อาด็อล์ฟ กัลลันท์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาด็อล์ฟ กัลลันท์
อาด็อล์ฟ กัลลันท์
ชื่อเล่นเค็ฟเฟอร์, ด็อลโฟ[1]
เกิด19 มีนาคม ค.ศ. 1912(1912-03-19)
เว็สเทอร์ฮ็อลท์, จังหวัดเว็สท์ฟาเลิน, อาณาจักรปรัสเซีย
เสียชีวิต9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996(1996-02-09) (83 ปี)
โอเบอร์วินเทอร์, รัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์, เยอรมนี
สุสาน
St. Laurentius Church, โอเบอร์วินเทอร์, รัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์, เยอรมนี
รับใช้ เยอรมนี (1932)
 ไรช์เยอรมัน (1933–45)
 อาร์เจนตินา (1947–55)
แผนก/สังกัด ไรชส์แฮร์
Flag of the ลุฟท์วัฟเฟอ ลุฟท์วัฟเฟอ
กองทัพอากาศอาร์เจนตินา
ประจำการ1932–45
ชั้นยศพลโท
หน่วยคอนดอร์ลีจัน
LG 2, JG 27, JG 26, JV 44
บังคับบัญชาJG 26, JV 44
การยุทธ์
บำเหน็จกางเขนสเปนพร้อมดาบประดับเพชรเคลือบทอง
กางเขนอัศวินแห่งกางเขนเหล็กประดับใบโอ๊กและดาบประดับเพชร
ความสัมพันธ์วิลเฮ็ล์ม-แฟร์ดีนันท์ กัลลันท์
เพาล์ กัลลันท์
งานอื่นที่ปรึกษาด้านการเดินอากาศ
ลายมือชื่อ

พลโท อาด็อล์ฟ โยเซ็ฟ แฟร์ดีนันท์ กัลลันท์ (เยอรมัน: Adolf Josef Ferdinand Galland; 19 มีนาคม ค.ศ. 1912 – 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1996) เป็นนายทหารและเสืออากาศเยอรมันแห่งลุฟท์วัฟเฟอ (กองทัพอากาศ) ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงตลอดของสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป เขาได้บินปฏิบัติภารกิจสู้รบ 705 ครั้ง และได้เข้าสู้รบทั้งแนวรบด้านตะวันตกและการป้องกันไรช์ เขาได้รอดชีวิตจากการถูกยิงตกสี่ครั้ง และเขาได้มีชื่อเสียงด้วยการเอาชนะทางอากาศมา 104 ครั้ง ทั้งหมดที่ได้ต่อกรกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก

กัลลันท์เกิดในเว็สเทอร์ฮ็อลท์ จังหวัดเว็สท์ฟาเลิน ได้กลายเป็นนักบินเครื่องร่อนในปี ค.ศ. 1929 ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับลุฟต์ฮันซา ในปี ค.ศ. 1932 เขาได้จบการศึกษาในฐานะนักบินที่โรงเรียนขนส่งทางอากาศเยอรมัน (Deutsche Verkehrsfliegerschule) ในเบราน์ชไวค์ ก่อนที่จะสมัครเข้าร่วมกองทัพไรชส์แวร์แห่งสาธารณรัฐไวมาร์ในปีถัดมา ใบสมัครของกัลลันท์ได้รับการยอมรับ แต่เขาไม่เคยได้รับการนำเสนอเลย ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1934 เขาได้ถูกย้ายไปยังลุฟท์วัฟเฟอ ในปี ค.ศ. 1937 ในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน เขาได้อาสาเข้าร่วมหน่วยทหารนกแร้งและบินภารกิจโจมตีทางภาคพื้นดินในการสนับสนุนฝ่ายชาตินิยมภายใต้การนำโดยฟรันซิสโก ฟรังโก หลังเสร็จสิ้นในการทัวร์ของเขาในปี ค.ศ. 1938 กัลลันท์ได้รับการว่าจ้างในกระทรวงการบินเพื่อเขียนคู่มือหลักสูตรและเทคนิคเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในฐานะนักบินโจมตีภาคพื้นดิน ในช่วงเวลานี้ กัลลันท์ได้ทำหน้าที่เป็นครูฝึกสำหรับหน่วยโจมตีภาคพื้นดิน ในช่วงการบุกครองโปแลนด์ของเยอรมันในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 เขาได้บินบินภารกิจโจมตีทางภาคพื้นดินอีกครั้ง ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1940 กัลลันท์ได้พยายามเกลี่ยกล่อมผู้บังคับบัญชาของเขาให้เขากลายเป็นนักบินเครื่องบินโจมตี

กัลลันท์ได้บินด้วยเม็สเซอร์ชมิท เบเอ็ฟ 109 ในช่วงยุทธการที่ฝรั่งเศสและยุทธการที่บริเตน ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1940 ด้วยชัยชนะของเขามีมากถึง 57 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1941 กัลลันท์ได้ประจำการในฝรั่งเศสและต่อสู้รบกับกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร (Royal Air Force) บนช่องแคบอังกฤษและฝรั่งเศสตอนเหนือ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1941 สถิติของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็น 96 ครั้ง ซึ่งเวลานั้นที่เขาได้รับการปูนบำเหน็จด้วยกางเขนอัศวินติดใบโอ๊กคาดดาบ ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1941 แวร์เนอร์ เมิลเดิร์ส ผู้บัญชาการกองบินโจมตี (General der Jagdflieger) ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ส่งผลกัลลันท์ได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาจนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1945 ในฐานะนายพลแห่งเครื่องบินโจมตี กัลลันท์ถูกสั่งห้ามไม่ให้บินทำภารกิจบินรบ

ในปลายเดือนมกราคมและต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942 กัลลันท์ได้วางแผนครั้งแรกและออกคำสั่งให้เครื่องบินของลุฟท์วัฟเฟอในการคุ้มกันแก่ครีคส์มารีเนอ (กองทัพเรือ) ในปฏิบัติการเซเบอรัส ซึ่งได้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยกางเขนอัศวินติดใบโอ๊กคาดดาบประดับเพชร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กัลลันท์ไม่ลงรอยกับจอมพลไรช์ แฮร์มัน เกอริง เกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการต่อกรกับกองทัพอากาศฝ่ายสัมพันธมิตรที่ได้ทิ้งระเบิดลงสู่เยอรมนีทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง กองบินโจมตีของลุฟท์วัฟเฟอได้ถูกกดดันอย่างหนักในปี ค.ศ. 1944 และกัลลันท์ได้ถูกกล่าวโทษโดยเกอริงสำหรับความล้มเหลวในการขัดขวางการทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ในเยอรมนีของฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงกลางวัน ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้พังทลายลงในต้นเดือนมกราคม ค.ศ. 1945 เมื่อกัลลันท์ได้ถูกปลดออกจากการบังคับบัญชาของเขาเพราะการวิจารณ์อย่างต่อเนื่องของผู้นำลุฟท์วัฟเฟอ กัลลันท์ได้ถูกสั่งกักบริเวณภายในบ้านหลังเกิดเหตุการณ์ก่อจลาจลที่เรียกว่า การก่อกบฏนักบินโจมตี ซึ่งนักบินโจมตีระดับชั้นอาวุโสได้เผชิญหน้ากับเกอริงเกี่ยวกับการดำเนินสงครามทางอากาศ

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 กัลลันท์ได้กลับมาสู่ปฏิบัติการการบินและได้รับอนุญาตให้จัดตั้งหน่วยเครื่องบินโจมตีไอพ่น ซึ่งเขาเรียกมันว่า "ยาคท์แฟร์บันท์ 44" (Jagdverband 44) เขาได้บินภารกิจเหนือท้องฟ้าเยอรมนีจนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม หลังสงคราม กัลลันท์ได้รับการว่าจ้างโดยรัฐบาลอาร์เจนตินาและทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก่กองทัพอากาศอาร์เจนตินา ต่อมาเขาได้เดินทางกลับเยอรมนีและทำธุรกิจส่วนตัวของเขาเอง กัลลันท์ได้กลายเป็นเพื่อนกับอดีตศัตรูหลายคน เช่น เสืออากาศของกองบินหลวง รอเบิร์ต สแตนเฟิร์ด ทัก และดักลัส บาเดอร์ อาด็อล์ฟ กัลลันท์ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 1996

อ้างอิง[แก้]

  1. Baker 1996, p. vii.