ข้ามไปเนื้อหา

เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เดอะก็อดฟาเธอร์ ภาค 2)
เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2
ใบปิดภาพยนตร์
กำกับฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา
บทภาพยนตร์
สร้างจากเดอะ ก็อดฟาเธอร์
โดย มาริโอ พูโซ
อำนวยการสร้างฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา
นักแสดงนำ
กำกับภาพกอร์ดอน วิลลิส
ตัดต่อ
ดนตรีประกอบนิโน โรตา
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่ายพาราเมาต์พิกเจอส์
วันฉาย
  • 12 ธันวาคม ค.ศ. 1974 (1974-12-12) (นครนิวยอร์ก)

  • 20 ธันวาคม ค.ศ. 1974 (1974-12-20) (สหรัฐ)
ความยาว200 นาที[1]
ประเทศสหรัฐ
ภาษา
  • อังกฤษ
  • ซิซิลี
ทุนสร้าง13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2][3]
ทำเงิน48–88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[N 1]

เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 (อังกฤษ: The Godfather Part II) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวมหากาพย์และอาชญากรรม ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1974 กำกับโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกันกับ มาริโอ พูโซ ภาพยนตร์แสดงนำโดย อัล ปาชิโน, โรเบิร์ต ดูวัล, ไดแอน คีตัน, รอเบิร์ต เดอ นิโร, ทาเลีย ไชร์, มอร์กานา คิง, จอห์น คาซาล, มารีอานา ฮิลล์และลี สตราสเบิร์ก เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองใน เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ไตรภาค โดยเป็นทั้งภาคก่อนและภาคต่อของ เดอะ ก็อดฟาเธอร์ โดยเล่าเรื่องราวคู่ขนานของ ไมเคิล คอร์เลโอเน (ปาชิโน) ในปี ค.ศ. 1958 ซึ่งเป็นดอนคนใหม่ของครอบครัวคอร์เลโอเน โดยเขาต้องปกป้องธุรกิจของครอบครัว หลังมีคนความพยายามเอาชีวิตของเขา และ วิโต คอร์เลโอเน (เดอ นิโร) ตั้งแต่วัยเด็กใน เกาะซิซีลี จนถึงการก่อตั้งกิจการครอบครัวในนครนิวยอร์ก

หลังความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องแรก พาราเมาต์พิกเจอส์ เริ่มพัฒนาภาพยนตร์ภาคต่อ โดยส่วนใหญ่ใช้นักแสดงและทีมงานชุดเดิม คอปโปลาได้รับการควบคุมการสร้างสรรค์ของภาพยนตร์มากขึ้น ต้องการสร้างทั้งภาคต่อและภาคก่อนของภาพยนตร์ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของการผงาดของวีโตและการล่มสลายของไมเคิล การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1973 และสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1974 เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 ฉายรอบปฐมทัศน์ที่นครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1974 และฉายในสหรัฐเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1974 ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่แบ่งออกเป็นสองฝั่งจากนักวิจารณ์ ยกเว้นชื่อเสียงของภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างรวดเร็วและกลายเป็นประเด็นของการวิจารณ์ใหม่ของนักวิจารณ์ ภาพยนตร์ทำเงินระหว่าง 48–88 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก จากทุนสร้าง 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อในรางวัลออสการ์ จำนวนสิบเอ็ดสาขา ณ งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 47 และเป็นภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องแรกที่ชนะเลิศในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยังชนะเลิศอีกหกสาขา เช่น สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (คอปโปลา), สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (เดอ นิโร) และ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม (คอปโปลาและพูโซ) ปาชิโน ชนะเลิศในรางวัลแบฟตา สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อในรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

บางคนมองว่าภาพยนตร์เหนือกว่า เดอะ ก็อดฟาเธอร์ [7] ภาค 2 ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์แนวอันธพาล ในปี ค.ศ. 1997 ภาพยนตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับสามสิบสองในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อเมริกัน โดยสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน และสิบปีต่อมาก็ยังคงอยู่อันดับเดิม[8] ภาพยนตร์ได้รับเลือกให้เก็บรักษาในหอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติของหอสมุดรัฐสภา ในปี ค.ศ. 1993 ถือว่า "มีความสำคัญทางวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์หรือสุนทรียศาสตร์"[9] ภาพยนตร์ตามมาด้วยภาคต่อ เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ภาค 3 ฉายในปี ค.ศ. 1990 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายในไตรภาค

โครงเรื่อง

[แก้]

รางวัล

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. แหล่งข้อมูลรายได้ของภาพยนตร์นั้นไม่ตรงกัน[4] บางแหล่งอ้างว่าภาพยนตร์ทำเงินจากการฉายครั้งแรกที่ 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[5][6]

อ้างอิง

[แก้]
  1. "The Godfather II". British Board of Film Classification. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2015. สืบค้นเมื่อ December 20, 2014.
  2. "The Godfather Part II (1974)". Box Office Mojo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 29, 2014. สืบค้นเมื่อ May 26, 2014.
  3. "The Godfather: Part II (1974) – Financial Information". The Numbers. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 6, 2015. สืบค้นเมื่อ December 20, 2014.
  4. "The Godfather: Part II (1974)". Box Office Mojo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 14, 2020. สืบค้นเมื่อ January 22, 2020. Original release: $47,643,435; 2010 re-release: $85,768; 2019 re-release: $291,754
  5. Thompson, Anne (December 24, 1990). "Is 'Godfather III' an offer audiences cannot refuse?". Variety. p. 57.
  6. "'The Godfather Part II' At 45 And Why It Remains The Gold Standard For Sequels". forbes.com. November 9, 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 17, 2019. สืบค้นเมื่อ January 21, 2020.
  7. "Citizen Kane Stands the Test of Time" เก็บถาวร 2011-08-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. American Film Institute.
  8. "The National Film Registry List – Library of Congress". loc.gov. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 7, 2014. สืบค้นเมื่อ March 12, 2012.