อะษาน
อะษาน (อาหรับ: أَذَان, ออกเสียง: [ʔaˈðaːn]) บางครั้งเรียกตามภาษาตุรกีว่า เอซาน (ตุรกี: ezan)[1] เป็นการเรียกละหมาดในศาสนาอิสลามที่กล่าวโดยมุอัซซินในแต่ละวัน รากศัพท์ของคำนี้คือ อะษินะ (أَذِنَ) แปลว่า "ฟัง, ได้ยิน, รับทราบ" ส่วนอีกคำที่แตกออกมาคือ อุษุน (أُذُن) แปลว่า "หู"
การอะษานจะกล่าว ตักบีร (อัลลอฮ์ ผู้ทรงเกรียงไกร) ด้วยเสียงอันดัง[2] ตามมาด้วย ชะฮาดะฮ์ (ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจาก อัลลอฮ์[3] มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของ อัลลอฮ์)[4]
ข้อความ
[แก้]| บทอ่าน | อาหรับ อาหรับคลาสสิก |
อักษรโรมัน | คำแปล | |||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ซุนนี | อิบาฎี | ชีอะฮ์ | กุรอานียะฮ์ | |||||||
| มาลิกี | ฮะนะฟี | ชาฟิอี | ฮันบะลี | อิมามียะฮ์ | ซัยดี | |||||
| 2x | 4x | 2x | 4x | 2x | ٱللَّٰهُ أَكْبَرُ | allāhu akbaru | อัลลอฮ์ผู้ทรงเกรียงไกร | |||
| 4x | 2x | أَشْهَدُ أَن لَّا إِلَٰهَ إِلَّا ٱللَّٰهُ | ashhadu an lā ilāha illa llāhu | ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ | ||||||
| 4x | 2x | ไม่มี | أَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ ٱللَّٰهِ | ashhadu anna muḥammadan rasūlu llāhi | ฉันขอปฏิญาณว่า มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์ | |||||
| ไม่มี | 2x
(แนะนำ) |
ไม่มี | أَشْهَدُ أَنَّ عَلِيًّا وَلِيُّ ٱللَّٰهِ | ashhadu anna ʿaliyyan waliyyu llāhi | ฉันขอปฏิญาณว่า อะลีเป็นวะลีของอัลลอฮ์ | |||||
| 2x | حَيَّ عَلَى ٱلصَّلَاةِ | ḥayya ʿala ṣ-ṣalāhti | ท่านทั้งหลาย จงมาละหมาดเถิด | |||||||
| 2x | حَيَّ عَلَى ٱلْفَلَاحِ | ḥayya ʿala l-falāḥi | ท่านทั้งหลาย จงมาสู่ชัยชนะเถิด | |||||||
| ไม่มี | 2x | ไม่มี | حَيَّ عَلَىٰ خَيْرِ ٱلْعَمَلِ | ḥayya ʿalā khayri l-ʿamali | ท่านทั้งหลาย จงมาสู่การงานที่ดีเถิด | |||||
| 2x (เฉพาะละหมาดศุบฮ์) |
ไม่มี | ٱلصَّلَاةُ خَيْرٌ مِنَ ٱلنَّوْمِ | aṣ-ṣalātu khayrun mina n-nawmi | การละหมาดย่อมดีกว่าการนอน | ||||||
| 2x | ٱللَّٰهُ أَكْبَرُ | allāhu akbaru | อัลลอฮ์ผู้ทรงเกรียงไกร | |||||||
| 1x | 2x | 1x | لَا إِلَٰهَ إِلَّا ٱللَّٰهُ | lā ilāha illā llāhu | ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ | |||||
ในสถานการณ์ที่หายากซึ่งมีอันตรายร้ายแรงต่อผู้คนที่ออกไปรวมตัวกันในมัสยิด เช่น สภาพอากาศเลวร้าย หรือโรคระบาดอย่างโควิด-19 มุอัซซินอาจพูดว่า "ศ็อลลูฟีบุยูติกุม" (ละหมาดในบ้านของเจ้า) หรือ "ṣallu fī riḥālikum" (ละหมาดในที่อยู่อาศัยของเจ้า) หลัง "ฮัยยะอะลัศเศาะลาฮ์" และ "ฮัยยะอะลัลฟะลาห์"[5]
สถานะทางกฎหมายสมัยใหม่
[แก้]อิสราเอล
[แก้]ใน ค.ศ. 2016 คณะกรรมการรัฐมนตรีอิสราเอลอนุมัติร่างกฎหมายให้จำกัดเสียงเรียกขอพรในที่สาธารณะ โดยเฉพาะเสียงอะษาน ด้วยเหตุผลมลภาวะทางเสียง[6][7][8] ร่างกฎหมายถูกเสนอโดยโมตี โยเกฟ สมาชิกดเนสเซ็ตของพรรคเดอะจิววิชโฮม และโรเบิร์ต อิลาโตฟ จากพรรคยิสราเอลเบเตนู (Yisrael Beiteinu)[7] การแบนนี้มีผลต่อมัสยิดสามแห่งในหมู่บ้านอบูดิสในเยรูซาเลมตะวันออก ทำให้ตัดสิทธิ์ในการกล่าวละหมาดตอนหัวรุ่ง (ซุบฮี)[9] เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล สนับสนุนร่างกฎหมายนี้[8] องค์กรประชาธิปไตยอิสราเอล (Israel Democracy Institute) กล่าวว่ากฎหมายนี้ขัดต่อสิทธิของมุสลิม และขัดขวางเสรีภาพทางศาสนาของพวกเขา[8][9]
ตุรกี
[แก้]หลังจากการปฏิรูปที่นำมาสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีใน ค.ศ. 1923 รัฐบาลตุรกีในเวลานั้น นำโดยมุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค ได้นำระบอบฆราวาสนิยมเข้าสู่ตุรกี โดยมีแผนดำเนินการอะษานด้วยภาษาตุรกี ซึ่งขัดแย้งกับธรรมเนียมที่ต้องกล่าวเป็นภาษาอาหรับ[10] โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1932 และดำเนินการต่อไปเป็นเวลา 18 ปี
ณ วันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1950 รัฐบาลใหม่ที่นำโดยอัดนาน เมนเดเรส ได้นำการอะษานภาษาอาหรับมาใช้อีกครั้ง[11]
สวีเดน
[แก้]มัสยิดฟิตต์ยาใน Botkyrka ที่อยู่ทางตอนใต้ของสต็อกโฮล์ม เป็นมัสยิดแรกที่ได้รับอนุญาตให้อะษานละหมาดวันศุกร์ใน ค.ศ. 2013 โดยมีข้อแม้ว่าเสียงต้องไม่ดังกว่า 60 เดซิเบล[12] ที่คาร์ลสกรูนา (เทศมณฑลเบลียกิงเงอ ภาคใต้ของประเทศสวีเดน) ทางสมาคมอิสลามได้สร้างหออะษานใน ค.ศ. 2017 และได้กล่าวอะษานทุกสัปดาห์จนถึงปัจจุบัน[13][14] มัสยิดชั่วคราวที่เวกเชอได้รับสิทธิ์นี้เช่นเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[15] ทำให้มีการวิจารณ์กันทั้งประเทศ[16][17][18] หน่วยงานตำรวจสวีเดนได้ให้การอนุญาตเป็นระยะเวลาหนึ่งปีในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน[19][20]
คูเวตและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
[แก้]ในระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสใน ค.ศ. 2019-2020 และการระบาดทั่วในช่วงนี้ บางเมืองได้เปลี่ยนบทอะษานจาก ฮัยยะอะลัศเศาะลาฮ์ หมายถึง "ท่านทั้งหลาย จงมาละหมาดเถิด" ไปเป็น อัสเศาะลาตุฟีบุยูติกุม หมายถึง "จงละหมาดที่บ้านของท่าน"[21]
ประเทศมุสลิมอื่น (โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) ได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้เพราะมุสลิมถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปมัสยิดในช่วงการระบาดทั่ว เพื่อหยุดผลพวงของการระบาด การทำสิ่งนี้มาจากคำสั่งของศาสดามุฮัมมัด โดยให้บิลาล อิบน์ เราะบาฮ์ อะษานแบบนั้นในช่วงที่มักกะฮ์เกิดการระบาดของอหิวาตกโรค
ดูเพิ่ม
[แก้]- บาเรคู - การเรียกให้มาขอพรของชาวยิว
- ระฆังโบสถ์ - การเรียกให้มาขอพรของชาวคริสต์
- ษิกร์
- ตะชะฮ์ฮุด
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Nathal M. Dessing Rituals of Birth, Circumcision, Marriage, and Death Among Muslims in the Netherlands Peeters Publishers 2001 ISBN 978-9-042-91059-1 page 25
- ↑ Azodanloo, H. G. (1992). "Formalization of friday sermons and consolidation of the Islamic republic of Iran". Critique: Critical Middle Eastern Studies. 1 (1): 12–24. doi:10.1080/10669929208720023.
- ↑ "The Prophet Muhammad". English translation of the meaning of Al-Qurʼan: the guidance for mankind (ภาษาอาหรับ และ อังกฤษ). แปลโดย Malik, Muhammad Farooq-i-Azam. Institute of Islamic Knowledge. p. 20. ISBN 9780911119800.
- ↑ Mohammad, N. (1985). "The Doctrine of Jihad: An Introduction". Journal of Law and Religion. 3 (2): 381–397. doi:10.2307/1051182.
- ↑ Umar Mukhtar Mohd Noor (20 March 2020). "The format for adhan in mosques during the COVID-19 Pandemic". Irsyad Fatwa. Federal Territory Mufti's Office, Prime Minister's Department. สืบค้นเมื่อ 13 June 2025.
- ↑ "Israel to limit volume of prayer call from mosques".
- 1 2 "Israel to ban use of loudspeakers for 'Azaan' despite protest". The Financial Express. Ynet. 14 November 2016. สืบค้นเมื่อ 10 January 2017.
- 1 2 3 "Israeli PM backs bill to limit Azan". Dawn. AFP. 14 November 2016. สืบค้นเมื่อ 10 January 2017.
- 1 2 Hawwash, Kamel (7 November 2016). "Israel's ban on the Muslim call to prayer in Jerusalem is the tip of the iceberg". Middle East Monitor. Middle East Monitor. สืบค้นเมื่อ 10 January 2017.
- ↑ The Adhan in Turkey เก็บถาวร เมษายน 12, 2009 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ Aydar, Hidayet (2006). "The issue of chanting the Adhan in languages other than Arabic and related social reactions against it in Turkey". dergipark.gov.tr. p. 59-62. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-12. สืบค้นเมื่อ 2019-01-12.
- ↑ "Ljudkablar dras för första böneutropet" [Cables laid out for the first call to prayer] (ภาษาสวีเดน). Dagens Nyheter. 24 April 2014.
- ↑ "Blekinge har fått sin första minaret" [Blekinge has gotten its first minaret] (ภาษาสวีเดน). Sveriges Television. 13 Oct 2017. สืบค้นเมื่อ 21 March 2018.
- ↑ "Swedish town allows calls to prayer from minaret". Anadolu Agency. 17 Nov 2017. สืบค้นเมื่อ 21 March 2018.
- ↑ "Moskén i Växjö vill ha böneutrop" [The mosque in Växjö wants prayer calls] (ภาษาสวีเดน). Sveriges Television. 12 February 2018. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
- ↑ "Christian Democrat leader opposes Muslim call to prayer in Sweden". Radio Sweden. 15 March 2018. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
- ↑ Lawal Olatunde (14 February 2018). "Swedish church supports Muslims Adhan". Islamic Hotspot. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-20. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
- ↑ "This Jewish leader is defending the Muslim call to prayer in Sweden". The New Arab. 19 March 2018. สืบค้นเมื่อ 20 March 2018.
- ↑ Thorneus, Ebba (May 8, 2018). "Polisen tillåter böneutrop via högtalare". Aftonbladet (ภาษาสวีเดน). สืบค้นเมื่อ December 27, 2018.
- ↑ Broke, Cecilia (May 8, 2018). "Polisen ger klartecken till böneutrop i Växjö" [The Police gives clearance for prayer calls in Växjö]. SVT (ภาษาสวีเดน). สืบค้นเมื่อ December 27, 2018.
- ↑ Kuwait mosques tell believers to pray at home amid coronavirus pandemic alaraby.co.uk
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Adhan from the Grand Mosque (Masjid al Haram) recited by Sheikh Ali Ahmed Mulla
- Adhan from the Prophet's Mosque (Masjid Nabawi), Madinah al Munawarah
- Adhan (call for prayer) from a mosque
- Tweaking the Azaan and other measures Muslim countries have taken to combat the virus
- Meaning of the Adhan
- Ezan video at Hagia Sophia
- ละหมาดเมื่อถึงเวลา
- อาซาน