกนสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 40 แห่งสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์จบด้วยคำกล่าวของประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์เกี่ยวกับวิกฤตการณ์และแผนการแคนาเดียนคาเปอร์
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Argo". British Board of Film Classification (BBFC). Retrieved September 18, 2012.
- ↑ 2.0 2.1 "Argo (2012)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ 2013-04-27.
- ↑ Bearman, Joshuah (April 24, 2007). "How the CIA Used a Fake Sci-Fi Flick to Rescue Americans from Tehran". Wired.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ Killoran, Ellen (October 13 2012). "'Argo' Review: Ben Affleck Pinches Himself In Stranger-Than-Fiction CIA Story". International Business Times. สืบค้นเมื่อ 25 February 2013.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ Escape from Iran: The Canadian Caper (TV 1981) - IMDb
- ↑ "escape-from-iran-the-canadian-caper-1981-true-story-dvd-94c7%255B2%255D.jpg (image)". Lh4.ggpht.com. สืบค้นเมื่อ 2012-10-29.
- ↑ "Argo Wins the Academy Award For Best Film Editing". Stories99. 2013-02-09. สืบค้นเมื่อ 2013-02-25.[ลิงก์เสีย]
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก
- วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก
- เว็บไซต์ทางการ
- แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก ที่สยามโซน
- ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รางวัลออสการ์
- ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง
- ภาพยนตร์โดยวอร์เนอร์บราเธอร์ส
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในรัฐเวอร์จิเนีย
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในลอสแอนเจลิส
- ภาพยนตร์ที่มีฉากในวอชิงตัน ดี.ซี.
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในรัฐเวอร์จิเนีย
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในลอสแอนเจลิส
- ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศตุรกี
- ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2555
- ภาพยนตร์ภาษาอังกฤษในคริสต์ทศวรรษ 2010